sweetXsherbet
ดู Blog ทั้งหมด

มาสำรวจตัวเองกันเล่นๆว่านิยายที่น่าสนใจเป็นแบบไหน

เขียนโดย sweetXsherbet

คำเตือน  :  บทความนี้...ผู้เขียนได้เขียนด้วยเจตนาที่ positive  เพื่ออยากกระตุ้นชักชวนให้เกิดการพัฒนา..แต่ ถ้ากระทบความรู้สึกของบางท่านโดยไม่ตั้งใจ จนอาจจะแปลเจตนาของผู้เขียนผิดไป ก็ต้องขอโทษจริงๆ จึงอยากขอให้อ่านช้าๆ อย่าอ่านข้าม หรือ อ่านแบบรวดเร็วเกินไปนะคะ เพราะท่านอาจจะแปลความคลาดเคลื่อนได้... รักน้องๆทุกคน.. จากพี่ webmaster-jj 

 

เรื่องของเรื่องก็คือ อยากจะชวนมาวิเคราะห์และสำรวจตัวเองกันเล่นๆ.. ว่านิยายที่น่าสนใจ ของแต่ละคนเป็นแบบไหน

อันนี้คิดว่านานาจิตตังนะ ว่าใครจะชอบสไตล์ไหน  แต่ว่ามันน่าจะมีหลักหรือมีข้อสังเกตอะไรสำหรับตนเองสักอย่างนึงล่ะว่า  นิยายแบบไหน ที่สามารถกระตุ้นสายตาของเราให้เปิดเข้าไปดู และตรึงเราไว้ให้อ่านตั้งแต่บรรทัดแรกจนสุดท้าย จากนั้นแล้วก็กระหาย. รออยากจะติดตามอ่านตอนต่อไป

เคยคุยกับน้องคนหนึ่ง... ที่เคยมาบ่นให้ฟังว่า บางครั้งเมื่อเขียนนิยายมาโพสต์แล้ว ไม่ค่อยมีคนคอมเม้นต์ หรือ ว่าคนอ่านมีน้อยลง หรือว่า.. งานเขียนของตนเองมันไม่ดีหรือเปล่า คนจึงไม่ค่อยเข้ามาพูดอะไร

คนเขียนนิยายฟรีในเนต  สิ่งที่ต้องการมากๆ ก็คือคำคอมเม้นต์จากคนอ่าน เพราะว่ามันไม่แค่เพียงสะท้อนผลงาน และช่วยชี้แนะแนวทางว่าจะปรับปรุงการเขียนยังไงบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญลึกยิ่งกว่านั้น ก็คือ "กำลังใจ"  เสียงทักทาย เสียงพูดคุย ตลอดจนเสียงทวง.. มันเป็นเหมือนน้ำมัน หรือเชื้อไฟที่ดีเยีย่ม ที่กระตุ้นคนเขียน ให้เขียนออกมา แต่ถ้าเสียงนั้นห่างจางหายไป.. ไฟในตัวนักเขียนมันก็ค่อยๆมอด..มอด..ลง


จริงอยู่..แม้ว่าตอนนี้จะมีคนอ่านน้อย.. น้อยกว่าคนเขียน ในบางครั้งก็เหมือนการปลอบใจตนเองว่า  นักอ่านเงา..อาจจะเข้ามาอ่านแล้วก็จากไปเงียบๆ.. แต่สิ่งหนึ่ง ที่เราคงจะไม่อาจปฏิเสธได้เลย.. นั่นคือ.. ผลงานชิ้นนั้น ก็มีผลเหมือนกัน

ความเงียบ.. บางทีมันก็เหมือนเป็นสิ่งสะท้อนได้ดีว่า.. ผลงานนั้นเป็นอย่างไร 

แน่ใจหรือว่า.. ถ้าหากผลงานนั้น พอเราอ่าน แล้ว "โดนใจ.."   เราจะเงียบ ไม่ฝากความเห็น หรือเสียงทักทายใดใดไว้เลย   ถ้างานนั้นมันโดนใจให้เราชอบ ให้เราติด... คนอ่าน ต่อให้เป็น "นักอ่านเงา" ก็ต้องโดดออกมาปรากฏตัวให้เรารู้สิน่า

การที่พี่พูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะบั่นทอนกำลังใจของคนเขียนหรอกนะคะ  แต่ว่า.. อยากให้เรามองสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นโอกาสมากกว่า  หลายคนอาจจะบอกว่า..ก็คนอ่านมัวแต่เงียบ ไม่บอกว่าชอบไม่ชอบตรงไหน  แล้วคนเขียนจะแก้ไขได้ถูกหรือ

อยากจะให้เข้าใจว่า... คนเขียนไม่ใช่เด็กนักเรียน และคนอ่านก็ไม่ใช่ครู   ไม่ใช่หน้าที่ของคนอ่าน ที่จะมาชี้แนะว่า ตรงนั้นดี ตรงนั้นไม่ดีนะ  นอกจากนี้.. ร้อยคน ก็อาจจะมีสักคน ที่กล้าจะเปลืองตัว  มาบอกสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจต่อกัน  ในบางครั้ง.. คนอ่านก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากให้คนเขียนลำบากใจ ไม่อยากให้เสียใจ   ดังนั้น.. ความเงียบจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

พี่ถึงอยากจะชักชวนทุกๆคน.. มาใช้ความเงียบแทนคำวิจารณ์ ที่สะท้อนงานที่เรากำลังทำอยู่ .. ไม่อยากให้แปลผล  ว่างานที่กำลังเขียนอยู่นี้ "ยังไม่ดี"  แต่อยากจะให้แปลผลว่า "มันยังไม่โดนใจคนพอ" 

 

แล้วทำอย่างไร ถึงจะให้งานนั้นโดนใจ ?

หัวข้อนี้แหล่ะ... ที่เราจะมาคุยกัน

อาจจะไม่มีคนอ่านคนไหน จะมาบอกเรา แต่ในบ้างครั้ง เราก็สามารถบอกตัวเราเองได้ ... โดยเอาตัวเราเองนี่แหล่ะ  เป็นคนทำการสำรวจ .. มาสำรวจ ความคิดและความต้องการของเราดู  อาจจะลองไปอ่านงานของคนอื่นๆดู  ไม่ต้องบอกว่าอ่านงานของใครหรอก  แล้วลองมาย้อนถามตัวเราเองว่า.. เราอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร มันสะดุดตา มันโดนใจ มันมัดใจเราไหม.. แล้วงานนั้นๆ ที่มันโดนใจเรานั้น.. คนเขียนเขาเขียนอย่างไร เนื้อเรื่องอย่างไร .. มันจึงสามารถโดนใจเราได้สำเร็จ

 

เมื่อก่อน..งานเขียนในเนตยังมีน้อย เวบบอร์ดนิยายยังมีน้อย ส่วนใหญ่หากจะอ่านก็ต้องไปอ่านในห้องสมุด หรือซื้อมาอ่าน ดังนั้น นิยายในเนตจึงเป็นเหมือนขนมหวานยี่ห้อใหม่ที่เพิ่งออกมา  ถึงแม้ว่าจะเป็นขนมที่ไม่อร่อยมากนัก แต่ความแปลกใหม่ของมัน..เป็นเสน่ห์ที่ทำให้มันอร่อย น่าลิ้มลอง

แต่ต่อมา..เมื่อขนมชิ้นนี้ได้รับความนิยม.. หลายบริษัทก็หันมาผลิต.. จนทำให้ผู้บริโภค ซึ่งก็คือผู้อ่าน มีตัวเลือกมาขึ้น  จากขนมอะไรก็ได้ ที่กินได้... ก็จะเลือกหา "คุณภาพ" และ "รสชาติ" ที่ตนเองชอบ

มันจึงถึงเวลาแล้วนะ ที่เราจะมาปรับปรุง และพัฒนาผลงานของเรา  อย่าบอกว่า..ฉันจะเขียนนิยายเพื่อตัวฉันเอง เขียนตามความชอบของฉัน เขียนด้วยความฝัน ไม่สนใจอะไรหรอก... อันนั้นมันก็จริง.. แต่นั่นมันเป็นความคิด ตอนเริ่มจรดปากกา จุดประกายความคิด เขียนเรื่องแรกเท่านั้น... เชื่อว่า.. ไม่มีใครหรอก ที่จะลงทุนทำขนมขึ้นมา เพื่อชิมหรือเก็บไว้กินคนเดียว

ในเมื่ออุตส่าห์นำมาลงให้อ่านกัน.. สักนิดน้อย..ก็เชื่อว่า มีความต้องการอยากจะให้นิยายของตนเอง เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นเหมือนกัน  ด้วยเหตุนี้...การเปิดใจกว้าง.. มองความคิดและความต้องการของคนอื่น (คนอ่าน) บ้าง .. สิ่งนี้จึงสำคัญมาก ในการนำมาพัฒนาผลงานของตัวเราเอง

เขียนมาซะยาว...สรุปก็คือ.. อยากชักชวนให้ทุกคนมาหยุดมองตัวเอง ทบทวนงานที่เรากำลังเขียนอยู่ แล้วกันไปมองความต้องการของคนอ่าน โดยผ่านความคิดและความต้องการของตนเอง..หากอยู่ในฐานะของผู้อ่าน เพื่อรวบรวมสิ่งที่ได้ มาพัฒนางานของเรากันเถอะ

 

โลกเดี๋ยวนี้เราอยู่กันเป็นสังคม... สังคมแห่งธุรกิจ... การกระทำใดใดสักอย่าง.. สิ่งสำคัญคือ ตลาด... หรือ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย  ไม่ได้ชวนน้องๆให้เขียนเพื่อการค้า แต่เราก็ยังคงเขียนเพื่อความฝันของเรา เพียงแต่.. การมีทิศทาง จะทำให้เรามีหลักการ และมีเส้นทางที่เราจะเดินไปข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม.. เราไม่ได้จำเป็นต้องทำตามความต้องการของตลาดเสมอไป  ไม่จำเป็นต้องทำตามความต้องการของผู้อ่านเสมอไป  เพราะสิ่งสำคัญเรายังคงต้องเป็นตัวของตัวเอง  อย่าว่าแต่..ความต้องการของตลาดนั้นมันเปลี่ยนไปได้.. ซึ่งมันย่อมเกิดขึ้นแน่ เมื่องานเขียนที่คนต้องการนั้นล้นตลาด จนเกิดการเบื่อ และเริ่มมองหาแนวใหม่ที่น่าสนใจ...แต่ใครล่ะ จะสามารถเป็นผู้นำที่จะเบี่ยงเบนทิศทางความต้องการของตลาดนั้นออกไปอีกทิศหนึ่ง..  เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆนะ

 

สรุปสุดท้าย.. ขอสรุปจากประสบการณ์หลายปีที่ตนเองเขียน แม้ว่าไม่ถึงกับประสบความสำเร็จอะไรมากนัก  แต่ก็พอจะเห็นและได้คิดอะไรมาไม่น้อย... อยากจะบอกน้องๆว่า .. การเขียนอะไรสักอย่างหนึ่งให้ประสบความสำเร็จนั้น  สิ่งสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่ฝีมือ...แค่เพียงอย่างเดียว

คนเขียนดีฝีมือดี.. งานเขียนของเขา อาจจะไม่ดัง ไม่ประสบความสำเร็จก็ได้  แต่ยังมีอีก 2 สิ่ง ที่เป็นตัวจักรสำคัญ ที่จะทำให้งานชิ้นนั้นประสบความสำเร็จ .. นั่นก็คือ โอกาส.. และ.. ความต้องการของตลาด (ผู้อ่าน)  ข้างบนก็พูดความต้องการมาเยอะแล้ว.. ตรงนี้ขอเน้นตรงเรื่องของโอกาส   ซึ่งสำหรับเรื่องของโอกาส.. บางทีมันก็ใช่ว่าจะเข้ามาทุกคน แต่เมื่อใดที่มีใครมาหยิบยื่นให้ เมื่อใดที่เรามีโอกาส  อย่างเช่นเรื่องนั้น กำลังได้รับความสนใจ ได้รับการติดตาม.. ขอบอกว่า.. รีบต่อโอกาสนั้นออกไป เขียนเรื่องๆนั้นต่อไปให้จบ อย่าวางทิ้งไว้ อย่าปล่อยไว้นาน  อย่าทิ้งผู้อ่านไป เพราะว่า...เมื่อกลับมาเขียนใหม่อีกครั้ง.. บางทีมันอาจจะไม่ได้ฟู่ฟ่าเหมือนเก่าแล้ว

นอกจากนี้..โอกาสที่เราจะได้เขียน มันก็จะมีไม่มาก.. น้องๆยังเด็กๆ ความคิดยังใสใส ยังไม่มีภาระอะไรมารกหัว  แต่โอกาสของการเขียนของน้อง จะลดลงตามเวลาและอายุ  เพราะว่าคงมีน้อยคน ที่จะเข้าสู่อาชีพนักเขียน  ในร้อยรับรองว่า 90 กว่าคน ต้องไปตามทางของตนเอง.. แล้วเมื่อน้องเรียนหนักขึ้น หรือจบออกมาทำงาน.. น้องจะพบว่า.เวลาของการเขียนจะน้อยลงจนเกือบหมด... บางคน..อาจจะกลับมาเขียนไม่ได้แม้แต่บรรทัดเดียวด้วยซ้ำ

 

โอ้ย.. จะเข้ามาสำรวจความต้องการว่านิยายที่น่าสนใจ ของแต่ละคนเป็นแบบไหน.. ก็พูดซะยาวเลย

แหะๆ.. ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ.... และอย่าเพิ่งหมดกำลังใจกันล่ะ  สิ่งที่พี่เขียนข้างบน ขอให้อ่านอย่าง positive  นะคะ  และอย่าอ่านแบบข้ามๆนะ  เพราะบางทีบอกตรงๆเหมือนกันว่า.. กลัวน้องๆจะแปลเจตนาของพี่ผิดไป

เจตนาของพี่.. คืออยากกระตุ้น.. อยากชวนมามองคนอ่าน และทบทวนตนเอง เพื่อให้เกิดการพัฒนา...

อย่าเสียใจ.. หากว่า เราไม่สามารถทำตามที่คนอื่นต้องการได้..หรือว่า เราไม่สามารถเขียนแบบนั้นได้.. แต่อย่างน้อย.. ขอแค่ให้เราได้รู้.. ว่าคนอื่นอ่านคิดและต้องการอย่างไร.. นั่นก็พอแล้ว

เพราะสารภาพว่า... พี่เองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน 

แต่พี่ก็สัญญาจะพยายามทำนะ.. หากว่าสิ่งนั้น พี่สามารถทำได้ 

 ^___________^






Credit; http://www.jj-book.com/jjtalk1/view.php?qs_qno=56

ความคิดเห็น

N-joys
N-joys 16 พ.ย. 52 / 17:23
โอ้..พี่อ้อ เป็นบทความที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ  นกขอเมมไว้ในเครื่องเก็บไว้อ่านเพื่อกระตุ้นตัวเองเลยนะคะพี่อ้อ  อยากบอกว่าชอบมากๆ อ่านแล้วเห็นด้วยกับหลาย ๆ อย่าง แล้วอยากบอกว่าทำให้นกเริ่มรู้สึกกระตือรื้อร้นในนิยายตัวเองต่อขึ้นมาทันทีเลยค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะพี่สาว สำหรับบทความที่ดีและมีประโยชน์มาก ๆ
ความคิดเห็นที่ 2
อืมมมม มันก็จริงเนาะ

มันก็ต้องมองตลาด มองคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ยืนกระต่ายขาเดียวในแบบของฉันท่าเดียว
bp_ben
bp_ben 22 ธ.ค. 52 / 01:43

เป็นบทความที่ดีจริงๆ เข้ามา Blog พี่่อ้อแล้วได้อะไรกลับไปเสมอเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ... บทความนี้ใช้ได้กับทุกอาชีพเลยค่ะพี่อ้อ ... เจ้าเบ็ฯไม่ได้เป็นนักเขียน อ่านแล้วก็ "โดน" เหมือนกัน และจะพยายามทำตามคำแนะนำบ้าง ... คือฟังให้มากขึ้น เพื่อก่อ เกิด พัฒนา ... นะคะ ...

มีเรื่องนึงที่ใช่ ตรงๆ เลยค่ะ คือเรื่องที่โตขึ้นแล้วเราจะไม่ได้เขียน ... เป็นเรื่องจริงของเจ้าเบ็นเลยค่ะ ... ตอนเด็กๆ คิดอยากจะเป็นนักเขียน ... เวลาผ่านไป และผ่านไป นักอยากจะเขียนที่ไม่เขียนก็ได้เป็นแค่นักอยากจะเขียนที่รักการอ่านคนเดิม ... ว้า ... 

ในฐานะคนอ่าน ... จะพยายามไม่เป็น "เงา" นะคะ ที่ผ่านมาเวลาชอบก็จะกรี๊ดกร๊าดตาหลอด ตาหลอดล่ะค่ะ แต่อย่างที่บทความว่าไว้ค่ะ ... เวลาไม่ชอบก็ไม่อยากจะทำให้นักเขียนเสียใจค่ะ เพราะการที่เราไม่ชอบ คนอื่นอาจจะชอบก็ได้ ... เลย "เงียบ" ทุกที ตค่อไปอย่างน้องจะทักทายนะคะ ... เพื่อให้นักเขียนได้รู้ว่า ... อย่างน้อยงานของุณก็สดุดตา เพียงแต่ต้องหาอะไรมาดึงดูดใจให้เราอ่านต่อไปจนจบอ่ะเนอะ ... 

รักพี่อ้อค่ะ... ขอบคุณอีกทีสำหรับบทความดีๆ นะคะ

ความคิดเห็นที่ 4
ขอบคุณค่ะ มันจะไม่ใช่แค่ฝัน สัญญาค่ะ