akoya98
ดู Blog ทั้งหมด

รักใสใส หัวใจหมาหมา

เขียนโดย akoya98


 


          แรกที่ฉันเห็นปกหนังสือเล่มนี้ในร้านหนังสือมือสอง    “รักใสใส หัวใจหมาหมา”  ฉันก็นึกเขม่นคนเขียนอยู่ในใจ   เหตุว่าตั้งขื่อล้อเลียนซีรีส์สุดโปรดของฉัน“รักใสใส หัวใจ 4 ดวง”    แต่เมื่อแลเห็นชื่อผู้เขียน ดวงหทัย ศรัทธาทิพย์ ฉันก็ยิ้มหน้าบาน  คว้าหนังสือไปจ่ายเงินโดยไม่ลังเล

นามของพี่เล็ก-ดวงหทัย (ขออนุญาตเรียก “พี่” ด้วยความเคารพรักยิ่ง) ฉันยกย่องให้เป็นผู้มีความสามารถเก่งฉกาจเรื่องการเขียน  ในด้านทำให้คนอ่านหัวเราะงอหงาย น้ำตาเล็ด ชนิดหาตัวจับยากคนหนึ่งของวงการนักเขียน-นักแสดง   ฉันหลงรักพี่เล็กครั้งแรกตั้งแต่ได้อ่านหนังสือของเธอเรื่อง “ไม่ร้ายไม่ใช่หญิง”  และฉันก็หลงรักหัวปักหัวปำเมื่อพี่เล็กออกหนังสือชื่อโดนใจฉันว่า... “มีผัวเสียทีดีไหมหนอ”

 

“ริงโก้  รักใสใส  หัวใจหมาหมา”   เริ่มเรื่องที่.....

ฉันเป็นคนไม่รักหมา  ไม่มีความกรี๊ดกร๊าดหลงใหลได้ปลื้มในตัวหมา  ไม่จำเป็นไม่ยุ่งกับหมา ไม่มีหมาเป็นของตัวเอง  อย่าว่าแต่มี...แค่คิดยังไม่เคย

ที่ว่าไม่รักหมา...ไม่ได้แปลว่าเกลียด  ไม่รักคือไม่รัก  หรือแถวบ้านเรียกเฉย ๆ แค่ไม่อยากร่วมทุกข์ร่วมสุข  ห่วงหา ครอบครอง พันพัว นัวเนีย

ความรู้สึกต่อหมาคล้ายความรู้สึกต่อผัวเพื่อนคือ พูดคุยหยอกล้อได้ตามสมควร รับรู้ถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่ายแต่ไม่เอ็นดู  ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดสัมผัสคลุกวงใน  อย่ามาเลียหน้าเลียตา เลียปาก หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย

...วันใดแกบังอาจนำร่างกายอันมีขนดกทั่วร่าง อวลกลิ่นสาบสาง ปากอ้า ลิ้นแลบ หายใจหอบกระเส่า น้ำลายฟูมปาก  กระโดดขึ้นมาบนเตียงฉัน

...วันนั้นละมึง...จะตะเบ็งกรี๊ดใส่ให้หูแตก  ด่าคำหยาบคาย  โดดเตะพลั่กเข้ากลางลำตัว  ซ้ำใช้เท้าผลักจนหัวคะมำกลิ้งให้มันรู้เช่นเห็นชาติกันไปเลยว่า นี่หมา...หรือผัวเพื่อน

            นั่นเป็นเพียงห้วงคำนึงอันหฤหรรษ์

            ในโลกแห่งความจริง  ฉันก็ยังต้องอยู่ร่วมกับคนรักหมา  ทั้งที่รักดั่งบรรพบุรุษ ดั่งทายาท และดั่งดวงใจ

            ...แล้ววันหนึ่งฟ้าก็ผ่าลงมากลางใจฉันอย่างเลือดเย็น

            เมื่อพี่สาวผู้สมรสไปใช้ชีวิตอยู่ ณ ประเทศอิตาลีนานปี นางปรากฏร่างที่ท่าอากาศยานดอนเมืองพร้อมลูกหมาเพศผู้พันทาง  ประมาณเทอร์เรียผสมชเนาเซอร์ผสมอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ผิดส่วน จึงมีหน้าตาแปลก ๆ ดูเผิน ๆ คล้ายหนอนบุ้ง  ลำตัวมีขนสามสี  ดำ เทา บลอนด์ เฉพาะใบหน้าเป็นสีเทา ๆ ทอง ๆ มีหนวดมีเคราฟูเฟิ้มแบบสัตว์หน้าขน...ไว้ใจไม่ได้...ที่โบราณเตือนเด๊ะ  ท่าทางซึมเซากะปลกกะเปลี้ยอมโรค

            “มันชื่อริงโก้  เพื่อนบ้านเรา...คอร์เนเยียให้มา  มันเป็นหมานักล่า  แม่ของมันหาเห็ดทรอฟเฟิลได้ด้วย  ริงโก้จับนก จับหนูเก่ง ต้อนฝูงสัตว์ได้”

            ...ฉันไม่ได้เป็นพรานป่า...ไม่มีฝูงปศุสัตว์...ไม่ต้องมาบอกก็ได้...

            ...ถึงบ้านแล้ว...พี่สาวฉันยังเล่าถึงอัจฉริยภาพของหมาไม่จบ  ส่วน “สัตว์หน้าขน” ได้แต่นอนขดเป็นครึ่งวงกลมหายใจพะงาบ ๆ  ...เหตุเพราะหมอให้ยานอนหลับอ่อน ๆ มันมา  กันมันลุกขึ้นอาละวาดบนเครื่อง

            พี่ฉันมั่วนิ่มบรรจงวางสัตว์หน้าขนบนเตียงของฉัน บนผ้าห่มขาวสะอาด ระหว่างหมอนน่าหนุนของเราสองพี่น้อง  ฉันยังไม่ทันกระพริบตาเลยตอนที่มันทำเสียงไอแค่ก ๆ แล้วขยอกขย้อนอ้วกออกมาเป็นระลอก ๆ ...สีเหลือง ๆ ปนขาวปนดำ

            ...ไม่เป็นไร...ฉันเบือนหน้า  สูดลมหายใจยาว...แค่อ้วกหมาบนเตียง...แหวะ...คลื่นไส้

            เราต้องไม่โวยวาย...เราเป็นคนสวย...คนสวยไม่กระทืบตีน  ไม่ด่าคำหยาบ...เพื่อความสุขของพี่น้อง เราทนได้ทุกอย่าง

            เมื่อชีวิตมาถึงจุดตกต่ำ ต้องให้มันต่ำจนถึงที่สุด  เอาเถิด...อยากอ้วก...อ้วกไป   ตอนนี้สัตว์หน้าขนเริ่มลุกขึ้นยืนเซ ๆ ย่อขานิด ๆ...ฉี่ราดเลย...ฉี่สิ...อึแตกเลยเป็นไง  หายนะจะได้สมบูรณ์

 

            นี่เป็นเหตุการณ์วันแรกที่ได้พบกันระหว่างพี่เล็กกับเจ้าริงโก้     เพียงเท่านี้ฉันก็ถึงกับยิ้มไม่หุบ น้ำหูน้ำตาเล็ด

 

ค่ำแล้ว...เราต้องกลับมากินอาหารค่ำกับหมา...และพี่สาว  นางยกสลัดผักชามโตมาวางตรงหน้าฉัน  ถลันไปผัดเคล้าสปาเก็ตตี้ปลาเค็มบนเตา ที่กระทะข้าง ๆ สเต๊กชิ้นเขื่องส่งเสียงจี่ ๆ

“เสร็จรึยัง...หิว ๆ ๆ...” ฉันโวยวาย

“เสร็จแล้ว  กินได้เลย” นางบุ้ยไปยังชามสลัด

“ไม่ใช่...สปาเก็ตตี้กับสเต๊กตะหาก”

“ของริงโก้”

“ฮ้า...” ฉันตกใจจริง ๆ ไม่กระแดะ...คนกินแค่สลัดผัก  หมากินสปาเก็ตตี้  สเต๊ก

“ดีแล้ว..เธอจะได้ไม่อ้วน  กลับมาคราวนี้เธอ ใหญ่ ขึ้นนะ เป็นดาราต้องสำเหนียกว่าอะไรควรกิน ไม่ควรกิน”

“ทำไมหมาไม่กินอาหารหมาเม็ด ๆ” ฉันพ้อเบา ๆ หิวโหย หดหู่

“เพราะมันไม่เคยกิน มันไม่ยอมกิน ตั้งแต่อยู่อิตาลีแล้ว ต้องทำอาหารมาให้มันเลือกมื้อละ 2 อย่าง...ถ้าทำอย่างเดียวแล้วมันไม่พอใจ มันก็ไม่กิน ปล่อยให้บูดคาชามซะอย่างงั้น”

...นรกเรียกมึ-งแล้วละ หมาตัวนี้...ถ้านรกเรียกพี่เรียกน้องแปลว่าเขายังพอนับถือเอ็นดู  แต่นี่...นรกเรียกมึ-

“งั้นดี...เอามาให้มันเลือกเลย จานไหนเหลือเลือกเราขอ...”

ฉันไม่แค้น  ไม่เศร้า ไม่มีน้ำตาจากคนอย่างเรา

ให้มันรู้กันไป...ว่านางพญาผู้เย่อหยิ่งยามอยู่ต่อหน้าบุรุษทั้งหลายที่หมายปอง...เบื้องหลังแล้ว...เธอมันแค่อาศัยหมากินประทังชีวิตไปวัน ๆ...

...ตลกรับประทานอาหารหมา...

เรื่องราวของสามชีวิต-สองคนกับอีกหนึ่งตัวได้ผ่านคืนวัน  ผ่านท่อระบายน้ำ ผ่านชายทะเล และผ่านมือเด็กข้างบ้านที่ผอมเหมือนแย้-เด็กแย้  จนกระทั่งวันหนึ่งริงโก้พา “หญิง” มาเปิดตัวที่หน้าบ้าน

เป็นหญิงสูงวัยที่ผ่านการมีบุตรมาแล้วอย่างเห็นได้ชัด

“ริงโก้...เข้าบ้าน”  เสียงของนางเย็นชา  สีหน้าบอกบุญไม่รับ

ริงโก้มองนาง...สลับกับมองหน้าหญิง...ลังเลนิ่งอยู่

“ริงโก้...บอกให้เข้าบ้าน...ไม่ได้ยินรึไง”  เสียงนางเข้มขึ้น หน้าเครียด

“ริงโก้...เข้ามาเดี๋ยวนี้นะ...หนึ่ง...สอง...” นางไม่กล้านับสาม

“ลองดีเหรอริงโก้...อยากโดนตีใช่มั้ย”   นางไม่เคยตีหมาแม้แต่เปี๊ยะเดียว

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญปัญหาทางเพศและปัญหาครอบครัว...ฉันรีบออกมาช่วยไกล่เกลี่ย...

“ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จาไม่ดีกว่าเหรอ...ริงโก้มันกำลังแรง  เธอเล่นหักหาญน้ำใจข่มขู่อย่างนี้มันก็อายหญิงมันแย่สิ  ถ้ามันเชื่อเธอมันก็หน้าแหกต่อหน้าหญิง  อีกหน่อยจีบหญิงไม่ติดกันพอดี”  ฉันกระซิบกระซาบ

“หญิงสารรูปอย่างเงี้ยไม่ต้องจีบหรอก”  พี่สาวฉันจิกเสียงชัด  เน้นหนักที่คำว่าสารรูป  “ไก่แก่แม่ปลาช่อน...นมยานขนาดเนี้ย...ผ่านมาเท่าไหร่แล้วล่ะ...น่าจะมีลูกมาไม่ต่ำกว่าสามครอกแล้วนะ  รอบจัดซะขนาดนี้  คิดเหรอว่าจะจับริงโก้ง่าย ๆ  ใฝ่สูงเกินไปรึเปล่า  แก่คราวแม่อย่างเธอ...ไปหาเอาดาบหน้าเถอะ  ริงโก้เข้าบ้าน...”  พี่สาวฉันปราดไปดึงริงโก้เข้ามาในรั้ว

น้องนมยาน  หรืออีกนัยหนึ่ง หญิง ขอริงโก้ผวาจะตามเข้ามา

แต่นางว่องไวกว่า  กระชากประตูปิดปัง

“ส่วนเธอมาทางไหน...ไปทางนั้น...อย่างเธอไม่คู่ควร”

น้องนมยานยังยืนนิ่ง  สบตาริงโก้ขอความเห็นใจ  แววตาระทมตรมย้วย

หากมองด้วยสายตาเป็นกลางแล้ว  จริงอยู่ที่นางหมาไทยสีขาวผอมโกรก  สูงอายุ ทรวงอกคล้อยหย่อนยาน หนังท้องลายพร้อยยานโพรก โกโรโกโรค หน้าแหลม ตาเศร้าตัวนี้...ช่างต่ำต้อย  ไม่เหมาะกันเลยกับริงโก้หนุ่มน้อยรูปงามชาติตะวันตก

...แต่ถ้าจะให้ข้าวมันซักจาน...

“ไม่...เธออย่ามาหวังอะไรจากที่นี่  ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ  ถ้าจะมีอะไรกัน...ไปมีข้างนอก  ถือว่าฉันไม่รับรู้  แต่อย่าหวังจะเข้ามาเดินลอยหน้าในบ้านหลังนี้  ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ...จำไว้...นังนมยาน”

นางอุ้มริงโก้สะบัดหน้าเข้าบ้านไป

จิตใจของฉันปวดร้าวจนต้องเตือนตัวเองดัง ๆ ว่าฉันคือดวงหทัย...ฉันคือดวงหทัย

ฉันไม่ใช่อีนมยาน...สูงอายุ...อย่า “อิน” มาก ไม่ต้องร้องไห้

ฉันยังเป็นดาวประจำใจผู้ชายหายคนในประเทศนี้...ดวงหทัย...เย็นไว้

ตั้งแต่วันนั้น...ริงโก้ก็ไม่ได้รับอิสรภาพเต็มร้อยเหมือนเมื่อก่อน...

 

ขณะที่ริงโก้ถูกจำกัดอิสรภาพด้วยเหตุว่า คุณหญิงแม่ ไม่ปลื้มกับ น้องนมยาน ก็พอดีที่เพื่อนคนหนึ่งของพี่เล็ก-ดวงหทัย มาทาบทามขอริงโก้ไปเป็นพ่อพันธุ์ให้กับปุยฝ้าย...สุนัขชิสุ เพศเมีย อายุ 2 ขวบ ยังไม่เคยผ่านการผสมมาก่อน  

...คุณหญิงแม่จะตัดสินใจอย่างไร?   ความรักของริงโก้กับน้องนมยานจะสมหวังหรือไม่?  ฉันอยากให้คุณผู้อ่านบทความนี้สัมผัสอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ  ของเรื่องนี้ด้วยตัวเอง  ในหนังสือเล่มบาง ๆ ความหนาเพียง 133 หน้า ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้เป็นคนรักสัตว์  ไม่ชอบผูกพันกับหมา (และผัวเพื่อน) หวังจะอ่านเอาฮา...แต่สุดท้ายก็แอบมีน้ำตาซึม

นี่ขนาดเป็นเรื่องของหมา(ที่ฉันไม่รักและผูกพัน)นะเนี่ย!

 

ปล. อาจจะหาซื้ออ่านยากสักหน่อย เพราะตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2547  

ความคิดเห็น

valerie
valerie 1 ต.ค. 56 / 14:23
เราก็เลี้ยงหมาค่ะ..
แต่ไม่ค่อยหาหนังสือเกี่ยวกับหมามาอ่านเลย
akoya98
akoya98 5 ต.ค. 56 / 14:20
ยังจำได้ค่ะว่า  ครั้งหนึ่งหมาของวิฬารีหายตัวออกไปจากบ้าน
แต่สุดท้ายก็ได้กลับคืนมา ^ _ ^