ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซ่อนรักไฟเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 คนในความทรงจำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 221
      2
      5 ก.ย. 58


    SQWEEZ                                                 

                                                     ซ่อนรักไฟเสน่หา
     



     

                กลีบดอกสีชมพูผลัดพลิ้วปลิวตามลม ยามเมื่อสายลมโกรกโบกสะบัด พัดเอากิ่งก้านของต้นนางพญาเสือโคร่งไหวเอนส่งเสียงดังซู่น่าฟังนัก ใต้เงาพุ่มดอกแสนสวยเด็กหญิงตัวน้อยวัยห้าขวบกำลังก้มลงเก็บดอกไม้ที่โรยร่วงลงจากต้นอย่างแช่มชื่น ใบหน้าเล็กแหงนมองแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านพุ่มไม้ลงมา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกระพริบรับแสงสว่างอันอบอุ่นในวันที่หนาวเหน็บ ก่อนจะยิ้มให้กับกลีบดอกไม้ที่พร่างพราวลงมาราวกับสายฝน ยื่นมือเล็กออกรองรับกลีบสีชมพูอ่อน มันปลิดขั้วปลิวไสวไปตามสายลม ขณะนั้นเองพลันสายตาเหลือบเห็นหนุ่มน้อยอายุราวๆ สิบขวบเดินผ่านมากับเพื่อนอีกคนหนึ่งวัยไล่เลี่ยกัน เธอจำได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของผู้เป็นพ่อที่แวะมาเที่ยวหา ด้วยความไม่ประสาบวกกับวัยกำลังซนหนูน้อยจึงวิ่งตาม ก่อนเอ่ยเรียก

                “พี่ไนย จะไปไหนคะ ขอน้องภัทรไปด้วยคนสิ”

    หนุ่มน้อยเอี่ยวหน้ากลับมามองพร้อมส่ายหัวปฏิเสธ

                “ไม่ได้ ที่ที่จะไปมันไกล น้องภัทรไปด้วยไม่ได้หรอก กลับไปซะ”

                “ไม่เอา น้องภัทรอยากไปด้วยนี่” เด็กหญิงเริ่มออกอาการงอแงร้องจะขอตามไปด้วยให้ได้ เด็กชายจึงขู่เสียงดุออกมา

                “บอกไม่ได้ ก็ไม่ได้สิ ถ้าน้องภัทรยังดื้อพี่จะไปฟ้องคุณอาด้วยว่าน้องภัทรแอบหนีออกไปมาเที่ยว ไปกลับซะไป”

                หนุ่มน้อยโบกไม้โบกมือไล่ โดยที่เด็กหญิงยืนหน้างอ มองทั้งคู่พากันเดินหนีไปพร้อมส่งเสียงหัวเราะร่า ทว่าเด็กหญิงไม่ได้กลับบ้านตามที่เขาบอก เธอกลับแอบตามเขาไปอย่างเงียบๆ

                “เราได้ยินมาว่า ที่ป่าฝั่งโน้นมีบ้างร้างด้วยล่ะ มีผีด้วยนะ”

    เด็กชายอีกคนบอก ไนยชนจึงแสดงท่าทีสนอกสนใจออกมาอยากลองของ

                “จริงหรือ งั้นไปดูกัน เราก็อยากเห็นผีว่ามันมีหน้าตาเป็นยังไง”

    ไนยชนรีบชวนอย่างกระตือรื้นร้น เพราะเป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไร นิสัยออกจะห่ามๆด้วยซ้ำ อยากรู้อยากเห็นไปตามวัยโดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าเด็กหญิงแอบตามมาห่างๆ

                กระทั่งมาถึง บ้านหลังใหญ่ดูอึมครึมถูกทิ้งร้างไว้กลางป่า รอบๆบ้านมีวัชพืชขึ้นรกเต็มไปหมด ทั้งคู่เข้าไปสำรวจดู โดยที่เด็กชายอีกคนนั้นมีท่าทางกลัวกล้าๆ คอยเหลียวหลังตลอดอย่างระแวง ได้ยินเสียงดังแกร๊กอยู่ด้านนอกหน้าต่างพร้อมกับไม้ที่ถูกตีกั้นเอาไว้ร่วงลงมาพร้อมกับมีเสียงร้องไห้ลอยเข้ามา อารามตกใจบวกกับเป็นคนขี้ขลาดจึงไม่ดูว่าเป็นอะไร เด็กชายคนนั้นจึงรีบวิ่งหนีไปทันที ไนยชนยังยืนแข็งอยู่ที่เดิมเขามองไปที่หน้าต่างอย่างหวาดๆ ใช่จะไม่กลัว แต่ก็อยากรู้ว่าใช่ผีจริงเปล่า ถ้าเป็นผีจริง คงจะเป็นผีเด็กแน่ๆ ร้องเสียงแหลมขนาดนั้น แน่นอนความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่าเด็กชายจึงเดินไปดูที่หน้าต่าง พอเมื่อได้เห็นถึงกับถอนใจอย่างโล่งอก ไม่ใช่ผี แต่เลวร้ายกว่าอีกยัยเด็กนี่ตามเขามา เดินอ้อมออกมาด้านนอกพร้อมยืนเท้าสะเอวอย่างโกรธๆ

                “น้องภัทร พี่บอกให้กลับบ้านทำไมไม่กลับ แอบตามพี่มา ดื้อจริงๆ” เด็กชายดุเสียงเข้ม มองเด็กหญิงที่ยังนั่งกุมขาของตนร้องไห้กระซิกๆ เพราะตกลงมาจากหน้าต่างจึงคิดจะแกล้ง “เก่งนักกลับเองเลยนะ” ว่าจบก็เดินหนีมาเฉย

                “ฮือๆ พี่ไนย รอน้องภัทรด้วย น้องภัทรเจ็บขา” เด็กหญิงตัวน้อยร้องตามหลังด้วยกลัวว่าเขาจะทิ้งตนไว้ตรงนี้จริง อีกฝ่ายหยุดนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนหันกลับมา

                “งั้นรับปากพี่สิว่าจะไม่ดื้อแบบนี้อีก”

                “ค่ะน้องภัทรจะไม่ดื้อ จะไม่ขัดคำสั่งพี่ไนยอีก” เด็กหญิงรีบพยักหน้ารับทั้งน้ำตา

                “เก่งมาก สัญญาแล้วนะ ห้ามลืมล่ะ”

                เด็กชายยอมให้หนูน้อยจอมดื้อขึ้นขี่หลัง โดยที่คนตัวเล็กกว่าอมยิ้มอย่างมีความสุข วงแขนเล็กโอบรอบคอเด็กชายไว้แน่น แผ่นหลังแข็งแรงนี้ที่เธอไม่มีวันลืม แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่มันยังฝังอยู่ในห้วงลึกของความทรงจำไม่มีวันเลือนหาย

                หลังจากวันนั้นเด็กชายก็หายออกไปจากชีวิตเธอ เธอได้ยินว่าเขาถูกส่งไปเรียนเมืองนอกแล้วเธอก็ไม่ได้ข่าวเขาอีกเลย กระนั้นเธอก็ยังคงคิดถึงเขาเสมอ เขาเป็นชายคนเดียวที่อยู่ในใจเธอมาตลอดยี่สิบปี

    เด็กชายคนนั้นที่แสนจะใจดี...

     
    ........................................................................................





     

               

                ไร่ภูธารา จังหวัดเชียงราย ยี่สิบปีต่อมา...

                หญิงสาวร่างบอบบางทอดสายตาไปยังทุ่งโล่งกว้างเบื้องหน้าอย่างใจลมหายใจถูระบายออกมาอย่างเชื่องช้า วีรภัทรา ชอบมานั่งเล่นตรงบริเวณนี้ยามว่างเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกทักเป็นเปียแล้วรวบเป็นมวยหลวมๆผิวขาวอมชมพูระเรื่อแบบสาวเหนือ ริมฝีปากแดงอิ่มคล้ายลูกมะเขือเทศมักเม้มบางๆ ไร่ภูธาราแห่งนี้เป็นของบิดาเธอซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปได้เกือบปีแล้ว ตอนนี้ไร่ภูธาราจึงอยู่ในความดูแลของผ่องรำไพผู้เป็นแม่เลี้ยงของเธอ เนื่องจากแม่ของเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่คลอดเธอได้วันเดียวเธอจึงถูกผ่องรำไพเลี้ยงมา โดยที่อีกฝ่ายนั้นรักเธอเหมือนลูกและดูแลเธอดีมาตลอด เธอมีน้องสาวอีกคนซึ่งเป็นลูกของผ่องรำไพ เธอกับน้องสาวสนิทกันมากมักตัวติดกันตลอด เพราะอีกฝ่ายช่างพูดช่างคุยต่างจากเธอที่ค่อนข้างเงียบขรึม

                นัยน์ตาแสนเศร้าเหม่อมองภูเขาสูงตระหง่านที่แลเห็นอยู่ไกลลิบราวกับจะเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ เธอนั่งกอดเข่าอยู่ที่ใต้ต้นนางพญาเสือโคร่ง มองดูกลีบดอกสีชมพูอ่อนร่วงโรยแขนเรียวเล็กยังกอดไดอารี่ไว้แน่น เธอมักจดทุกอย่างลงไปในไดอารี่เล่มนี้ บันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงไป คล้ายกับจะเก็บไว้บอกใครบางคนที่ห่างหายไปนานแล้ว และเขาคนนั้นก็คงจะเป็นแค่คนในความทรงจำต่อไปหลังจากนี้เธอคงไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดถึงใครได้อีกเพราะตอนนี้เธอกำลังจะหมั้นหมายกับชายอีกคน ชายคนนั้นที่อายุห่างจากเธอถึงสิบปี

                หลังจากที่บิดาเธอเสียไป เธอถึงได้มารู้ความจริงทีหลังว่าผู้เป็นพ่อเอาโฉนดที่ดินของไร่แห่งนี้ไปจำนองไว้กับ นวันธร ซึ่งเป็นเจ้าของไร่เคียงจันทร์ เธอเคยเห็นเขาครั้งหนึ่งในงานศพของบิดาเมื่อหลายเดือนก่อน และตอนนี้เมื่อไม่มีหัวหน้าครอบครัว ไร่ภูธาราเองก็ประสบปัญหามาตลอด นวันธรจึงยื่นข้อเสนอมาแบบคาดไม่ถึง ทำเอาทั้งเธอและผ่องรำไพหนักใจเป็นอันมาก เพราะช่วงอายุที่ห่างกันมากเกินไป มันจึงเรื่องเป็นที่ฝืนใจเธอนัก ถึงอย่างนั้นในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวคนโต และน้องสาวก็ยังเด็กเกินไป เธอจึงต้องรับหน้าที่นี้เอง

                หญิงสาวกลับมาที่ห้องเพื่อเก็บของใช้จำเป็น เพราะพรุ่งนี้เธอต้องย้ายไปอยู่ที่ไร่เคียงจันทร์แล้ว อดที่จะใจหายไม่ได้เพราะนับจากนี้ชีวิตเธอกำลังจะเปลี่ยนไป และไม่รู้ชีวิตใหม่ที่ไร่เคียงจันทร์จะเป็นอย่างไร่ ขณะที่วีรภัทรากำลังพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูพร้อมกับแม่เลี้ยงผ่องรำไพก็เดินเข้า แววตาอันอบอุ่นทอดมองลูกลี้ยงสาวอย่างเห็นใจนัก นั่นเพราะตนรู้ดีว่าการไปครั้งนี้เธอไม่ได้เต็มใจเลย ตนรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาใจเธอมีใครอีกคนหนึ่งมาโดยตลอดจึงรู้สึกเหมือนตนเองใจร้าย

                “แม่ไม่อยากทำแบบนี้เลยจริงๆ หากมีทางอื่นให้เลือกแม่คง...”

                “อย่าพูดแบบนั้นสิคะ ภัทรเต็มใจที่จะทำเองค่ะ เมื่อไร่ภูธารามีปัญหา ในฐานะที่ภัทรเองก็เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เหมือนกันอะไรที่ภัทรทำได้...แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะภัทรอยู่ได้” เธอส่งยิ้มให้แม่เลี้ยงวัยกลางคนเพื่ออีกฝ่ายจะได้คลายกังวลลงบ้าง เธอรู้ว่าผ่องรำไพคงจะกลัวเธอน้อยใจ

                “ถ้าอยู่ไม่ได้ก็กลับมานะ” นางว่าด้วยน้ำเสียงห่วงใย แม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่สายเลือดโดยตรง แต่นางก็เลี้ยงมาแต่เล็กจึงมีความผูกพันอยู่ไม่น้อย วีรภัทราเพียงแค่ยิ้มรับรู้ความอาทรของอีกฝ่าย ผ่องรำไพดีกับเธอมาเสมอเธอจึงไม่มีความลังเลที่จะทำสิ่งนี้ ยอมทิ้งความทรงจำที่เธอกอดแน่นมาหลายปี จากนี้ไปเธอจะเก็บเขาใส่ลิ้นชักแล้วปิดตายไปเสีย แม้บางคราโลกแห่งความฝันจะหอมหวานเพียงใดก็ตาม หากแต่ความฝันก็ยังเป็นความฝันอยู่วันยังค่ำไม่อาจกลับกลายมาเป็นความจริงได้




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×