Ataari
ดู Blog ทั้งหมด

เรียกผมว่า Trainee ไอ้เด็กนี่มาฝึกงาน(1)

เขียนโดย Ataari

 

            ฝึกงาน ภารกิจอันยิ่งใหญ่อีกอย่างที่ในชีวิตมหาวิทยาลัยควรจะได้เจอ เพราะว่าการฝึกงานนี่แหละที่จะเป็นตัวดึงศักยภาพและทดสอบความรู้ที่เราได้เรียนมาตลอด 3-4 ปีในมหาวิทยาลัยออกมาใช้ และทำให้เรารู้ตัวเองมากขึ้น ว่าเราชอบอะไร ถนัดอะไร และอยากใช้ชีวิตหลังจบปริญญาต่อไปอย่างไร

        ก่อนที่จะเริ่มฝึกงาน ก็ได้ไปลองหาข้อมูล สอบถาม จากผู้มีประสบการณ์ อ่านจากบล็อกบ้าง พูดคุยบ้าง ก็ได้ความรู้ แนวคิด และความเห็นที่ต่างกันออกไป บางคนก็บอกว่าได้ทำงานเยอะ งานหนัก สนุก แต่บางคนก็บอกว่าไม่ได้ทำงานเลย ไปนั่งเล่นซะมากกว่า แย่หน่อยก็เสิร์ฟกาแฟ ถ่ายเอกสารบ้างก็มี

        ผมภาวนาให้ที่ฝึกงานของผมไม่เป็นเช่นนั้น

        ผมอยากจะใช้ทักษะของผมในการทำงานอย่างเต็มที่ ได้แสดงความคิด ได้แสดงฝีมือ และได้มีส่วนร่วมในการทำงานอย่างถึงที่สุด

        แล้วผมก็ไม่ผิดหวัง

        ในบล็อกฝึกงานเทอมที่แล้ว ผมได้เขียนเกี่ยวกับการฝึกงานเทอมแรกไปหมดแล้ว การฝึกงานในครั้งแรกนั้นเป็นการฝึกงานระยะสั้น(มากๆ ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ) แต่ก็สอนอะไรผมหลายๆ อย่างเหมือนกัน ได้ทำงานเยอะ ได้ลุย ออกพื้นที่จริง และค่อนข้างภูมิใจในผลงานมากพอสมควร

        และผมก็พร้อมในการลับฝีมือเพื่อการฝึกงานจริงในเทอมที่สองนี้

        ถ้าทางของจะยังไม่ถึง ไม่เป็นไร ผมจะลองอีกทีปีหน้า

        รู้สึกว่าผมโชคดีนะ ที่ผมไม่ผ่านการพิจารณาจากสองที่ดังกล่าว เพราะรู้สึกว่าทักษะและแนวคิดของผมไม่เหมาะกับที่นั่นด้วย และความชอบของผมก็อาจจะไม่ใช่หนังสือและนิตยสารแนวนั้นด้วย(มีที่ไหน อยากทำนิตยสารแต่ไม่ชอบการสัมภาษณ์ที่เป็นหัวใจหลักของนิตยสาร) ผมรู้ตัวอีกทีว่า ผมชอบเว็บไซต์

        ที่ฝึกงานทั้งสองที่ของผมนั้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ครับ ผมชอบเขียน ทำแหน่งที่ผมทำได้ก็คือ Web Content หรือ นักเขียนประจำเว็บไซต์นั่นเอง ก็ถือได้ว่าเป็นงานที่ถูกใจและสนุกอีกอย่างหนึ่งที่ได้ทำ

        ร่ายกันมายาวนาน เข้าเรื่องการฝึกงานของที่นี่กันเลยดีกว่า วันแรก  ผมออกจากบ้านด้วยความตื่นเต้น เพราะเว็บนี้เป็นเว็บที่ผมเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นจุดเริ่มต้นความชอบในการเขียนและแรงบันดาลใจของผมมาตลอด ผมรู้จักกับ เด็กดีดอทคอม ตั้งแต่ม.3 ตอนนั้นผมอยากเขียนนิยาย และได้ยินมาว่าที่นี่เปิดโอกาสให้เราเขียนนิยายลงเว็บได้ เป็นเวทีในการแสดงฝีมืออย่างดีที่สุด และที่สำคัญ มีแมวมองจากสำนักพิมพ์ต่างๆ มาคอยดูผลงานในเว็บและติดต่อขอไปตีพิมพ์อีกด้วย ผมจึงไม่รอช้าที่สมัครเป็นสมาชิกเว็บนี้ และเล่นมาตลอด

        อีกช่วงชีวิตที่สำคัญ ก็คือการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กดีดอทคอม  ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ข้อมูลข่าวสาร การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแอดมิชชั่น ผมเข้าดูจากที่นี่ตลอด และยังช่วยให้ผมตัดสินใจในการเลือกคณะได้อย่างไม่พลาด และทำให้เข้ามหาวิทยาลัยที่ชื่นชอบได้ในที่สุด

        เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่ทำให้ผมอยากจะลองมาฝึกงานที่นี่ และวันนี้ ผมก็ทำได้จริงๆ

        ออฟฟิศเด็กดีไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีพี่ๆ พนักงานอยู่ประมาณ 30 – 40 คน บรรยากาศในการทำงานสุดยอดมากๆ เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดดังต่อกแต่กเป็นเอกลักษณ์ หนุ่มสาวออฟฟิศนั่งเพ่งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กของตนต่างก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ แค่เห็นบรรยากาศก็ทำให้อยากทำงานมากด้วยแล้ว

        ที่นี่อยู่กับอย่างอบอุ่น อยู่กันแบบพี่น้อง ไม่ค่อยเครียดเวลาทำงาน เพราะดูเหมือนว่าแต่ละคนมาทำงานที่ชอบ ที่อยากจะทำ เลยไม่ได้รู้สึกเบื่อกับงานที่ต้องทำเป็นประจำ อยู่กับที่เท่าใดนัก งานแต่ละชิ้นนั้นออกมาจากความคิดสร้างสรรค์ และการนำเสนอที่น่าสนใจ งานเปลี่ยนไปตลอด โจทย์เปลี่ยนไป เปิดโอกาสให้เราได้แสดงความคิดอยู่เสมอ อยากจะเพิ่มเติม อยากจะปรับลดอะไรก็สามารถทได้อย่างเต็มที่ ขอแค่ให้งานออกมาดีก็พอ

        วันแรกที่เข้างาน ก็คิดว่าคงไม่ได้ทำอะไรมาก นั่งเล่นเพลินๆ ไปก่อน ศึกษาว่ามีงานอะไรที่ทำได้ และดูว่าพี่ๆ เค้าจะมอบหมายงานอะไรให้กับเรา แต่ก็ไม่ใช่ครับ วันแรกก็ได้งานเลย งานชิ้นแรกที่ได้ทำคือการเขียนบทความเกี่ยวกับเทคนิคการเป็นนักเขียน และการเขียนนิยาย ซึ่งงานชิ้นนี้ก็ต้องทำการบ้านเยอะพอสมควร เพราะว่างานแต่ละชิ้นที่เรานำเสนอไป ต้องช่วยผลักดันให้เกิดแรงกระเพื่อมในแวดวงวรรณกรรม ให้เยาวชนเกิดการพัฒนาฝีมือและสร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อไป แต่ก็ด้วยความที่พอจะมีหัวข้อในหัวไว้อยู่บ้างว่าอยากจะเขียนเรื่องอะไร ก็เลยสามารถเขียนงานส่งพี่เค้าได้ในวันนั้น

        ผลงานแรกที่เริ่มทำนั้นก็ค่อนข้างมั่นใจพอสมควร แต่พอส่งกลับไปแล้ว ก็ได้รับคอมเมนท์และการแก้ไขมากมาย ด้วยความที่ยังไม่ชินกับแนวการเขียน หัวข้อที่ยังไม่ค่อยน่าสนใจ และการทำงานที่ไม่ค่อยเรียบร้อย งานชิ้นแรกนั้นมีข้อเสียเยอะมาก แทบจะอยากเขียนใหม่ แต่พี่เค้าก็ให้เราเขียนอันนี้แหละ แก้มาให้ดี ให้พี่เค้าพอใจ งานชิ้นแรกสอนให้ผมทำงานอย่างรอบคอบ อ่านทวนงานให้มากที่สุดก่อนที่จะส่งงานไปให้พี่เค้าดู เพราะถ้าหากเราทำไม่ดี ก็จะโดนว่า การทำงานไม่ดีนั้นสะท้อนว่าเราเป็นคนอย่างไร ผมรับเอาคอมเมนท์เหล่านั้นมาแก้ไขผลงานชิ้นต่อไป

        ตั้งเป้าไว้ในใจว่า งานหน้าจะต้องไม่โดนว่าอีกแล้ว และมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ

        แต่อย่างว่าล่ะครับ อุปสรรคในการทำงานมันมีเยอะเหลือเกิน ผมทำแบนเนอร์ไม่เป็น มันต้องใช้โฟโต้ช็อป โฟโต้สเคป ซึ่งผมไม่เคยรู้เลยว่าไอ้ตำแหน่งเว็บคอนเทนต์ของผมเนี่ย ต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยหรอ ไม่ใช่แค่ว่าเขียนอย่างเดียว แล้วค่อยให้ดีไซเนอร์เอาไปตกแต่งหรือไง เหมือนที่กองบก. เขียนงานแล้วให้อาร์ตไดเอาไปทำต่อ

        ผมคิดผิด กระบวนการทุกอย่างนั้น ต้องทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรูป การเขียนก๊อปปี้โฆษณาในแบนเนอร์ การทำแบนเนอร์ให้น่าคลิก

        ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ เพียงแค่ว่าเราไม่เคยลองทำเท่านั้นเอง ผมใช้เวลาไปกับการลองฝึกใช้ทั้งสองโปรแกรมนั้น ลองผิดลองถูกไปเรื่อย จนสามารถทำรูปและตัดภาพ ย่อภาพเป็น(คนไม่เคยทำ มันยากจริงๆ นะ) จนสามารถนำคอนเทนต์น้อยๆ นี้ขึ้นเว็บได้ที่สุด

        อารมณ์ตอนที่กด submit ขึ้นเว็บนี่มันสุดยอดจริงๆ นะครับ พูดเลย

        หลังจากเสร็จงานแรกนั้น ก็ยังไม่มีงานอะไรต่อ ว่างยาวไปถึงบ่าย พอกินข้าวเสร็จ ก็มีประชุมทีมงาน writer(หมวดเกี่ยวกับนักเขียน ที่ผมคลุกคลีมากที่สุด) ก็ได้รับรู้แนวทางการทำงาน และหน้าที่ที่ต้องทำมากยิ่งขึ้น

        และที่น่าตกใจกว่านั้น คือพี่ที่ดูแล writer นั้นจะลาออกในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เรียกได้ว่าต้องรีบศึกษาและเรียนรู้การทำงานจากพี่เค้าให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าพี่เค้ายังไม่ได้คนใหม่มาทำงาน ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องดูแลหมวดนี้เองคนเดียว

        แค่เห็นก็เครียดแล้ว ทั้งเครียด ทั้งกดดัน กลัวทำไม่ได้ แต่มาลองคิดๆ ดูแล้ว หน้าที่งานนั้นก็ตื่นเต้น และท้าทายความสามารถมากๆ เพราะฉะนั้นต่อให้ยากแค่ไหนก็ต้องลุยกันหน่อยละ

        เพียงแค่วันแรกก็น่าสนุกแล้ว งานเพียบ หน้าที่เยอะ ความสนุกก็เพิ่มทวี

        ชีวิตการฝึกงานเริ่มต้นแล้ว ครั้งนี้ มัน(ส์)แน่! 

ความคิดเห็น

kpay
kpay 3 พ.ค. 56 / 21:06
แอบเข้ามาอ่าน ^___^
Lookwhai
Lookwhai 8 พ.ค. 56 / 13:58
แหะๆ ชอบคุณคร้าบ ^^