ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์รักเพลงบ้านไพร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 200
      0
      5 มิ.ย. 57







                           












            













              
      ยามเช้าที่แสนจะสบายในวันนี้ แสงตะวันค่อยๆทอฉาบท้องฟ้าอย่างนุ่มนวล เหมือนกับจะกลัวเมฆขาวปุยบนท้องฟ้านั้นหลบหนีหน้าไปเสีย ท้องทุ่งสีเขียวที่เต็มไปด้วยต้นข้าวกำลังออกรวงนั้น มีสายลมโชยพัดมาเบาๆ มันหอบเอากลิ่นต้นหญ้าและต้นข้าวกระจายฟุ้งเข้ามาด้วยจนทำให้บรรยากาศในขณะ นี้ สดใสเสียยิ่งนัก

        เมื่อมองตรงไกลๆออกไปลิบๆโน้น มีต้นตาลยืนเป็นแนว ห่างกันเป็นระยะไม่ชิดกัน มองแล้วเหมือนชายหนุ่มกำลังยืนรอคนรักที่จากไปให้กลับมาหาปานนั้น

              ที่ท้ายทุ่ง มีนกบินร่อนหากินต่างส่งเสียงดังเป็นดนตรีอันไพเราะให้ท้องทุ่งแห่งนี้มีแต่ ความสดใส บางตัว กำลังจับคู่คล้ายพรอดรักกันบนคาคบไม้ บางตัวบินโฉบร่อนไปมารอบๆตัวเมียดูคล้ายคนที่กำลัง จีบกันใหม่ๆ

            ที่ข้างบ่อเลี้ยงปลาริมนาข้าวนั้น มีกระต๊อบหลังเล็กปลูกอยู่มองเด่นเห็นแต่ไกล เมื่อมองลงไปในบ่อที่มีน้ำใสๆจนเห็นก้นนั้น ก็จะมีตัวปลากำลังแหวกว่ายไปมาทั้งปลาเล็กปลา ใหญ่ ดูแล้วก็รื่นรมณ์ยิ่งนัก
















     

     

     

     

                888**โปรดัก**ชั่น**

     

    ภูมิใจเสนอ

     

                        นิยายบทประพันธุ์ของ

     

                            **น้ำใส วลัยกร**




                              มนต์เพลงบ้านไพร


















           (ปรับปรุงจากนิยายต้นฉบับเรื่องลูกทุ่งมหาเสน่ห์)






















                       




     

     

     

     

     

     

    "พี่มะเก้อ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!"

              "ครับ...จะเรียกหาสักหลาดโคตรเง่าเตาอั้งโล่เอ็งเหรอ ฉันก็อยู่ใกล้เอ็งแค่นี้เองนะ โว้ยไอ้ป้าง!"

              เสียงร้องเรียกและเสียงขานรับดังไปทั้งทุ่งนา เมื่อเจ้าเด็กตัวดำ อายุราวสิบห้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในเพิงหมาแหงนที่ซึ่งมีชายหนุ่มผิวเข้มรูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวปรกต้นคอ ทำเลียนแบบทรงเดียวกันกับนักร้องลูกทุ่งคนดังซึ่งกำลังมีเพลงฮิทอยู่ใน ขณะนี้  แล้วก็ตอนนี้ไอ้หนุ่มที่ว่านั้น กำลังนอนฟังเพลงลูกทุ่งเสียงดังจากวิทยุเครื่องเล็กที่ ข้างๆหมอนนั้นอย่างสบายอารมณ์

                "ดี...เล่น ด่ากันก่อนมองหน้าแบบนี้ ไม่ต้องบอก ไม่ต้องเล่าอะไรให้ฟังเลยว่ามี ประกวดร้องเพลงที่บางกอก เขากำลังรับสมัคร ไปดีก่า ไม่เล่าแล้วโว้ย รมเสียว่ะ!"

              ไอ้เด็กตัวดำหน้าบึ้ง รีบหันหลังกลับไปทางเก่า แต่ว่ายังไวน้อยกว่าเจ้าหนุ่มที่เด้งร่าง อย่างรวดเร็วลุกขึ้นมาคว้าข้อมือ มันไว้อย่างกับรักกันปานจะกลืนมาสิบแปดชาติหนหลัง ซะอย่างนั้น

               "ได้ๆๆ...ข้ายอมรับว่าข้าปากไวใจร้อนนอนง่ายถ่ายคล่องไปหน่อย ไหน...มึง! เอ๊ย คุณน้องที่น่ารักมากของพี่ครับ คุณเอ็งโปรดประกาศให้ข้าทราบอีกครั้งซิว่า เมื่อตะกี้นี้ นั้นมึงพูดว่ายังไงครับ" มะเก้อพูดพลาง ใช้ส้นเท้าเหยียบปลายตีนของไอ้คนที่เรียกไว้นั้นกะจะ ไม่ให้มันขยับหรือว่ายก เท้าอันดำๆปนด่างนั้นไปไหนได้เลยถ้าหากมันยังไม่ยอม ปริปากของมันนั้น

            ไอ้ป้างมันหลับตาถอนใจนิดนึงแล้วค่อยๆก้มหน้ามองลงไปที่ตีนของลูกพี่มัน แล้วใช้สายตาเชิญชวนให้คิดไปในทำนอง ว่า ถ้าเท้าของพี่ยังไม่หยุดก้าวร้าวตีน...ป้าง  เมื่อนั้นปากป้าง ก็ไม่มีทางจะพูด ป้างรับรอง

              ตอนนี้สองคนต่างใช้สายตาไปคนละแบบ แต่ความหมายเดียวกันคือ อยากให้ คนตรงข้างหน้าตามใจตัวเอง ไอ้ป้างมีสายตาที่มองแล้วแปลได้ว่า จะยอมมั๊ย?   ส่วนมะเก้อ ใช้สายตาบอกออกมาตรงๆว่า มึงยอมก่อนซิ แล้วกูจะยกโทษให้

           มะเก้อซึ่งที่ได้ชื่อแปลกๆแบบนี้มาเพราะว่า ตอนที่แม่ตั้งท้องนั้น อยากกินมะปรางมาก แล้วก็แบบว่ามันไม่ใช่ฤดูมันไง พอรอแล้วรออีกจนคลอดลูกที่แสนจะน่ารักน่าชังปน ทะเล้นออกมา จึงตั้งชื่อว่า มะปรางรอเก้อซะเลย แต่ทีนี้ คนที่เขาเรียก ขี้เกียจเอ่ยยาวๆ เลยย่อเหลือแค่ มะเก้อซะ แล้วตอนนี้นั้น หลังจากใช้สายตาโลมเลียแกมคุมเชิงปนดุนิดๆกันเสร็จ ทั้งคู่จึงนึกว่าพอแล้วละ เดี๋ยวจะเกิดสงครามโลกเท้าปล่าวเสียก่อนเลยยกเท้าออกจากกันเสีย ที่ทำแบบนี้น่ะ ไม่ใช่เห็นแก่กันและกันหรอก แต่มันเจ็บตีน ทั้งคนเหยียบซึ่งดันไปเหยียบเอาตรงมีกระดูก เพราะมันผอมนั่น และทั้งคนโดนเหยียบซึ่งชาหลังเท้านานแล้วเมื่อได้ที่แล้ว เด็กมันก็เลยเจ็บ จึงต้องลากขาออกมาพลางหันไปอีกทางแล้วแอบเอามือ กุมขาร้องปวดๆในใจ

             “เอาล่ะน้องครับ เล่ามายาวๆเลยว่า ใคร?หน้าไหนมันจัดเรื่องสนุกๆแบบนี้ ขึ้นมาให้ข้าจะต้องสนใจได้ขนาดนี้บ้างมะเก้อยังไม่หายมันเขี้ยว เลยเดินเอามือตบหัวมันป้าบนึงเสียก่อนที่จะลูบเข้าที่หลังเพื่อปลอบ 

             โหยพี่...เล่นเจ็บแบบนี้เกินไปหน่อยแล้ว เลิกๆ ไม่เล่ามันแล้วอย่างนี้

                 “โถๆๆๆ...น้องจ๋า พี่ขอร้องเถอะนะ พี่หยอกไปอย่างนั้นแหละ ไม่เห็น จะเป็นไรเลยนี่ขนาดพี่เป็นคนตบแก พี่ยังไม่รู้สึกเจ็บเล้ย...มะเก้อว่าพลางยักคิ้วให้ล้อเลียนเด็กหนุ่มแลดูทะเล้นนัก

             งั้นลองให้ผมตบหัวพี่บ้างไหม พี่จะได้รู้ว่ามันเป็นไงบ้าง มันจะไม่เจ็บจริง หรือปล่าว ลองดูมั๊ย

               “ไม่ต้องก็ด้ายยย เพราะข้ากลัวมือเอ็งเจ็บน่ะ รีบเล่ามาเร็วเข้าอย่าให้ต้องบังคับ

     "พี่เอานี่ไปอ่านก่อนแล้วค่อยมาหาฉันที่บ้านเอ้า!อ่านซะ"

     

     

     

     

     

                                จบบทที่1  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×