atidtarn
ดู Blog ทั้งหมด

เทศกาลแห่งการให้และละวาง เทศกาลกินเจ

เขียนโดย atidtarn

คอลัมน์ Around the world ต.ค. 2553
เขียน อธิษฐานบารมี


เทศกาลแห่งการให้และละวาง เทศกาลกินเจ


กระแสของการอ่านกรรม และการแก้กรรมในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมและกล่าวถึงกันมาก แต่คำๆ นี้ก็มีจุดบอดที่ทำให้ผู้สนใจมัวแต่มองย้อนไปในอดีต ว่าเราได้เคยทำกรรมอะไรกับใครเอาไว้บ้าง จนอาจทำให้มองข้ามสิ่งที่เรากำลังทำ กำลังเป็นในปัจจุบัน การละวางที่จะไม่กระทำ ไม่ผูกเวร ในนาทีที่เราเป็นอยู่ปัจจุบัน ย่อมหมายถึงว่า อนาคตเราจะได้ไม่ต้องมานั่งย้อนคิด ว่าอดีตเราได้เคยทำกรรมกับใคร ยังไงเอาไว้ได้เหมือนกัน



ประโยคที่ว่า การละเว้นจากการฆ่าการขายชีวิต เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ อาจเป็นคำที่ได้ยินบ่อยกันจนเริ่มเบื่อ แต่ถ้าเราได้ทำความเข้าใจและนั่งนึกตามดีๆ ก็อาจทำใจให้คิดเสียใหม่ได้ว่า มันเป็นคำขวัญที่น่าฟัง และเข้าทีไม่ใช่น้อย



ตั้งแต่เราเกิดมา เรากินอาหาร 3 มื้อ แทบจะทุกมื้อนิยมให้มีเนื้อสัตว์ เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายที่สึกหรอ สำหรับหลายๆ คนมื้อไหนไม่มีผักไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์ ก็เท่ากับไม่ได้กินข้าว



     ดั้งนั้น หากเรามีอายุ 25 ปี และกินเนื้อสัตว์สมมติว่ามื้อละ 1 ชีวิต จะเท่ากับเลือดเนื้อและร่างกายของเราได้เติบโตมาท่ามกลางชีวิตผู้อื่นแล้วถึง 27,375 ชีวิต (365 วัน x 3 มื้อ x อายุ) ซึ่งบางมื้อมีมากกว่า 1 ชีวิต หากกินโต๊ะจีนหรืออาหารทะเล



เมื่อเนื้อสัตว์เหล่านี้เข้าไปอยู่ในร่างกายของเรา มันได้แปลเปลี่ยนมาเป็นการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ เป็นเซลล์เม็ดเลือด ฯลฯ ให้เรา ถ้าเป็นร่างกายของเด็ก เขาก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนเราลืมไปว่า เรากำลังเติบโตท่ามกลางการเอาชีวิตผู้อื่นมา เพื่อให้เราได้เติบโต


สัตว์หลายชนิดเหล่านั้น หลายครั้งไม่ได้เต็มใจที่จะถูกฆ่า เพื่อให้เราได้นำร่างกาย และเลือดเนื้อของเขามาเป็นอาหาร และ/หรือเพื่อความสุข ความอิ่มท้อง ความเอร็ดอร่อยของเราเลย ในทางตรงกันข้าม วินาทีขณะที่เขากำลังจะถูกปลิดชีวิต เขากำลังตกอยู่ในห้วงความทุกข์ทรมาน ความกังวลและสิ้นหวัง


เช่นนี้เท่ากับเรากำลังสำราญกับการกิน บนความเศร้าระทมของคนอื่นอยู่ใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราจะมีความสุขกับการอิ่มท้องในมื้อนั้นได้อย่างไร? และพอเราเจ็บป่วย มีปัญหาในชีวิต เราจะมาเรียกร้องถึงสาเหตุของกรรมติดปีก หรือกรรมตามทัน และวิธีการแก้กรรมย้อนหลังกันไปเพื่ออะไร?


อย่าลืมว่า ขณะที่พวกเขากำลังจะสิ้นใจไปด้วยความทุกข์ ร่างกายจะผลิตสารพิษฉีดพล่านไปทั่วเส้นเลือด วิ่งไปตามเซลล์ผิวเนื้อทุกอณูไว้ก่อนตาย เมื่อเรากินเนื้อเหล่านี้เข้าไป ร่างกายก็จะสะสมสารพิษ นำไปสู่การเจ็บป่วย หาสาเหตุได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วก็มานั่งวิตกว่าเราได้ทำกรรมอะไรกับใครไว้หรือ เราถึงได้ต้องมาทุกข์ทรมานอย่างนี้ ฯลฯ


ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้ต้องการให้ใครละเลิกการกินเนื้อสัตว์ หันมากินเจกันตลอดชีวิต แต่อยากให้มีวินาทีแห่งความตระหนัก และเวลาของการกล่าวขอบคุณในความเสียสละของพวกเขา เพื่อให้เราได้มีวันนี้ เพียงแค่จิตสำนึกด้วยใจจริง สำหรับกรรมบางอย่างแล้ว สามารถเลิกแล้วต่อกันได้ด้วยการกล่าวขอขมา และขออโหสิกรรม ด้วยใจที่รับรู้แบ่งเบาความรู้สึกที่เขาต้องสูญเสีย เพื่อให้เราได้มีชีวิตอยู่ต่อไป



การละเว้นจากการฆ่าการขายชีวิต เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในเทศกาลกินเจ จึงไม่ใช่คำกล่าวที่เลื่อนลอย แต่เป็นการเว้นให้เราได้มีโอกาสข้ามระยะเวลาในการสร้างกรรมผูกพันบนเลือดเนื้อและชีวิตของคนอื่น ด้วยอาหารปราศจากเนื้อสัตว์ ที่มีให้เลือกกินเลือกซื้อหาหลากหลายทั้งรสชาติ และความอร่อย


สำหรับปี พ.ศ. 2553 เทศกาลกินเจตรงกับวันที่ 7 – 17 ตุลาคม เพียงไม่กี่วันนี้ เราจะสามารถเว้นที่ยืนบนชีวิตของคนอื่น ด้วยการให้ชีวิตของพวกเขาได้มีโอกาสหายใจบนโลกต่อไปได้อีกถึง 10 วันทีเดียว มันจะเป็น 10 วันที่เราไม่ต้องมานั่งย้อนถามถึงให้มาก ว่าเราได้สร้างกรรมอะไรกับใครเอาไว้ จึงเป็น 10 วันที่เราสร้างสิ่งดีขึ้นเองได้ด้วยใจพร้อมจะให้และละวาง ที่เกิดขึ้นจากตัวเราเอง


ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น