เคยสงสัยหรือไม่ครับ ว่า อาการตากระตุก หรือกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากระตุกนั้น มีสาเหตุมาจากอะไร?
จะจริงเหมือนกับที่คำโบราณบอกว่า ตาเขม่นขวาร้าย ซ้ายดี จริงหรือเปล่า?
วันนี้ก็ได้รับคำตอบจาก 'ศูนย์ประสาทและสมอง' โรงพยาบาลธนบุรี ซึ่งทีมประชาสัมพันธ์ส่งข้อมูลผ่านอีเมล์ให้ความรู้มาว่า
โรคกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ได้แก่
ตากระตุก หรือตาเขม่น - เป็นภาวะที่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว เช่น ใต้หนังตา มุมปาก หรือเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น ภาวะนี้ในบางรายอาจเกิดเป็นประจำ จนอาจติดเป็นนิสัยได้ มักจะกระตุกมากเวลาเครียดหรือกังวลใจ รวมทั้งพักผ่อนไม่เพียงพอ
ตากะพริบค้าง - ภาวะนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวผิดปกติของร่างกายที่เรียกว่า 'ดีย์สโทเนีย' ผู้ป่วยจะมีตากะพริบทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน อันเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อรอบลูกตาหดเกร็งตัวตลอดเวลา ในผู้ป่วยกลุ่มนี้เราสามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ กะพริบตาถี่ๆ หรือกะพริบตาปิดค้างและลืมตาไม่ขึ้น
ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก- พบบ่อยในคนไทย โดยจะพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าทั้งซีกที่เลี้ยงด้วยประสาทสมองคู่ที่ 7 จะกระตุกถี่ๆ และเกร็งค้าง อาการของโรคนี้จะก่อให้เกิดความรำคาญและทำให้ผู้ป่วยอายไม่กล้าเข้าสังคม ซึ่งเป็นโรคที่ไม่รุนแรงแต่รักษาไม่หาย อาการกระตุกจะเป็นมากขึ้นเมื่อผู้ป่วยตื่นเต้น ตกใจ หรือกังวล
อาการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อใบหน้าบริเวณแนวตรงกลางทั้งหมด - ประกอบด้วยอาการตากะพริบค้างร่วมกับการเคลื่อนไหวผิดปกติของปาก จมูกและคิ้วร่วมด้วย กลุ่มอาการนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวผิดปกติชนิดดีย์สโทเนีย
การเคลื่อนไหวผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณรอบปาก คาง และลิ้น - มีผลทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาของปาก คาง และลิ้น ภาวะนี้ส่วนมากเกิดจากการแพ้ยากลุ่มยากล่อมประสาทหลัก หรือยากลุ่มที่ใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ซึ่งโดยมากมักจะพบในผู้สูงอายุ
เรื่องของ 'การรักษา' ก็แน่นอนว่าปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด มีทั้งวิธีใช้ยาฉีด หรือผ่าตัดว่ากันไปตามอาการ
แต่ถ้าไม่มีอะไรรุนแรง พักผ่อน นอนหลับเพียงพอ ออกกำลังกาย ทานอาหารมีประโยชน์ จะช่วยได้มากครับ
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
ความคิดเห็น