ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิกบารามอส) ยิ้มหน่อยน่า คาโล

    ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องคืนนั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.42K
      28
      12 ก.ย. 48

    อัพช้านิดอย่าว่ากัน  ถ้าเสิร์ชดูจะรู้ว่าเราเป็นคนโลภแต่งหลายฟิค  แต่รับรองไม่หายไปไหนตราบใดที่ยังมีคนมาอ่าน

    *****************************************************************************************



    “…ฉันรักนายมากที่สุดยิ่งกว่าชีวิตของฉัน  ถ้าไม่มีนายอยู่ฉันขอตายซะดีกว่า...”  เสียงเล็กๆพยายามเก๊กให้เป็นเสียงใหญ่



    “คาโลพูดอยางนั้นจริงๆเหรอเฟริน”  เสียงนี้มาจากแองจี้ผู้ที่ตาโตไปกับเรื่องเล่าอันไม่น่าเชื่อ



    “ช่าย” หัวขโมยไม่พูดเปล่าพลางยักไหล่  “แล้วตอนนั้นฉันก็เลยตอบไปว่า ถ้านายขาดฉันไม่ได้ขนาดนั้นฉันจะยอมกลับไปด้วยก็ได้”  



    “คุณคาโลพูดถึงขนาดนั้น  ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ” แม้แต่เรนอนก็ไม่อยากเชื่อ



    “จะทำไงได้ล่ะ  ก็หมอนั่นมันหลงฉันซะจนหน้ามืด  ถ้าฉันไม่ยอมรับรักมันๆคงคลั่งอาละวาดเสียผู้เสียคนแน่  ไอ้ฉันมันคนดีกลัวคนอื่นเดือดร้อน  ก็เลยต้องกลับมาอย่างเสียไม่ได้”  บทง้อสาวของคาโลที่สกอร์ปิโอถูกนำมาใส่ไข่อย่างไม่เหลือชิ้นดีด้วยความสนุกปากของเจ้าคนปากพล่อย  ทำเอาแองเจลิน่านึกเสียใจแทนเจ้าชายแห่งคาโนวาลอยู่ครามครันที่มาหลงรักคนอย่างมันจนโดนเอามาเผาเละแบบนี้



    “ดึกแล้ว  หยุดโม้แล้วไปนอนซะ”  เสียงมาทิลด้าดังขึ้น  เรนอนมีสีหน้าเสียดายหน่อยๆเพราะกำลังมัน



    “ครับ  ไปกันเถอะแองจี้  ฉันเริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน”  เฟรินอ้าปากหาว  พลางลากเพื่อนร่วมห้องจอมดุที่ต้องมาร่วมห้องกันตอนปีสามกลับไปนอนห้องข้างๆ  



    แองจี้มองมือที่ลากแขนตนพลางคิดถึงตอนมาร่วมห้องกันใหม่ๆแล้วก็นึกขำ  ตอนขึ้นปีสามวันแรกเจ้าตัวดีอาละวาดจนพวกเธอกับคาโลปวดประสาท  เจ้าหล่อนโวยวายจะไม่ยอมย้ายท่าเดียว  จนสามสาวอยากจะแพ่นกบาลเข้าให้  



    ไม่ได้อยากง้อให้มันมาอยู่ด้วยสักนิด



    แต่ผู้หญิงทั้งแท่งมันจะไปนอนกับผู้ชายสองคนได้ยังไงเล่า  



    แต่มันก็อ้างว่ามันก็นอนกับผู้หญิงไม่ได้เหมือนกัน  สยิว



    แล้วคาโลก็ลากตัวมันหายไปพักใหญ่แล้วก็กลับมาแบบหน้าแดงๆทั้งคู่ให้เพื่อนๆพากันสงสัย  เจ้าชายน้ำแข็งไม่ยอมพูดอะไรซึ่งก็ไม่มีใครกล้าถาม  ส่วนเจ้าตัวดีก็เดินไปเก็บของอย่างเรียบร้อยผิดปกติ  แล้วก็ไม่ยอมเอ่ยปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสักคำไม่ว่าจะถูกคาดคั้นเท่าไหร่ก็ตาม



    “พรุ่งนี้ก็หมดเทอมแล้วสิ”  เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลทิ้งกายลงบนเตียงพลางมองข้าวของที่เก็บไว้เรียบร้อยแล้ว(ด้วยการบังคับของสามสาว)  “เธอจะกลับบ้านเลยมั้ยแองจี้”



    “กลับเลย  เพราะมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย”  เสียงดังมาจากในห้องน้ำ



    “อืม  มีแต่ฉันที่ยังไม่รู้จะทำไงหรือนี่  บ้านก็ไม่มีให้กลับซะด้วย”



    “ก็กลับเดมอสของนายไปสิ”



    “มันยากนา  ขนาดตอนนั้นไปกันตั้งหลายคนแถมมีพี่อาร์เธอกับพี่โรเวนอยู่ด้วยยังแทบม่อง”



    “แล้วพ่อมาดัสของนายล่ะ”



    “ไม่ได้ข่าวเลย  สงสัยหลงสาวๆสวยๆอยู่เกาะทางใต้ไม่กลับมาแล้วมั้ง”



    “นายก็ไปเกาะทางใต้บ้างสิ”  แองเจลิน่าเดินเช็ดผมมานั่งเตียงข้างๆ  เฟรินจึงคว้าผ้าเช็ดตัวตรงไปห้องน้ำบ้าง



    “น่าสนๆ” สาวน้อยพยักหน้าหงึก “เสียแต่ว่าฉันมันไร้น้ำยาซะแล้วนี่สิ” ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็ยิ้มตาเป็นประกายก่อนหลบคทาที่ฟาดมาอย่างไม่ยั้งพลิ้วกายเข้าห้องน้ำไป



    “เฟริน  อาจารย์คิงชามัลเรียกนายไปพบพรุ่งนี้เช้า”  เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงเย็นๆของหัวหน้าป้อม  เสียงอู้อี้ดังออกมาจากห้องน้ำฟังไม่รู้เรื่อง



    “เดี๋ยวฉันปลุกให้”  เสียงใสๆของแองจี้ตอบแทน  เสียงฝีเท้าจึงค่อยๆห่างจากประตูออกไป  



    แล้วราตรีก่อนสุดท้ายของปีสามก็สิ้นสุดลง







    “มีอะไรเหรอฮะ  อาจารย์”  



    น้ำเสียงงัวเงียจากผู้มีศักดิ์เป็นหลานทำเอาคิ้วคิงชามัลขมวดมุ่น  นี่ขนาดมีคนตั้งใจปลุกจนเห็นรอยช้ำเล็กๆที่หน้าผาก  มันยังมาถึงก่อนพิธีจบการศึกษาแค่ 3 นาที  แถมหัวหูยุ่งเหยิง  เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย  ไม่สมกับยศเจ้าหญิงแห่งบารามอสแม้แต่นิดเดียว



    “เธอควรจะพูดว่าเพคะ  เฟลิโอน่า”  ดวงตาหรี่ลงอย่างหงุดหงิด  หรือหนึ่งปีที่ผ่านมากับสามสาวจะสูญเปล่า



    “เพคะ”  ปากเล็กๆหาวอีกรอบ  ผู้มีศักดิ์เป็นตาได้แต่ส่ายหัวปลงชีวิต



    “ได้ยินว่ามาดัสไม่ได้ติดต่อมาเลยหรือ”



    “ฮะ…เอ้ย  เพคะ”  คราวนี้สาวเจ้าดูตื่นมากกว่าเมื่อกี้เพราะความประหลาดใจ



    “แล้วจ้าวเอวิเดสล่ะ”



    “ก็ไม่มีฮะ...เพคะ”   หัวสีน้ำตาลส่ายดึบๆ



    “งั้นสนใจจะไปอยู่บารามอสมั้ย”



    “หา…เพคะ”  ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง  แต่ก็ยังไม่ลืมที่พระเจ้าตาสอนสั่ง



    “ยังไงเธอก็สืบเชื้อสายมาจากท่านพี่และอลิเซีย  มันไม่แปลกเลยสักนิดที่เธอควรจะรู้จักบารามอสที่ทั้งคู่รักหรือทำความรู้จักกับญาติๆของเธอ”  ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธอนิ่ง “และบางที  การไปอยู่ในวังสักสองสามเดือนอาจจะทำให้ความป่าเถื่อนของเธอลดลงไปได้บ้าง”



    คำปรามาสนั้นทำเอาเฟรินยิ้มแหย  เธอไม่ได้เป็นคนบ้าสงครามสักหน่อย  รู้สึกว่าการอยู่ป้อมอัศวินจะทำให้ในสายตาพระเจ้าตาคนนี้แล้วเธอเหมือนลิงเถื่อนขี้เซา  

        

    เมื่อเห็นคนเป็นหลานนิ่งไปไม่ตอบทันทีพระราชาแห่งบารามอสก็รีบต่อความโดยไม่รอช้า



    “ฉันไม่ได้บังคับเธอหรอกนะ  ถ้าจะไปก็บอกฉันก่อนอาหารค่ำวันนี้  ไปได้”



    “ฮะ...เพคะ”  คำตอบรับทำให้พระเจ้าตาคิ้วกระตุกก่อนที่ร่างบางจะเดินงงๆออกมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×