ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาณาจักรพฤกษามหาเวท (ออนไลน์)

    ลำดับตอนที่ #1 : เส้นทางที่เปลี่ยนแปลง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.71K
      26
      18 ก.ย. 56

    เส้นทางที่เปลี่ยนแปลง


              “ชื่ออนันต์ พรพรหม ชื่อเล่นไม่มี เกิดวันที่ 22 มกราคม 2730อายุ 21 ปี จบเกรด 12 เมื่อสามปีก่อน ทำไมถึงเพิ่งมาเรียนปริญญาตรี อ๋อนี่ไง.. อืม บวชสามเณรแล้วก็บวชพระไม่ยอมสึก ธุดงค์เข้าป่ากว่าปี จึงค่อยขอสึก งานอดิเรกปลูกต้นไม้ ดูท่าจะเป็นคนรักต้นไม้ละสิเนี่ยถึงมาเลือกเรียนสาขานี้ จบไปกว่าสามปีค่อยเข้ามาสอบเข้ามหาวิทยาลัย แถมสอบได้ด้วยคะแนนดีติดอันดับต้นๆ คงต้องจับตาดูสักหน่อยแล้วละ เด็กคนนี้” ศาสตราจารย์เมธี ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติวิทยาปิดแฟ้มประวัติผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ ซึ่งมีทั้งหมด 10 คน

              เขาสนใจอนันต์มาก เพราะดูจากประวัติแล้วพบว่าอนันต์น่าจะเป็นผู้ที่คลั่งใคล้ธรรมชาติ และอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าเด็กคนอื่นที่สอบติดในสาขาวิชานี้

     

     


     

               ในยุคนี้ คณะวิทยาศาสตร์สาขาวิชาธรรมชาติวิทยา เป็นสาขาที่เข้าเรียนยากที่สุดพอๆ กับแพทย์ สาเหตุก็เพราะว่าธรรมชาติจริงๆ เหลือเพียง 1 ใน100 ของพื้นที่ทั้งหมดเพราะปัญหาประชากรล้นโลก ส่วนที่เป็นพื้นที่ป่านั้นมักอยู่ในวัดที่มีพื้นที่กว้างๆ เป็นส่วนใหญ่ และกระจายออกเป็นหย่อมๆ ทั่วไป จะมีพื้นที่ผืนป่าขนาดใหญ่เหลือเพียงเล็กน้อย ซึ่งก็อยู่ในการดูแลของกระทรวงป่าไม้ซึ่งมีการดูแลจัดการอย่างเข้มแข็ง คนทั่วไปแทบจะไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปในพื้นที่ป่าซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้เป็นปอดของโลก


              กิจการสวนสาธารณะ สวนป่าเอกชน และสวนสนุก ต้องมีการดูแลปลูกต้นไม้อย่างหวงแหน ซึ่งต้องจ้างผู้มีความรู้ทางด้านธรรมชาติวิทยาเข้าไปวางแผน ดูแล ปรับปรุง ด้วยค่าจ้างที่แสนแพง นั่นคือสาเหตุที่ทำให้สาขาวิชานี้เป็นสาขาที่เข้าเรียนได้ยากยิ่งนัก


     

               ....


     

              เวลาผ่านไปกว่าสามปีในมหาวิทยาลัย


     

              “อนันต์ เธอเป็นคนที่เรียนอย่างตั้งใจที่สุด ดูเธอมีความมุ่งมั่น ความรักในธรรมชาติมาก ครูดีใจมากที่ได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้ ครูหวังว่าวิทยานิพนธ์เรื่องการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ที่ครูตั้งใจเลือกมาให้เธอเป็นพิเศษนี้ เธอจะตั้งใจทำสุดฝีมือให้สมกับที่ครูคาดหวังไว้” ศาสตราจารย์เมธี เงยหน้าขึ้นจากต้นไม้ต้นเล็กๆ ในกระถาง ขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปยังศิษย์ที่เป็นอันดับหนึ่งในการเรียนสาขาธรรมชาติวิทยา


              หน้าตาเขาก็เหมือนกับชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาทั่วๆ ไป ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ทรงผมสีดำสั้นแบบวัยรุ่น ร่างสูงสันทัด หุ่นนักกีฬา อยู่ในชุดเสื้อกาวน์ยาวสีขาวเปื้อนดินโคลน กำลังยืนกุมมืออย่างสุภาพอยู่เบื้องหน้า


     

             “ขอบคุณครับอาจารย์ ผมจะตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถครับ” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ เขารู้ว่าวิทยานิพนธ์ที่เขาได้รับมานั้น เป็นวิทยานิพนธ์ที่ยากมากหัวข้อหนึ่ง มีรุ่นพี่เก่งๆ หลายๆ รุ่นได้พัฒนาวิทยานิพนธ์หัวข้อนี้ต่อเนื่องมานานหลายรุ่น แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จพอที่จะนำไปใช้งานได้จริงๆ จังๆ สักที แม้กระทั่งเมื่อมาถึงรุ่นของเขา


              การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ก็ยังมีความคืบหน้าไปไม่ถึง
    10 เปอร์เซ็นต์ ปัญหาหลักก็คือการหาธรรมชาติที่จะทดสอบสมมติฐาน การทดลองเปลี่ยนแปลงธรรมชาตินั้น ไม่มีผู้ดูแลธรรมชาติแหล่งไหนที่ยอมรับให้เข้าไปทดลอง หรือทดสอบ ได้แต่ทดสอบผ่านพื้นที่เล็กๆ เช่นสวนหลังบ้านซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นที่ไม่เกิน 5 ตารางเมตร ซึ่งสามารถศึกษาได้เพียงความสัมพันธ์ของพืชเล็กๆ ไม่สามารถทดสอบกับไม้ยืนต้น จำนวนมากได้


              ทำให้ไม่สามารถทดสอบสมมติฐานที่รุ่นพี่แต่ละคนตั้งขึ้นมา จนสร้างเป็นสมการความสัมพันธ์ของธรรมชาติ การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติจึงไม่ประสบความสำเร็จได้เลย ซึ่งเขาเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำเช่นใดเช่นกัน


     

              ...วิบวิบ..วิบวิบ.. สัญญาณแสงแสดงการติดต่อของเพื่อนสนิท เข้ามาผ่านอายโฟนของเขา (eye phone, อายโฟน คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในยุค27XX มีลักษณะคล้ายแว่นตากันลม ขาแว่นมีลักษณะเป็นหูฟังแบบครอบหู สามารถขยายขอบเขตตาและหูออกไปอย่างมาก

              สามารถดูภาพรอบตัว เป็นกล้องจุลทรรศน์ กล้องส่องทางไกล มองในโหมดอินฟราเรด โหมดอัลตร้าไวโอเลต โหมดแสงน้อย โหมดกรองแสง แสดงแบบแผนที่ และรับภาพแบบอื่นๆ หลากหลาย

              รับเสียงรอบตัว กำหนดเป้าหมายในรูปโซนาร์ได้ ปิดคลื่นเสียงที่รุนแรง เร่งเสียงที่เบามากๆ ขึ้นได้ แม้ความถี่ที่ต่ำเกิน และสูงเกินหูปกติ ก็สามารถปรับให้รับฟังได้ สามารถใช้เป็นคอมพิวเตอร์สามมิติ
    GPS ติดตามข่าวสารผ่านอินเตอร์เนตทั่วโลก เล่นเกม แปลภาษา เร่งความเร็วการทำงาน และอื่นๆ อีกมากมาย)


     

              “อนันต์ วันนี้มาเล่นเกมด้วยกันหน่อยสิ อยากให้ช่วยทำยารักษาบาดเจ็บ ยาฟื้นเลือด และมานาให้หน่อย” เสียงและภาพของเพื่อนสนิท ไมนัส ปรากฏขึ้นมา เมื่อเขาสั่งรับสาย


     

              “ไม่ได้ว่ะ ช่วงนี้ไม่ว่างเลย ต้องทำวิทยานิพนธ์ กำลังคิดว่าจะหาแหล่งทดสอบสมมติฐานจากไหนดี แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ก็ยังไม่สมบูรณ์เลย ถ้าไปเล่นเกมก็คงเรียนไม่จบแหงๆ เลยว่ะ ขอโทษทีนะเพื่อน” อนันต์ตอบเพื่อนสนิทไป ขณะที่กำลังนั่งออกแบบจำลองการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอยู่อย่างเคร่งเครียด


     

              “เฮ้ย มันจะไปยากอะไรวะ ก็เข้ามาทดลองงานของนายในเกมเลยสิ ต้นไม้ขึ้นเป็นป่าไปหมด จะเอาตรงไหนก็ได้ น่านะมาช่วยทำยาให้หน่อยนะ” เพื่อนเลิฟของเขาพูดส่งๆ ไปเพื่อให้ชายหนุ่มเข้าไปเล่นเกมให้ได้ อนันต์ตาลุกวาว


     

               “อืม เป็นไอเดียที่ดี งั้นรอแปบขอทำธุระส่วนตัวเดี๋ยว แล้วจะไปทำยาให้ ขอบคุณสำหรับไอเดียว่ะ” ชายหนุ่มตอบไมนัส เพื่อนสนิทของเขาไป เขารู้สึกว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำงานเกี่ยวกับธรรมชาติภายในเกมที่เขาเล่นอยู่นี้ ดิแอนเชียนเวิลด์ (The Ancient World) ซึ่งบริษัทเกมโฆษณาว่า มันเป็นการดัดแปลง แบบจำลองโลกอดีตที่พัฒนามายาวนาน ให้กลายเป็นเกมที่สมจริงมากที่สุด

              หลายครั้งที่เขานำเอาวิชาเรียนไปอ่านในเกม เนื่องเพราะว่าเวลาในโลกจริง
    1 ชั่วโมง เทียบเท่ากับเวลาในเกม 24 ชั่วโมง ทำให้เขามีเวลามากมายที่จะอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ หรือทดลองงานต่างๆ รวมทั้งการทำงานที่ได้รับมอบหมายมาจากวิชาเรียนต่างๆ ที่ค่อนข้างยุ่งวุ่นวายและมีมากจนไม่สามารถทำในเวลาปกติได้ เกมนี้เขาเข้ามาเล่นตั้งแต่อยู่ปี 1 เนื่องจากเห็นข้อดีในการใช้ทำงานและการเรียน


     

              หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย อนันต์ก็นอนลงบนเตียงในห้องของตัวเอง ทั้งที่ยังสวมอายโฟน


     

              “เข้าเกมดิแอนเชียลเวิลด์” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ทุกสิ่งก็กลายเป็นความมืดมิด ร่างกายหายไปจากความรู้สึก ไม่รับรู้ทิศทางรวมทั้งด้านบนหรือด้านล่าง เพียงชั่วครู่แสงสว่างจ้าก็เข้ามาแทนที่ ร่างกายก็กลับมามีตัวตน แสงสว่างค่อยๆ หรี่แสงลงจนเป็นปกติ พบว่าตัวเขาเองใส่ชุดบัณฑิตจีนสีเทาอ่อน ยืนอยู่บนพื้นในโซนที่เรียกว่า จุดเกิด ซึ่งเป็นพื้นที่วงกลมสีแดงขนาดใหญ่


     

              “เข้ามาละ ต้องไปหาที่กิลด์นายใช่ปะ” ชายหนุ่มติดต่อไปยังเพื่อนสนิท ขณะที่ก้าวเท้าออกไปจากพื้นที่จุดเกิด หลบบริเวณที่มีลำแสงจ้าสีขาวพุ่งขึ้นมาจากพื้น ซึ่งแสดงถึงการเข้ามาในเกม หรือเกิดใหม่ของแต่ละคน


     

              “อืม รบกวนด้วยละ เข้ามาทางบัตรเคลื่อนย้ายของกิลด์เลยนะ ส่งเข้าเมลล์นายแล้ว” เสียงตอบจากไมนัส ดังมาจากนาฬิกาข้อมือ ที่เขายกขึ้นมาพูดด้วย เขาเลื่อนนิ้วไปเลือกหัวข้อเมลล์จากเพื่อนสนิท แล้วดึงบัตรเคลื่อนย้ายกิลด์ซึ่งเป็นแผ่นกระดาษสีเหลืองมีลวดลายคล้ายยันต์จีนออกมา แล้วฉีกครึ่ง


     

              ...ฟุ่บ... ภาพเบื้องหน้าหายไปกลายเป็นศาลาหลังใหญ่ ราวกับภาพตัดต่อฉากหนัง ไมนัสยืนยิ้มแฉ่งอยู่นอกศาลา


     

              “ต้องรบกวนนายแล้วละนะ วัตถุดิบต่างๆ เตรียมไว้ให้ที่ห้องยาแล้ว จัดลูกมือให้สิบคน ค่าตอบแทน 50 โกลด์ ขอให้เสร็จวันนี้เลยนะคร้าบบบ” ไมนัสโค้งขอบคุณล่วงหน้าให้ ก่อนที่จะพาเขาไปยังห้องยา


     

              ทำไมต้องเป็นเขาที่ทำยาให้กับกิลด์นี้ ก็เพราะว่าเขามีอาชีพเป็นนักปรุงยา ตั้งแต่เล่นเกมนี้มา เขาเลือกทำงานสายอาชีพนักปรุงยาโดยตรง ยาที่ปรุงขึ้นด้วยนักปรุงยานั้นจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าให้ใครสักคนปรุงขึ้นมาด้วยสูตรเดียวกันหลายสิบเท่า ผู้เล่นสายอาชีพมักมีทักษะในการต่อสู้กับสัตว์อสูรต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เลเวลก็น้อยนิด แต่ก็มีทักษะของอาชีพอย่างสูง ผู้เล่นสายอาชีพจึงมีน้อยนับตัวคนได้ อย่างอนันต์ก็นับว่าเป็น 1 ใน 10 นักปรุงยาที่เก่งที่สุดในเกมนี้ พวกเขาถูกเรียกขานรวมๆ กันว่า ปราชญ์ยา


     

              อนันต์ใช้เวลาแทบทั้งวันในการปรุงยากว่าแสนขวด ผู้ช่วยทั้งสิบคนเป็นผู้เล่นสายอื่น ที่พอมีทักษะสายอาชีพปรุงยาระดับต้นๆ เพื่อให้สามารถคุยกับเขารู้เรื่อง ต่างพากันวิ่งวุ่นจัดเตรียมวัตถุดิบทั้งวัน

              ส่วนในหม้อยาขนาดใหญ่ยักษ์ อนันต์ใช้การดม การชิม การมอง การสัมผัส และการฟัง ก็สามารถรู้ได้ว่าขาดสารใดไปมากน้อยเพียงใด ความเข้มข้นเหมาะสมหรือยัง เมื่อถึงตอนสำคัญ เขาต้องหยิบวัตถุดิบขึ้นมาทดสอบทีละชิ้นเพื่อประมาณสารสำคัญที่มีอยู่ภายใน ก่อนที่จะใส่เข้าไปอย่างระมัดระวัง การใส่เกินเข้าไปเพียงหนึ่งส่วนก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงหลายเท่า เมื่อยาแต่ละตัวสำเร็จลงแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของผู้ช่วยที่ต้องกรอกยาเข้าใส่ขวดต่างๆ ตามปริมาณที่กำหนด


     

              “เสร็จเสียที” เสียงบ่นพึมพัมของผู้ช่วยคนหนึ่ง ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าหลังจากเก็บขวดยาทั้งหมดเข้าไปไว้ในห้องเก็บยา อนันต์เดินออกจากห้องยา ติดต่อไปยังเพื่อนสนิท ไมนัส


     

              “งานเสร็จแล้วนะ โอนเงินเข้าไปบัญชีเราเลยละกัน อ้อ นายรู้ไหมว่า ป่าแถวไหนที่ค่อนข้างทึบๆ แต่ว่าไม่ค่อยมีสัตว์อสูรบ้าง” อนันต์สอบถามเพื่อนสนิท เพราะเรื่องของสัตว์อสูร กับเรื่องของป่าบริเวณเมืองต่างๆ ผู้เล่นสายต่อสู้เลเวลสูงๆ ระดับผู้บริหารกิลด์อย่างเพื่อนของเขาต้องรู้ดีกว่าเขาแน่


     

              “อืม ป่าทึบๆ สัตว์อสูรน้อยๆ เหรอ มีอยู่หลายที่เหมือนกัน ถ้าเป็นบริเวณที่ใกล้ๆ แถวนี้ลองไปที่ป่าหมอกมายา อยู่นอกเมืองฟอร์มไปทางเหนือ เป็นป่าหมอกพิษ ไม่ค่อยมีคนเข้าไป สัตว์อสูรส่วนใหญ่เป็นสายพืช มีจำนวนไม่มากนัก ให้ค่าประสบการณ์น้อย แต่คงทำอะไรนายที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพืชและยาไม่ได้” ไมนัสแนะนำ


     

              “ขอบคุณมากเพื่อน ขอตัวไปดูพื้นที่ก่อนละกัน โชคดี” อนันต์ตัดการติดต่อ แล้วเดินไปยังร้านขายเมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งสายอาชีพปลูกพืชมักจะมาซื้อเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ไปบ่อยๆ เขาต้องการทดสอบผลกระทบจากการที่มีพืชสายพันธุ์ใหม่ๆ งอกแซมปนไปกับพืชท้องถิ่น

              เขาเลือกซื้อเมล็ดถั่ว เมล็ดฝ้าย เมล็ดสน ไปอย่างละกระสอบเล็กๆ หลังจากนั้นก็ไปยังร้านวัตถุดิบยา ซื้อหัวว่านสลายพิษ กิ่งแก้วกลืนหมอก กระชายเพลิง ไปอย่างละกระสอบเล็กๆ เช่นกัน ก่อนที่จะไปใช้บริการเคลื่อนย้ายที่อาคารบริการผู้เล่น เพื่อเดินทางไปยังเมืองฟอร์ม เขาเสียค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดไป
    2 โกลด์ 75 ซิลเวอร์ 50 บรอนส์


     

              เมืองฟอร์ม เป็นเมืองเล็กกลางป่าใหญ่ สร้างขึ้นโดยใช้หินตัดเป็นแท่งวางซ้อนๆ กัน คล้ายกับการก่อสร้างปราสาทขอม บ้านหินเล็กๆ แต่ละหลังปลูกอยู่ห่างกันไม่มากนัก ดูคล้ายกับจอมปลวกที่งอกขึ้นมาใต้ต้นไม้ใหญ่


              อาคารบริการผู้เล่นอยู่ที่ชายหมู่บ้าน เป็นอาคารขนาดใหญ่รองลงมาจากบ้านของเจ้าเมืองที่ตั้งอยู่ตรงกลางหมู่บ้าน ถนนหินตัดขัดเรียบขนาดพอให้คนเดินเคียงกันได้สี่คนทอดยาวคดเคี้ยว แยกเป็นแฉกไปยังรอบบริเวณ ต้นไม้ใหญ่รอบบริเวณปกคลุมหมู่บ้านจนร่มรื่น

              บ้านแต่ละหลังเย็นชื้นเขียวครึ้มไปด้วยตะไคร่น้ำ เมืองนี้มีร้านอาหารเพียงร้านเดียว และร้านขายของชำเพียงร้านเดียวเช่นกัน ผู้เล่นมาเมืองนี้น้อยมากจนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่นานๆ จะเห็นสักคน ชาวบ้านหลายคนมองอนันต์อย่างค่อนข้างแปลกใจว่า เขามาเมืองนี้เพื่อทำอะไร


     

              อนันต์เดินไปที่ร้านอาหาร ที่มีลักษณะเหมือนลานหินโล่งๆ ใต้ต้นไม้ ม้านั่งและโต๊ะหินกระจายอยู่ทั่ว มีบ้านหินอยู่มุมหนึ่งของลานนั้น


     

               “มีอาหารแห้งสำหรับใช้เป็นเสบียงเดินป่าไหมครับ” อนันต์สอบถามพนักงานร้านอาหาร ซึ่งเป็นสาวรุ่นในชุดกระโปรงหนังสีดำทรงเอ เสื้อผ้าฝ้ายสีขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กหนังสีดำ ถุงเท้าสีขาวยาวถึงต้นขา รองเท้าหุ้มข้อสีดำ ถักเปียรอบศีรษะ ดูจิ้มลิ้มไม่เบา


     

              “มีคะ มีเนื้อกวางแดดเดียว เนื้อละมั่งทอดกระเทียมพริกไทย ปลาช่อนตากแห้งทอดกรอบ เนื้อกระทิงรมควัน ...” เธอจาระไนรายการอาหารออกมายาวเหยียด


     

              ...???.. ชายหนุ่มอึ้งไปพักใหญ่


     

              ...... สาวน้อยพนักงานร้านอาหารยิ้มหวาน รอรับออเดอร์


     

              “เอ้อ.. เอาเป็น 5 รายการแรกที่น้องพูดไปละกันครับ ช่วยประมาณให้ด้วยว่า รวมๆ กัน แล้ว พี่สามารถพอกินได้ประมาณ เดือนนึงครับ” อนันต์ตัดสินใจ


     

               “ได้ค่ะ พี่รับเนื้อกวางแดดเดียว เนื้อละมั่งทอดกระเทียมพริกไทย ปลาช่อนตากแห้งทอดกรอบ เนื้อกระทิงรมควัน เนื้อสมันย่างเกลือ อย่างละห้ากิโลกรัมนะคะ ... รวมทั้งสิ้น 1 โกลด์ 10 ซิลเวอร์ 20 บรอนส์ คะ พี่จะไปที่ไหนเหรอคะ” พนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ก้มจดรายการอาหารลงบนใบออเดอร์ แล้วทวนให้เขาฟัง พร้อมกับสอบถามจุดหมายของเขาด้วยความสนใจ


     

              “นี่ครับค่าอาหาร จะไปป่าหมอกมายานะครับ” เขาตอบ


     

              “อืม ป่านั้นเคยมีนักท่องเที่ยวแบบพี่มาสำรวจลึกเข้าไปด้านใน นานหลายร้อยปีแล้ว ไม่มีใครเคยกลับมาอีกเลย พวกเราที่พอมีความรู้ทางด้านสมุนไพรเคยเข้าไปลึกพอสมควร เมื่อกลับออกมาก็บอกว่า ไม่พบกับสัตว์อะไรด้านในเลยคะ แต่มีพืชสมุนไพรอยู่พอสมควร แต่ก็เป็นสมุนไพรทั่วไปกับที่มีทั่วๆ ไป ป่านั้นก็เลยไม่มีใครสนใจอีกเลยค่ะ แล้วพี่จะไปทำอะไรเหรอคะ” สาวน้อยยังสงสัยไม่เลิก


     

               “ไปทำงานสำรวจป่าครับ” อนันต์ตอบแบบที่คิดว่า คนทั่วๆ ไปน่าจะเข้าใจได้


     

              “อ๋อ.. ค่ะ ของได้แล้วนะคะ แล้วอย่าลืมแวะมาใช้บริการร้านเราใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ” สาวน้อยยกกล่องใส่อาหารมาวางไว้บนเคาเตอร์ 5 กล่องใหญ่ ก่อนที่จะหันกายไปทำงานอื่นต่อ ชายหนุ่มเก็บกล่องเข้าไว้ในกระเป๋ามิติอย่างรวดเร็ว เดินออกไปยังร้านขายของชำที่อยู่ไม่ไกลเกินไปนัก


     

              “ไม่ทราบว่ามีพวกอุปกรณ์เดินป่าไหมครับ” อนันต์ถามเจ้าของร้านของชำ


     

              “มีครบทุกอย่าง ต้องการให้จัดเป็นชุดไหม” เจ้าของร้านของชำถาม


     

              “แบบเป็นชุด มีอะไรบ้างครับ” ชายหนุ่มถามเจ้าของร้าน


     

              “แบบเป็นชุด ก็มีแบบชุดใหญ่ ชุดกลาง ชุดเล็ก แต่ละชุดก็มีสินค้าแตกต่างกัน ราคาก็แตกต่างกันตามเกรดของสินค้าด้วย อย่างชุดเล็กแบบประหยัดก็ประกอบด้วย เต็นท์ ถุงนอน ไฟฉาย มีดเดินป่า ไฟแช็ก กระติกน้ำ หม้อสนาม ส่วนชุดเล็กแบบทันสมัยก็ประกอบด้วย...” เจ้าของร้านของชำพูดแบบไม่เกรงใจคนฟัง อนันต์พยายามตามข้อมูลให้ทันเพราะต้องการหาความพอดีให้กับตัวเอง


     

              เขาเลือกชุดเล็กแบบล้ำยุค ซึ่งประกอบด้วย เต็นท์มิติ และมีดเอนกประสงค์ ซึ่งในเต็นท์มิติมีห้องน้ำ ห้องครัวพร้อมชุดทำครัว ห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่น และห้องเอนกประสงค์ ส่วนมีดเอนกประสงค์นั้น เป็นมีดพับที่สามารถดึงใบมีดขนาดต่างๆ สำหรับงานต่างๆ ตั้งแต่แกะสลักผักผลไม้ แล่เนื้อ และอื่นๆ ไปจนกระทั่งตัดต้นไม้ใหญ่ อุปกรณ์ประกอบมีดหลากหลาย เช่นไฟแช็ค ไฟฉาย ตะเกียงส่องสว่าง ไฟเชื่อมโลหะ ฆ้อน คีมตัด คีมจับ ตะขอ สลิง ฯลฯ ราคาสินค้าชุดนี้ 50 โกลด์


     

              นอกจากนี้อนันต์ยังซื้อชุดเดินป่าอเนกประสงค์ด้วย 2 ชุด เป็นชุดที่มีความทนทานสูง สามารถซ่อมแซมตัวเอง มีแผ่นหนังป้องกันการขีดข่วนที่บริเวณ ไหล่ ศอก เข่า สามารถปรับอุณหภูมิป้องกันความร้อนและหนาวจัด กันฝน มีกระเป๋ามิติ 4ช่อง อยู่บริเวณอกเสื้อ 2 ช่อง และบริเวณขาอีก 2 ช่อง พร้อมเสื้อกั๊กด้านนอกซึ่งมีกระเป๋ามิติอีก 4 ช่อง แต่ละช่องเก็บของได้ 1,000 รายการ


              ติดเป้มิติบนหลังเสื้อกั๊กขนาด
    10,000 ช่อง มีฮูดคลุมศีรษะ ชูชีพพยุงตัวในน้ำ มีถุงมือหนังยาวเกือบถึงศอก ช่วยในการจับโดยไม่เทอะทะ มีรองเท้าบูทหนังยาวเกือบถึงเข่า พื้นรองเท้าอัจฉริยะที่สามารถเดินได้ทุกสภาพพื้นที่ ราคารวมทั้งสองชุดนี้ 40 โกลด์


     

              อนันต์ยังเลือกซื้อแผนที่รอบๆ เมืองฟอร์มด้วย ทำให้เขารู้ว่าก่อนที่จะถึงป่าหมอกมายา จะต้องผ่านป่าอสรพิษ เมื่อเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมแล้ว เขาก็ออกจากเมืองไปทางทิศเหนือตามแผนที่ สภาพพื้นที่ไม่ค่อยแตกต่างจากเมืองฟอร์มมากนัก เพราะเมืองฟอร์มเองก็แทบว่าจะเป็นเมืองป่าอยู่แล้ว

              ต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ไม่หนาแน่นมากนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้ดูมืดครึ้มราวกับยามสนธยา พื้นดินค่อนข้างโปร่งไม่ค่อยมีต้นหญ้า มีแต่ใบไม้แห้งทับถมไปทั่ว ไม่มีแนวคนเดินหรือสัตว์เดินให้สังเกตแต่อย่างใด อนันต์ค่อยๆ เดินไปบนใบไม้เสียงดังแกรกกราก พร้อมกับดูแผนที่เป็นระยะๆ


     

              ...ป่าอสรพิษเหรอ เอ แต่ดูไม่เห็นมีงูอะไรเลยแฮะ... อนันต์คิดในใจพลางกวาดสายตาไปรอบๆ เหลือบตาขึ้นไปมองบนกิ่งไม้มืดทมึนเบื้องบนเป็นบางครั้ง


     

              ...วูบ.. “พลัก... อั๊ก” เงาดำร่วงลงมาจากด้านบนตกใส่ตัวเขาพอดีจนล้มกลิ้งลงไปบนพื้น งูตัวโตสีดำสลับเหลืองพุ่งปราดเข้าหาชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นแล้วชะงักกึกเบนตัวกลับเลื้อยหนีไปอย่างรวดเร็ว


     

              ...เกือบไปแล้วเรา ยังดีที่ทายาไล่งูไว้ทั่วตัว ไม่งั้นคงได้ไปเป็นอาหารเย็นงูเหลือม... ชายหนุ่มคิดในใจ ยันตัวลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วค่อยๆ เดินต่อไปตามปกติ


     

             “..ฟ่อ..ฟ่อๆ” หัวงูขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นในระยะทางกว่า 10 เมตร ราวกับมันเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่งอกท่ามกลางป่าทึบ พลางส่งเสียง พร้อมพ่นละอองพิษออกมายังอนันต์ เขารีบควักขวดออกมาจากกระเป๋าขว้างออกไปยังบริเวณพื้นระหว่างตัวเขากับเจ้างูตัวใหญ่ยักษ์


     

              “บรึม” เสียงระเบิดควันกลิ่นงูเกลียดสำหรับไล่งูดังลั่น กลุ่มควันหนาทึบโชยพุ่งออกมา จนมองไม่เห็นสิ่งใด แต่ทว่าเสียงฟ่อของงูยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม ยิ่งกว่านั้นเสียงฟ่ออีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นประสานจากระยะห่างออกไป จากประสบการณ์ในอดีตชายหนุ่มรีบดีดตัวถอยหลังออกไปทันที พร้อมๆ กับเงาวูบผ่านกลุ่มควันฟาดลงบนพื้นเสียงลั่น


     

              “บึ๊ก” งูยักษ์ฉกโดนพื้นเต็มๆ ชายหนุ่มรีบคว้าขวดสีเทาออกมาจากกระเป๋าปาลงไปบริเวณที่คิดว่าเป็นตำแหน่งของงูทั้งสองตัว อย่างรวดเร็ว เสียงขวดแก้วตกกระทบพื้นดังเพล้ง เรียกให้งูทั้งสองตัวหันหัวเข้าไปรับแก๊สสลบอย่างเต็มๆ เสียงฟ่อของงูทั้งคู่เงียบลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อควันจางก็พบร่างของงูใหญ่ทั้งสองนอนเกยก่ายกันอยู่บนพื้น

              ชายหนุ่มค่อยๆ เดินตรงเข้าไปหาด้วยสีหน้าปกติ ด้านหลังของเจ้างูทั้งสองเป็นแอ่งเล็กๆ สุมด้วยใบไม้จำนวนมาก มองเห็นไข่งูอยู่สามสี่ฟองอยู่ด้านบนสุด


     

              ...อ้อ มันหวงไข่นี่เอง ควันถึงไล่มันไม่ไป... ชายหนุ่มคิดพลางก้มมองแผนที่แล้วออกเดินไปจากบริเวณนั้นโดยไม่สนใจงูทั้งสองหรือไข่งูเลยแม้แต่น้อย


     

              อนันต์เดินพลางดูแผนที่พลางจนเกือบพ้นจากเขตป่าอสรพิษ ก็มีเสียงวิ่งของสัตว์สี่เท้าบนพื้นใบไม้แห้งจากที่ไกลตรงมา เขาหันขวับไปทิศนั้นทันที มือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อหยิบขวดออกมาถึงสามขวดในทีเดียว


     

              “ฟู่” เสียงจากสัตว์สี่ขาตัวสูงกว่า 2เมตร ยาวกว่า 5 เมตร หน้าตาคล้ายหนู ไม่.. ไม่ใช่ พังพอนตัวเปรียว วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างคล่องแคล่ว ชายหนุ่มลืมตาโพลง สะบัดขวดทั้งสามลงบนพื้นโดยไม่ต้องคิด พร้อมกับซอยเท้าวิ่งฉากออกไป มือก็ล้วงเข้าไปในอกเสื้อเพื่อหยิบขวดอีกครั้ง


     

               “เพล้ง..บรึม.ฟุ่บ” ขวดทั้งสามแตกแทบจะพร้อมกัน กลุ่มควันหนาทึบแผ่ออกมาในทันที ควันไล่งูไม่มีผลต่อพังพอนยักษ์ แต่ก็พอช่วยบดบังทัศนวิสัยของมันได้ พังพอนยักษ์งุนงงเมื่อเป้าหมายของมันหายไปในกลุ่มควันที่แผ่ออกมา สารเคมีในขวดที่สองที่แตกก็เริ่มออกฤทธิ์ ยาสลบฤทธิ์รุนแรงส่งผลทำให้สัตว์ยักษ์เกิดอาการเบลอ ร่างกายอ่อนเปลี้ยลงไป มันรู้ตัวทันทีและรีบวิ่งออกไปจากพื้นที่อันตรายโดยไม่ชักช้า


     

              เมื่อลมพัดกลุ่มควันจางไป ก็เห็นชายหนุ่มที่มองตามพังพอนยักษ์ไปอย่างเสียดาย บนพื้นที่ขวดแก้วทั้งสามแตกนั้น ขณะนี้มีเถาวัลย์หนามต้นขนาดข้อมือสามกิ่งกำลังเลื้อยออกไปรอบบริเวณพร้อมกับแตกกิ่งใบอย่างรวดเร็ว กิ่งหนามเล็กๆ ขนาดนิ้วมือที่งอกออกมาจากต้นใหญ่บางกิ่งดีดพุ่งเข้าไปใต้ใบไม้แล้วตวัดดึงงูตัวเล็กๆ ติดขึ้นมาบนหนามคม งูเคราะห์ร้ายหลายตัวนั้นเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว

              ในชั่วอึดใจก็มีรากสีขาวงอกออกมาคลุมซากงูเหล่านั้น เถาวัลย์หนามเริ่มออกดอกอย่างรวดเร็ว ดอกสีม่วงเข้มขนาดฝ่ามือส่งกลิ่นหอมอบอวล บานในชั่วเวลาไม่นาน ไม่ถึงห้านาที ก็มีเสียงเลื้อยเสียงเดินของสัตว์รอบๆ บริเวณที่อยู่ไมไกลนัก มุ่งหน้าเข้ามาหาดอกไม้ของเถามฤตยูต้นนี้ สัตว์ทั้งหลายเหมือนกับถูกสะกดจิต เมื่อเข้ามาใกล้ระยะของเถาวัลย์ก็จะถูกเถาวัลย์รัดพันดูดเลือดและเนื้อ ไม่เว้นแม้จะเป็นงูยักษ์ขนาดตัวเท่ากับต้นปาล์ม ยาวเกือบ
    100 เมตร หรือเจ้าพังพอนยักษ์ที่ฟื้นตัวจากยาสลบแล้วเดินเข้ามาอย่างอ่อนเพลีย

              โคนเถาวัลย์ขยายขนาดขึ้นไปจนมีขนาดเท่ากับเอวของผู้ชายตัวใหญ่ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงสดดูน่ากลัว ดอกไม้ก็บานเพิ่มขึ้นมาอีกหลายดอก ขณะเดียวกันดอกไม้ที่บานก่อนหน้านั้นก็เริ่มกลายเป็นผลไม้สีขาวสวยแวววาวราวกับหยก ก่อนที่ขั้วของมันจะแห้งเหี่ยวตกลง

              ชายหนุ่มรีบเก็บผลไม้เหล่านั้นไว้ในเป้หลังอย่างชำนาญ เมื่อผลไม้สีหยกขาวถูกเก็บเข้าไปในเป้จนหมดพื้นที่บริเวณนั้นก็แทบไม่เหลือสิ่งใด นอกจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากเถาวัลย์ผุพังแห้งเหี่ยวและโครงกระดูกขาวใหญ่เล็กมากมายเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณเท่านั้น


     

              “ท่านอาจารย์” มีเสียงเรียกทักอย่างดีใจดังมาจากบริเวณต้นไม้ด้านข้าง อนันต์หันขวับไปทันที ชายร่างสูงโปร่งหน้าตาทะเล้น สวมชุดชาวบ้านหมวกไม้ไผ่สานเดินเข้ามาหา พร้อมกับโบกมือหยอยๆ


     

              “ไพฑูรย์.. มาอยู่นี่ได้ไง” อนันต์ถามกลับไปอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มชื่อไพฑูรย์เดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นไหว้แผลบอย่างรวดเร็ว แล้วตอบว่า


     

              “ผมมาหาพิษงูไปเป็นกษัยยานะครับ อยู่ที่นี่มาได้เกือบเดือนแล้วละครับ เมื่อกี้เห็นงูแล้วก็สัตว์ต่างๆ พากันมุ่งหน้ามาทางด้านนี้ พร้อมกับมีกลิ่นดอกไม้หอมแปลกๆ ลอยมาตามลม ก็คิดว่าน่าจะเป็นอาจารย์ ผมก็เลยรีบกินยาสลายพิษสะกดแล้วตามมาดูนี่แหละครับ ว่าแต่อาจารย์มาทำอะไรที่นี่ครับ” ชายหนุ่มไพฑูรย์ถามกลับ


     

              “อ๋อ มาทดลองงานวิจัยน่ะ ว่าจะไปทดลองที่ป่าหมอกมายา” อนันต์ตอบกลับ


     

               “อ๋อครับ ป่าหมอกมายา มีพิษมากมายอยู่ที่นั่นเหมือนกัน ผมว่าเสร็จธุระที่นี่แล้วจะแวะไปดูพิษแถวนั้นสักหน่อย เผื่อจะได้เอามาปรุงพิษไปแกล้ง... อุ๊บ..ปรุงยาไปรักษาคนสักหน่อย” ไพฑูรย์กล่าวด้วยท่าทางระรื่น ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนคำพูดแล้วทำหน้าตายภายหลัง


     

              “หึ ไม่ต้องปิดหรอก พวกปราชญ์ยาทั้งหลายต่างก็รู้ว่าเธอเป็นมารพิษ เพียงแต่ไม่มีใครพูดออกไปเท่านั้นเอง” อนันต์กล่าวยิ้มๆ ทำเอาไพฑูรย์หน้าเครียด


     

                “ง่า งั้นต่อไปเวลาใช้ต้องดูว่าจะไปขัดขาปราชญ์ยาคนไหนหรือเปล่าด้วย ไม่งั้นคงแย่แน่เลย” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งบ่นอุบ


     

              “ว่าแต่อาจารย์ครับ ผมขอผลเถาวัลย์อาจารย์สักผลสิครับ อยากได้กลิ่นพิษสะกดของมันไปใช้สักหน่อย นะนะนะครับ” เขาทำหน้าวิงวอน มือสองข้างแบออกมาข้างหน้า อนันต์ไม่กล่าวอะไรหยิบผลไม้หยกในเป้ออกมาสองผล วางไปบนมือของไพฑูรย์ ทำเอาชายหนุ่มหน้าบานตาโต


     

              “ขอบคุณครับอาจารย์ เผอิญผมมีธุระด่วน ขอตัวไปก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเก็บผลไม้ในอกเสื้ออย่างรวดเร็ว ยกมือไหว้ลาแผลบ แล้ววิ่งออกไปลับตาอย่างรวดเร็ว ท่าทางหลุกหลิกเหมือนกลัวอาจารย์จะทวงผลไม้คืน อนันต์ส่ายหน้า ยกแผนที่ในนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก่อนที่จะสาวเท้าออกเดินทางไปตามทิศของป่าหมอกมายา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×