เทคนิคการถ่ายภาพบุคคล Portrait (FOTOINFO)
ไม่ว่าเราจะถ่ายภาพบุคคลที่เป็นดาราผู้โด่งดังคับฟ้า เป็นเศรษฐีพันล้าน หรือเป็นตาสียายสายากจนไร้คนรู้จัก มันก็ต้องใช้พื้นฐานหรือความรู้ทางการถ่ายภาพในแบบเดียวกัน ซึ่งเรื่องพื้นฐานที่สุดที่ต้องยกมากล่าวถึงเป็นลำดับแรกก็คือเรื่องของ แสง ซึ่งแบ่งย่อยได้เป็น 2 ส่วน คือ ลักษณะของแสง และทิศทางแสง
ลักษณะของแสงในการถ่ายภาพพอร์เทรต
มีหลัก ๆ อยู่ 2 แบบคือ แสงนุ่ม และแสงแข็ง
1. แสงนุ่ม คือ แสงในวันที่ฟ้าหลัว มีเมฆมาก หรือแสงจากภายในอาคาร หากเป็นแสงจากแฟลช ก็ต้องยิงผ่านซอฟท์บอ๊อกซ์ ผ่านร่มสะท้อน ร่มทะลุ หรือเครื่องกรองแสงประเภทต่าง ๆ เป็นแสงที่ให้ความสว่างกับวัตถุ แต่จะไม่มีเงาเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นน้อยมาก
คุณสมบัติของแสงแข็ง คือ ให้คอนทราสต่ำ ให้รายละเอียดของวัตถุได้สูง ให้ภาพที่ดูนุ่มนวลตากว่า แต่ก็เป็นแสงประเภทที่ทำให้วัตถุดูแบน ๆ ขาดมิติ
2. แสงแข็ง คือแสงจากแหล่งกำเนิดแสงตรง ๆ แรง ๆ เช่น วันที่ฟ้าไร้เมฆ ดวงอาทิตย์ลอยเด่นทั้งวัน หรือแสงจากแฟลชที่ยิงเข้าวัตถุตรง ๆ โดยไม่ผ่านเครื่องกรองแสดงใด ๆ หรือแม้กระทั่งไฟจากสปอตไลทืที่ฉายเข้าววัตถุจากในระยะใกล้ก็ถือเป็นแสงแข็งได้เช่นกัน
คุณสมบัติของแสงแข็ง ก็คือ ให้คอนทราสจัด ให้สีสันที่สดใสจัดจ้าน ให้ภาพที่ดูคมและแข็ง แต่ก็อาจทำให้วัตถุขาดรายละเอียดในบางส่วน เช่น ส่วนที่มีสีขาวจัด ๆ ส่วที่สะท้อนแสงด้ดี และส่วนที่อยู่ในเงามือด และก็เป็นแสงประเภทที่ทำให้วัตถุดูมีมิติ มีความลึกได้ชัดเจนกว่าแสงนุ่ม
อย่างไรก็ตาม แสงทั้งสองลักษณะนี้ไม่มีข้อเสีย แต่มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับภาพที่เราต้องการมากกว่าว่า ควรจะนำแสงในลักษณะใดไปใช้ให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องไปถ่ายภาพบุคคลที่แสดงเป็นนักรบ ไปถ่ายนักกีฬา หรือถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำ เหล่านี้ ก็น่าจะเหมาะกับการใช้แสงแข็ง ๆ เป็นหลักมากกว่าแสงนุ่ม
ในทางตรงกันข้าม หากบุคคลที่คุณจะถ่ายคือคู่บ่าวสาว คือเด็กทารก หรืออะไรประมาณนี้ ยังไงเสียแสงที่จะใช้เป็นหลักก็ไม่พ้นต้องเป็นแสงนุ่มไว้ก่อน
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับทิศทางของแสง
แสงหน้าตรง แสงในทิศทางนี้จะให้รายละเอียดของวัตถุได้ดีในขณะที่จะทำให้วัตถุดูค่อนข้างแบนราบ
แสงเฉียงข้าง ตามมาตรฐานคือ 45 องศาจากทางด้านซ้ายหรือขวา แสงในทิศทางนี้ให้ภาพของวัตถุที่ดูมีความลึก มีมิติ มีรูปทรงที่ชัดเจน ในขณะที่วัตถุอาจขาดรายละเอียดในบางส่วน โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ในเงามือด
แสงหลัง แสงในทิศทางนี้ให้รายละเอียดของวัตถุได้น้อย มิติความลึกก็ไม่มี แต่ะจเป็นแสงที่ขับเน้นโครงร่างบริเวณขอบของวัตถุได้ชัดเจน
แสงริมไลท์ (Rim Light) ซึ่งเป็นแสงที่ทำให้เกิดความสว่างบริเวณขอบของวัตถุ โดยเฉพาะในส่วนที่โปร่งแสง เช่น เส้นผม แต่เนื่องจากมันเป็นแสงที่เข้ามาจากด้านหลังของวัตถุ ดังนั้น จึงมักนิยมใช้ร่วมกับแสงอีกส่วนหนึ่งที่เสริมเข้าไปยังด้านหน้าของวัตถุ ซึ่งสามารถสร้างได้จากการใช้แผ่นสะท้อนแสง (Reflex) ประเภทต่าง ๆ หรือแสงจากแฟลช
เรื่องทิศทางของแสงนี้ สามารถทดลองให้เห็นด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยไฟฉายหนึ่งกระบอกกับการยืนในที่มืด ๆ เป็นต้นว่า ฉายลงมาจากด้านบนศีรษะโดยตรง ฉายเฉียงเข้ามาจากด้านข้าง 45 องศา หรือฉายจากด้านข้างแบบ 90 องศา แล้วก็ลองสังเกตุความแตกต่างที่เกิดขึ้นดู จะเห็นได้ว่า ด้วยทิศทางแสงที่แตกต่างกันจากไฟเพียงดวงเดียวนั้น สามารถทำให้บุคลิกลักษณะของคน ๆ เดียว เปลี่ยนแปลงและแปลกแตกต่างกันออกไปได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น หากเรารู้จักเลือกใช้ลักษณะของแสงที่เหมาะสมประกอบไปกับทิศทางแสงที่ดี เราก็สามารถกำหนดหรือสร้างอารมณ์ของภาพขึ้นมาได้ (ส่วนอารมณ์ของแบบนั้น เดี๋ยวว่ากันอีกที)
ในเรื่องลักษณะและทิศทางแสงนี้ มีแสงแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันมากจนมีชื่อเรียกแสงแบบนี้โดยเฉพาะ ก็คือ แสงจากหน้าต่าง (Window Light) หรือก็คือ แสงนุ่ม ๆ ที่เฉียงเข้าด้านข้างหรือด้านหน้า (ขึ้นอยู่กับว่าจะให้แบบหันหน้าไปทางใด หรือเราอยากได้ภาพในลักษณะใด) แสงลักษณะนี้จะให้ภาพบุคคลที่นุ่มนวล ในขณะที่ภาพยังดูมีมิติด้วยคอนทราสต์ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย
แม้แต่การจัดถ่ายด้วยไฟสตูดิโอก้ยังมีการจัดแสง เพื่อเลียนแบบแสงจากหน้าต่างที่ว่านี้เช่นกัน ซึ่งการจัดแสงด้วยไฟแฟลชหรือไฟต่อเนื่อง นั้นทำให้นักถ่ายภาพกำหนดความเข้มและทิศทางของแสงได้ง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้แสงนุ่มมาก ๆ เพียงอย่างเดียวเสมอไป
อารมณ์ของภาพ
การถ่ายภาพบุคคลในบางลักษณะต้องยอมให้เรื่องของแสงเป็นความสำคัญในอันดับรองลงไป โดยยกเอาอารมณ์(Mood) ของบุคคลที่เราจะถ่ายขึ้นมาเป็นเรื่องเอกแทน เพราะอารมณ์ที่ว่านี้มันสร้างขึ้นมาได้ยากกว่าแสงเป็นไหน ๆ และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว นักถ่ายภาพ ก็ต้องไวพอที่จะเก็บเสี้ยวเวลาเหล่านั้นให้ดัน ด้วยว่าอารมณ์มักเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วผ่านเลย ไม่สามารถเค้นหรือสร้างขึ้นมาใหม่ได้ง่าย ๆ
ภาพบุคคลที่ว่านี้ก็คือภาพบุคคลในแนวสตรีท แนวไลฟ์ ภาพข่าว หรือสารคดี ภาพถ่ายบุคคลในแนวทางเหล่านี้ มันต้องเล่าเรื่องได้ สร้างความสะเทือนอารมณ์แก่ผู้ชมภาพได้เป็นลำดับแรก ถ้าได้ความสวยงามของแสงเข้ามาช่วยได้อีกก็สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
สำหรับการถ่ายภาพบุคคลในลักษณะนี้ต้องมีการวางแผนการถ่ายล่วงหน้าให้ดี เลือกเลนส์ให้เหมาะสม ปรับกล้องให้อยู่ในแบบที่ยกขึ้นถ่ายภาพได้ทันที บางทีอาจต้องเข้าไปคุยสร้างความคุ้นเคยให้สนิทสนมกับตัวแบบเสียก่อน แต่บางทีอาจทำได้เพียงแค่เดินเฉียดผ่านแล้วกดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว
และเมื่อมันเป็นการถ่ายภาพบุคคล อารมณ์ที่จะเกิดขึ้นและเห็นได้ชัดมันก็ต้องเป็นจากสีหน้าและดวงตาของบุคคลผู้นั้นนั่นเอง อาจรวมเสื้อผ้าทรงผมเข้าไปด้วย หรือสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่รายล้อมอีกก็ได้ถ้าใช้เลส์มุมกว้างในการถ่ายภาพ แต่ดวงตาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการถ่ายภาพบุคคล
การจัดวางท่าทาง หรือการโพสท่า
ผ่านมาถึงเรื่องการจัดวางท่าทางหรือการโพสท่ากันบ้าง เรื่องนี้สำคัญกับการถ่ายภาพบุคคลแบบสวยงาม เช่น วันรับปริญญา หรือภาพพรีเวดดิ้ง การถ่ายภาพบุคคบแนวแฟชั่น รวมทั้งการถ่ายภาพบุคคลอย่างเป็นทางการ เพราะภาพบุคคลในแนวนี้ส่วนใหญ่ต้องการความเนียบ ความสวยงามอย่างสมบูรณ์แบบเป็นหลัก
แล้วถ้าเป็นภาพแฟชั่นล่ะ ? อันนี้ไม่มีอะไรตายตัวเลย ขึ้นอยู่กับธีมของการถ่ายภาพในเซ็ทนั้น ๆ เป็นหลักว่าต้องการให้ภาพออกมาในโทนใด อารมณ์ไหน ก็ใช้การจัดท่าทางของหน้าแบบกระตุ้นอารมณ์ได้อีกทางหนึ่งนอกเหนือไปจากการจัดแสง
การจัดวางท่านั้น นอกจากจะทำให้แบบดูสวยสง่างามแล้ว บางครั้งยังเป็นการลบเลี่ยงจุดด้อยต่าง ๆ บนร่างกายได้อีกด้วย โดยเฉพาะส่วนเกินต่าง ๆ โดยขอให้แบบบิดนิดก้มหน่อย ก็ช่วยทำให้เขาเหล่านั้นดูดีขึ้นได้เยอะอย่างไม่น่าเชื่อจนแทบไม่ต้องมารีทัชเพิ่มเติมภายหลังด้วยซ้ำ (แต่กกับภาพบางลักษณะก็ต้องรีทัชกันเยอะ โดยเฉพาะแฟชั่นหรือภาพที่ใช้ในการโฆษณา)
การเลือกมุมถ่ายภาพ
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญก็คือการเลือกมุมที่นายแบบนางแบบหน้าตาดูดีที่สุด (ในกรณีถ่ายภาพแนวแฟชั่น ภาพรับปริญญา ภาพพรีเวดดิ้ง) หากเรามีแบบหน้าตราดีปัญหานี้จะไม่ค่อยเกิดให้กังวลใจ แต่ถ้าไม่ใช่ก็เหนื่อยหน่อย และถือเป็นหน้าที่โดยกตรงของช่างภาพอันจะต้องค้นหาเหลี่ยมมุมที่ใบหน้าบุคคลผู้นั้นดูดีที่สุดออกมาให้ได้
แต่ก็ใช่ว่าเมื่อหาเจอแล้วเราจะต้องถ่ายภาพมุมนั้นไปตลอด เป็นต้นว่า น้องคนนี้คางจะดูใหญ่ถ้าถ่ายหน้าตรง แต่ถ้าถ่ายด้านข้างศรีริต้าก็มาเหอะ น้องสวยสู้ได้ค่ะ แล้วเราก็เลือกแต่จะถ่ายภาพมุมนั้นไปทั้งวัน เพราถ้ามาดูภาพเป็นชุดในภายหลัง รับรองว่าขำไม่ออกแน่ คนบ้าอะไรหันข้างได้ทั้งวัน คือยังไงซะมุมหน้าตรงมันก็ต้องถ่ายตามปกติ เพียงแต่ต้องเลี่ยง ๆ อย่าไปถ่ายเน้นเฉพาะใบหน้า ให้ถ่ายเต็มตัวเข้าไว้ เมื่อจะถ่ายครอปเน้น ๆ ก้ค่อยเลือกมุมด้านข้างเข้าว่าเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม บางทีมันก็เลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่ต้องถ่ายภาพบุคคลเพียงคนเดียวเป็นจำนวนมาก และต่อเนื่องทั้งวันอย่างงานรรับปริญญา เจออย่างนี้ก็ต้องใช้เรื่องของแสงเป็นตัวช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง ส่วนที่ดูด้อย ๆ ก็พยายามให้มันหลบอยู่ในมุมมืดซะ ด้วยการใช้แสงแบบเฉียงด้านข้างอะไรอย่างนี้เป็นต้น
อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพพอร์เทรต
เลนส์ เลนส์พอร์เทรต ซึ่งมีหลัก ๆ อยู่สามทางยางโฟกัสในช่วงเลนส์เทเลฯ ต้น ๆ อันได้แก่ เลนส์ 85 มม., 105 มม. และ 135 มม. เสนส์สามตัวนี้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัว หรือ “เฮตแอนด์โชว์เดอร์” เป็นอย่างยิ่ง เพราะมันจะให้สัดส่วนที่สวยงาม ในขณะที่สามารถทิ้งฉากหลังให้เบลอได้ง่าย อันเป็นภาพยอดนิยม
แต่หากนิยามของคำว่า พอร์เทรตของเรากว้างกว่านั้น เลนส์ที่สามารถนำมาใช้งานก็ย่อมต้องกว้างขึ้นเช่นกัน ซึ่งมันอาจเป็นได้ตั้งแต่เลนส์ฟิชอายไปกระทั่ง ซุปเปอร์เทเลโฟโต้ก็ย่อมได้ และจะเป็นเลนส์เดี่ยวหรือเลนส์ซูมก็ได้ทั้งนั้น
แผ่นสะท้อนแสง ในกรณีที่ต้องการให้ใบหน้าดูใส ๆ เคลียร์ ๆ อันนี้เหมาะจะเอาไว้ใช้กับการถ่ายภาพแนวแฟชั่นหรือพรีเวดดิ้ง หรืองานวันรับปริญญา
แฟลช (flash) สามารถนำมาใช้เป็นได้ทั้งแสงหลักของการถ่ายภาพ หรือเป็นแสงเสิรมร่วมกับแสงธรรมชาติ หรือใช้เป็นทั้งแสงหลักแสงเสริม หากมีแฟลชมากกว่าหนึ่งดวงขึ้นไป และมีอุปกรณ์ควบคุมแฟลชให้ทำงานพร้อมกันหลาย ๆ ดวงได้
เทคนิคเบื้องต้นสำหรับการถ่ายภาพพอร์เทรต
การเลือกหรือจัดแสงว่าเราต้องการให้ภาพออกมาในอารมณ์หรือบุคลิคแบบไหน ก็จัดแสงให้ได้อย่างนั้น ความชำนาญเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้ในกรณีนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำการบ้านให้หนัก ฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาไว้เยอะ ๆ เมื่อเจองานจริง ๆ จะได้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
การโฟกัส ต้องเน้นที่ตา ให้เข้าโฟกัสแบกริ๊บ ๆ ดีที่สุด จำไว้ให้ดีว่าการถ่ายภาพสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิด(ยกเว้นพืช) สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรจะให้ชัดก็คือดวงตา หูจมูกปาก อาจเบลอได้ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าดวงตาเบลอส่วนมากแล้วภาพนั้นจะเป็นภาพเสียมากกว่าภาพดี
ช่องรับแสง ควรเลือกใช้ช่องรับแสงอยู่ราว ๆ F/2.8-4 หรือ F/5.6 ก็ยังได้ ถ้าถ่ายในระยะใกล้มาก ๆ รับรองว่าฉากหลังยังไงก้เบลอ เพราะที่ช่องรับแสงกว้างสุดแถว ๆ F/1.2 หรือ F/1.4 หรือแม้แต่ F/1.8 นั้น หากถ่ายในระยะใกล้มาก ๆ ช่วงความชัดที่เกิดขึ้นว่ากันเป็นเซนติเมตร หรือาจจะแค่มิลลิเมตรเท่านั้น มือไม่นิ่ง แบบไม่นิ่งจริง หรือโฟกัสไม่ถูกตำแหน่งจริง ๆ จะเสียคนเอาได้ง่าย ๆ
ทั้งนี้ หากอยากเป็นนักถ่ายภาพพอร์เทรตมือฉมัง ควรหัดเลือกใช้แสงให้ดี ฝึกเค้นอารมณ์และตัวตนของแบบออกมาให้ได้ อย่ามัวแต่ไปเลือกนายแบบนางแบบหน้าตาดี มีพริตตี้ที่ไหนเฮไปที่นั่น อย่างนั้นเป็นเรื่องยากที่จะได้ภาพพอร์เทรตดี ๆ แต่ถ้าความต้องการของคุณเป็นอย่างอื่นก็ไม่ว่ากัน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
fotoinfomag.com
Credit Kapook.com
ความคิดเห็น