ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boys & A Doll ภาคพิเศษ (Hidden Story)

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 "It's In The Mirror" มันอยู่ในกระจก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.35K
      12
      4 ต.ค. 56

    Hidden Story File No.5

    It's In The Mirror

    (มันอยู่ในกระจก)

     






    ***เนื้อหาต่อไปนี้คือเนื้อหาที่เคยอยู่ระหว่างบรรทัดที่ 12 กับ 13 ของหน้าที่ 158
    เป็นเหตุการณ์หลังจากที่การจู่โจมคลังแสงครับ



                 
    ปลอดปล่อยเราที

    เสียงกระซิบกระซาบปริศนาดังก้องกังวาน และภาคย์ลืมตาตื่น

    สิ่งแรกที่เขาเห็นดูเหมือนอะไรบางอย่างสีน้ำตาลขนาดใหญ่ ภาคย์กระพริบตาอย่างอ่อนล้าเพื่อจะพบว่ามันมีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทว่าทุกอย่างพร่าเลือนจนภาคย์รู้สึกเหมือนจะหลับอีกรอมร่อ ให้ตาย ทั้งปวด ทั้งเมื่อย และเพลียเหลือเกิน รู้สึกเหมือนเพิ่งวิ่งสี่คูณร้อยต่อด้วยวิดพื้นและซิทอัพอย่างละสองร้อยยังไงก็ไม่รู้ ลำพังจะพลิกตัวยังทำไม่ได้เลย เด็กหนุ่มยังคงฝืนลืมตาเพื่อจะหาคำตอบให้ได้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร จนเมื่อผ่านไปหลายอึดใจ วิสัยทัศน์ก็ค่อยๆ กลับมาสดใส และภาคย์ก็พบว่าสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำตาลนั้นคือตู้เสื้อผ้าในห้องนอนเขาเอง

    ตู้เสื้อผ้าห้องนอน… - เดี๋ยวนะ??

    ราวกับต่อมจิตใต้สำนึกถูกระตุกอย่างแรง ภาคย์ตื่นเต็มตาเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในกรมสรรพาวุธอีกต่อไป สัมผัสนุ่มๆ ที่แนบหน้าเขาอยู่ตอนนี้คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเตียงของเขา

    ให้ตาย เขาอยู่ในห้องนอนที่บ้านตัวเองจริงๆ!

    เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่งทันใด เขาหน้าเหยเกเมื่อรู้ปวดร้าวไปทั้งกาย ถ้าบอกว่าเขาเพิ่งถูกกระทืบมาชุดใหญ่ภาคย์ก็เชื่อ ภาคย์บีบนวดเนื้อตัวแล้วมองไปรอบๆ อย่างตั้งคำถาม

    และภาคย์ก็พบอะไรบางอย่างที่ซัดความผวาใส่เขาอย่างจัง

    ไอ้ธนัช ไอ้มิวสิค!!?

    ภาคย์ถลาลงจากเตียงไปหาเพื่อนที่นอนนิ่งบนพื้นอย่างตื่นตกใจ เนื้อตัวของธนัชกับมิวสิคเต็มไปร่องรอยของการถูกทำร้าย บาดแผล รอยฟกช้ำ และคราบเลือดปรากฏไปทั่วราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบครั้งใหญ่

    “เกิดอะไรขึ้นกับพวกแกวะเนี่ย?” ภาคย์เปล่งเสียงร้องเสียขวัญ เขามองธนัชที มองมิวสิคทีอย่างร้อนรนทำอะไรไม่ถูก สภาพเพื่อนดูย่ำแย่และชวนสะพรึงจนภาคย์สติกระเจิง ภาคย์รู้สึกได้ถึงมวลสารของความกลัวที่โอบล้อมรอบกายเขา มันกำลังบีบตัวเข้าหาเขาจนทุกการรับรู้ของเขาอื้ออึงหัวใจเต้นโครมครามข้ามจังหวะ ภาคย์ยกสองมือประกบศีรษะพยายามสั่งตัวเองให้ประคองสิตไว้ให้ได้ เขาลองเอามือไปอังที่จมูกเพื่อนทั้งสองเพื่อจะพบว่าทั้งคู่ยังหายใจ ภาคย์ลุกพรวดเอามือล้วงกระเป๋าทันใด

    มือถือเขาอยู่ไหน?

    เด็กหนุ่มหวังจะโทรขอความช่วยเหลือใครก็ได้ แต่คลำไปตามตัวเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เขาปรี่ไปดูบนที่นอนก็ไม่มี เอาผ้าห่มขึ้นมาสะบัดดูก็ไม่มี ภาคย์เอากระเป๋านักเรียนมาเทก็หาไม่เจอ เขารีบวิ่งไปเปิดประตูห้องแล้วแหกปากตะโกน

    “พ่อ!! แม่!!

    แต่ไม่มีเสียงตอบรับ อันที่จริงทั้งบ้านเงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ด้วยซ้ำ ภาคย์ชกราวบันไดด้วยโทสะก่อนจะรีบวิ่งลงไปยังชั้นหนึ่งเพื่อคว้าโทรศัพท์บ้าน - ทว่าเขาตื่นตูมเกินไปจนกระชากโทรศัพท์ซะจนสายขาด!!

    “เวรเอ๊ย!!” ภาคย์เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแล้วรีบวิ่งไปขอความเหลือนอกบ้าน

    แต่พอจะเปิดประตูภาคย์กลับพบว่ามันถูกใส่แม่กุญแจจากด้านนอก!

    เขาพยายามดันเข้าดันออกหลายครั้ง แต่ก็ทำได้แค่สร้างเสียงปึงๆ ปังๆ เท่านั้น ภาคย์ถีบประตูสุดแรงอย่างโมโหสุดขีดแล้วรีบวิ่งกลับไปยังห้องนอน เขาถลาไปกระชากลิ้นชักโต๊ะหนังสือก่อนจะใช้สองมือแหวกหาสิ่งที่ต้องการ ในที่สุดภาคย์ก็พบเบตาดีนกับพาสเตอร์ปิดแผล เขาคว้าเอาผ้าขนหนูที่ราวแล้วรีบพุ่งตัวกลับมาหาธนัชกับมิวสิคทันใด

    “ไม่ต้องกลัวนะเพื่อน ทุกอย่างจะโอเค” ภาคย์ฝืนยิ้มทั้งที่กลัวสุดใจขณะที่เอาผ้าห้ามเลือดเพื่อนไว้ เขาเปิดฝาขวดยาแล้วคว่ำมันลงบนแผลธนัช แต่เพราะมือเขาสั่นเกินไป ยาสีเหลืองเลยกระเซ็นกระจายเปื้อนเปรอะไปหมด ภาคย์เอามือซ้ายจับข้อมือขวาตัวเองไว้เพื่อคุมขวดยาให้มั่น

    แต่แล้วกลับกลายเป็นมือของยิ่งสั่นจนขวดยาหลุดมือ

    “โถ่เว้ย!!” ภาคย์ทุบมือกับพื้นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ บัดนี้ความเครียด ความเสียใจ ความสิ้นหวัง กลั่นรวมกันจนบีบคั้นให้เขาปล่อยโฮอย่างเสียสติ เขาเกลียดตัวเองที่ช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้ เขาเกลียดตัวเองที่อ่อนแอเกินไป ภาคย์แผดเสียงฟูมฟายอย่างแค้นใจ

    เขาหมดแรงแล้ว ไม่มีแรงจะสู้กับอะไรอีกต่อไปจริงๆ

    “ใครก็ได้ช่วยเราที” ภาคย์เปล่งเสียงอย่างอ่อนล้าและคว้ามือของมิวสิคกับธนัชมากุมไว้มั่น  “ช่วยเราด้วย” เขาเงยหน้ามองเพดานราวกับพยายามส่งความปรารถนาไปยังอำนาจที่มองไม่เห็น สายลมเย็นๆ พัดผ่านบานหน้าต่างและลามเลียไปตามผิวภาย ภาคย์รู้สึกอุ่นๆ ในอุ้งมือทั้งสองที่กุมมือเพื่อนไว้ มันคงเป็นอุณหภูมิที่ถ่ายทอดมากจากตัวเพื่อนอย่างไม่ต้องสงสัย ภาคย์หลับตากัดริมฝีปากร้องไห้ทั้งที่รับรู้ถึงไออุ่นซึ่งดำเนินต่อไป

    จนเมื่อลืมตาอีกครั้ง ภาคย์ก็ตื่นตระหนกจนเกินกว่าจะเปล่งเสียงได้ 

    บังเกิดภาพของเส้นแสงสีขาวมากมายที่ไหลผ่านสองมือของเขาไปยังร่างของธนัชกับมิวสิค! เส้นใยแสงไหลเวียนไปทุกอณูบนตัวเพื่อนทั้งสองจนสว่างไสว ภาคย์กลั้นหายใจเมื่อเห็นว่าบาดแผลของเพื่อนๆ ค่อยๆ ถูกเยียวยารักษาจนปิดสนิทต่อหน้าต่อตา! – เขาไม่ได้ตาฝาดที่เห็นว่ารอยฟกช้ำ ห่อเลือด ต่างๆ ค่อยๆ จางหาย! ไม่กี่วินาทีจากนั้นเส้นแสงปริศนาทั้งหมดก็มลายหายไป ภาคย์ช๊อคกับสภาพของเพื่อนที่ดูดีเหมือนเกิดใหม่ เขารู้สึกว่าขนลุกซู่ไปทั้งกายจนขยับไม่ได้ วินาทีนี้เขาทำได้เพียงเปล่งเสียงกู่ก้องในใจ

    (มัน เกิด อะ ไร ขึ้น???)

    เด็กหนุ่มผลักมือของธนัชกับมิวสิคออกไปอย่างหวาดผวา วินาทีต่อมาเขาก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์!! มันดังมาจากตรงไหนก็ไม่รู้ แต่ภาคย์บอกได้เลยว่ามันอยู่ใกล้มาก เขาลุกขึ้นอย่างร้อนใจแล้วมองไปรอบกาย จากทิศทางแรงสั่นสะเทือนภาคย์บอกได้ว่ามันอยู่บนพื้น เป็นพื้นใกล้ๆ ตัวเขาเนี่ยแหละ และในที่สุดภาคย์ก็จับทางได้ เขาถลาลงไปหมอบกับพื้น

    นั่นไงมันอยู่หล่นอยู่ใต้เตียงเขาเลย!!

    ภาคย์ยิ้มร่าดีใจเมื่อเห็นมือถือที่ส่องสว่างไสว ใครบางคนโทรมา แล้วเขาต้องรีบรับให้ได้ แต่ให้ตายมันอยู่ลึกมากจนมือเขาเอื้อมไม่ถึง แถมช่องใต้เตียงก็เล็กเกินที่เขาจะสอดตัวผ่านเข้าไป มันคือวินาทีที่ภาคย์พูดกับตัวเองว่า ไอ้โทรศัพท์หน้าโง่ แกต้องมาอยู่ในมือฉันเดี๋ยวนี้ เข้ามา เข้ามา!!’

    แล้วทันใดนั้นมือถือก็พุ่งเข้ามาอยู่ในมือเขาจริงๆ!!

    ภาคย์เขวี้ยงมือถือกลับไปบนเตียงแล้วคลานถอยหลังไปชนตู้อย่างสติแตก โอ้ พระเจ้า!! เมื่อกี้มันเรื่องจริงใช่ไหม? มือถือนั่นพุ่งเข้ามาหาเขาจริงๆ ใช่ไหม? ภาคย์นั่งชันเข่าตัวสั่นหงิกงอและมองมือถือนั่นราวกับเห็นเป็นวัตถุนิวเคลียร์ มันยังส่งเสียงร้องและสั่นต่อไป แต่ถึงจะกลัวแค่ไหนจิตใต้สำนึกก็สั่งให้ภาคย์รีบรับสาย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขารู้สึกลึกๆ ว่าจะพลาดสายสำคัญนี้ไม่ได้ ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็พุ่งตัวออกไป เขาเหยียดมือไปหามันด้วยอาการเกร็งเขม็งเหมือนที่เราจะทำเมื่อต้องจิ้มสิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิต ภาคย์สัมผัสปุ่มสปีกเกอร์โฟนเพียงเสี้ยววิแล้วรีบกระชากมือออกทันใด  

    “ฮะ ฮะ ฮัลโล” ภาคย์ทักทายปลายสาย แอบโล่งใจที่มือถือของเขาไม่จู่ๆ ตีลังกาขึ้นมาเต้นเบรกแดนซ์

     “ภาคย์ นั่นลูกใช่ไหม!!??” น้ำเสียงของแม่ฟังดูตื่นตระหนกตกใจ

    “เอ่อ ครับแม่” ภาคย์ตอบงงๆ

    “ลูกอยู่ไหน???” เอื้อยตะโกนถาม ดูเหมือนเธอจะอยู่ในสถานที่ซึ่งอื้ออึงไปด้วยผู้คน

    “อยู่บ้านครับ” ภาคย์ตอบ

    “โอ้ พระเจ้า ลูกปลอดภัย ลูกไม่เป็นอะไร” เอื้อยหันไปพูดกับใครบางคนอย่างร้อนใจ

    “ฮัลโลภาคย์ ลูกยังไม่ตายนะ?” เสียงนอร์ทดังตามมา ภาคย์แทบจะเห็นภาพที่พ่อฉกโทรศัพท์จากแม่

    “เท่าที่ดูน่าจะไม่นะครับ”

    “ลูกหายไปไหนมา ทำไมไม่รับสาย” นอร์ทถามอย่างห่วงใย

    “เอ่อ

    “ลูกรู้ไหมว่าเราทุกคนโทรหาลูกเป็นร้อยรอบทั้งพ่อ แม่ และเฮีย พวกเราตามหาลูกมาตลอดหลายชั่วโมง แต่ยังไงก็ติดต่อไม่ได้ จนตอนนี้พ่อกับแม่ต้องมาตามหาลูกที่สรรพาวุธ เพื่อเช็คว่าลูกเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้เสียชีวิตไหม” นอร์ทใส่เป็นไฟ

    “รายชื่อผู้เสียชีวิต?” ภาคย์หน้านิ่ว “เกิดอะไรขึ้นที่นั่นหรือครับ?”

    “นี่ลูกไม่รู้เลยหรือ?” นอร์ทงงแตก “ให้ตาย มีผู้ก่อการร้ายโจมตีที่นี่ ตำรวจตายเป็นร้อย มีศพเต็มไปหมด เฮียบอกว่าลูกมาทัศนศึกษาที่นี่ เราเลยเป็นห่วงว่าลูกจะเป็นอะไร แล้วทำไมลูกไม่รับสายเราฮะ!!??” นอร์ทมีน้ำโห

    “เอ่อผม” ภาคย์ก็ไม่รู้จะตอบยังไง เขารู้แค่ว่าภาพสุดท้ายคือเห็นตัวเองที่กรมสรรพาวุธ แล้วก็จำไม่ได้ว่ามาโผล่ที่นี่ได้ยังไงแต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ได้ใช้บริการรถเมล์ฟรี

    “ผมหลับน่ะ” นั่นคงเป็นคำตอบที่เข้าท่าที่สุด

    “หลับ?” นอร์ทเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ “หลับเนี่ยนะ”

    “ครับพ่อ ผมหลับไปนาน” นั่นก็ไม่ใช่เรื่องโกหกสักนิด

    “แล้วธนัช กับ มิวสิคล่ะ” นอร์ทถาม “พ่อแม่เขาตามหากันให้ว่อน”

    “พวกนั้นก็นอนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ” ภาคย์เหลือบมองเพื่อนๆ

    “หมายความว่ายังไง สองคนนั้นนอนอยู่ตรงนี้??” นอร์ทดูตื่นตูม “ลูกๆ กับเพื่อนๆ นอนด้วยกัน”

    “ครับ” ภาคย์ตอบซื่อๆ

    “ลูกหลับนอนด้วยกันในบ้านเรางั้นหรือ?” ภาคย์แทบจะมองเห็นว่าต่อมจินตนาการของพ่อมันเจริญเติบโตงอกงามไปทางไหน “นี่คงทำอะไรกันหนักมากจนหลับไม่ได้สติกันเลยซินะ!!

    “พ่อครับ ไม่ใช่อย่างนั้น” ภาคย์พยายามอธิบาย

    “ให้ตาย ลูกทำอะไรลงไป” น้ำเสียงนอร์ทช่างปวดร้าว

    “พ่อครับ คือผม….

    “ผมเคยเตือนคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่าซื้อเสื้อสีม่วงให้ลูกใส่!!” นั่นคือเสียงที่นอร์ทหันไปตวาดเอื้อย “ลูกเราเป็นเกย์แล้ว!!

    ภาคย์ตบหัวตัวเองดังป๊าบ เขาได้ยินเอื้อยกรีดร้องเสียงแหลมปรี๊ด

    “ธนัช กับ มิวสิคก็เป็น!!” นอร์ทยืนยันเสียงกร้าว “พวกเขามีเซ็กซ์หมู่กันที่บ้านเรา”

    “บายครับพ่อกับแม่” แล้วภาคย์ก็ชิงวางสายทันที

     

    ภาคย์ทำใจไว้แล้วว่าหากพ่อแม่กลับถึงบ้านเขาคงโดนชุดใหญ่

    และเขาคิดไม่ผิด

    บังเกิดภาพที่เขานั่งพิงโซฟา โดยมีนอร์ทกับเอื้อยร่ายบทสั่งสอนยาวเป็นหางว่าว ขณะที่ธนัชกับมิวสิคนั่งลุ้นอยู่ตรงบันไดบ้าน ภาพเหตุการณ์ดูเหมือนหนังเรื่องหนึ่งซึ่งลูกชายเพิ่งถูกพ่อแม่จับได้ว่าติดยา บ้าเซ็กซ์ และมีเพศสัมพันธ์กับเป็ด ภาคย์รู้สึกเหมือนทุกการกระทำของพ่อกับแม่ผ่านไปอย่าเชื่องช้า เปรียบได้กับลีลานักแสดงละครเวทีที่เคล้าคลอเสียงเพลงคลาสสิคอันตื่นเต้น เขาจำไม่ได้ว่าถูกบ่นเรื่องอะไรบ้าง แต่มีคำบางคำที่สะดุดหูอาทิเช่น

    “ลูกอาจโดนจับส่งไปเป็นโสเภณีชายที่อินโดนีเซีย”

    “แม่คงหัวใจสลายหากพบลูกในสภาพขาด้วนแขนด้วนและคาบแก้วเสลอปปี้บนสะพานลอย”

    “นี่ลูกรู้ใช่ไหมว่าโทรศัพท์มีไว้รับสาย?”

    “การรับมือปัญหานอนกรนของพ่อเป็นสิ่งที่แม่รับได้ แต่จะให้แม่มาฝังศพลูกตัวเองแม่รับไม่ได้”

    รวมทั้ง

    “นี่ลูกสามคนเป็นเกย์ใช่ไหม?”

    ต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่านอร์ทจะเข้าใจว่าไม่มีเหตุการณ์เซ็กซ์หมู่เกิดขึ้นในบ้านนี้

    ในที่สุดทุกอย่างก็จบที่

    “แม่จะตัดค่าขนมเราสองร้อย!

    แล้วสามหนุ่มก็กลับมาสุมหัวกันในห้องนอน

    “แกโอเคนะ” ธนัชถาม

    “โอเค” ภาคย์ถอนหายใจเหม่อๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนกับเตียง “ชินละ”

    มิวสิคกับธนัชเหลือบมองกัน ท่าทางเป็นห่วงเพื่อนสุดใจ

    “มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่” ภาคย์พูดกับเพดาน

    “นั่นซิ จู่ๆ เรามาอยู่ที่บ้านไอ้ภาคย์ได้ไง?” ธนัชสงสัย “แล้วแผลตามตัวฉันหายไปไหน ฉันจำได้นะว่าโดนไอ้บ้านั่นอัดซะชุดใหญ่ แต่ไหงฉันไม่เป็นอะไร”

    ธนัชขำอย่างแคลงใจ ภาคย์กลอกตาเซ็งๆ ทำเป็นไม่ได้ยิน เขารู้ดีหากพูดอะไรออกไปใครสักคนหัวใจวายตายแน่ๆ

    “มิวสิคแกจำอะไรได้บ้างเปล่าวะ” ธนัชหันไปถามเพื่อนซี้

    “เอ่อ” มิวสิคอ้ำอึ้งๆ แล้วหลบตา “ฉัน” ท่าทางของมิวสิคดูเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ภาพความทรงจำต่างๆ ย้อนเข้ามาในใจเขา ทั้งภาพที่ร่างกายของภาคย์สว่างเจิดจ้าด้วยแสงสีฟ้า ภาพที่ภาคย์สาดพลังใส่ไอ้บ้านั่นจนมันทะลุอาคารไป และภาพที่ภาคย์ดูเหมือนถูกครอบงำด้วยพลังบางอย่าง

    ทุกเหตุการณ์ยังแจ่มชัดในสำนึก และมันกำลังทำให้เขากลัว

    “เป็นไรวะ?” ธนัชถามและเอามือแตะขาเพื่อน

    “เปล่า” มิวสิคสะดุ้งโหยง ภาคย์ยืนตัวขึ้นนั่ง เขาไม่ได้คิดไปเองที่เห็นเพื่อนสติแตก

    “ไม่เป็นอะไร แล้วทำไมต้องตกใจ” ภาคย์ถาม

    “เอ่อ….” มิวสิคอ้ำอึ้ง หูเขาแดงขึ้นมาเฉยๆ ทั้งภาคย์ทั้งธนัชจ้องมองเขาอย่างจับพิรุธ เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่

    ตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วหันเหทุกความสนใจ

    “ครับพ่อ” มิวสิคครับสาย “ครับๆ ลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” พูดจบ มิวสิคก็เก็บโทรศัพท์แล้วบอกว่า “พ่อมารับละ ไปก่อนนะเว้ย”

    จากนั้นมิวสิคก็จ้ำอ้าวออกจากห้องไป

    “อ้าวเฮ้ย” ธนัชร้องเรียกเขาแต่มิวสิคหายลับไปแล้ว “อะไรของมัน”ธนัชพูดเมื่อประตูปิดลง ขณะภาคย์ยังคงจ้องมองบานประตูห้อง

    เขาบอกได้เลยว่าเพื่อนกำลังมีความลับ

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งและธนัชรับสาย “โอเคครับแม่” การสนทนาจบลงอย่างรวดเร็ว ธนัชลุกขึ้นแล้วบอกภาคย์ว่า “แม่มารับละ”

    “เดี๋ยวฉันไปส่ง”

    “ขอบใจ” ธนัชยิ้มให้เพื่อนที่ดีดตัวลงจากเตียง ภาคย์ไม่รู้หรอกว่าธนัชต้องใช้ความกล้าขนาดไหนเพื่อปกป้องเขา ธนัชไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ภาคย์ฟัง แค่ได้เห็นเพื่อนรักอยู่รอดปลอดภัยเขาก็ดีใจแล้ว

    แต่เมือเห็นภาคย์ใกล้ๆ ก็มีบางอย่างสะกดสายตาเขา

    “ไอ้ภาคย์?” ธนัชเรียก

    “อะไรวะ?” ภาคย์มองเพื่อนงงๆ

    “แป๊บนะ” ธนัชเอาสองมือจับบ่าเขาให้ยืนนิ่งแล้วขมวดคิ้วขณะมองสำรวจภาคย์ตั้งแต่เท้าจรดหัว “แกสูงขึ้นเปล่าวะ?”

    “ฮะ?” ภาคย์งง “เฮ้ย ทำอะไร”

    ภาคย์สะดุ้งเมื่อธนัชลูบมือมาจับหน้าอกเขา “ตัวหนาขึ้นด้วย” ธนัชจับภาคย์ให้ยิ่งนิ่งๆ ดังเดิม แล้วสำรวจไปตามลำแขนที่ดูหนาขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนจะไปยืนอยู่ข้างๆ ภาคย์ แล้วหันภาคย์ไปมองกระจกบนผนัง

    “เนี่ย แกสูงขึ้นจริงๆ” ธนัชพูดเมื่อวางมือบนหัวเกรียนๆ ของภาคย์ “ตอนแรกแกสูงแค่นี้”

    ธนัชกดหัวภาคย์แรงๆ ภาคย์ย่อลงอัตโนมัติ

    “แต่ตอนนี้สูงเท่านี้” ธนัชจับภาคย์ยืดขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ถลกชายเสื้อภาคย์ขึ้น

    “มีซิกซ์แพ็คด้วย!” ธนัชตาโต

    “เฮ้ย!” ภาคย์รีบเอาเสื้อลงมาปิดกล้ามท้อง

    “ไปแอบเล่นฟิตเนสมาหรือไงวะ?” ธนัชมองเขาอย่างอัศจรรย์ใจ

    “เอ่อ….” ภาคย์ใบ้รับประทาน

    “ธนัช แม่มารับแล้วลูก”

    เอื้อยจะโกนเสียงแป๋นมาจากข้างล่าง

    “ครับ” ธนัชตะโกนตอบไป “เจ๋งนี่หว่า” เขาชกไหล่ภาคย์อย่างชื่นชนก่อนจะเดินออกจากห้องไป ภาคย์หันไปมองกระจกอีกครั้งและชายเสื้อขึ้น

    เออว่ะ มีซิกซ์แพ็คจริงๆ!

    หลังจากไปส่งธนัช ห้องนอนเป็นของภาคย์คนเดียวอีกครั้ง บัดนี้เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงในสภาพที่ถอดเสื้อ และสวมแค่กางเกงนักเรียนน้ำเงิน แขนสองข้างของเขากางออกข้างลำตัว และมีสมุดการบ้านลอยอยู่เหนือฝ่ามือขวาด้วยอำนาจพลังจิต  บรรยากาศในห้องดูตลบอบอวลไปด้วยมวลสารของความพิศวงอย่างไม่อาจหาคำอธิบาย ภาคย์มองสำรวจร่างกายตัวเองด้วยสายตาพินิจพิจารณา เขาพบว่าตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งการที่เขารักษาเพื่อนได้ การที่เขาเคลื่อนที่โทรศัพท์มือถือจากใต้เตียงได้ และการที่เขาสามารถคุมสมุดการบ้านให้อยู่ลอยอยู่กลางอากาศได้เช่นนี้ ทุกอย่างบอกเขาว่ามีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น

    และมันเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว

    ฟับ! - ภาคย์ผลักแขนขวาไปข้างหน้า สมุดการบ้านพุ่งใส่กระจกอย่างรุนแรง ภาคย์ดึงฝ่ามือกลับมาช้าๆ สมุดนั่นค่อยๆ ลอยอ่อยอิ่งกลับมาในสภาพที่เปิดอ้ากลางอากาศ สายลมพัดพาหน้ากระดาษให้พลิกเปลี่ยนอย่างอ่อนโยน จนเมื่อเขากระชากมือกลับแรงๆ

    สมุดการบ้านก็พุ่งเข้ามาอยู่ในมือเขาทันใด

    ภาคย์จ้องมองหนังสือในมืออย่างพึงพอใจ ความหยั่งรู้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ภาคย์รีบปรี่ยังโต๊ะหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์ และเปิดไฟล์ข้อมูลเกี่ยวกับพลังจิตที่บันทึกไว้ทันใด

    1.       Psychokinesis พลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ

    2.       Psychometry พลังจิตอ่านความทรงจำคน สัตว์ สิ่งของโดยการสัมผัส

    3.       Precognition พลังจิตลางสังหรณ์ของอนาคต

    4.       Telepathy พลังจิตการส่งความคิดถึงผู้อื่น

    5.       Teleportation พลังจิตเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง

    6.       Empathy พลังจิตการมองเห็นความคิดผู้อื่น

    7.       Clairvoyance พลังจิตในการมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นหรือสิ่งที่ซ่อนอยู่

    8.       Invisibility พลังจิตในการล่องหน

    9.       Leviation พลังจิตลอยตัว

    10.   Vitakinesis พลังจิตในการรักษาตัวเองจากการบาดเจ็บ

    “พลังจิตในการมองเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ มีแล้ว” ภาคย์ติ๊กถูกที่ข้อหก

    “พลังจิตใจการเคลื่อนย้ายวัตถุ มีแล้ว” ภาคย์ติ๊กถูกที่ข้อหนึ่ง

    “พลังจิตในการรักตัวเองจากการบาดเจ็บ มีแล้ว” ภาคย์ติ๊กถูกข้อสิบ จากนั้นเขาก็หยุดคิด การที่จู่ๆ เขาสามารถมาโผล่ที่บ้านตัวเองได้ทั้งที่ควรอยู่ที่กรมสรรพาวุธอาจเป็นผลมาจากพลังจิตเช่นกัน ภาคย์ก้มลงอ่านทบทวนลิสต์ความสามารถอีกครั้ง แล้วเอ่ยว่า

    “พลังจิตในการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง มีแล้ว” จากนั้นภาคย์ก็ติ๊กถูกที่ข้อห้า เด็กหนุ่มวางปากกา แล้วอ้าปากค้างเมื่ออ่านกระดาษแห่งความลึกลับอีกครั้ง เป็นไปได้ไงที่จู่ๆ เขาก็มีความสามารถพิเศษอีกสามอย่างขึ้นมาเฉยๆ ดวงตาของภาคย์เลิ่กลั่กไปมาเมื่อคิดว่า ถ้าตอนนี้เขามีความสามารถพิเศษสี่ข้อจากสิบข้อได้ นั่นก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่เขาจะค้นพบความสามารถอีกหกข้อที่เหลือได้เช่นกัน ซึ่งก็แปลว่าในอนาคตเขาอาจจะเห็นความคิดคนอื่นได้ รับรู้อนาคตได้ สัมผัสอะไรก็เห็นความเป็นมาของมันได้ ส่งโทรจิตได้ ล่องหนได้ แล้วก็บินได้!! – ภาคย์ไล่นิ้วไปตามความสามารถที่เหลือด้วยรอยยิ้มตื่นเต้นดีใจ

    จากนั้นเขาก็กระโดดโลดเต้นร้องโห่ฮิ้วอย่างมันในอารมณ์!

                “นอนได้แล้ว!!

    แม่ตะโกนบอกแล้วเคาะประตูปังๆ ภาคย์ตะโกนกลับไปเสียงหวานว่า

    “คร้าบบบบบบบบบบบบบบ”

    เมื่อมองนาฬิกาอีกทีเขาก็พบว่าตอนนี้ดึกมากละ ไม่ได้การ จะเป็นยอดมนุษย์ทั้งทีต้องเป็นยอดมนุษย์ที่หล่อใสบาดใจ ที่สำคัญปากต้องหอมสดชื่นด้วย ว่าแล้วก็ภาคย์รีบเข้าห้องน้ำ หยิบแปรงสีฟันสีน้ำตาล บีบยาสีฟันยกลงแปรง เก็บหลอดยาสีฟ้า หันกลับมามองกระจกอีกครั้ง

    หัวใจแทบวายเมื่อเห็นปีศาจยักษ์สีดำไหม้เกรียมยืนอยู่ข้างหลัง!!!

    มันดูเหมือนมนุษย์เพศชายเปลือยเปล่าตัวใหญ่มโหฬาร ตามเรือนร่างสีดำเต็มไปด้วยรอยสักแปลกประหลาดสีฟ้าเรืองแสง ดวงตาของมันสี่เหลี่ยมสีขาวสุกสว่าง กลิ่นไหม้ที่ติดตัวมันฟุ้งเต็มติดจมูกเขา ภาคย์อ้าปากหวอ ตาค้าง ตื่นตะลึงจนหยุดเคลื่อนไหว  ทุกสิ่งพลันเงียบสนิททันใด มีเพียงเสียงลมหายใจเขาที่กระชั้นกระตุกถี่รัวราวกับจะเป็นจะตาย  เขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านมาสัมผัสต้นคอเขา ศีรษะของภาคย์สั่นเป็นตุ๊กตาไขลานเมื่อเขาพยายามจะหันไปมองว่าสิ่งนั้นมีตัวตนจริงหรือไม่ แต่เพียงแค่เหลือบมองผ่านหางตาภาคย์ก็สัมผัสได้ถึงเงาอึมครึมของร่างสีดำขนาดใหญ่ น้ำใสๆ เอ่อล้นดวงตาอย่างห้ามไม่ได้ ความกลัวฉีดพล่านไปทั้งกายและเด็กหนุ่มไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะเปล่งเสียงออกไป แสงไฟในห้องน้ำติดๆ ดับๆ อยู่หลายครั้ง บังเกิดเสียงครวญครางกระซิบกระซาบราวกับมีร่างที่มองไม่เห็นมากมายกำลังคุยกัน ไอ้ตัวนี่คืออะไร มันมาจากไหน มันต้องการอะไรกันแน่ ภาคย์ขยับปากพงาบๆ รู้สึกเข่าอ่อนยวบยามแต่ไม่กล้าล้ม มือสองของเด็กหนุ่มจับขอบอ่างล้างเอาไว้อย่างหาจุดยึดเหนี่ยวจิตใจ ภาคย์ค่อยๆ หันศีรษะตะกุกตะกักกลับไปมองที่บานกระจกอีกครั้ง

                แล้วร่างน่ากลัวนั้นก็หายไป

                ??

                ทุกอย่างเงียบอยู่หลายอึดใจ ภาคย์อ้าปากหวอ หน้าแดงก่ำ น้ำตาไหล ภาคย์กระพริบตาหลายๆ ครั้ง สบตาเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก แล้วหันหลังไปมองรอบกาย

                ในห้องไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีจริงๆ….

                ทุกอย่างเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีเรื่องบ้าบออะไรเกิดขึ้น ร่างกายที่ห่อลีบหดเกร็งด้วยความกลัวค่อยๆ กลับมาผ่อนคลาย ภาคย์กลืนน้ำลาย หายใจช้าๆ คิดว่าเขาอาจเครียดจนเห็นภาพไป เด็กหนุ่มหันไปมองอีกกระจกอีกครั้ง

    สองมือสีดำมหึมาโผล่พรวดจากกระจกแล้วคว้าหัวภาคย์ทันใด!


     

    ***อ่านต่อได้ในหน้าที่ 158 ของหนังสือ ตั้งแต่บรรทัดที่ 13 เป็นต้นไปครับ**


     

    ===== Dr.Pop View =====





    ผมตัดเนื้อหาฉากนี้ไปหมดเพราะคิดโครงเรื่องได้ใหม่ จึงตัดส่วนออกไปแล้วกลายเป็นเวอร์ชั่นที่ทุกคนอ่านในหนังสือ เนื่องจากเดิมทีเนื้อหาของภาคย์จะแน่นเอี๊ยดมากแล้วกลายเป็นไม่สมดุลไป เนื้อหาส่วนนี้จึงถูกตัดออกไปครับ ^^

     

     

    =======================================================





     

    …To Be Continued…


    (ทุกคอมเมนต์ของคุณมีค่า เราจะเอาไว้แจกรางวัล หากชอบฝาก Share ด้วยครับ)

    **ใครว่างรบกวน "เขียนคำนิยม" ในหน้าหลักนิยายให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ**

     



    Dr.Pop Facebook : www.facebook.com/drpopworld
    Dr.Pop Twitter : http://twitter.com/drpoppop
    Boys & A Doll Facebook : 
    https://www.facebook.com/boysandadoll


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×