[DGM Fiction] *~Sweetish Delusion~* [AllenxKanda] - [DGM Fiction] *~Sweetish Delusion~* [AllenxKanda] นิยาย [DGM Fiction] *~Sweetish Delusion~* [AllenxKanda] : Dek-D.com - Writer

    [DGM Fiction] *~Sweetish Delusion~* [AllenxKanda]

    โดย RoconRaZer

    เรื่องนี้พี่เราฝากมาลง เป็นฟิครั่วๆ(?) แอบเรท(?)เล็กน้อย ยังไงอ่านแล้วก็ช่วยเม้นกันด้วยนะจ๊ะ ^ ^

    ผู้เข้าชมรวม

    2,211

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    2.21K

    ความคิดเห็น


    35

    คนติดตาม


    18
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 เม.ย. 50 / 14:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [DGM Fiction]♥ ♠Sweetish Delusion ♣ ♦
      By Zephyruz Lazenth ReN
      Pairing : AllenxKanda
      Rate: PG13+
      (หรืออาจมากกว่านั้น ^ ^;)




      ตึก...ตึก....ตึก...ตึก....

      เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังก้องไปทั่วบริเวณทางเดินที่เงียบสงัด ท่ามกลางบรรยากาศมืดครึ้มของยามเย็นที่เริ่มปกคลุมศาสนจักรแห่งความมืด

      “ง่ะ  น่ากลัวจัง รู้งี้ให้พี่มาส่งที่ห้องก็ดีหรอก”  รินารี่ สาวน้อยเจ้าของเสียงฝีเท้าบ่นพึมพำกับตนเอง  พลางมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง  หนังสยองขวัญที่เพิ่งดูกับพี่ชายเมื่อครู่นั้น ส่งผลให้เธอหวาดกลัวกับบรรยากาศรอบข้างเป็นพิเศษ

      ตึก...ตึก....
      ..กึก

      พลันเสียงฝีเท้าของเธอก็หยุดลง เมื่อรู้สึกเหมือนกำลังถูกใครบางคนจ้องมองจากทางด้านหลัง รินารี่รวบรวมความกล้าของตน ก่อนจะค่อยๆเอี้ยวคอไปมองด้านหลังอย่างช้าๆ


      ..............................................................................


      ‘อ๊ะ...เอ๋?’  เธออุทานกับตัวเองเบาๆด้วยความประหลาดใจปนตื่นตระหนก  เมื่อไม่พบร่างของเจ้าของสายตาคู่นั้น รวมถึงสิ่งใดเลย  ด้านหลังของหญิงสาวมีเพียงทางเดินว่างเปล่าที่ไร้ผู้คน
      แต่ความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอยู่นั้นกลับยังคงอยู่อย่างเด่นชัด  เธอมั่นใจว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆที่อยู่ด้านหลัง และถ้าความคิดของเธอไม่ผิดล่ะก็....

      ฝุ่บ

      เสียงของอะไรบางอย่างที่ดังขึ้นเมื่อครู่ราวกับไปกระตุ้นความคิดของหญิงสาว รินารี่ตัดสินใจออกวิ่งทันทีด้วยความกลัว  แต่จู่ๆก็มีมือลึกลับจากทางด้านหลังมาปิดปาก และดึงตัวเธอเข้ามาในห้องๆหนึ่ง

      “ว้าย ใครก็ได้ช่วยด้วย!!” รินารี่ร้องออกมาทันทีที่มือนั้นปล่อยเธอให้เป็นอิสระ  พร้อมๆกับที่ไฟในห้องสว่างวาบขึ้น

      “จุ๊ๆ  อย่าเอะอะโวยวายไปสิครับ ผมเองครับ รินารี่”

      “อะ...อเลนคุง”  หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความงุนงง เมื่อรู้ว่าตัวจริงของสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่เธอจินตนาการไปเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นเด็กหนุ่มเอ็กโซซิสท์ที่เพิ่งเข้ามาประจำการที่นี่ได้ไม่นาน

       “ทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะ?”  เธอถามออกไปเมื่อตั้งสติได้

       “คือว่า...ผมมีเรื่องสำคัญบางอย่างอยากจะปรึกษากับรินารี่น่ะครับ  แล้วก็ไม่อยากให้ใครได้ยินด้วย  ขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้ตกใจ” เด็กหนุ่มผมขาวยิ้มแห้งๆพร้อมกับก้มหัวให้

      “อ๋อ งี้นี่เอง” หญิงสาวพยักหน้ารับคำ  “แต่ยังไงคราวหลังก็มาหากันดีๆก็ได้นะจ๊ะ  ทำอย่างนี้เล่นเอาตกใจหมดเลย  ว่าแต่ เรื่องที่อเลนคุงจะปรึกษาน่ะคืออะไรเหรอ?”

      “เอ่อ...ก็คือว่า....” อเลนหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย  “คือ...รินารี่ มาทางนี้หน่อยสิครับ” เด็กหนุ่มกวักมือเรียกให้หญิงสาวเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบ


      “หา....อเลนคุงแอบชอบ....คันดะงั้นเหรอ!?” เธออุทานเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด


      “ชู่~  เบาๆหน่อยสิครับ เดี๋ยวคนอื่นเขารู้หมด”  เด็กหนุ่มรีบห้ามอย่างลนลาน ใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหู

      “อ๊ะ ขอโทษจ้ะ” รินารี่ลดเสียงลง และถามต่อ  “ว่าแต่ที่พูดมานี่จริงๆเหรอ ก็เห็นปกติเอาแต่ทะเลาะกันอยู่ตลอดนี่นา?”

      “เฮ้อ ก็นั่นแหละครับที่ผมอยากจะปรึกษา” อเลนตอบพร้อมถอนหายใจเบาๆ  “เวลาผมเข้าไปทัก ตั้งใจจะสร้างความสนิทสนมทีไร คันดะเป็นต้องพูดจาหาเรื่องทุกทีเลย แถมยังพูดออกมาว่าเกลียดผมด้วย” เขาตัดพ้อด้วยสีหน้าหม่นหมอง

      “อืม เรื่องนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติของคันดะเขาอยู่แล้วนี่นะ”  รินารี่ยิ้มเจื่อนๆ  เมื่อนึกถึงนิสัยไร้มนุษยสัมพันธ์ของชายหนุ่มผมดำร่างเพรียวบางผู้ที่กำลังถูกพาดพิงอยู่ในขณะนี้

      “อ๊ะ อย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่นอย่างนั้นสิครับ เท่าที่ผมเห็น รินารี่น่ะสนิทกับคันดะมากกว่าใครๆเลยไม่ใช่เหรอครับ  ช่วยผมคิดหน่อยเถอะนะครับ”  คราวนี้เด็กหนุ่มถึงกับก้มหัวขอร้องอีกฝ่ายด้วยท่าทางร้อนรน

      “เอ่อ...ฉันก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับคันดะเขานักหรอกนะ  ”  รินารี่ปฏิเสธ แต่เธอก็พูดต่อด้วยรอยยิ้ม  “แต่ฉันก็พอจะรู้วิธีที่จะช่วยอเลนคุงแล้วล่ะ  เอาหูมานี่สิ”

      อเลนรีบเขยิบตัวเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว และฟังแผนการทั้งหมดของหญิงสาวด้วยแววตาเป็นประกายอันเปี่ยมไปด้วยความหวัง


       

      † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † †


      เด็กหนุ่มตื่นขึ้นรับอากาศสดชื่นยามเช้า เขายิ้มเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเมฆขาวเส้นบางเป็นริ้วๆกระจายไปทั่วท้องฟ้าครามกระจ่าง วันนี้อากาศแจ่มใสราวกับจะอวยพรให้แผนการที่เขาจะลงมือทำประสบความสำเร็จ
      เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว  อเลนก็รีบไปยังโรงอาหาร  ระหว่างทางเด็กหนุ่มผิวปากอย่างอารมณ์ดี  พลางนึกทบทวนถึงสิ่งที่หญิงสาวแนะนำให้เมื่อคืน

      ‘นี่ อเลนคุง  ถ้าเธออยากจะให้คันดะยอมรับในตัวเธอให้ได้ มันก็มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้น’

      ‘อะไรเหรอครับ รินารี่  วิธีที่ว่านั่นน่ะ’

      ‘ทำให้คันดะคุงแพ้เธอซะ’


      เด็กหนุ่มยังจำได้ดีว่าในตอนแรกนั้น เขาไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวแนะนำมาเลย  และก็ปฏิเสธที่จะไม่ทำเช่นนั้นด้วย  แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายแล้ว เขาก็เห็นด้วยกับความคิดนั้น
      ทันทีที่อเลนก้าวเข้าไปในโรงอาหารซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าเอ็กโซซิสท์ และหน่วยค้นหาที่ทยอยกันลงมาทานอาหารเช้า เด็กหนุ่มก็ใช้ดวงตาสีขี้เถ้าของตนสอดส่องไปรอบๆห้องเพื่อหาเป้าหมายของตน....ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวผู้มีผมสีดำยาวสลวยผู้นั้น  แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่  ก็ไม่เห็นคนที่เขาต้องการจะพบเลย  ในขณะที่เขาเริ่มตาลายอยู่นั้นเอง.....

      “เฮ้  เจ้าถั่วงอก  นายจะยืนตรงนี้อีกนานมั้ยเนี่ย  เกะกะจริง  คนจะเดิน ”  เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่ม ร่างโปร่งจ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง ริมฝีปากบางเม้มอย่างหงุดหงิดอย่างที่เป็นอยู่เสมอ

      “ อ๊ะ ขอโทษครับ คันดะ....”  แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดอะไรต่อ  อีกฝ่ายก็เดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ  จนเขาต้องรีบคว้าข้อมือไว้  “เดี๋ยวก่อนสิครับ”

      “นี่  ปล่อยนะ  อย่าเอามือของพวกต้องสาปมาจับฉัน  อยากมีเรื่องรึไง?”  คันดะสะบัดมือเด็กหนุ่มออก  จ้องเขม็งด้วยแววตาแข็งกร้าว 

      รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของเด็กหนุ่ม  อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน  จะได้เข้าเรื่องซะที
      “แน่ใจรึครับว่าถ้าสู้กัน คุณจะชนะผมน่ะ? ”


      อเลนคุง....เหตุผลที่คันดะเขาไม่ชอบเธอน่ะ.....


      “คิดว่าฉันจะแพ้เด็กใหม่อย่างนายเรอะ? ” ร่างเพรียวเลิกคิ้วถาม ใบหน้าสวยฉายแววหงุดหงิด  ตั้งท่าจะชักมุเก็น ดาบคู่กายออกมา


      ก็เพราะว่า....คันดะเกลียดคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองน่ะสิ....

      ดังนั้น.....


      “ก็ไม่แน่หรอกครับ  คันดะสนใจจะมาดวลโป๊กเกอร์กับผมมั้ยล่ะครับ?”  เด็กหนุ่มฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์


      เธอต้องเอาชนะคันดะให้ได้.....ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม!

      เด็กหนุ่มนอนคิดทั้งคืนถึงวิธีที่จะเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้  เขารู้ดีว่าถ้าต่อสู้กันละก็ ยังไงเขาก็ต้องแพ้อย่างแน่นอนเพราะเมื่อเทียบกับชายหนุ่มแล้ว เขายังขาดประสบการณ์อย่างมาก  เขาจึงเลือกวิธีที่เขามั่นใจว่า ชัยชนะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน

      คันดะผงะไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำท้าทายของเด็กหนุ่ม ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงงุนงง
      “โป๊กเกอร์?  มันคืออะไรน่ะ? ”

      “โป๊กเกอร์ก็คือเกมการละเล่นอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยมีอุปกรณ์คือสิ่งนี้ครับ”  อเลนหยิบไพ่สำรับหนึ่งขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู   “ อย่าบอกนะครับว่าคันดะไม่เคยเล่น? ” เด็กหนุ่มแสร้งถามด้วยใบหน้าใสซื่อ  ทั้งที่เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

      “ก็ไม่เคยน่ะสิ  แล้วก็ไม่คิดจะเล่นด้วย  เกมไร้สาระอะไรพรรค์นั้นน่ะ ”  คันดะตอบห้วนๆพร้อมกับตั้งท่าจะเดินหนี

      “อ้าว จะหนีซะแล้วหรือครับ  ขี้ขลาดจังนะครับ คันดะ แค่เกมก็ยังไม่กล้า”

      ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม ใบหน้าขาวก็แดงจัดด้วยความโกรธ ขี้ขลาดงั้นเรอะ นั่นเป็นคำสบประมาทที่รุนแรงมากสำหรับชายหนุ่ม

      “ทำไมฉันจะไม่กล้า...ฉันตกลงเล่นไอ้เกมบ้าๆนี่กับนายก็ได้ ”  คันดะรับคำท้าในที่สุด  โดยไม่รู้เลยว่าได้ตกไปในหลุมพรางที่เด็กหนุ่มได้วางไว้เสียแล้ว


       

      † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † †


       “ไหน อธิบายมาเร็วๆสิว่ามันเล่นยังไง  ฉันจะได้เอาชนะนายให้มันจบๆซะที” คันดะเอ่ยขึ้นเมื่อหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ในห้องของเด็กหนุ่ม

      “แหม รู้สึกจะมั่นใจจังเลยนะครับ  ทั้งๆที่ไม่เคยเล่นแท้ๆ”  อเลนพูดแหย่ร่างโปร่งที่นั่งตรงข้ามกับตน  ระหว่างเขาทั้งสอง มีเพียงโต๊ะไม้ตัวหนึ่งกั้นอยู่เท่านั้น  “’งั้นคนแพ้ต้องทำตามที่อีกฝ่ายพูดทุกอย่างนะครับ  ตกลงมั้ย?”

      “ได้สิ  อย่างนาย ฉันไม่มีทางแพ้หรอก เอ้า  ว่ามาเร็วๆ  เสียเวลา”  ชายหนุ่มตอบตกลงอย่างง่ายดาย  จนอเลนแอบขำในใจที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้ถึงแผนการของเขาเลย

      “อืม  ก่อนอื่นผมคงต้องอธิบายกติกาคร่าวๆให้คุณฟังเสียก่อน ” เด็กหนุ่มกระแอมเล็กน้อยก่อนจะว่าต่อ “โป๊กเกอร์น่ะ......”

      “เอาล่ะ  กฎกติกาส่วนใหญ่ ผมก็ได้พูดไปหมดแล้ว  เรามาเริ่มเล่นกันเลยนะครับ”  อเลนเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเสร็จสิ้นการอธิบาย

       “เดี๋ยวก่อน”  คันดะขัดขึ้น  “ฉันเข้าใจที่นายพูดมาทั้งหมดแล้ว  แต่ว่าเดิมพันน่ะ  มันต้องใช้เงินไม่ใช่เรอะ บอกไว้ก่อนนะว่า ฉันไม่มีพกติดตัวมาเลย”

      รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของเด็กหนุ่มอีกครั้ง ก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว  เขาแสร้งทำเป็นครุ่นคิด แล้วบอกอีกฝ่าย
       “อืม  ผมคิดออกแล้วล่ะครับ  เราก็ไม่ต้องใช้เงินก็ได้นี่นา เอาเป็นว่า....”

      “เอาเป็นว่าอะไร ?”  คันดะถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดมาเสียที

      “ก็เอาเป็นว่า....เราใช้เสื้อผ้าเป็นเดิมพันแทนเงินก็แล้วกันนะครับ”  เด็กหนุ่มเสนอ ยิ้มมีเลศนัย

      “เฮ้ย จะบ้าเรอะ” ชายหนุ่มร้องออกมาทันทีที่ได้ฟังความคิดของอีกฝ่าย  แก้มขาวแดงขึ้นเล็กน้อย  “นายจะให้ใช้เครื่องแบบเอ็กโซซิสท์เป็นเดิมพันเนี่ยนะ? ”

      “แหม  จะคิดมากไปทำไมกันล่ะครับ  คันดะไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย  แล้วอีกอย่าง เล่นกันเสร็จเมื่อไหร่ ผมก็คืนแน่ๆครับ  ไม่เอาไปหรอก”  อเลนรู้สึกสนุกสนานเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย 

      “หรือคันดะไม่กล้า? ” ไม่ลืมที่จะยั่วโมโหของอีกฝ่าย

      “ถ้านายพูดอย่างนั้นอีกเมื่อไหร่ นายได้ไม่ตายดีแน่  เจ้าถั่วงอก” คันดะเค้นเสียงออกจากลำคอด้วยท่าทางที่ดูก็รู้ว่าโกรธจัด  ใบหน้าสวยแดงก่ำ

      “โอเคครับๆ”  อเลนแกล้งทำเป็นกลัว  ทั้งที่ในใจนึกสนุกที่ได้แหย่ให้อีกฝ่ายโมโหเล่น  “สรุปว่าคันดะตกลงสินะครับ  งั้นก็เริ่มเล่นกันเลยเถอะครับ  เสียเวลามามากพอแล้ว”

      เมื่อพูดจบเด็กหนุ่มก็เริ่มแจกไพ่  ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้ทำทริกเพื่อที่จะเอาชนะอีกฝ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว
      “เอาล่ะ  เปิดไพ่เลยนะครับ”

      “เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน  ฉันว่า ฉันเปลี่ยนไพ่อีกทีดีกว่า”  ชายหนุ่มจัดการเปลี่ยนไพ่ในมือด้วยท่าทีเงอะงะ  “เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว  ฉันเปิดก่อนละ”

      “Full House!” คันดะตะโกนออกมาอย่างมั่นใจ  ก่อนจะถามเด็กหนุ่มด้วยท่าทางที่คิดว่าตนเองเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด “ไหนล่ะของนาย? ”

      “แหม คันดะนี่เก่งจังเลยนะครับ เล่นครั้งแรกได้ตั้ง Full Houseแน่ะ  แต่เสียใจด้วยนะครับ  ของผมน่ะ....” อเลนเผยไพ่ในมือออกอย่างช้าๆ  พร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง  “Royal Flushครับ”

      “หา  ไม่จริงน่า”  ร่างเพรียวตั้งท่าจะโวย  แต่ก็ถูกเด็กหนุ่มขัดขึ้นเสียก่อน

      “เอาล่ะ ส่งเสื้อคลุมมาตามเดิมพันได้แล้วล่ะครับ”  น้ำเสียงฟังดูรื่นเริงอย่างชัดเจน

      ใบหน้าขาวแปรเปลี่ยนเป็นซีดลง แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้  รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากบาง มือเรียวเอื้อมไปปลดเข็มขัดสีดำสลับขาวที่คาดอยู่บนเอวบาง ก่อนจะส่งให้อีกฝ่าย
      “เอ้า  เอาเข็มขัดนี่ไปก่อนก็แล้วกัน  มันก็ถือเป็นเสื้อผ้าอย่างหนึ่งด้วยนี่นา จริงไหม? ”

      อเลนอึ้ง ด้วยคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะมาไม้นี้  แต่นี่กลับยิ่งกระตุ้นให้ความอยากเอาชนะอีกฝ่ายมีมากขึ้น  คอยดูสิ จะทำให้ไม่เหลืออะไรติดตัวเลย
      “อะไรก็ได้อยู่แล้วล่ะครับ เพราะยังไงรอบหน้าคันดะก็ต้องส่งเสื้อคลุมให้ผมอยู่ดี”เด็กหนุ่มโต้กลับ พร้อมยิ้มยียวน

      “หึ ทำเป็นพูดดีไป”  ร่างสูงโปร่งพยายามระงับอารมณ์  “ฉันว่าระวังเสื้อคลุมของนายให้ดีก่อนดีกว่ามั้ง”

      แต่รอบต่อๆไปก็เป็นไปตามที่เด็กหนุ่มพูด  เพราะเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงให้ได้ไพ่สูงกว่าอีกฝ่ายทุกครั้ง  จนในตอนนี้ร่างเพรียวเหลือแค่กางเกงขายาวสีดำเพียงตัวเดียวเท่านั้น

      “เอาล่ะครับ  มาถึงขั้นนี้แล้วจะยอมแพ้ได้รึยังครับ คันดะ?”  อเลนถามชายหนุ่มด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ  เขายังมีเสื้อผ้าติดตัวอยู่ครบทุกชิ้น

      “ไม่มีทาง  รอบหน้านี่แหละ  ฉันจะเอาชนะนายให้ได้”  ร่างเพรียวบางยังคงดึงดันที่จะเอาชนะให้ได้  “ว่าแต่นายจ้องอย่างนั้นทำไมน่ะ?   น่าขนลุก”  เขาถามเมื่อเห็นสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจมาจากอีกฟากหนึ่งของโต๊ะ

      “อ๊ะ  ไม่มีอะไรหรอกครับ”  เด็กหนุ่มแกล้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน  แต่ในใจก็นึกเสียดายที่โดนเจ้าของแผ่นอกขาวนวลที่เขาแอบจ้องอยู่เมื่อครู่จับได้เสียแล้ว “เล่นกันต่อเถอะครับ”

      และเมื่อเปิดไพ่อีกครั้ง.......

      “เอาล่ะ  ส่งกางเกงมาได้แล้วล่ะครับ คันดะ  คุณแพ้แล้วล่ะครับ”  ใบหน้าของเด็กหนุ่มสดใสเสียจนน่าหมั่นไส้

      “ไม่ล่ะ  นายเอานี่ไปแทนละกัน” 

      คันดะจัดการคลายผมตนเองออก  เส้นผมยาวสลวยราวกับกลุ่มไหมสีดำค่อยๆทิ้งตัวลงจนถึงเอวของร่างโปร่ง  อเลนจ้องมองภาพเบื้องหน้านิ่งไม่กระพริบตาราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด 

      “เฮ้  เป็นอะไรไปน่ะ  ไม่เอาไอ้นี่รึไง  เจ้าถั่วงอก”  ชายหนุ่มถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป มือขาวยื่นแถบผ้าที่รวบผมตนไว้เมื่อครู่ให้

      แทนคำตอบเด็กหนุ่มดึงแถบผ้าที่ร่างบางถือไว้อยู่เข้าหาตัว  เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทนั้นที่บัดนี้ห่างกันแค่เพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น  และเคลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้....

      ความเงียบบังเกิดขึ้นในห้องเล็กๆแห่งนี้อยู่เพียงชั่วครู่หนึ่ง  เมื่อคันดะรู้สึกตัว  เขาก็รีบดิ้นหนี  แต่กลับพบว่าตนเองถูกอีกฝ่ายตรึงร่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

      “เฮ้ย ! เจ้าถั่วงอก  ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ  ทำบ้าอะไรของนายน่ะ”  ชายหนุ่มโวยวาย  “ปล่อยนะ  อยากตายรึไง”

      “ไม่ครับ” อเลนปฏิเสธ  “ยังไงคันดะก็ต้องแพ้ผมอยู่แล้ว  ถือว่านี่เป็นรางวัลสำหรับคนชนะก็แล้วกันนะครับ”
      พูดพลางกดอีกฝ่ายลงบนโต๊ะ  ใบหน้ายิ้มกริ่ม

      “จะบ้าเรอะ   สรุปเอาเองอย่างนี้ได้ไง  เฮ้ย  เจ้าบ้า  จับอะไรน่ะ  หยุดนะ….” 


       

      † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † † †

      ตึก....ตึก....ตึก......

      รินารี่เดินออกจากโรงอาหารของศาสนจักรด้วยท่าทางสดใส  เมื่อครู่เธอเข้าไปคุยกับพ่อครัวเจรี่ เรื่องที่เด็กหนุ่มมาปรึกษาเมื่อคืน  และก็ได้ลงความเห็นกันว่าถ้าแผนของเด็กหนุ่มสำเร็จ  ก็จะจัดปาร์ตี้เล็กๆฉลองให้เขากัน  ขณะที่รินารี่กำลังเดินคิดเพลินๆอยู่นั้นเอง....

      “อ๊ะ....อ๊า....อือ...อย่านะ...อ๊ะ......ไม่.....”

      กึก

      หญิงสาวหยุดเดินทันที  เธอจำได้ว่าเสียงแบบนี้เหมือนกับในหนังผีที่เธอดูมาเมื่อวานไม่มีผิด  อะไรกัน  มีผีหลอกตอนกลางวันแสกๆด้วยรึนี่!?

      “ไม่น้า ~  ใครก็ได้ ช่วยด้วย ~!!”
      เธอรีบวิ่งหนีออกจากที่ตรงนั้นทันที  พลางร้องขอความช่วยเหลือไปตลอดทาง.....

       

      The  END


       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×