[[SF-SNSD]] :+:Dream again:+: (Yuri) - [[SF-SNSD]] :+:Dream again:+: (Yuri) นิยาย [[SF-SNSD]] :+:Dream again:+: (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    [[SF-SNSD]] :+:Dream again:+: (Yuri)

    ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่แต่งจากเรื่องจริง ^^ (YoonSeo) [ลงแล้ว!]

    ผู้เข้าชมรวม

    4,911

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    4.91K

    ความคิดเห็น


    86

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ต.ค. 52 / 10:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้



    เรื่องนี้ สารภาพตามตรง 
    บุงแต่งจากเรื่องจริงเกิน 90%
    เพราะแค่อยากระบายความรู้สึกทัังหมด
    ออกมาในรูปของ SF บ้าง (เป็นเรื่องยาวคงช้ำตายก่อน ฮ่าๆ)

    เอาเป็นว่ามันจะปวดตับมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้นะคะ
    บอกแล้วว่าบุงแต่งจากตัวเอง T___T

    ปล. คู่ยุนซอนะคะ ยูลสิกเยอะแล้ว ส่วนแทนี่
    เป็นคู่ที่มี SF เยอะมากเลยของบุง

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      [[SF-SNSD]] :+:Dream again:+: (Yuri)

       

      การเป็นนักเขียน คือสรรค์สร้างเรื่องขึ้นมา

      มันเกิดจากจินตนาการ

      ทว่าเรื่องราวรักในชีวิตจริง มันเกิดจาก...หัวใจ

                     

      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

                      

                      ซอ จูฮยอน หรือที่ใครเรียกติดปากว่าซอฮยอน กำลังมองดูหน้าจอคอมพ์ด้วยใจจดจ่อ หลังจากนิ้วเรียวกดอัพนิยายบนเว็บลงนิยายชื่อดังแห่งโลกไซเบอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันเป็นนักแต่งนิยายบนอินเตอร์เน็ต การกระทำที่ใครหลายคนไม่ค่อยเห็นค่า และเฝ้าถามว่าทำเพื่ออะไร ทำแล้วได้เงินหรอ ทำไมต้องเอาเวลามาเสียไปกับการแต่งนิยายให้ใครต่อใครหลายคนที่เราไม่รู้จัก และเขาก็ไม่รู้จักเราเข้ามาอ่าน

                      เพราะฉันอยากเป็นนักเขียน และเฝ้าหวังว่าซักวันนิยายที่ตนเองเขียนเล่นๆ จะได้ตีพิมพ์ วางแผงตามร้านหนังสือ หากที่ทำอยู่ตอนนี้มันคือสิ่งที่ฉันพอใจที่สุดแล้ว

                      เพียงเวลาไม่นานหลังจากอัพตอนล่าสุดไป คอมเมนต์แสดงความเห็นก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาประมาณสองถึงสามคอมเมนต์ จากนักอ่านที่ติดตามประจำ รวมถึง...เธอคนนั้น

                 

                  ความคิดเห็นที่ 614

                  กำลังสนุกเลยค่ะ อยากให้มาอัพต่อเร็วๆ จัง

                  เค้าคิดถึงไรท์เตอร์นะ

                  ถ้าเหนื่อยก็อย่าฝืน เดี๋ยวไม่สบายเอา รีดเดอร์เป็นห่วง

       

                      ไม่เคยมีครั้งไหนที่อ่านแล้วเธอจะไม่คอมเมนต์ ถึงแม้อาจจะสั้นบ้างยาวบ้าง แล้วแต่อารมณ์ของเธอในช่วงนั้น ทว่าทุกครั้งที่ฉันเห็นรูปดิสเพลย์เป็นกวางหน้าตาตลกๆ และนามแฝงเดิมไม่เคยแปรเปลี่ยนนั่นก็คือ สาวหน้ากวาง

                      ฉันยิ้มร่าเมื่อเห็นคอมเมนต์ของเธอ แสดงว่าเธอต้องอยู่หน้าคอมพ์ ทำให้มือกดเปิดโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นยอดฮิตขึ้นมาทันที นั่นไงล่ะ เธอออนอยู่จริงๆ ด้วย

       

                      ‘Seo says: หวัดดีค่ะพี่กวางน้อย

                     

                      Yoonyoon says: อ้าว...ทำไมเค้าไม่เคยทักไรท์เตอร์น้อยก่อนเลยเนี่ย >_<

                     

                      Seo says: ก็ซอทักเร็วกว่าไงคะ

                     

                      Yoonyoon says: วันหลังให้เค้าทักซอก่อนบ้างนะ เค้าก็อยากคุยกับซอเหมือนกัน

       

                      สัมผัสได้ถึงใบหน้าอันร้อนผ่าวของตนเอง ไม่รู้ว่าเริ่มเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากมันเป็นทุกครั้งที่ได้คุยกับเธอคนนี้ แม้จะเป็นเพียงแค่การออนเอ็มผ่านตัวอักษรก็ตาม ชื่อของเธอก็คือยุนอา เป็นรุ่นพี่ฉันซักประมาณ 4 ปีได้ อาจฟังดูเยอะ แต่ฉันคิดว่าระหว่างเราไม่เคยมีช่องว่างของอายุมาเป็นตัวปิดกั้นเลย อีกอย่างฉันมักชินปากกับการเรียกเธอว่า พี่กวางน้อยมากกว่า พี่ยุนอาอย่างที่ควรจะเป็น

                      ความสัมพันธ์เราก็เริ่มต้นเหมือนไรท์เตอร์และรีดเดอร์ธรรมดาทั่วไป มีขอเมล์ แล้วก็ออนเอ็มกันเป็นประจำ ฉันคุยกับเธอทุกวัน จนรู้สึกเหมือนเป็นความผูกพันอันแน่นหนา และยากจะตัดขาดมันออกได้โดยง่าย

                      ถ้าวันไหนเธอไม่ออน ฉันก็จะนั่งรออยู่อย่างนั้น นั่งมองว่าเมื่อไหร่กล่องสี่เหลี่ยมสีเทาจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเสียที มันคือความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และฉันก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับตนเองเช่นนี้ด้วย

                     

                      คิดถึง...โหยหา... กับคนที่แม้เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน จากการที่เธอติดตามกลิ่นอายแห่งตัวหนังสือที่ฉันบรรจงสรรค์สร้างขึ้น

                     

                      อยากบอกว่าฉันหวาดกลัวกับความรู้สึกนี้ของตนเองเหลือเกิน ฉันรักคนอ่านทุกคนเท่ากัน ฉันเทคแคร์และใส่ใจทุกคนเท่ากัน หากทำไมกับคนๆ นี้ ฉันจึงทุ่มเทได้มากขนาดนี้ จดจำได้ทุกคำพูดของเธอ คำสัญญาระหว่างเรา หรือแม้กระทั่งนั่งมองเหม่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เป็นเวลานานๆ

                      ทั้งที่ฉันไม่อยากออนเอ็มกับใคร แต่ทำไมฉันถึงต้องมานั่งรอคอยเธอทุกวันด้วยก็ไม่รู้...

       

                     

       

       

       

       

                      วันเวลายังคงหมุนเวียนผ่านไปในทุกๆ วัน จนในที่สุดนิยายที่ฉันแต่งเล่นๆ ในเว็บก็กำลังจะได้รับการตีพิมพ์เสียที ซึ่งเริ่มวางแผงงานหนังสือปลายปีนี้ รู้อะไรมั้ย ที่ฉันกำลังเฝ้ารอ ไม่ใช่รอวันที่จะเห็นนิยายของตนเองหรอก หากฉันรอ...รอวันที่จะได้พบเธอ ยุนอาสัญญากับฉันว่าเธอจะมาที่กรุงโซลเนื่องจากเธออยู่ต่างจังหวัด เพื่อขอลายเซ็นไรท์เตอร์ที่เธอปลื้ม  

                     

                      รู้อะไรมั้ย...พอได้ยินอย่างนั้น...ฉันยิ่งปลื้มกว่าเสียอีก

                     

                      ฉันแต่งนิยายมาหลายต่อหลายเรื่อง เรื่องที่ได้ตีพิมพ์นี้เป็นเรื่องเก่ามากแล้ว ซึ่งเธอไม่เคยได้อ่านมันจากทางเว็บ และที่ประหลาดใจก็คือเรื่องนั้นเป็นนิยายชายหญิงเรื่องสุดท้ายที่ฉันแต่ง ก่อนจะมาเขียนยูริแล้วทำให้เรารู้จักกัน

                     

                      ทั้งที่เธอไม่ชอบอ่านนิยายหญิงชาย...แต่เธอก็จะมาเพื่อซื้อมันน่ะหรอ...

                     

                      คิดก็คิดไม่ตก ฉันจึงยืนจัดหนังสือภายในบูธไปเรื่อยเปื่อย มองหน้าปกนิยายเล่มแรกในชีวิตของตนเองแล้วก็ต้องลอบยิ้ม ในที่สุดความพยายามของฉันก็ทำให้มันออกมาเป็นรูปเล่มได้ ต่อให้จะไม่ใช่สำนักพิมพ์ดังเลิศเลอ ทว่าก็เป็นสำนักพิมพ์ที่ให้โอกาสนักเขียนฝึกหัดคนนี้

                     

                      เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลุกให้ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ มือกดรับอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอ “ฮัลโหล...พี่กวางน้อย มาถึงงานรึยังคะ” กรอกเสียงหวานที่สุดเท่าที่ทำได้ รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันกำลังสั่นไปหมด เมื่อกำลังจะได้เจอกับรีดเดอร์ที่ติดตามผลงานฉันมาตลอดหลายเดือน

                     

                      (“อืม...เค้ามาถึงแล้วล่ะ อยู่หน้าบูธไรท์เตอร์แล้วด้วย ไรท์เตอร์อยู่ไหนหรอ”)

                     

                      “ซอก็อยู่หน้าบูธค่ะ เอ๊ะ!” ร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะเมื่อหันหลังกลับมาก็พบกับร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่ ผมหยักลอนสวยสีดำปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง ดวงตากลมโตใสเป็นประกายราวกับมีมนตร์เสน่ห์ให้ฉันแทบหยุดหายใจ ไล้สายตาลงมาเรื่อยๆ กับจมูกโด่งได้รูปสวย และริมฝีปากบางสีชมพูเรื่อ...

                     

                      เธอเหมือนในรูปมาก หลังจากที่เราผลัดกันแลกรูปมาหลายต่อหลายครั้ง หากฉันคิดว่าตัวจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลย อีกอย่างหนึ่งคือ ตัวจริงในตอนนี้ กำลังทำให้ฉันใจสั่นได้มากกว่าตัวอักษรทางเอ็มเสียอีก

                     

                      “หวัดดีไรท์เตอร์น้อย” เธอทักเสียงใส ขณะที่ฉันเพิ่งรู้ตัวจึงรีบโค้งทำความเคารพทันที ถึงเราจะสนิทกันมากแค่ไหน ทว่าเธอก็ยังอายุมากกว่าฉันอยู่ดี

                     

                      “เฮ้ย...ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้” ยุนอารีบห้ามก่อนจะเข้ามาจับไหล่ฉันไว้แน่น เพื่อให้หยุดการกระทำดังกล่าว แต่ทันทีที่มืออุ่นๆ ของเธอทาบลงบนไหล่ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งปราดไปทั้งร่างให้แทบทรงตัวไม่อยู่

                     

                      เธอเอื้อมมาหยิบหนังสือของฉันที่วางอยู่บนชั้นทางด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆ ปะทะใบหน้าให้ต้องหลับตาปี๋ หัวใจเต้นรัวจนไม่อาจควบคุมได้ ทว่าดูเธอจะไม่รู้สึกอะไรเลยซักนิด ร่างสูงหยิบหนังสือที่ขึ้นชื่อนามปากกาฉันชัดเจน และเดินเข้าไปจ่ายเงิน ก่อนจะยื่นมันให้ฉันแล้วทำตาเป็นประกาย

                     

                      “เค้าซื้อแล้ว... เซ็นให้เค้าด้วยๆๆ” รอยยิ้มเหมือนเด็กๆ ทำให้ฉันถึงกับหุบยิ้มไม่อยู่ มือสั่นเทารับหนังสือมาก่อนจะค่อยๆ จรดปากกาลงไปบนหน้ากระดาษอย่างเชื่องช้า...เขียนไม่ออกเลยเห๊ะ

                     

                  ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ ขอให้อ่านให้สนุกค่ะ

                     

                      ประโยคเบสิกที่ฉันนึกออก แล้วดูดีที่สุดถูกเขียนลงบนหน้ารองปก ตามด้วยวันที่ ‘11/10/08’ และลายเซ็นที่บรรจงเซ็นให้สวยเท่าที่มือสั่นๆ ของฉันจะทำได้

                     

                      “เขียนให้เค้ายาวๆ ไม่ได้หรอ” เธอก้มลงมากระซิบข้างใบหูให้ต้องขนลุกซู่

                     

                      “เอ่อ...ซอไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วค่ะ”

                     

                      “งั้นไม่เป็นไร แต่ไปเดินเล่นกับเค้าหน่อยสิ ทดแทนที่เขียนให้เค้าสั้น” ว่าแล้วก็ดึงมือฉันออกมาจากบูธอย่างไม่รอฟังความเห็นใครทั้งสิ้น หากใช่ว่าฉันอยากจะปฏิเสธมันเสียแต่เมื่อไหร่...

                     

                      วันนั้นเรามีความสุขมาก เดินเล่นด้วยกัน กินไอศกรีมด้วยกัน ก่อนที่เธอจะรีบกลับ เพราะต้องรีบไปขึ้นรถให้ทัน เนื่องจากเธอไม่ได้พักอยู่กรุงโซล ถึงแม้จะเป็นวันสั้นๆ แค่วันเดียว ทว่าก็เป็นวันที่มีความสุขมากมายแล้วสำหรับฉัน

       

                     

       

       

       

       

                      คำว่าเวลาผ่านไปเร็ว มักเป็นจริงเสมอ หลายเดือนผ่านไปจนกระทั่งเกือบถึงงานหนังสือต้นปีในเดือนเมษายนอีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้ฉันไม่อาจติดต่อกับเธอได้เลย ไม่รู้ว่าเธอจะมามั้ย... คิดแล้วก็เศร้า ทั้งที่นานๆ ทีเราจะได้เจอกันแท้ๆ ถึงแม้เราอาจจะออนเอ็มกันทุกวัน โดยไม่มีโอกาสติดต่อกันทางอื่น เนื่องจากฉันเองนั่นแหละ ที่ไม่กล้าโทรไปรบกวนเธอ

                     

                      แล้วนี่...เราจะมีโอกาสได้เจอกันรึเปล่านะ...

                     

                      ฉันนั่งถอนหายใจอยู่ในบูธ ช่วยพี่ๆ เขาขายหนังสือกันไปเรื่อยเปื่อย ถึงแม้งานนี้จะไม่มีหนังสือของฉันออกก็ตามที ทว่าฉันก็แค่อยากมีเพื่อนคุย มีคนร่วมหัวเราะ มากกว่าจะอยู่บ้านเฉยๆ นั่งรอโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น ว่าเมื่อไหร่กล่องสี่เหลี่ยมสีเทาจะเปลี่ยนเป็นสีอื่นเสียที

                     

                      “น้องซอ...รับหนังสือด้วยค่ะ” พี่คนหนึ่งที่กำลังแกะแพ็คหนังสืออยู่ใต้โต๊ะตะโกนขึ้นมา เมื่อเห็นลูกค้ากำลังเลือกหนังสือและยื่นมาให้ ฉันจึงรีบก้มหน้าก้มตารับหนังสือเล่มนั้นมาทันที เล่มนี้เป็นนิยายที่พี่คนหนึ่งแต่ง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ฉันแนะนำให้เธออ่านในเว็บเองนั่นแหละ

                     

                      เธอก็อ่านตามคำแนะนำของฉัน...เพราะเห็นได้จากคอมเมนต์กระหน่ำทุกบทของเธอ

                     

                      เฮ้อ...แล้วฉันก็คิดถึงเธออีกจนได้...

                     

                      ยื่นถุงหนังสือพร้อมกับเงินทอนให้ลูกค้า ทว่าเมื่อเงยหน้ามองคนซื้อเต็มตา พวกเราก็ต้องหลุดปากออกมาอย่างตกใจ

                     

                      “พี่กวางน้อย / ไรท์เตอร์” ดูเธอเองคงอึ้งไม่แพ้กันเมื่อเห็นฉันที่นี่ หากฉันกลับอึ้งยิ่งกว่า เมื่อไม่คิดว่าเธอจะขึ้นมางานหนังสือที่โซลเสียแล้ว ในเมื่อวันนี้มีงานเป็นวันสุดท้าย และก็เป็นเวลาหกโมงเย็น...

                     

                      “มาทำอะไรที่นี่คะ / มาทำอะไรที่นี่อ่ะ” เรายังคงพูดพร้อมกัน ให้ต้องหลุดหัวเราะออกมาทั้งคู่ ฉันเดินออกมานอกบูธพลางยื่นหนังสือให้เธอ แล้วก็ต้องเห็นกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ เธอคงมากับเพื่อนล่ะสินะ

                     

                      “มากับเพื่อนหรอคะ” ฉันเริ่มบทสนทนาทำลายความเงียบ

                     

                      “อื้อ เค้ามาซื้อหนังสือน่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ระหว่างเราคงไม่มีคำใดที่ดีไปกว่าคำว่า ลาก่อนเลย

                     

                      ถึงแม้จะเป็นเพียงเวลาอันสั้นที่เราได้เจอกัน ทว่าใบหน้าของเธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดฉันอีกนานแสนนาน... ถ้าความรู้สึกระหว่างฉันกับเธอเป็นเพียงแค่ไรท์เตอร์และรีดเดอร์จริง ช่วยตอบหน่อยได้มั้ย ว่าที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่

                     

                      กลัวเหลือเกิน...หากจะถลำตัวลงไปกับคำว่ารักให้ต้องช้ำใจ...

       

                     

       

       

       

       

                      เรายังคงกลับมาเป็นเหมือนเดิม เธออ่านนิยายฉัน คอมเมนต์ให้ฉัน คุยกันทางเอ็มทุกคืน เพียงแค่นั้นกลับทำให้หัวใจของคนๆ หนึ่งมีความสุขมากมายได้อย่างไม่ควรจะเป็น ฉันรู้ว่าภายใต้ตัวอักษรอันสวยหรู ที่เธออาจประดิษฐ์ตกแต่งมันให้ดูดีเพียงใดก็ได้ แต่จะผิดมั้ย เมื่อฉันกลับหวั่นไหวมากขึ้นไปทุกที

                      ไม่อยากย้อนนับไปว่าเรารู้จักกันมากี่เดือนแล้ว เพียงแต่ตอนนี้กำลังใกล้จะเปิดเทอม...แล้วเธอก็กำลังขึ้นมหาลัยปีหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าคงยุ่งมาก แล้วอาจจะไม่ได้ออนเอ็มอย่างในทุกวันนี้อีก

                     

                      ทำไมหัวใจมันจึงเจ็บหนึบเหมือนหายใจไม่ออกอย่างนี้นะ...

       

                      ‘Yoonyoon says: เค้าจะได้ออนเอ็มวันสุดท้ายแล้วล่ะ T____T

                     

                      Seo says: เราจะไม่ได้คุยกันแล้วใช่มั้ยคะ...

                     

                      Yoonyoon says: ถ้าว่างๆ เค้าก็จะมาออนนะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น่ะสิ

                     

                      Seo says: ซอคงคิดถึงพี่แย่เลย

                     

                      Yoonyoon says: เค้าก็คิดถึงไรท์เตอร์เหมือนกัน จะรีบตามกลับมาอ่านนิยายนะ ToT’

       

                      เข็มวินาทียังคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ แต่หัวใจที่ซื่อตรงของฉันกลับร่ำร้องอยากให้มันหยุดเดินเสียเหลือเกิน อยากหยุดเวลาระหว่างเราไว้แค่นี้ ไม่อยากให้มีคำว่าพลัดพราก หากฉันรู้ว่าฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ และสุดท้าย ชื่อของเธอก็ขึ้นว่าออฟไลน์

                     

                      ...เธอจากฉันไปแล้ว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะได้เจอกันอีกครั้ง...

       

                     

       

       

       

       

                      นับจากวันนั้น ฉันยังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนปกติอย่างที่เคยเป็น หรืออันที่จริงคือพยายามทำให้มันปกติต่างหาก ความคิดถึงมันกัดกร่อนหัวใจจนแทบบ้า กี่คราก็ไม่รู้ที่มองชื่อเอ็มสีเทาของเธอแล้วต้องน้ำตาคลอเอ่อ ซึ่งฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะหักห้ามมันไว้

                      ไม่สมควรเลยจริงๆ ถ้าจะร้องไห้เพราะเหตุผลบ้าบออะไรอย่างนี้

                 

                  ...ร้องเพราะคนที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้ง...

                 

                  ...ร้องเพราะคิดถึงคนอ่านธรรมดาคนหนึ่ง...

                 

                  ...ร้องเพราะการรอคอยมันช่างทรมาน...

                 

                  ...ร้องเพราะ...คิดถึงคนที่ฉันมีเธอเกือบจะทุกลมหายใจ...

                     

                      ยังปฏิเสธความรู้สึกตัวเองได้อีกมั้ย ซอ จูฮยอน กล้าพูดเต็มปากเต็มคำหรือเปล่าว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย ไม่คิด... ไม่ได้เจ็บปวดเมื่อเราไม่มีทางได้คุยกันในตลอดหลายเดือน ยิ่งคิดยิ่งเหมือนหลอกตัวเอง ความรู้สึกทุกอย่างมันชัดเจนจะตายขนาดนี้ ฉันยังจะหลบเลี่ยงมันได้อีกหรือ

                      เวลาผ่านไป...หนึ่งอาทิตย์ ความรู้สึกโหยหาและคิดถึงเริ่มตีตื้นขึ้นมาในห้วงอารมณ์ให้ต้องเหงา แต่ฉันก็ต้องพยายามรับมันให้ได้ ไม่อยากจะมองดูรายชื่อคนที่ออนอยู่เลย เมื่อมันไม่มีชื่อของเธออีกแล้ว...

                      ผ่านไปหนึ่งเดือน... เธอรู้มั้ย ว่าฉันกำลังทรมาน กับการที่คนเคยคุยกันทุกวัน เล่าเรื่องต่างๆ ที่พบเจอให้กันและกันฟังต้องห่างกันไปอย่างนี้ เธอจะรู้รึเปล่าว่าทำให้คนๆ หนึ่งบ้าบอได้ขนาดไหน ฉันกำลังเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า พยายามติดต่อเธอทุกทางทั้งที่มันไม่มีประโยชน์

                      โทรหาเบอร์โทรศัพท์ของเธอ แต่เธอไม่เคยเปิดเครื่องเลย แม้รู้คำตอบของมันดีว่าเป็นเพราะเธออาจจะเปลี่ยนเบอร์ หากฉันก็ยังคงหลอกตัวเองอยู่อย่างนั้น ด้วยความหวังว่าซักวันเธอจะเปิดมันแล้วเห็นมิสคอลมากมายของฉัน

                      ความรู้สึกทรมานเช่นนี้ มันผลักดันให้ฉันทำในสิ่งที่ไม่คิดจะทำมาก่อน นั่นคือเขียนเมล์อันยาวเหยียด เล่าทุกเรื่องราวที่ฉันต้องเผชิญในช่วงหนึ่งเดือนกว่าเกือบสองเดือนที่ผ่านมานี้ ทั้งที่รู้ดีว่าเธอเป็นคนไม่ชอบเช็คเมล์ และไม่มีวันได้เปิดมันอ่านแน่ แต่ฉันมีทางเลือกอื่นด้วยหรอ...

                      ฉันเปิดโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น ชื่อของเธอยังคงเป็นสีเทา หากฉันก็ยังบ้าไปทักทาย คุยกับเงาของเธอซึ่งไม่มีตัวตน และไม่อาจตอบคำใดกลับมาได้ นอกเสียจากมีฉันบ้าคุยอยู่กับตัวเองเพียงคนเดียว

                      ทำไมจะไม่รู้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับฉันเกินเลยมากไปกว่าคำว่าไรท์เตอร์ที่เธอปลื้ม หรือน้องสาวแสนดีคนหนึ่งเลย เธอยังเคยย้ำเสมอๆ ว่าฉันเป็นน้องสาวที่ดี หากเธอยังยืนยันคำเดิมอยู่มั้ย ถ้าความรู้สึกของน้องสาวไม่รักดีคนนี้ มันเริ่มไม่ได้คิดกับเธอแค่คำว่าพี่อีกแล้ว...

                     

                      ฉันไม่รู้ว่าบ้าบออยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน หรือจะเป็นตั้งแต่เธอจากไปล่ะมั้ง ทั้งที่เธอคงลืมน้องสาวอย่างฉันไปแล้วด้วยซ้ำ...

       

                     

       

       

       

       

                      มาวันนี้ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อฉันเปิดนิยายขึ้นมาแล้วเห็นคอมเมนต์เธอติดกันหลายเมนต์ ตามจำนวนบทที่เธอยังไม่ได้อ่าน ฉันแทบกลั้นอาการดีใจไว้ไม่อยู่ หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร รู้เพียงแค่ความรู้สึกทรมานมาตลอดสองเดือนกำลังได้รับการเติมเต็ม

                      ฉันรีบออนเอ็มแต่เช้าแล้วก็เจอข้อความของเธอที่ทิ้งเอาไว้ คำว่า คิดถึงที่เธอให้ ถึงแม้จะในฐานะพี่น้องกัน แต่ฉันก็รู้สึกดีแทบบ้า ฉันออนเอ็มรอเธอทั้งวัน ด้วยความหวังเล็กๆ ว่ายุนอาจะออนเอ็มซักที

                      ในที่สุดคำภาวนาตลอดเดือนกว่าเกือบสองเดือนของฉัน มันก็เป็นผลจนได้ เธอกำลังออนอยู่... นี่ฉันไม่ใช่ฝันไปใช่มั้ย ฉันรีบทักเธออย่างไม่ลังเล หลายเรื่องราวที่ฉันพยายามชวนเธอคุย ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง หากนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ที่ฉันไม่ต้องคุยกับเงาของเธอ หรือออนเอ็มกับคนที่ไม่มีวันตอบกลับ

                      ทว่าระหว่างที่คุยกันอยู่ เธอกลับออฟไลน์ไปซะดื้อๆ ไม่รู้ว่าหลุดหรือเพราะเหตุใด หากที่ฉันรู้ตอนนี้ คือน้ำอุ่นๆ กำลังไหลรินผ่านดวงตาลงมาช้าๆ ตลกเป็นบ้า...เห็นคนออฟก็ร้องไห้ได้

                     

                      หากใครจะเข้าใจฉันบ้าง ว่ามันทรมานแค่ไหนกัน กับความกลัวที่กลัวว่าเธอจะจากฉันไปอีก...

       

                     

       

       

       

       

                      เช้าวันต่อมาฉันตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรอยุนอาออนเอ็ม ซึ่งการรอคอยของฉันครั้งนี้ไม่สูญเปล่า เพราะไม่ถึงเที่ยง ชื่อเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวให้ต้องใจเต้นแรงอย่างตื่นเต้นเหมือนในทุกๆ ครั้ง

       

                      ‘Seo says: หวัดดีค่ะพี่กวางน้อย

                     

                      Yoonyoon says: พี่อดทักซอก่อนอีกแล้วอ่ะ

                     

                      ฉันชะงักไปทันที เมื่อเห็นข้อความนั้น... ทำไมเธอต้องแทนตัวเองว่าพี่ด้วย ทั้งที่ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา เธอแทนตัวเองว่าพี่นับครั้งได้ และส่วนใหญ่เธอจะแทนตัวเองว่าเค้า ยิ่งคุยไปฉันยิ่งอึดอัดใจ ความเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมา ให้ต้องรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนคนเดิม เธอไม่ใช่พี่กวางน้อยของฉัน แต่กำลังเป็นใครบางคนที่ฉันไม่รู้จัก...

                      คุยไปคุยมา หัวใจกลับยิ่งเต้นช้าลงทุกที เธอแทนตัวเองว่าพี่ ตอกย้ำคำๆ นั้นซ้ำๆ เหมือนกับว่าระหว่างเรายังไงก็เป็นได้แค่พี่น้อง แล้วในที่สุด ฉันก็ทนความรู้สึกอัดอั้นที่ยุนอาสร้างไว้ให้ไม่ไหว

       

                      ‘Seo says: ทำไมแทนตัวเองว่าพี่ล่ะคะ แทนเค้าเหมือนเดิมดีกว่า

                     

                      Yoonyoon says: ไม่ดีหรอก...พี่กลัวซอรู้สึกแปลกๆ น่ะ

       

                      รู้สึกแปลกๆ ที่เธอว่ามันหมายความว่ายังไงหนอ... ในเมื่อฉันกับเธอก็คุยกันอย่างนี้มานานแล้ว หรือจะเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของฉัน จากเงาอันเลือนรางที่เริ่มชัดเจนขึ้นทุกที

       

                      ‘Seo says: ซอชอบให้พี่กวางน้อยแทนตัวเองว่าเค้ามากกว่าค่ะ มันรู้สึกว่าเป็นตัวพี่ดี ไม่ห่างเหินด้วย

                     

                      Yoonyoon says: อืม...งั้นหรอ แล้วพี่จะพยายามนะ

                     

                      Seo says: นะคะ...ซอขอร้อง พูดเค้าเหมือนเดิมเถอะ

       

                      ถึงแม้จะอ้อนวอนไปขนาดนั้น ทว่าเธอกลับมาพูดเค้าได้อยู่ไม่กี่ประโยค ก็กลับไปแทนตัวเองว่าพี่ตามเดิม จนฉันรู้สึกหนักใจกับระยะห่างที่เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัวของเรา ทำไมคุยกันอยู่อย่างนี้ แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันห่างเหิน เศร้าสร้อย และเหงาหงอยเหลือเกิน

                     

                      เหงายิ่งกว่าตอนที่เธอหายไปสองเดือนติดต่อไม่ได้เสียอีก...

       

                     

       

       

       

       

                      หลายวันต่อจากนั้น วงจรของเราก็กลับไปอยู่ในทิศทางที่ควรเป็น เธอกลับไปเรียนหนักเหมือนเดิม หลังจากสอบกลางภาคเสร็จ นั่นทำให้เราไม่มีโอกาสจะได้ออนเอ็ม คุยเล่นกันเหมือนเดิม รวมถึงครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน ก็ทิ้งบาดแผลเล็กหากเจ็บลึกไว้ในหัวใจดวงนี้

                      กลับไปเป็นคนเดิมในวันที่เดียวดายไม่เหลือใคร มองทางไหนหัวใจยังคงว่างเปล่าไร้เงาของยุนอาอีกต่อไป กว่าจะได้เจอเธอ ได้คุยด้วยกันก็คงต้องปิดเทอมหนึ่งล่ะมั้ง

                      ใช้ชีวิตทุกลมหายใจ เพื่อคิดถึงเธอ เก็บความทรงจำเก่าๆ เพื่อให้ชีวิตก้าวต่อไปข้างหน้า แต่หลายครั้งเหลือเกินที่ฉันต้องกลับมานั่งอ่านคอมเมนต์เก่าๆ ของเธอที่เคยเมนต์ไว้ในนิยาย ความห่วงใย ความเอื้ออาทรตามประสาพี่สาว เรียงร้อยเป็นอารมณ์มาทางตัวอักษรไม่กี่ตัว

                      หลายคนว่าชีวิตต้องก้าวต่อไป หากผิดไหม ถ้าฉันจะก้าวเดินโดยทิ้งหัวใจไว้ที่เดิม ให้มันจมอยู่กับอดีต วันวานที่เคยหวานของเรา ต่อให้มันเป็นเพียงแค่พี่น้องก็ตาม

                      ฉันไม่เคยคาดหวังเป็นอะไรในชีวิตเธอ ในเมื่อที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ได้คิดถึง ได้เป็นห่วง คุยเล่นกัน อีกอย่างคือฉันอยู่ห่างไกลเธอเหลือเกิน ไม่ได้อยู่จังหวัดเดียวกัน หรืออยู่ใกล้กัน สิ่งเดียวที่ฉันหวังไว้คืออย่าให้เธอคิดอะไรกับฉัน เหมือนที่ฉันคิดเลย

                      เพราะฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีปัญญาไปยืนเคียงข้างเธอได้ ไม่มีปัญญาเช็ดน้ำตาให้เธอเวลาเสียใจ ไม่มีปัญญาโอบกอดหรือให้กำลังใจเธอ ฉันรู้...จุดใดที่ฉันสมควรยืน มันก็เป็นที่ตรงนี้ ที่ฉันยืนมาแต่แรกแล้ว ในฐานะไรท์เตอร์ที่เธอปลื้ม และน้องสาวผู้แสนดีสำหรับเธอ

                      ทว่าทำไมฉันคิดว่าทั้งที่ฉันยืนจุดเดิม แต่เธอกลับเดินหนีหายไปทุกที มีสิทธิ์มองเพียงแผ่นหลังของเธอ เลือนรางหายไปจนลับสายตา

                      ฉันกดเบอร์โทรศัพท์เบอร์ใหม่ของเธอ เมื่อเวลาผ่านไปสองเดือน ซึ่งฉันเริ่มจะทนกับความทรมานรอบด้านไม่ไหว คราวที่แล้วฉันติดต่อเธอไม่ได้ เพราะเธอเปลี่ยนเบอร์ใหม่ โดยไม่บอกฉันซักคำ แถมยังบอกว่านึกว่าฉันจะลืมเธอไปแล้วเสียอีก

                     

                      ฉันจะลืมเธอได้ยังไงกัน เมื่อนั่งคิดถึงเธออยู่อย่างนี้...หากเธอล่ะ ไม่ใช่เพราะเธอลืมฉันไปแล้วหรือ

                     

                      “หวัดดีค่ะพี่กวางน้อย”

                     

                      (“อ้าว...ซอหรอ ว่าไง”)

                     

                      “คิดถึงน่ะค่ะ เลยอยากคุยด้วย”

                     

                      หลังจากคำนั้นหลุดออกจากปากไป เธอก็เปลี่ยนเรื่องคุยเสียดื้อๆ ทั้งเรื่องนิยายที่ฉันกำลังแต่งอยู่แล้วเธอยังไม่มีโอกาสมาตามอ่าน รวมถึงเรื่องต่างๆ ฉันถามเธอว่าปิดเทอมวันไหน และคำตอบที่ยุนอาให้มาก็คือวันที่ 2 ตุลาคม เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรเลย ถ้าฉันจะเริ่มนับเคาท์ดาวน์คืนวันอันทรมาน เพื่อให้ได้คุยกับเธออีกครั้ง...

       

                     

       

       

       

       

                      หนึ่งเดือนผ่านไป และก็ถึงวันที่ฉันรอพอดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ฉันไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย อาจเพราะฉันเองอยู่ในช่วงยุ่งๆ ด้วย ฉันไม่ได้ออนเอ็มกับเงาของเธอ ไม่ได้ส่งเมล์หาคนที่ไม่เคยอ่าน หรือไม่แม้กระทั่งโทรไป เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการเรียนของเธอเสียเปล่าๆ ทว่าฉันกลับเอาแต่โทรเบอร์เก่าที่เธอไม่ใช้แล้ว

                      ฉันไม่อยากให้เธอรับ ฉันเพียงแค่ต้องการคลายความคิดถึง และหลอกตัวเองว่าเธอปิดเครื่องอยู่ เธอกำลังสบายดี แค่นั้นเอง

                      หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ฉันก็กดปุ่มโทรออกเสียที สัญญาณดังอยู่นานมาก จนฉันเกือบจะท้อใจวางมันลงเสียแล้ว หากไม่ได้ยินเสียงใสๆ จากปลายสายเสียก่อน

                     

                      (“ฮัลโหล...”)

                     

                      “หวัดดีค่ะพี่กวางน้อย” ฉันทักเธอตามปกติ คงมีคนเดียวล่ะมั้งที่เธอเรียกเธอว่ากวางน้อย ไม่ใช่ยุนอาเหมือนคนอื่นๆ ก็ฉันไม่อยากเหมือนใครนี่...

                     

                  (“นั่นใครอ่ะคะ”)

                 

                      เปรี้ยง! เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาตรงหน้า ฉันมือชาไปหมด สะอึกจนแทบพูดไม่ออก เธอคงจำเสียงฉันไม่ได้ เพราะเราเคยคุยกันไม่กี่ครั้ง หากเธอไม่ได้เมมเบอร์ฉันไว้ในเครื่อง... เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งใครเคยเรียกเธออย่างนี้...

                     

                      นั่นแหละที่กำลังทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเหมือนถูกกรีดแผลลงมาในหัวใจทั้งที่ยังหายใจได้อยู่

                     

                      “ซอเองไงคะพี่กวางน้อย... จำซอไม่ได้หรอ”

                     

                      (“อ...เอ่อ... แหะๆ”) ไม่ตอบรับ และไม่ปฏิเสธ ฉันก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่สามเดือนหลังจากการออนเอ็มครั้งสุดท้ายของเรา เธอลืมกันไปแล้วสินะ ลืมคนที่เธอเคยบอกว่าปลื้ม คนที่เธอเคยบอกว่าอยากได้ลายเซ็นที่สุด ลืมคนที่เธอเคยบอกว่าจะซื้อนิยายของฉันทุกเรื่อง

                     

                      เธอลืมฉันไปหมดแล้ว...แต่ฉันนี่สิ ยังจดจำเธอได้ทุกอย่าง

                     

                      “ใจร้ายนะเนี่ย จำน้องสาวตัวเองไม่ได้” ฉันพูดติดตลก หากบังคับเสียงไม่ให้สั่นเต็มที่

                     

                      (“พอดีเปลี่ยนมือถือใหม่ แล้วไม่ได้ย้ายเบอร์มา”)

                     

                      คราวที่แล้วเปลี่ยนเบอร์ไม่ได้บอก คราวนี้เปลี่ยนมือถือใหม่ไม่ย้ายเบอร์มา สรุปแล้วเธอไม่ได้ย้ายหรือไม่อยากย้ายกันแน่ คนๆ นี้มันคงไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตเธอเลย

                     

                      ฉันเพิ่งรู้สึกถึงคำว่าเจ็บจริงๆ ก็วันนี้ ความเหงาและความคิดถึงที่กัดกร่อนหัวใจมาโดยตลอด มันเทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งกับน้ำเสียงที่เรียบเฉย ใกล้เคียงกับอาการรำคาญของเธอ

                     

                      (“ว่าแต่ซอโทรมามีอะไรหรอ”)

                     

                      มีอะไรหรอ... ใช่สิ! ถ้าไม่มีธุระคงโทรหาพี่ไม่ได้ใช่มั้ย อิม ยุนอา!!

                     

                      จำไม่ได้เลยว่าหลังจากนั้นเราคุยอะไรกันบ้าง เพราะหัวใจฉันมันปิดประสาทการรับรู้ทั้งหมดตั้งแต่ที่เธอถามฉันแล้วว่าเป็นใคร นี่คือผลตอบรับของคนที่ฝันอยู่คนเดียวใช่มั้ย พอถูกปลุกขึ้นมาให้รับรู้ว่าสิ่งที่เคยพบเจอ มันเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งก็รับความจริงไม่ได้ใช่มั้ย

                      ฉันคิดว่าการที่ฉันทนคิดถึงเธอต่อไป อยู่กับความฝันของตนเอง ออนเอ็มกับคนที่ออฟไลน์ ส่งเมล์หาคนที่ไม่มีทางเปิดมันอ่าน โทรไปเบอร์เก่าที่เธอทิ้งไปแล้ว หากอย่างน้อยๆ ฉันก็ได้หลอกตัวเองว่าเธอยังไม่ได้ไปไหน เธอยังอยู่กับฉัน เหมือนที่เคยเป็น

                      ทุกสิ่งทุกอย่างมันย่อมดีกว่าความเจ็บปวดที่ฉันต้องพบเจอในเวลานี้

                     

                      ฉันรอคอยวันนี้เพื่ออะไร เพื่อมารับรู้ว่าคนที่ฉันรอคอย... เขาจำฉันไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวน่ะหรือ...

       

                     

       

       

       

       

                      ไม่กี่วันหลังจากนั้นฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะออน แม้สมองสั่งให้พอแค่นี้ บาดแผลที่เคยมีมันต้องการเยียวยา อย่าเพิ่มแผลใหม่ให้มันเลย ทว่าหัวใจกลับไม่ฟังสมองสั่ง

                     

                      ‘Seo says: หวัดดีค่ะพี่กวางน้อย ออนได้แล้วหรอ >_<

                     

                      Yoonyoon says: อืม

       

                      อึ้งไปพักใหญ่ๆ เลย กับประโยคอันสั้นของเธอ ทั้งที่เราไม่เจอกันนาน แต่เธอก็คงไม่คิดถึงฉันเลยสินะ ไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้คุยกันเหมือนฉัน เก็บก้อนสะอื้นไว้ลึกสุดใจ ทั้งที่ตอนนี้ดวงตาพร่ามัว จนมองหน้าจอพร่าเลือน มือยกขึ้นปาดน้ำใสๆ ออก แต่มันกลับไหลรินมาจนได้ เมื่อคำแทนตัวของเธอเปลี่ยนจาก เค้าเป็น พี่ทุกคำ

                      สุดท้ายคำขอร้องของฉันก็ไม่มีประโยชน์ ความห่างเหินแทรกซึมในความสัมพันธ์ของเรา จากที่เคยคิดว่าไกลชิด มาตอนนี้กลายเป็นห่างไกลเสียเหลือเกิน

                      รูปดิสเพลย์ของเธอถูกเปลี่ยนเป็นรูปผู้หญิงคนหนึ่ง วูบแรกที่เห็นหัวใจก็ด้านชาขึ้นมาโดยทันที ใบหน้าสวย ผมยาวสีน้ำตาล ดวงตาคู่ซึ้งแสนหวานที่อยากให้จ้องมองไม่รู้เบื่อ เธอสวย...จนเหมือนกับ เจ้าหญิง แน่ะ

       

                      ‘Seo says: พี่กวางน้อยคะ...ในรูปใครหรอ

                     

                      Yoonyoon says: แฟนเค้าเองล่ะ ชื่อเจสสิก้า

       

                      ชัดมั้ย! แฟนเค้าเอง... ตาสว่างได้แล้ว ซอ จูฮยอน ทั้งที่คิดไว้ว่าฉันไม่เคยคาดหวังกับความรักครั้งนี้ ไม่คิดให้เธอต้องตอบรับการคิดและฝันไปเองของฉัน ทว่าทำไมพอได้เห็นคำว่าแฟนมันจึงเจ็บในหัวใจเช่นนี้นะ

                      และแล้วรูปผู้หญิงสวยก็แปรเปลี่ยน เกือบจะดีใจ ถ้าหากมันไม่ได้เปลี่ยนเป็นรูปคู่ของเธอและเขา ใบหน้าที่แนบชิดจนเกือบติด รอยยิ้มของคนทั้งคู่ดูมีความสุขเหลือเกิน ไม่มีช่องว่างใดให้ฉันเข้าไปแทรกได้เลย

                      เจสสิก้าสวย...สวยกว่าฉัน ที่เป็นเด็กกะโปโล นั่งอยู่หน้าคอมพ์ หรือแต่งนิยายไปวันๆ ฉันไม่สามารถอยู่ข้างๆ เธอได้อย่างเขา ทั้งที่คิดและทำใจเอาไว้แล้ว หากน้ำตาไม่รักดี มันพากันรินไหลไม่มีหยุดเสียที อาการอึดอัดในช่องอกเหมือนจะหายใจไม่ออก พาลให้อยากหยุดหายใจเอาเสียดื้อๆ

                      ไม่เคยคาดหวัง...ยังอยากหลอกตัวเองอีกต่อไปมั้ย ถ้าไม่หวังแล้วฉันกลับมาเจ็บทำไม ต้องยิ้มสิ ดีใจที่ พี่สาวมีคนที่ดีพอจะดูแลได้ เขาเหมาะสมกันดีออกนี่

                     

                      แต่ถึงอย่างนั้น ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนเองยังเป็นน้องสาวของเธออยู่รึเปล่า...

                     

                      ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่องชวนเธอคุยสารพัด หากคำตอบกลับมามีเพียง อืม...เอ่อ...อ่ามันแปลกจนน่าใจหาย ในเมื่อเธอไม่ได้พูดคุยเล่นกับฉันเหมือนเคย

       

                      ‘Seo says: ยุ่งอยู่หรอคะ ซอกวนรึเปล่า

                     

                      Yoonyoon says: อืม

       

                      นั่นไง...ฉันมันตัวกวน ฉันรบกวนเธอ ทั้งที่ฉันไม่ควรทำอย่างนั้นตั้งแต่ทีแรก กล่องสี่เหลี่ยมรอบดิสเพลย์ของเธอยังคงเป็น สีเขียว บ่งบอกได้ชัดถึงคำว่า ยุ่งได้เป็นอยู่ดี

                      เธออาจจะยุ่ง เพราะเธออาจออนเอ็มกับเจสสิก้า แฟนของเธอ ไม่ใช่ใครที่พร่ำเพ้อบ้าบออย่างฉันคนนี้ หรือไม่ก็...เธออาจจะมีความสุขกับใครคนนั้นก็ได้

                      คิดตอกย้ำตัวเอง ในเมื่อจะเจ็บแล้วก็เจ็บให้มันถึงที่สุดไปเลย เจ็บยังไงมันคงไม่ถึงตายหรอก! เอาสิ ฉันมันก็แค่ส่วนเกินในชีวิตเธอ ไม่ใช่ส่วนเติมเต็มอย่างเขา ฉันมันก็แค่คนผ่านเข้ามา และกำลังจะผ่านเลยไป เธอไม่ต้องให้ความสนใจอะไรมากก็ได้

                     

                      แม้แต่คำว่าน้องสาว...ฉันคงไม่ได้รับจากเธอ

       

                     

       

       

       

       

                      เคยมีคนพูดไว้ ว่าเจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย ถ้าเช่นนั้นฉันขอเป็นควายต่อไปแล้วกัน ด้วยเลือกมาทำให้ตัวเองเจ็บเล่นๆ เมื่อเห็นชื่อของเธอออนในอีกไม่กี่วันต่อมา

                      หากรูปดิสเพลย์ก็ยังคงไม่เปลี่ยน ภาพของเธอและเขาก็ยังชัดเจนในบาดแผลของฉัน พยายามปัดความรู้สึกบ้าๆ ออกจากหัวใจ แล้วทักเธออย่างที่น้องสาวควรจะทำ ทว่าเธอก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับ ทั้งที่ยังคงขึ้นชัดเจนว่าออนไลน์ และไม่ได้ยุ่งหรือไม่อยู่แต่อย่างใด

                     

                      ทักไปมากๆ เข้า อยู่ๆ เธอก็ออฟไลน์หนีหายไปเลยเสียอย่างนั้น

                     

                      ทำไมฉันทั้งอยากให้เธอออน และไม่อยากให้เธอออนอย่างนี้นะ อยากให้ออนเพราะรู้สึกดีที่มีเธออยู่ใกล้... ได้ใช้โปรแกรมเอ็มเอสเอ็นร่วมกันก็มีความสุข แต่ฉันก็ไม่อยากให้เธอออน ไม่อยากให้ใจมันหวั่นไหวไปมากกว่านี้ หัวใจฉันมันไม่ได้เข้มแข็งพอจะเห็นรูปคู่ของเธอกับใครคนนั้น

                      ที่ปากดีๆ ว่าไม่เคยคาดหวังน่ะไม่จริงหรอกมั้ง ไม่งั้นฉันจะมานั่งเจ็บปวดอยู่อย่างนี้หรอ เลิกหลอกตัวเองซะทีได้มั้ย ความรู้สึกที่ชัดเจนขนาดนี้ ฉันคงไม่อาจหลีกหนีความจริงได้อีกแล้ว...

                      รู้ดีว่าเรื่องมันคงออกมาในรูปแบบนี้ แต่ฉันก็ยังจะทำ ฉันคิดว่าเธอคงรู้ล่ะมั้ง ว่าฉันคิดอะไรด้วย ถึงแม้ฉันไม่เคยพูดออกไป หรือทำให้เธออึดอัดใจมากไปกว่าคำว่าคิดถึงธรรมดา หากถ้าเธอไม่รู้ ทำไมเธอจึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ล่ะ เธอคนเดิมหายไปไหน

                      นาทีนี้ฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอจะรักใครชอบใคร เป็นแฟนใครมันสิทธิ์ของเธอ เพราะสิทธิ์ของฉัน ไม่มีทางจะไปยืนเคียงข้างได้ แต่ฉันขอแค่เธอคนเดิมกลับมาได้มั้ย คนที่หยอกล้อกับฉัน คุยเล่นกัน ทำให้ฉันหัวเราะได้ทุกครั้งที่คุยด้วย หรือแม้กระทั่งยิ้มแก้มแดงเมื่ออ่านคอมเมนต์ของเธอ

                      ไม่เคยขอให้เธอมารักฉัน เพราะมันไม่จำเป็น ขอแค่ให้ฉันได้คิดถึง มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนที่ผ่านมาไม่ได้หรอ เธอคนเดิมของฉันหายไปไหน คนที่ทำให้ฉันยิ้ม ไม่ใช่ทำให้ฉันร้องไห้อย่างในตอนนี้

                 

                  ...ตอนนี้เธอคงเป็น อิม ยุนอา...

                  ไม่ใช่...พี่กวางน้อย คนนั้นอีกแล้ว...

                     

                     

       

       

       

       

                      ทั้งที่ตอนนี้มีงานหนังสือปลายปีอยู่ และนิยายที่ฉันเขียนก็ได้ตีพิมพ์ ซึ่งมันเป็นนิยายที่เกิดขึ้นเพราะคำพูดสั้นๆ ของเธอว่าอยากอ่านนิยายที่หลงรักพี่สะใภ้ตนเอง ฉันก็แต่งให้แล้วนี่ไง...และมันกำลังวางแผงบนชั้นขายหนังสือด้วย เธอยังรับรู้ถึงมันหรือเปล่า ยังอยากได้ลายเซ็นฉันคนนี้มั้ย

                      เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันนี้ อีกแค่ไม่กี่วันจะหมดงานหนังสือแล้ว ดูท่าทางเธอคงไม่มากรุงโซลจริงๆ ด้วย หากความคิดถึง และอาการเจ็บไม่รู้จักจำ ทำให้ฉันเปิดโปรแกรมสนทนาเอ็มเอสเอ็นเหมือนเดิม ชื่อเธอขึ้นเป็นสีเทา แสดงว่าออฟไลน์หากฉันก็ไม่สนใจ พิมพ์ข้อความลงไปในนั้น ด้วยหวังว่าเธอคงเห็นมัน

       

                      ‘Seo says: หวัดดีค่ะพี่กวางน้อย ท่าทางจะไม่อยู่เนอะ

                     

                      Seo says: ซอก็แค่จะบอกว่า ซอไปงานหนังสือวันที่ 23 กับ 25 นะคะ งานใกล้หมดแล้ว

                     

                      Seo says: ไม่รู้พี่กวางน้อยว่างมารึเปล่า ถ้าว่างเราก็คงได้เจอกัน เดี๋ยวซอจะเซ็นให้ยาวๆ เลย ฮ่าๆ

                     

                      Seo says: แต่ถ้าไม่ว่าง เดี๋ยวซอส่งหนังสือไปให้ก็ได้นะคะ ขอที่อยู่ก็พอ 

                     

                      Seo says: แล้วก็...คิดถึงนะคะ ถ้าออนแล้วตอบด้วย...

       

                      นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำเพื่อเธอ พอกันทีกับการวิ่งตามใครที่ไม่เห็นค่า หัวใจเหนื่อยและบอบช้ำสมควรได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่แล้ว

                      เธอก็เป็นเธอ อยู่ในที่ของเธอ ฉันเองต่างหากที่ก้าวล้ำเส้นระหว่างเรามากไป ถึงต้องมานั่งเจ็บและทรมานอยู่อย่างนี้ พอกันที...หยุดเถอะนะ ซอฮยอน ...มันไม่มีประโยชน์อะไร หากจะฝืนยื้ออย่างนี้อีกต่อไป อย่าไปคิดถึงเธออีกเลย เธอเป็นแค่รีดเดอร์ธรรมดาคนหนึ่ง จำไว้แค่นั้นก็พอ

                      หยุดกับการเอาหัวใจไปผูกติดไว้กับใคร ไม่ใช่ให้ยุนอากลับมาเป็นคนเดิมหรอก แต่ฉันควรกลับไปเป็นคนเดิมได้แล้ว คนที่ไม่ต้องคิดถึงใครให้เจ็บหัวใจ ทุกความฝันมีแต่ความว่างเปล่า ไม่ใช่เอาแต่จมอยู่กับคนที่ไม่มีตัวตนอยู่อย่างในทุกวันนี้ เลิกนั่งจ้องโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น เลิกภาวนาว่าซักวันมันจะขึ้นเป็นสีเขียวเสียที

                 

                  ...เหนื่อยกับการวิ่งตามใครนักใช่มั้ย งั้นหยุดเถอะ พอแค่นี้... ถอดรองเท้าออก แล้วก็ทรุดนั่งลงริมชายหาด ปล่อยให้ระลอกคลื่นนำพาความทุกข์ทรมาน หรือหยาดน้ำตาในตอนนี้ พัดเลยผ่านและจางหายไป...

       

      The end

       

       

       

       

       

      เป็น SF ที่แต่งเร็วมากค่ะ จะเรียกว่าแต่งก็ไม่เต็มปากเต็มคำ

      เนื่องจากไม่ได้คิดพล็อต ไม่ได้คิดเนื้อหา หรือทำอะไรใกล้เคียงทำว่าแต่งเลย

      ขอให้คำว่าเขียนแทนแล้วกันนะคะ เขียนความรู้สึกของตัวเอง และเรื่องจริง

      ออกมาในรูปแบบของฟิค อ่านๆ ไป ก็คล้ายไดอานี่เลยเนอะ

       

      อาจสงสัยว่าธีมอารมณ์ คล้ายๆ เรื่อง Dream ที่เคยแต่ง

      เรื่องนั้นอิงเล็กน้อยค่ะ ประกอบกับมันมีพล็อตตายตัว

      ทำให้ไม่สามารถใส่อารมณ์ตัวละครให้เป็นความรู้สึกแท้จริงได้

       

      เลยแต่งเรื่องนี้ออกมา ให้มันเป็นเหมือน SF แห่งความทรงจำ

      เก็บความรักครั้งนี้ เอามันออกจากใจ และให้อยู่ในรูปเพียงตัวหนังสือก็ยังดี...

       

      ยังไงก็ช่วยคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้บุงด้วยนะคะ

      คอมเมนต์คนละนิด ต่อชีวิตไรท์เตอร์

       

      ปล. เห็นมีคนถาม... บุงเป็นเลสค่ะ ^^

       

      [[ถึง เธอคนนั้น]]

       

      ขอโทษถ้าความรู้สึกของบุงทำให้พี่ลำบากใจ

      ไม่ว่าพี่จะรับรู้ถึงมันหรือไม่ก็ตาม

      บุงไม่ได้อยากให้พี่มองบุงเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากน้องสาว

      ขอเพียงแค่กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่าห่างเหินไปอย่างนี้ได้มั้ยคะ

      อีกไม่กี่วันก็หมดงานหนังสือแล้ว... พี่จะมารึเปล่า

      แล้วไหนบอกว่าอยากได้ลายเซ็นกันไง ไหนบอกว่าให้เซ็นยาวๆ ให้เต็มหน้าเลยไง

      คนอยากได้ลายเซ็นหายไปไหนล่ะ...

      คนจะเซ็นน่ะจำคำสัญญาได้ แต่คนขอ...ลืมเลือนมันไปหมดแล้วใช่มั้ย...

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×