เรื่องความอยากสวยของคุณผู้หญิงเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่สาวๆ ทั้งหลายควรจะรู้จักป้องกันตัวเองด้วย เพราะโฆษณาชวนเชื่อเรื่องความสวยความงามมีอยู่มากมาย โดยเฉพาะการฉีดสารต่างๆ เข้าไปในร่างกายยิ่งต้องควรหาข้อมูลให้ดี โดยเฉพาะวันนี้ที่เราจะพูดเรื่อง การฉีดคอลลาเจนค่ะ
collagen เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง คือ scleroprotein ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) โดยจะอยู่ในรูปของ fiber ที่ประกอบด้วย peptide chain (สายไขมัน) 3 สายที่เรียกว่า triple helix โดยจะถูกสร้างโดย fibroblast มีคุณสมบัติทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประสิทธิภาพความยืดหยุ่นของคอลลาเจนจะเสียไป โดย พบว่าคอลลาเจนจะเหนียวมากขึ้นและอุ้มน้ำได้น้อยลง จึงทำให้ผิวหน้าแห้งได้ง่าย
การฉีดคอลลาเจน เพื่อนำมาแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น ได้มีการนำมาใช้ในระยะ 20 กว่าปีที่ผ่านมา (ค.ศ.1981) อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมตกแต่ง
การเติมสารคอลลาเจน อาจทำให้เกิดปฏิกริยาต่อผิวหนังได้ 3 ลักษณะดังนี้
1. ปฎิกริยาจากการชอกช้ำ (Trauma) ซึ่งเป็นผลจากการแทงเข็ม และดันสารคอลลาเจนเข้าไป โดยจะพบเป็นรอยแดง หรือฟกช้ำ ซึ่งอาจหายได้เอง ภายใน 1-7 วัน
2. ปฏิกริยาจากการแพ้ เนื่องจากสารคอลลาเจนเป็นสารแปลกปลอม แม้จะได้ทำการสังเคราะห์ลดปฎิกริยาการแพ้แล้ว ก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ดังนั้นก่อนทำการฉีด แพทย์ส่วนใหญ่จะทำการทดสอบการแพ้ โดยลองฉีดสารคอลลาเจนเข้าที่บริเวณท้องแขน แล้วรอแปลผล ประมาณ 4 สัปดาห์ว่าบริเวณที่ฉีดมีอาการแพ้ แล้วเกิดบวมแดง หรือบวมนูน ถ้าไม่พบรอยดังกล่าวก็น่าจะฉีดได้ นอกจากนี้ อาการแพ้อาจเกิดกับร่างกายบริเวณอื่น เช่น ไขข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นต้น
3. ปฏิกริยาจากการฉีด มักเกิดจากการฉีดที่ไม่ชำนาญ โดยอาจฉีดตื้น หรือ ปริมาณมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นตุ่นนูนเรื้อรัง หรืออาการติดเชื้อบวมแดง
ข้อจำกัดในการฉีดสารคอลลาเจน ได้แก่
1. มีอาการแพ้ได้บ้าง (ประมาณ 1-4 %)
2. ไม่คงตัวถาวร ต้องฉีดซ้ำ ภายใน 6-8 เดือน
3. ริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก อาจทำให้เห็นเป็นรอยนูน เนื่องจากปริมาณที่ฉีดไม่พอดีกับรอยร่องหลุม
4. ตำแหน่งที่ฉีดแต่ละแห่ง อาจมีวิธีฉีดแตกต่างกัน ทั้งปริมาณ ตำแหน่งของเข็มที่ปักลงไป ชนิดของคอลลาเจน เพื่อผลการรักษาที่แตกต่าง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนการฉีดคอลาเจน
1. การฉีดคอลลาเจนไม่ได้ช่วยลบริ้วรอยแผลเป็นใดๆ เพียงแต่ทำให้แผลตื้นขึ้น ดูดีขึ้น
2. การฉีดคอลลาเจนในรายที่ผิวหนังเหี่ยวย่น ( Aging face ) ไม่สามารถทดแทนการผ่าตัดดึงหน้าได้ ( Facelift )
3. คอลลาเจนที่ฉีดเข้าไปจะสลายตัวหมดภายใน 6 - 24 เดือน
4. 3 % ของคนที่ฉีดคอลลาเจนจะเกิดอาการแพ้ ดังนั้นท่านจะต้องทำการทดสอบผิวหนังก่อนการฉีดคอลลาเจน
5. ประมาณ 1 เดือน จึงจะแปลผลได้ว่าท่านแพ้คอลลาเจนหรือไม่
Collagen คืออะไร
เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งของร่างกาย สามารถพบได้ทุกส่วนของร่างกาย ทำหน้าที่เสมือนกาวยึดโครงสร้างต่างๆเข้าด้วยกัน และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ โครงสร้าง Collagen ของคนและสัตว์มีความใกล้เคียงกัน จึงได้นำ collagen ของสัตว์มาใช้ในคน องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้รับรองการใช้ collagen มาแก้ไขรอยย่นหรือแผลเป็นของผิวหนัง
ข้อบ่งชี้ในการฉีด Collagen
- แผลเป็นจากสิว
- แผลเป็นจากอุบัติเหตุ
- ผิวย่นจากอายุมาก
- รอยตีนกา
ข้อห้ามในการฉีด
- แพ้สาร Collagen
- แพ้ยาชา
- ตั้งครรภ์
- โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันธ์เช่น dermatomyocitis
การเลือกชนิดของสารที่จะใช้ฉีด - การเลือกของสารที่จะฉีดขึ้นกับความลึกของแผลเป็น ซึ่งจะใช้ไม่เหมือนกัน
- แผลตื้นๆให้ใช้สาร Collagen, hyaluronic acid polymers
- แผลลึก ไขมันFat, สารสังเคราะห์ synthetic materials, ซิลืโคน silicone, implants, or permanent fillers
ความเสี่ยงของการฉีด Collagen
- แพ้ยาชาที่เป็นส่วนผสมของ collagen
- แพ้สาร collagen โดยเฉพาะที่ได้จากสัตว์
- ผื่นแดง
- บวมและเขียวบริเวณที่ฉีด
- คันบริเวณที่ฉีด
- ก้อนใต้ผิวหนัง
- ฝีบริเวณที่ฉีด
ชนิดของ Collagen
เราสามารถแบ่งสาร Collagen ที่นำมาฉีดได้เป็นชนิดดังนี้
1. Collagen ที่เตรียมจากสัตว์หรือที่เรียกว่า Bovine collagen เช่น Zyderm I and II, Zyplast, Resoplast
2. Human collagen เป็น collagen ที่ได้จากคนแบ่งออกเป็นสองชนิดคือ
- Allogeneic เป็นcollagen ที่ได้จากคนอื่นเช่น Dermalogen, AlloDerm, Fascian, Cymetra สารพวกนี้อาจจะก่อให้เกิดแพ้
- Autologous collagen เป็นcollagen ที่เตรียมจากตัวผู้ป่วยเอง จะไม่เกิดอาการแพ้
Zyderm and Zyplast collagen
เป็น collagen ที่เตรียมจากสัตว์และเป็นสารตัวแรกที่องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 ปีก่อน ยาจะเตรียมอยู่ใน syringe ขนาด 1 ลบ.ซซ และผสมยาชาด้วยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด
- Zyderm I collagen ประกอบด้วย collagen 25%หลังฉีดจะอยู่ได้นาน 6-10 เดือนเหมาะสำหรับแผลตื้นๆ
- Zyderm II มีส่วนประกอบของ collagen มากกว่าชนิดแรก เหมาะสำหรับแผลที่ใหญ่และอยู่ได้นานกว่า
- Zyplast ใช้กับแผลที่ลึกและใหญ่และสามารอยู่ได้นานกว่า
ข้อ เสียของการฉีดสารกลุ่มนี้ได้แก่ต้องฉีดบ่อย และอาจจะเกิดการแพ้ได้ แต่ไม่มาก การทดสอบว่าแพ้ต่อสารที่ฉีดจะช่วยให้ลดอาการแพ้โดยการฉีดเข้าที่ท้องแขนก่อน การฉีดจริง 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยร้อยละ 97 จะไม่แพ้
Fibrel
เป็นสารที่เตรียมจากสารสามชนิดคือ gelatin, amino caproic acid, และ plasma เมื่อฉีดเข้าไปใต้แผลเป็นจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารcollagen แต่ปัจจุบันไม่ต้องใช้plasma เป็นส่วนผสมทำให้ผลการรักษาอยู่ได้ถึง 5 ปี ผลข้างเคียงของการฉีดคือจะมีอาการอักเสบบริเวณที่ฉีดยา
Artecoll
เป็นสารที่ทำมาจากสารสังเคราะห์ polymethyl methacrylate microspheres (PMMA) ละลายใน collagen เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนังสาร collagen จะถูกดูดซึมเหลือแต่สารPMMA ซึ่งจะอยู่ที่แผลเป็น
Hylan B gel
เป็นสาร Hyluronic acid ที่เตรียมได้จากสัตว์ปีกจะมีคุณสมบัติใกล้เคียงของคนทำให้ไม่ต้องทดสอบผิวหนังก่อนฉีด จะต้องฉีด 2-3 ครั้งและผลของการฉีดอยู่ได้ 9-12 เดือน ผลข้างเคียงมีน้อย อาจจะมีผื่นแดง ผื่นแพ้
Resoplast
เป็นสาร collagen ที่เตรียมจากวัวมีความเข้มข้นสองขนาดคือ 3.5 และ6.5%จะใช้เหมือน Zyderm I และ Zyderm II จะต้องทดสอบผิวหนังก่อนการฉีด หากแพ้ Zyderm ก็ไม่สามารถฉีดสารตัวนี้
Autologen
เป็นcollagen ที่ได้จากตัวคนไข้เองผลดีจากการใช้ของตัวเองคือไม่แพ้ และอยู่ได้นานพบว่าร้อย75ผลการรักษาอยู่ได้เกิน 1 ปี
Isolagen
เป็นการนำผิวหนังของผู้ป่วยไปสกัดเอาและเพาะเลี้ยงเอา collagen แล้วนำมาฉีดให้ผู้ป่วยดังนั้นจึงจะมี collagen ของผู้ป่วยสำหรับการฉีดครั้งต่อไป เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อตัวเองจึงไม่เกิดอาการแพ้
Dermalogen
เป็น collagen ที่เตรียมได้จากคนซึ่งเก็บไว้ในธนาคารเนื้อเยื่อ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อหลายขั้นตอนจนกระทั่งไม่มีเชื้อไวรัสหรือโรควัวบ้า ประกอบไปด้วย collagen และ ส่วนประกอบนำไปเก็บไว้ เนื่องจากไม่มียาชาผสมก่อนการฉีดอาจจะต้องใช้ครีมยาชาทาก่อน หลังจากฉีดร่างกายจะมีการสร้างเส้นเลือดไปเหล่าเลี้ยงและสร้าง collagen ขึ้นใหม่ อาจจะต้องฉีด 2-3 ครั้งเพื่อให้ผลที่ดี
Alloderm
เป็นการนำเนื้อเยื่อผิวหนังขนาด 1-2 มม สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อให้เนื้อเยื่อนี้เจริญเป็น collagen ผลการรักษาได้ผลดีและอยู่ได้นาน
ความคิดเห็น