cygnet
ดู Blog ทั้งหมด

ความฝันที่แท้จริง

เขียนโดย cygnet
* หากอ่านยากไปรบกวนบอกด้วยนะครับ ผมจะแก้ให้ครับ

 

             หากเรามองกระจก เราอาจจะเห็นภาพคนๆหนึ่งมองมายังเรา ซึ่งนั่น... ก็คือตัวเรา ‘กระจก’ มัก จะบอกความจริงที่ภายนอก แต่มันก็ไม่ได้เปิดเผยหน้ากากที่แท้จริงของเรา เพราะกระจกบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว อีกที่เหลือที่กระจกไม่สะท้อนนั้น คือ 'ใจ' ของเรา.... ความเป็นเราที่แท้จริง มักจะอยู่ในจิตใจ....

             สำหรับ ฉัน ภายนอก ฉันอาจจะเป็นเด็กอ้วนคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าไม่เก่งอะไรสักอย่าง แต่ที่ทุกคนเห็นไม่ได้เป็นตัวฉันที่แท้จริงหรอกนะ ฉันยังมีความลับมากมาย แต่ยังไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ เพราะมันอยู่ลึกในจิตใจของฉัน.... ซ่อนมันเอาไว้... รอถึงวันที่แท้จริง ที่สมควรเปิดเผยออกมา...

             เมื่อฉันมองกระจก ฉันมักจะอยากเห็นภาพคนของที่มีค่า แต่ในอีกนัยหนึ่ง ฉันก็แอบสงสัยว่า นั่นใช่ตัวเราแน่หรือ? ทำไม เราดูอย่างนั้นจัง อย่างนี้จัง อาจเป็นเพราะ นั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จิรงของฉัน แม้มันจะใช่ ฉันก็ไม่อยากได้มันมา ภาพที่เห็น เหมือนใจของมันกำลังร้องไห้ สิ่งนั้นทำให้ฉันไม่อยากมองกระจกมีหลายครั้งเหลือเกิน ที่ฉันทนกล้ำกลืน ทนฝืนใจ ที่ตัวตนของตนเองไม่ได้เป็นดั่งใจ ทั้งเรื่องการเรียน เรื่องกีฬา และเรื่องกิจกรรมต่างๆ เป็นเวลานานมากแล้ว หลายครั้งต่อหลายครั้ง คนหลายคนยอมรับตัวตนที่แท้จริงของฉันไม่ได้ ฉันรอมานาน รอวันที่จะคลายความหมองเศร้า เพื่อที่จะได้มาเป็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน หรือ ตัวตนที่ฉันอยากเป็น
 
            ฉัน รู้ว่า ไม่ใช่ฉันคนเดียว ที่ต้องทนเช่นนั้น มีผู้คนมากมาย ที่ต้องทนบอบช้ำ แต่ก็จำเป็นต้องทน เหมือนว่าพวกเขาและฉัน ไม่รู้ว่าอยู่ไปเพื่ออะไร อยู่เพื่อใคร บางครั้ง ฉันก็อยากจะฆ่าตัวตาย แต่ในที่สุด ฉันก็คิดได้ ว่าสักวัน วันที่ฉันเป็นฉัน ฉันจะให้คนทั้งโลกได้รู้ถึงความในใจ อย่างน้อย ก็น่าจะมีใครยอมรับฉันได้สักคนแหละน่า

             บาง ครั้ง ฉันก็แอบแปลกใจ ที่ต่างคนต่างใส่หน้ากากเข้าหากัน หรือบางคนก็ทำตามสังคมเรียกร้อง อย่างเช่น นักเรียนหญิงที่หน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ถูกสังคมบีบคั้นทำให้ต้องฝืนใจในสิ่งที่ไม่ต้องการทำ เช่น การเรียนให้เก่งติดท็อปของประเทศ ทั้งๆที่ความจริง เธออยากเล่นกีฬามากกว่าด้วยซ้ำไป หรือจะเป็นลูกของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เมื่อบิดาถึงแก่กรรม เขาต้องรับหน้าที่ตอ่จากพ่อ เพื่อไม่ให้ถูกโจษจัน ทั้งๆที่ความจริงเขาอยากเปิดธุรกิจใหม่เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

             ใน สังคมรอบตัวของฉัน เห็นได้ชัด ว่าทุกคนปิดบังหัวใจของตนเอง และซุกซ่อนมันไว้ พร้อมกับใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่น ที่แม้อยากจะถอดก็ถอดไม่ได้ บทที่ฉันเห็น ไม่ใช่ทั้งตัวของฉัน หรือตัวของใคร เพราะฉันสร้างบทใหม่ขึ้นมาเอง อาจจะเป็นเพราะบทนั้นเก่ามันไม่ดี หรือบทนั้นมันไร้ค่า หรือสังคมไม่ยอมรับบทนั้น

             เรา ไม่สามารถ แลกตัวของเรากับผู้อื่นได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ และฉันจะเปลี่ยนตนเองให้เป็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน กลับคืนมาเป็นตัวของฉัน เป็นใจของฉัน อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย
 
             สุดท้ายก่อนจากกัน ฉันขอฝากนิทานไปให้ทุกคนได้อ่านและขบคิดกับมัน นิทานเรื่องนี้ มีชื่อเรื่องว่า
 
'ความฝันที่แท้จริง'
 
             ณ บ้านหลังหนึ่งที่ซึ่งมีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ อันประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และลูกฝาแฝดที่มีชื่อว่า 'นาฬิกา' และ 'ฬากินา' ทุกๆ คนในบ้านนี้ เมื่อออกสู่สังคม พวกเขาอาจจะดูเป็นครอบครัวที่แสนสมบูรณ์แบบ นั่นเป็นความจริง แต่ปัญหาใหญ่สำหรับครอบครัวคือ นาฬิกา และ ฬากินา ยังไม่ค้นพบตัวเอง ความฝันของพวกเธอแทบจะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ ทำให้พ่อแม่ของพวกเธอวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
             ใน เวลาอันใกล้นี้ พ่อและแม่ของนาฬิกาและฬากินาจะไปทำงานที่ต่างประเทศ ทำให้ทั้งคู่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างโดดเดี่ยวลำพังเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากที่ทั้งคู่อายุครบ 20 ปีเป็นเวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์
 
             " แค่สามเดือนเองค่ะ พวกเราอยู่ได้ " ทั้งคู่รับปากกับพ่อแม่
 
             เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ทั้งคู่ก็เริ่มกังวลว่าเงินที่มีอยู่จะหมดหรือไม่ ทำให้ทั้งคู่ต้องเริ่มหาเงินมาใช้เลี้ยงตนเอง
             ตอนแรกๆ พวกเธอทำอะไรเหมือนๆกัน
 
             " พวกเราเป็นฝาแฝดกันนะคะ น่าจะทำอะไรเหมือนกันๆ "

             " ร้องเพลงกันดีไหม? " พี่สาวถามน้องสาว " เดือนหน้ามีการคัดเลือกนักร้องนะ เริ่มฝึกซ้อมกันเลยเถอะ! "
 
            
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...
 
             " ไม่ไหวหรอกค่ะพี่ หนูไม่ถนัดเลย พี่ชอบเพลงแดนซ์กระจาย แต่หนูชอบเพลงคลาสสิคช้าๆนี่คะ "

             " งั้นเรามาลองเขียนงานเขียนกันเถอะ เห็นว่ามีการประกวดเรื่องสั้นสะท้อนสังคมนี่ หมดเขตส่งอาทิตย์หน้าพอดีเลย "
 
             สี่วันผ่านไป...
 
             " ไม่ไหวอีกแหละค่ะ หนูชอบสยองขวัญ แต่พี่ชอบรักหวานแหวว มันไม่สามารถลงตัวได้ภายในอาทิตย์เดียวหรอกค่ะ "

             " งั้นวาดภาพกันสิ มีการประกวดวาดภาพในอีกสามวันนะ "
 
             หนึ่งวันผ่านไป…
 
             " โธ่พี่! พี่ชอบสีโทนเย็นๆ หนูชอบสีโทนอุ่นๆ หนูใส่โทนอุ่นพี่ก็ไม่ชอบ พี่ใส่โทนเย็นหนูก็ไม่ชอบ เลิกเถอะค่ะ "

             " ครั้งสุดท้ายล่ะ เรามาเป็นแม่ครัวกัน! มีการประกวดทำอาหารพรุ่งนี้ มาฝึกกันเถอะ "
 
       
      ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...
 
             " ไม่ไหวค่ะ พี่ชอบกินกินเค็ม หนูชอบกินหวาน มันไม่ลงตัว "

             เวลาผ่านไปอีกหลายวัน...
 
             " ไม่มีเวลาแล้วนะ! พวกเราไม่ลงตัวสักอย่าง ยังไงซะ เราก็ต้องลงประกวดอะไรสักอย่าง เพื่อหาเงิน ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่การประกวดร้องเพลงอย่างเดียวแล้ว ยังไงเธอก็ต้องลง!! "

             " ค... ค... ค่ะ... "
 
             ภายหลังจบการแสดงคัดเลือกนักร้อง
 

             " ปลงเถอะ... พี่ว่านะ เป็นฝาแฝดไม่ต้องทำอะไรเหมือนกันก็ได้ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าเราจะถูกกดดันแค่ไหน! "

             " งั้นเราแยกย้ายกันนะคะ "
 
             นาฬิกา และฬากินาแยกย้ายกันไปทำตามใจตนเอง แรกๆก็ล้มเหลวเช่นเคย แต่ทั้งสองก็ยังไม่ลดละ จนในที่สุด ทั้งสองก็ค้นพบตนเองนาฬิกาได้ผันตัวเองมาเป็นแม่ค้าขายของทำมือชั้นหนึ่ง และฬากินาก็ได้ผันตนเองมาเป็นวิศวะกรหญิงชั้นหนึ่งเช่นกัน
             แต่ดูเหมือนจะมีอะไรกลับตารปัตร กลายเป็นว่า ทั้งสองได้ผ่านเข้ารอบการประกวดร้องเพลงรอบสุดท้ายซะอย่างนั้น ซึ่งรอบสุดท้ายนี้ เป็นการสัมภาษณ์ตัวนักร้องเอง
 
             " ต่อไป เป็นนักร้องฝาแฝดพิศวง ที่กินใจผู้ฟังหลายๆคนไปได้ คุณนาฬิกากับฬากินาคร้าบ! " พิธีกรเกริ่น

             " สวัสดีค่ะ ชื่อ นาฬิกา ค่ะ เป็นพี่สาวของ ฬากินาค่ะ ชอบทานอาการที่มีรสเค็ม ชอบฟังเพลงแดนซ์มันกระจาย ชอบอ่านนวนิยายแนวรักหวานแหวว ชอบสีม่วงและสีน้ำเงินค่ะ ความฝันอยากเป็นแม่ค้าขายของทำมือค่าา "

             " สวัสดีค่ะ ชื่อ ฬากินาค่ะ อ่านว่า ลา - กิ - นา นะคะ ชอบทานอาหารที่มีรสหวาน ชอบฟังเพลงคลาสสิค ชอบอ่านนวนิยายแนวสยองขวัญ ชอบสีเหลืองและสีส้มค่ะ ความฝันอยากเป็นวิศวะกรหญิงค่าา "

             " เป็นฝาแฝดกัน แต่ดันชอบกับทำอะไรไม่เหมือนกันเลยแฮะ... " ผู้ฟังบางคนบ่นพึมพำ

             " เอ่อ... ทำไมต่างกันได้สุดขั้วอย่างงี้หรือครับ "

             " เป็นฝาแฝดไม่ต้องทำอะไรเหมือนกันก็ได้นี่คะ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าเราจะถูกกดดันแค่ไหน! " ทั้งสองพูดประสานเสียง

             " พวกคุณรู้สึกอย่างไรกับการที่ผ่านมาถึงรอบสุดท้ายนี้ครับ " พิธีกรถามทั้งคู่

             " พวกเรารู้สึกดีใจมากค่ะ ไม่นึกว่าจะมาได้ไกลเท่านี้ "
 
             การสัมภาษณ์ดำเนินต่อไปพักหนึ่ง จนคำถามสุดท้าย
 
             " ถ้าหากอาชีพแม่ค้าขายของทำมือเป็นอาชีพทีได้เงินน้อย และอาชีพวิศวะกรไม่มีใครต้อนรับคุณล่ะครับ คุณจะอยากเป็นนักร้องไหมครับ? "

             พิธีกรรอคำตอบจากพี่น้องฝาแฝด...



ความคิดเห็น

cygnet
cygnet 11 มี.ค. 54 / 20:39
ใครไม่เก็ทส่งข้อความถามได้คัรบ^^
strawberry13
strawberry13 12 มี.ค. 54 / 12:28
LIKE ค่ะ

สู้ๆน๊า
อั๊ยย่ะน้องหล่ำ
 สุดยอดมาก ไอเพื่อนเลิฟ (แกเขียนเองป่าวเนี่ย)
อั๊ยย่ะน้องหล่ำ
ไอเรื่องอย่างฆ่าตัวตายน่ะนะ ถ้าเครียดมากๆ ก็เขียนที่มือว่า มองอะไร แล้วก็ชูให้คนอื่นดูนะ
ฉันเป็นมากกว่าแกอีกบางทีหยิบมีดจ่อคอเลยด้วยซ้ำ แล้วก็คิดได้ว่า เราต้องอยู่ให้ได้ ทีคนอืนยังอยู่ได้เลยแล้วทำไมเราจะอยู่ไม่ได้