พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสเมื่อวันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2535 ความว่า
“...ประเทศของเราไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน
เป็นประเทศของทุกคน
เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา
เพราะปัญหามีอยู่ที่เวลาเกิด...จะใช้คำว่า บ้าเลือด
เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว
ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร
เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น
มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้
ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ
ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ
ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร
ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป
ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด
แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ
เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง
”
ไม่ว่าใครจะชนะ
จำได้ไหมวันนั้นเรามีความรักสามัคคีกันแค่ไหน
ยามที่พระองค์เสด็จมามีแต่คนตะโกนว่าทรงพระเจริญ
และร้องไห้เพราะปลื้มปีติเป็นล้นพ้น
วันนี้ความสามัคคีนั้นหายไปไหน?
วันนั้นพ่อหลวงของเรามีความสุขมากที่เห็นคนไทย
แต่วันนี้เราทำให้พระองค์ท่านเสียพระทัยแล้ว
เพราะเราต่างแตกแยกกัน
เราไม่รักในหลวงกันแล้วหรอ
เราเป็นแค่เสียงเล็กๆ ไม่อาจไปฉุดรั้งใครได้
คิดถึงพ่อของเราบ้าง พ่อฟ้าหลวงท่านจะดีพระทัยไหมที่เรา
ไม่รักกันแล้ว...
“ในหลวงทรงร้องไห้”
ทรงเสียใจที่เมืองไทยจะสิ้นในรัชกาลของท่าน...แล้วกระนั้นหรือ
เราเคยชินกับการเป็น... “ผู้รับ”...จากคนคนหนึ่งที่เกิดมาเป็น... “ผู้ให้” ...ให้มาตลอด
เคยชินจนลืมไปว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วรึยัง...ที่เราควรจะเป็นผู้ให้แก่พระองค์ท่านบ้าง...
เสียงเล็กๆ ของผมได้แค่ทำตามหน้าที่ของตนไปตามท่านเคยตรัสไว้
และอธิษฐานขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง...เพียงแค่ไม่อยากได้ยินว่า...ในหลวงทรงร้องไห้
ห นึ่ ง ปี ที่ ผ่ า น ม า
เราใส่เสื้อเหลือง...เราใส่สายรัดข้อมือสีเหลือง
คนนับแสนไปนั่งรอเป็นชั่วโมงๆ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
เพื่อจะได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงไม่กี่นาทีในวันนั้น
ในขณะที่ทั้งโลกเริ่มเสื่อมศรัทธาในระบอบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราได้แสดงให้โลกได้เห็นว่า...
มีประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง...ที่คนทั้งชาติยังซื่อสัตย์จงรักภักดี
ต่อราชวงศ์จักรีและพระมหากษัตริย์...อันทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย
ประโยคที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC นานมาแล้วว่า...
พระองค์ทรงเป็น “SOUL OF THE NATION”
หรือ “จิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ”
ยังจำกันได้ไหม?
แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่เราสร้างค่านิยมผิดๆ ว่า
เรากำลังฆ่ากันเองทุกวันในภาคใต้ เราสร้าง “กฎหมู่” ให้เหนือ “กฎหมาย”
เราเดินขบวนประท้วงในทุกอย่างที่เราไม่เห็นด้วย เราก้าวร้าวต่อกัน เราแตกแยกกัน
และทั้งโลกกำลังจับตามองเราอยู่
เราเคยหยุดคิดกันบ้างไหมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
จะทรงเสียพระทัยเพียงใด?
แล้วสิ่งที่เราทำไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาคืออะไร
การที่เราใส่เสื้อเหลือง กับสายรัดข้อมือที่มีข้อความว่า Long live The King ...เราทำเพื่ออะไร
มันเป็นแค่ผักชีโรยหน้าที่จะแสดงให้โลกเห็นว่าคุณรักพระมหากษัตริย์เพียงใดเท่านั้นนะเหรอ
80 พรรษา ของพระองค์ท่าน
ไม่สมควรที่จะตรากตรำทำงานหนัก
ทั้งๆ ที่ทรงต้องให้คณะแพทย์ถวายการดูแล...พระองค์ต้องรับทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ
ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แวดล้อมด้วยข้าราชบริพาร
หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ
เมื่อประชาชนของพระองค์ท่านรักสามัคคีกัน
รู้จักความพอเพียง และมีสติ...เพียงเท่านี้เอง
แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่?
เสียงเล็กๆ ของผมได้แค่ทำตามหน้าที่ของตนไปตามท่านเคยตรัสไว้
และอธิษฐานขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง...เพียงแค่ไม่อยากได้ยินว่า
“ในหลวงทรงร้องไห้”
รักเธอ...ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
ปรับปรุงจากบันทึกของ คุณ Boonchai Siriwattanachaigoon และ “น้องลิ้นจี่”
จึงได้ปรับปรุงและลำดับความใหม่เพื่อเผยแพร่เป็นประโยชน์สาธารณะ เป็นอนุสติเตือนใจเราผองไทย
ขอขอบคุณท่านทั้งสองที่เอ่ยนามและเผยแพร่ต่อเนื่องกันไป
ความคิดเห็น
ตัดมาจากปฏิทินแล้วนำมาติดบนหัวนอน แต่เรายอมรับว่าท่านให้เรา
ได้เสมอ เราสัญญาว่าเราจะเป็นคนดี รักชาติที่เราได้เกิดมาอาศัยนี้
ไม่อยากได้ในสิ่งที่เกินตัวเองที่จะมีได้ แม้วันหนึ่งข้างหน้าจะอดไม่มีกิน
ก็จะไม่ไปทำให้ใครเขาเดือดร้อน เพียงแต่ขอให้แม่เราอายุ 75ปีที่ผ่าตัดโรคหัวใจที่ศิริราชอยู่ผ่านพ้นปลอดภัย แล้วกราบหมอนที่มีรูปในหลวงท่านติดอยู่ใครจะเชื่อว่าผ่านมาแล้ว3ปีแม่เราหลังรักษาสุขภาพ
ดีมาตลอดไม่มีโรคแทรกซ้อนเลย เราเชื่อว่าถ้าเกิดมาแล้วกตัญญูรู้คุณ
แผ่นดินของพระองค์ท่านแล้วตกน้ำไม่ไหลแม้ไฟไม่เข้าใกล้หวังว่าสิ่ง
ที่เราพบเจอมานี้จะเป็นสิ่งเตือนใจให้ทุกคนจงทำสิ่งที่ดีตลอดไป