ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักข้ามภพ

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มต้นโชคชะตา (อัพครั้งแรก 27 ต.ค. 49)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 244
      0
      1 ธ.ค. 49

    ตอนที่ 1 เริ่มต้นโชคชะตา

     

                มัณฑิตา หญิงสาวกำลังเดินดูข้าวของเครื่องใช้ ที่วางขายข้างทางตามแหล่งชุมชนใกล้บ้าน ซึ่งมีผู้คนเดินกันพลุกพล่าน มันเป็นปกติสำหรับสมัยนี้ที่คนส่วนใหญ่จะหาอาชีพเสริมอีกอาชีพ นอกเหนือจากการทำงานประจำ เพราะภาวะเศรษฐกิจของทุกวันนี้ ทุกคนมีค่าใช้จ่ายสาระพัดที่ต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถโดยสาร และค่าอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง ก่อให้เกิดมีอาชีพใหม่เกิดขึ้น บางคนเรียกมันว่า เปิดท้ายขายของ (ทั้งของเก่าและใหม่) เธอเดินดูไปจนเกือบจะสุดปลายทางเดิน ตรงนั้นมีหญิงชรานั่งขายสินค้าที่ทำด้วยมือ ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจแกเลย มัณฑิตา เห็นแล้วเกิดสงสารคุณยาย จึงเดินเข้าไปถาม

                   ยายจ๊ะ ยายขายอะไร

                   ตะกร้าสานจ๊ะ สานจากต้นราย

                   หญิงสาวฟังชื่อต้นไม้ที่ยายบอก ไม่ยักกะเคยได้ยินชื่อแฮะ แต่ก็เอาเถอะ ช่วยยายแกสักหน่อย เหลืออีกไม่กี่อันแล้ว แกจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน

                   ยายขายอันเท่าไหร่จ๊ะ

                   อันละ 20 เท่านั้นจ๊ะหนู

                   เอางี้ยาย หนูเหมาหมดเลย เหลือแค่ 5 อันใช่ไหมจ๊ะ แต่หนูจะให้เงินยาย 200 นะจ๊ะ

                   โอ ยายทำท่าดีใจ และกล่าวต่อ ขอบใจแม่หนูมากเลยนะจ๊ะ ยายจะได้กลับบ้านเสียที

                   จ๊ะ

                   งั้น ยายแถมอันนี้ให้หละกัน มันเป็นตะกร้ามีฝาบิด ใครได้ไปจะโชคดี

                   ขอบคุณ คุณยายมากเลยค่ะ

                   จ๊ะ แล้วพบกัน ยายพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา จนหญิงสาวไม่ได้ยินคำดังกล่าว

     

                   เมื่อได้รับของแล้ว มัณฑิตา ก็เดินกลับทางเดิม แต่พอเดินไปได้สักหน่อย นึกได้ว่า น่าจะถามยายแกนะว่า บ้านอยู่ไหน ไกลหรือเปล่า เผื่อจะได้ไปส่ง แต่พอหันกลับไป ปรากฎว่า ยายแกไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นซะแล้ว เอ๊ะ! ทำไมแกหายไปไหนเร็วจัง ช่างเถอะกลับบ้านดีกว่าเรา

               

                เวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน ทุกอย่างในบ้านเงียบ ไฟเกือบทุกดวงในบ้านปิดเกือบหมด ยกเว้นไฟหัวเสาหน้าบ้านที่ยังคงติดอยู่ดวงเดียว พอนาฬิกาตีบอกเวลาว่า เที่ยงคืน ก็ปรากฎมีแสงเรืองรองขึ้นในห้องนอนของหญิงสาว พร้อมหมอกสีขาวจาง ๆ ทั้งสองอย่างพวยพุ่งออกมาจากตระกร้าสานใบที่มีฝาปิด และแผ่ปกคลุมไปทั่วห้อง จนขณะนี้ถ้ามองจากภายนอก จะเห็นว่า ห้องนั้นเรืองแสง เวลาผ่านไปสักพัก หมอกสีขาวจาง ๆ  และแสงเรืองรองก็หายไป พร้อมกับร่างของหญิงสาวเจ้าของบ้านที่นอนหลับสบาย ก็หายไปด้วย

     

                   มีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องมากระทบใบหน้าหญิงสาว ลมโชยมาพร้อมกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้มัณฑิตา ค่อย ๆ ลืมตา สายตายังพร่ามัว เพราะแสงที่ส่องลงมา อยู่ตรงหน้าเธอพอดี พอลืมตาได้เต็มที เธอก็ต้องตกตะลึง กับสิ่งที่พบเห็น เธอเอามือขยี้ตาอีกครั้ง เพื่อให้ภาพที่เห็นในขณะนี้หายไป แต่มันก็ยังคงเป็นภาพเหมือนเดิม

     

                   เฮ้ย! ที่นี่ที่ไหนเนี้ย ทำไมฉันมานอนอยู่ตรงนี้หล่ะ หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงอันสูง หลังจากลืมตาได้เต็มที่ แล้วมองดูรอบ ๆ สถานที่ที่เธออยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ห้องนอนสีชมพูของเธอแน่นอน แต่กลายมาเป็นพื้นหญ้าสีเขียวใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ มองออกไปเป็นทุ่งดอกไม้หลากหลายสีสัน ส่งกลิ่นหอมบาง ๆ มาเป็นคลื่นด้วยแรงพัดพาของสายลม  ฉันฝันไปหรือเปล่าเนี้ย พอนึกได้ก็ลองหยิกตัวเองดู

    โอย ไม่ได้ฝันไปนี่ แล้วเรามาอยู่ตรงนี้ได้ไง หญิงสาวหวั่นวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง นี่ถ้าเป็นความฝัน มันเป็นสถานที่ที่สวยงามมากทีเดียว แต่ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ชมธรรมชาติแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับฉัน แล้วจะกลับบ้านได้ยังไง พูดพลางยันตัวเองให้ลุกขึ้น ชุดนอนบาง ๆ สีชมพู ยามต้องลมก็เลยพริ้วไหว หญิงสาวมองไปรอบ ๆ เพื่อหาอะไรบางอย่าง ที่พอจะให้คำตอบกับเธอได้ แล้วก็ต้องผิดหวัง นอกจากต้นไม้ใหญ่ พื้นหญ้าสีเขียว พร้อมดอกไม้นานาพันธุ์แล้ว ที่นี้ไม่เห็นมีอะไรที่จะเคลื่อนไหวได้เลย หญิงสาวมีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนท่าที เราจะมากลุ้มใจทำไม ลองออกค้นหาดีกว่าว่า เราอยู่ที่ไหน และจะกลับบ้านได้ยังไง เธอจึงเริ่มออกเดิน เอาเป็นทางทิศตะวันออกแล้วกัน ไหน ๆ ก็ไม่รู้จะไปทางทิศไหน เลือกพึ่งท่านละกันนะค่ะพระอาทิตย์ หญิงสาวแม้จะหวาดกลัว แต่ด้วยความเป็นคนที่ต้องพึ่งตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ด้วยเพราะพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปเมื่อเธออายุได้ 10 ขวบกว่า ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่กับน้าสาว น้องของแม่ ที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เธอต้องคอยดูแลน้าสาวพร้อมกับเรียนไปด้วย ส่วนเรื่องเงินทองนั้น พ่อแม่ของเธอทำประกันอุบัติเหตุไว้ เนื่องจากพ่อแม่มีธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อย นอกจากเงินในส่วนของประกันอุบัติเหตุแล้ว ธุรกิจที่พ่อแม่ทำไว้ ก็มีผลตอบแทนทุกเดือน ถึงแม้คนที่ทำจะเสียชีวิตไปแล้ว ทายาทก็จะได้รับผลประโยชน์ก้อนนั้นแทน เธอจึงไม่ค่อยลำบากเรื่องเงินทองเท่าไหร่ หลังจากนั้นไม่นาน พอเธอเข้ามหาวิทยาลัย น้าสาว ญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเธอ ก็ต้องมาเสียชีวิตเพราะโรคที่เป็นอยู่ มัณฑิตา จึงตัดสินใจขายบ้านนั้น แล้วซื้อบ้านหลัง ๆ เล็ก ที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย และ หลังจากจบ เธอก็โชคดีได้งานใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัย

    อ๊ะ! เสียงอะไร เหมือนเสียงเครื่องดนตรี

    เธอเริ่มมีความหวัง อย่างน้อยแถวนี้ก็มีคนอยู่ เสียงมาจากข้างหน้า เร่งฝีเท้าหน่อยแล้วกัน พอวิ่งมาใกล้เสียงนั้น มัณฑิตา ก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×