คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 17 วิธีการและผลลัพธ์
ตอนที่ 17 วิธีการและผลลัพธ์
ห้องพักสำหรับผู้ผ่านการทดสอบรอบแรกเป็นห้องพักรวม ในห้องกว้างขนาดเท่าสนามบาสเกตบอลมีโต๊ะและเก้าอี้จัดเรียงเอาไว้ให้ผู้เข้าทดสอบได้นั่งพักผ่อน มุมห้องมีถังใส่น้ำเย็นพร้อมแก้วน้ำ ของว่างเป็นขนมทอดวางบนโต๊ะ
ไม้สักเลือกนั่งที่มุมด้านหลังสุดห้องห่างจากผู้เข้าทดสอบคนอื่น จุดนี้เขาสามารถเห็นผู้เข้าทดสอบคนใหม่ที่เข้าประตูมาได้ชัดเจน
“กินมั้ย” ประดู่ชี้ไปที่ของวางบนโต๊ะ
“กิน” แม้เพิ่งกินถั่วมาเป็นกิโลแต่ท้องของไม้สักก็ยังคงมีที่ว่างอีกมากมาย อาหารในโลกนี้ดูจะทนทานรับกรดในกระเพาะเขาได้ไม่เท่าไร
ไม้สักมองดูรอบห้องสังเกตดูผู้ที่ผ่านรอบคัดเลือกอย่างละเอียด เมื่อเทียบกันแล้วบรรยากาศรอบตัวของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกจะแตกต่างจากตอนที่ยืนรวมกันก่อนหน้านี้ ทุกคนล้วนแต่อยู่ในสภาพปลอดโปร่งไร้ความกังวล ไม่มีความกระวนกระวายตึงเครียดใด ๆ
การแต่งกายของผู้คนในห้องทำให้ไม้สักเข้าใจว่าทำไมเครื่องแบบรด.ของเขาจึงไม่เป็นที่สนใจจนเกินไป ผู้ที่ผ่านเข้ารอบมาล้วนแต่มีเครื่องแต่งกายเฉพาะอย่างที่แตกต่างกัน บ้างสวมไม้ไผ่สานเป็นเกราะทับเสื้อผ้าภายใน บ้างสวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเผยผิวหนังร่างกาย คนที่สวมชุดขนนกจนแทบจะมองเป็นนกฮูกได้ก็มี เครื่องแบบของไม้สักกลายเป็นธรรมดาไปเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกเขาเหล่านี้
“ท่าน ท่านทราบหรือไม่ว่าร่างกายของพวกท่านมีพลังเวทมนตร์รั่วไหลออกมาตลอดเวลา”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้าของไม้สัก ไม่ทราบว่าเขามาตั้งแต่เมื่อใด ชายในชุดสีกรมท่าแบกตู้เก็บของที่เต็มไปด้วยลิ้นชักเล็ก ๆ มากมายนั่งลงร่วมโต๊ะกับไม้สักโดยไม่ขออนุญาต
ไม้สักไม่ตอบคำถาม เขาไม่ทราบว่าชายผู้นี้ต้องการอะไร แต่การเงียบเอาไว้ดูจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้
ชายผู้นั้นนิ่งสงบสบตากับไม้สักอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา
“ท่านต้องเป็นผู้ที่ไม่สามารถรับพลังเวทมนตร์จากอาหารและพิการไม่สามารถใช้เวทมนตร์เหมือนคนทั่วไป น่าสนใจ น่าสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบเห็นนักล่าอาหารที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ ท่านจะตามล่าวัตถุดิบเวทมนตร์ได้อย่างไรถ้าไม่สามารถรับรู้เวทมนตร์จากวัตถุดิบเหล่านั้น”
“ไม่ใช่เรื่องของท่านกระมัง” ไม้สักตอบเสียงเรียบ
ชายแบกตู้ใหญ่ผู้นั้นตาโต
“ถูกต้อง ๆ ไม่ใช่เรื่องของข้าจริง ๆ แต่ท่านจะห้ามข้าไม่ให้ติดตามดูพวกท่านคงไม่ได้ ข้าชื่อ คาเร นักล่าสมุนไพร ข้าบอกแจ้งชื่อตนเองเอาไว้แต่ท่านไม่จำเป็นต้องบอกชื่อให้ข้าทราบก็ได้”
“มีอะไรกัน” ประดู่กลับมายังโต๊ะพร้อมของกินเล่นเต็มจานและน้ำสองแก้ว เขามองตามหลังตู้ใหญ่ที่เคลื่อนห่างออกไป
“นักล่าสมุนไพรคาเร เมื่อกี๊มาบอกว่าพวกเราปล่อยพลังเวทมนตร์ออกจากตัวตลอดเวลา ดูออกว่าพวกเราไม่มีพลังเวทมนตร์” ไม้สักหยิบขนมทอดที่ดูไม่ต่างจากขนมขาไก่ขึ้นมาชิม สิ่งที่เขาได้รับจากการเคี้ยวมีแต่เพียงความกรอบไร้ซึ่งรสชาติใด ๆ
“จืด ใส่เกลือหน่อยก็แล้วกัน” ประดู่โรยเกลือลงบนขนมแป้งทอดชิ้นเล็กบนจานแล้วใช้มือคลุกไปมาจนเข้ากันดี ทั้งสองมองดูผู้เข้าทดสอบที่เดินเขาห้องมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่มีใครเข้าห้องมาอีกเป็นเวลาเกือบสิบนาที ใม้สักนับรวมจำนวนคนแล้วมีเกือบหนึ่งร้อยคน
คนจากการทดสอบเข้ามาแจ้งให้ทุกคนออกไปที่ลานกว้างอีกครั้ง ไม้สักและประดู่เดินตามหลังคนอื่นไปเงียบ ๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในลานกว้างตรงหน้า
พื้นหินกว้างมีการติดตั้งกระบะไม้ขนาดใหญ่เอาไว้ตรงกลาง ความจริงต้องเรียกว่าสระว่ายน้ำขนาดใหญ่น่าจะถูกต้องกว่า ก้นของกระบะบรรจุไว้ด้วยโคลนสีน้ำตาล แท่งไม้กลมขนาดเท่าข้อมือถูกปักในกระบะนับร้อยแท่งโดยมีความสูงต่ำแตกต่างกันไป ระยะห่างของแท่งไม้แคบที่สุดคือหนึ่งศอกกว้างที่สุดคือหนึ่งวา ต่ำสุดคือเอวสูงสุดคือเหนือศีรษะ ด้านซ้ายมีแท่งไม้จะเตี้ยกว่าแล้วจึงไล่ความสูงเพิ่มขึ้นไป ด้านขวามือห่างจากขอบกระบะซ้ายสุดสามสิบเมตรเป็นเวทีสูงจากพื้นสามเมตร บนเวทีมีโต๊ะสำหรับเตรียมวัตถุดิบหนึ่งร้อยตัว
“ปีนี้ช่างเป็นปีที่น่าเสียดาย เพียงแค่การคัดเลือกรอบแรกก็มีผู้ตกรอบไปมากกว่าสามร้อยคน มาตรฐานของนักล่าอาหารปัจจุบันนี้ช่างตกต่ำเหลือเกิน” อิตาลีโนสายหน้าพูดบนแท่นสูงเท่าตึกสามชั้น “แต่มิเป็นไร น้อยคนมากคุณภาพยังดีกว่ามากคนด้อยความสามารถ เงื่อนไขในการทดสอบรอบที่สองนี้ก็คือการฝ่าฟันพื้นที่อันยากลำบากเพื่อเข้าถึงวัตถุดิบ จากนั้นจึงทำการเตรียมวัตถุดิบที่เราเตรียมไว้ให้ ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบเป็นกลุ่มจะต้องไปให้ถึงโต๊ะเตรียมวัตถุดิบทั้งกลุ่ม จะทิ้งผู้ใดไว้ไม่ได้ ผู้ใดร่วงตกลงสู่ผิวโคลนด้านล่างถือว่าตกรอบ เตรียมวัตถุดิบได้สำเร็จก็ถือว่าผ่านการทดสอบรอบสองนี้ ทุกท่านเริ่มได้เมื่อพร้อม”
เสียงร้องเชียร์จากผู้ชมดังก้องเมื่อหญิงในชุดสีขาวอมฟ้าผู้หนึ่งกระโดดขึ้นไปเหยียบยอดไม้ด้วยปลายเท้า เสียงกระดิ่งที่มัดติดกับผมหางม้าของเธอดังใสตามจังหวะการแกว่งไกวเมื่อเธอย่องไปบนยอดแท่งไม้ ต่างจากผู้เข้าร่วมทดสอบคนอื่น ๆ หญิงสาววัยใสผู้นี้ไร้ซึ่งกระเป๋าบรรจุสิ่งของ เธอมีเพียงกระเป๋าผ้าสามใบคล้องติดกับเข็มขัดด้านหลัง ยามที่ปลายเท้าของเธอสัมผัสกับยอดเสา ละอองไอขาวเป็นประกายเหมือนลมหายใจต้องอากาศหนาวเย็นก็ม้วนตัวพุ่งออกมาเหมือนดั่งกับว่าเธอเยื้องย่างไปบนเมฆา
“โอ้ ปีนี้ ครัวหิมะพิสุทธิ์ ส่งลูกศิษย์มาเข้ารับการทดสอบหลังจากที่ห่างหายไปนาน ให้ข้าตรวจสอบดูชื่อของว่าที่นักล่าอาหารหญิงผู้นี้ก่อนสักครู่ … มิริน บุตรสาวคนสุดท้องของพ่อครัวใหญ่จากภัตตาคารหกตลับ อัจฉริยะที่ได้รับการฝึกฝนจากพ่อครัวชั้นยอดตั้งแต่ยังเล็กจนปัจจุบันมีอายุแปดปีหกเดือน ความสามารถเกี่ยวกับวัตถุดิบชั้นสูงยากที่คนทั่วไปจะทัดเทียม น่าสนใจจริง ๆ ว่าคลื่นลูกใหม่ผู้นี้จะสร้างสีสันให้วงการอาหารอย่างไรบ้าง” อิตาลีโนร่ายยาว
ตัวแทนจากภัตตาคารหลายคนจ้องมองดูหญิงสาวที่ปีนขึ้นเสาเป็นคนแรกด้วยความสนใจแต่ไม่คาดหวังว่าจะได้เธอมาร่วมงาน ผู้เข้าแข่งขันอย่างเช่นมิรินจะมีสังกัดภัตตาคารรอรับอยู่แต่แรก สำหรับเด็กสาวผู้นี้ยิ่งเป็นคนพิเศษเพราะเธอได้รับการฝึกฝนมาจากครัวหิมะพิสุทธิ์โดยตรง
“แปดปีหกเดือน เทียบเป็นช่วงปีของเราก็สิบเจ็ดปีใช่มั้ย” ประดู่ถามไม้สัก
“อืม หนึ่งวันของที่นี่มี 48 ชั่วโมง แปดปีหกเดือนก็สิเจ็ดพอดี ว่าแต่มิรินนี่มันเหล้าญี่ปุ่นใช่มั้ย” ไม้สักกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับเสาไม้ จะให้กระโดดไปเหมือนมิรินเขาและประดู่คงทำไม่ได้
“เหล้าสำหรับทำอาหารน่ะ แอลกอฮอล์น้อยน้ำตาลเยอะ เอามาเคี่ยวทำน้ำจิ้มหวานอร่อยดี น้องมิรินนี่จะหวานเหมือนชื่อรึเปล่านะ ทั้งหวานทั้งเมา หน้าตาก็น่ารักดีซะด้วย” นิสัยชอบมองหญิงของประดู่กำเริบ
“กว่าจะเมาคงเลี่ยนก่อน … แล้วพวกเราจะเอาไง”
“เกาะ ๆ ไปคงได้มั้ง ตอนนี้พวกเราแข็งแรงน่าดูนี่ ใช้มือเดียวก็น่าจะพยุงตัวได้แหละ”
ไม้สักไม่มีความเห็นเป็นอื่น เขาเดินเข้าไปจับเสาต้นที่อยู่ใกล้ขอบกระบะมากที่สุดโยกไปมาเพื่อตรวจสอบความแข็งแรง เสาไม้เล็ก ๆ เหล่านี้แข็งเหมือนแท่งเหล็ก แม้แต่เขาที่มีแรงมากยังไม่อาจโยกคลอนแม้แต่น้อย
ระหว่างที่ไม้สักและประดู่ตรวจสอบดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายไม่ให้สิ่งของใดหล่นลงไปยังบ่อโคลน ผู้เข้าทดสอบก็ทยอยกันเหยียบยอดเสาพุ่งตรงไปยังเวทีสูง แม้จะไม่งดงามเหมือนมิรินแต่คนหลายสิบคนก็ข้ามบ่อโคลนได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ
“ข้านำ แกตาม ตกลงนะ” ไม้สักพูดหลังสำรวจเลือกเส้นทางที่มือสามารถเอื้อมถึงเรียบร้อย
“รับรองตามไปติด ๆ ” ประดู่กำมือแล้วเหยียดออกสลับกัน เขาเหยียบขอบกระบะและใช้มือจับยึดเสาไม้ไว้ด้วยกำลังกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว รองเท้าของเขาเป็นรองเท้าหนังพื้นแข็งจึงไม่มีคุณสมบัติในการยึดเกาะกับเสาไม้ใด ๆ ร่างของเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นมีแรงกำมือและแขนยึดพยุงเอาไว้ล้วน ๆ
ผู้ชมเริ่มพูดคุยกันเมื่อเห็นวิธีการอันแปลกประหลาดของไม้สักและประดู่ ตั้งแต่รอบแรกแล้ว สองคนนี้ดูจะมีรูปแบบการแก้ปัญหาต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
ไม้สักโยนตัวไปตามเสาไม้ที่ตัวเองเลือกไว้เป็นจังหวะ เขาเหลียวมองดูประดู่ที่ตามหลังมาเป็นครั้งคราว จนกระทั่งเหลือเสาอีกไม่กี่ต้นก็จะถึงเวทีอันเป็นที่หมาย ตอนนี้เองที่เงามืดได้เข้าปกคลุมตัวเขา ไม้สักเงยหน้าขึ้นพบว่ามีชายคนหนึ่งยืนเหยียบเสาไม้ที่เขากำลังยึดจับ จ้องมองลงมาด้วยสายตาเหยียดหยามเกลียดชัง
เจ้าของตาคู่นั้นสะบัดเท้าเตะเข้าที่แก้มของไม้สักจนหน้าหันปากแตก เขาแสดงอาการประหลาดใจที่ไม้สักยังคงจับเสาเอาไว้ได้โดยที่ไม่ร่วงหล่น เมื่อไม้สักเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้งเขาก็กระโดดไปยังเวทีสำหรับเตรียมวัตถุดิบแล้ว
“สัก เป็นไรมั้ย” ประดู่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดถามเพื่อน
“ไม่เป็นไร เล็กน้อยมาก” ไม้สักกลืนเลือดที่ไหลออกมาในปากแล้วยกตัวเองขึ้นไปบนเวทีก่อนจะหันมาดึงประดู่ตามขึ้นไป
ชายผู้นั้นมองดูไม้สักด้วยหางตาทำเป็นไม่สนใจแววตาและรอยยิ้มบาง ๆ ของผู้ที่เขาเพิ่งจะเตะหน้าจนปากแตก
ไม้สักพิจารณาดูเครื่องสวมใส่ของคนที่ทำร้ายตนเอง ชายผู้นี้สวมเสื้อผ้าชั้นดี เพียงแค่มองด้วยตาเปล่าก็ทราบว่าต้องมีราคาต่อชิ้นไม่ต่ำกว่าหมื่น เขาไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งแบกกระเป๋าใบใหญ่ตามหลังมาด้วย
“นั่นคือคุณชายทอดกรอบ ปาปา เป็นบุตรชายคนโตของพ่อครัวใหญ่ประจำ ครัวกระทะนรก ได้ชื่อว่าเกลียดชังทาส ท่านที่สวมปลอกคอทาสย่อมถูกเล่นงานเป็นธรรมดา” คาเรที่แบกตู้ใบใหญ่กระโดดขึ้นเวทีตามหลังประดู่มาช่วยบอกเล่าต้นสังกัดของชายที่เตะปากไม้สักให้ฟัง
“คุณชายทอดกรอบ” ประดู่กลั้นหัวเราะ
“ใช่แล้ว ครัวกระทะนรกเป็นครัวอันดับหนึ่งถ้าพูดถึงอาหารประเภทของทอด ฝีมือของคุณชายปาปาผู้นี้เป็นได้เพียงตัวตลก แต่ทาสที่เขานำมาด้วยเป็นสุดยอดฝีมือที่ยากหาคนต่อกร”
ไม้สักจ้องมองดูหญิงสาวอายุมากกว่าเขาหลายปียืนนิ่งเหมือนหุ่นไร้อารมณ์ เธอโดนคุณชายทอดกรอบปาปาตบหน้าอย่างแรงและสั่งให้ไปจัดเตรียมวัตถุดิบที่วางอยู่บนโต๊ะไม้
ประดู่มองดูหญิงสาวผู้นั้นตรงเข้าไปยังโต๊ะโดยไม่มีปากเสียงอันใดแล้วรู้สึกข้องใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาเองก็มีงานรออยู่ อามาดิลโลที่นอนขดอยู่บนโต๊ะ
“ท่านทั้งสองใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็คงสัมผัสพลังเวทมนตร์ไม่ได้กระมัง ถ้าสัมผัสพลังเวทมนตร์ไม่ได้แล้วจะจัดการกับเต่าหินกลิ้งนี้อย่างไร สัตว์ชนิดนี้จะมีจุดอ่อนเพียงจุดเล็ก ๆ ระหว่างเกราะที่จะเคลื่อนที่ไปมาเรื่อย ๆ คนที่ไม่สามารถตรวจจับหาจุดเวทมนตร์พิเศษนี้ไม่มีทางแล่เนื้อมันออกมาได้แน่ ๆ ” คาเรชี้ไปยังสัตว์เปลือกแข็งที่ม้วนตัวเป็นก้อนกลมเหมือนลูกฟุตบอล ผิวนอกของมันเป็นเปลือกแข็งไม่ต่างจากกระดองเต่า ต่างจากอามาดิลโลในโลกมนุษย์มากพอสมควร
ประดู่มองดูโต๊ะข้าง ๆ เห็นผู้เข้าทดสอบใช้นิ้วมือบรรจงลากไปตามรอยต่อระหว่างเกราะรูปห้าเหลี่ยมเหมือนคนที่พยายามหาเสี้ยนบนแผ่นไม้ที่ใช้เวลานานเพื่อขัดให้ลื่นเรียบ
พ่อครัวหนุ่มมองดูมีดทำอาหารบาง ๆ ของตนแล้วขอยืมมีดเอาตัวรอดจากไม้สักที่หนาและแข็งมากกว่า คาเรจ้องมองดูอาวุธที่เป็นเงาวาวนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาต้องอ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อประดู่สอดมีดเข้าไปในช่องว่างระหว่างแผ่นเกราะเต่ากลิ้งหินอย่างง่ายดาย
ประดู่ทำการคว้านเลาะเกราะของเต่าออกทีละแผ่นจนกระทั่งเหลือแต่ผิวหนาชั้นในของเต่าซึ่งดูจะไม่เดือดร้อนกับการถูกเลาะเกราะออกแต่อย่างไร เขาชูเต่าในมือขึ้นแล้วยิ้มให้กับคาเร แบมือข้างหนึ่งแสดงท่าที “ไงล่ะ” ใส่ชายช่างสอดผู้นี้ ในตอนนั้นอิตาลีโนก็บอกเล่ารายละเอียดของวัตถุดิบให้ผู้ชมทั่วไปได้ฟังด้วย
“ความยากของการเตรียมเต่ากลิ้งหินสำหรับประกอบอาหารก็คือการเลาะเกล็ดออกจากตัวเต่า นอกจากเกล็ดภายนอกของมันจะแข็งแกร่งแล้วช่องว่างระหว่างเกล็ดยังมีม่านพลังเวทมนตร์อันแข็งแกร่งคุ้มครองอยู่ อุปกรณ์เวทมนตร์ทั่วไปไม่อาจเจาะทะลุเข้าไป ถ้าหาจุดอ่อนขนาดเล็กเท่าปลายก้อยบนม่านพลังเวทมนตร์นั้นไม่พบก็จะไม่สามารถจัดการวัตถุดิบชนิดนี้ได้”
ประดู่เลาะเกล็ดของเต่าตัวที่สองเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงชักชวนไม้สักนำวัตถุดิบไปส่งด้วยกัน ในตอนที่พวกเขาวางวัตถุดิบลงบนโต๊ะให้กรรมการตรวจสอบ ที่โต๊ะข้าง ๆ ทายาทครัวหิมะพิสุทธิ์มิรินก็กำลังรอผลการตรวจสอบของกรรมการอยู่เช่นกัน ประดู่ยกมือให้เธอแต่เธอช่างเย็นชาเหลือเกิน เพียงแค่มองหน้าแล้วหันกลับไปไม่แสดงปฏิกิริยาตอบสนอง สมกับเป็นคนจากครัวหิมะจริง ๆ
“สามารถถอดเกล็ดของเต่ากลิ้งหินออกมาได้ทั้งหมดโดยไม่ฆ่าเต่าหิน พวกท่านผ่านการทดสอบรอบสอง” กรรมการตรวจสอบดูผลงานของสองหนุ่มเรียบร้อยแล้วมอบผ้าผูกแขนสองผืนให้พวกเขา
ไม้สักและประดู่ตรงเข้าไปพักผ่อนในห้องพักรอเวลาในการทดสอบรอบต่อไป พวกเขากำลังคิดว่าการต่อสู้กับสัตว์ร้ายนั้นจะเป็นเช่นไร
.
มีผู้ผ่านการทดสอบรองสองเพียงสิบเจ็ดคน คาเรโบกมือให้ไม้สักและประดู่จากอีกฟากหนึ่งของแถวที่ผู้เข้ารอบทุกคนกำลังตั้งกันอยู่ที่ลานกว้าง รอเวลาอิตาลีโนแนะนำผู้เข้ารอบกับผู้ชมครบทั้งหมด
“ผู้เข้ารอบรายที่สิบห้า กลุ่มชิงชัน สองทาสหนุ่มผู้พิการจากต่างแดน ประดู่และไม้สัก แม้จะไร้ความสามารถในการซึมซับพลังเวทมนตร์และไม่อาจใช้เวทมนตร์ได้อย่างคนทั่วไป แต่กลับผ่านรอบสองมาได้อย่างขาวสะอาด นักล่าอาหารที่ใช้พลังเวทมนตร์ไม่ได้นั้นเคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เมื่อสองร้อยปีก่อน วันนี้เราจะได้เห็นนักล่าอาหารที่ไร้พลังเวทมนตร์อีกครั้งหรือไม่ เราจะได้ทราบในเร็ว ๆ นี้ังเวทมนตร์ไม่ได้นั้นเคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เมื่อสองร้อยปีก่อน วันนี้เราจะได้เห็นนักล่าอาหารที่ไร้พลังเวทมน”
ประดู่รู้สึกข้องใจอยู่บ้างที่ต้องถูกเรียกว่าเป็นคนพิการ แต่ไม้สักดูไม่ใส่ใจอะไรเขาจึงเฉยไว้ รอให้อิตาลีโนประกาศเสร็จสิ้นแล้วจึงเข้าไปนั่งรอบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมให้ ผู้ผ่านการทดสอบทุกคนจะนั่งเรียงแถวหน้ากระดานบนเวทีสูงซึ่งมีคอกไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า ให้ภาพแบบเดียวกับลานประลองของทาสในโคลีเซียม
“ด่านสำคัญที่สุดด่านหนึ่งในการทดสอบเพื่อเป็นนักล่าอาหารได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้ที่ออกล่าวัตถุดิบในพื้นที่ต่าง ๆ จะต้องพบกับสัตว์อันดุร้ายมากมาย ถ้าขาดซึ่งความสามารถในการต่อสู้แล้วก็ไม่อาจมีชีวิตรอดในฐานะนักล่าอาหาร ผู้เข้าทดสอบจะต้องต่อสู้กับสัตว์ที่เราเตรียมเอาไว้ให้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ถ้าเห็นว่าตนเองไม่อาจทานรับสัตว์ร้ายก็สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากคนของการทดสอบได้ แต่นั่นหมายถึงการสละสิทธิ์ในการทดสอบครั้งนี้ไปโดยปริยาย”
ผู้ชมบนอัฒจันทร์ส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้น ปีนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับปีที่แล้ว พวกเขาจะได้เห็นการต่อสู้ถึงตายของเหล่าผู้เข้าแข่งขันที่มุ่งหวังจะเป็นนักล่าอาหาร นี่ยังน่าสนใจกว่าการกินถั่วหรือการปีนเสาหลายเท่า
“ท่านใดที่พร้อมแล้วขอให้ลงมายังลานต่อสู้ได้ทันที”
พร้อมกับการจบประโยคคำพูดของอิตาลีโน มิรินก็ลุกขึ้นและกระโดดลงไปยังคอกกว้างพร้อมด้วยเสียงโห่ร้องต้อนรับของเหล่าผู้ชม
“คนจากครัวหิมะพิสุทธิ์ย่อมต้องมีการแสดงออกอันโดดเด่น คาดว่านางคงได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมการต่อสู้เป็นคนแรก พวกท่านจงดูการต่อสู้ของคนครัวที่ห่างหายวงการไปนานให้ดี”
คาเรลุกจากที่นั่งของตัวเองมายืนอยู่ข้างหลังไม้สักและประดู่เสนอหน้าเข้ามาอธิบายสถานการณ์ให้ทั้งสองฟัง ประดู่ต้องขมวดคิ้วคิดในใจว่าพวกเขามีตัวปัญหาคอยติดเป็นเงาตามตัวเสียแล้ว เขาลุกขึ้นไปลากเก้าอี้ว่างใกล้ ๆ ชวนคาเรนั่งลงร่วมวงกันเลยแทนที่จะปล่อยให้คนแปลกหน้ามาทำลับ ๆ ล่อ ๆ จะล่อลับ ๆ อยู่เช่นนี้
.
คุยกับท่านผู้อ่าน
ตัวละครเด่น ๆ เริ่มเปิดเผยตัวกันแล้ว
ชาลี
7 เมษายน 2558
ความคิดเห็น