ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic BTS ] Best Options

    ลำดับตอนที่ #6 : Best Options ll (( 5 )) : Faerie

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 235
      0
      18 เม.ย. 58

    (( 5 ))

    …faerie...

     

     

     

    “คุณชายจะไปไหนครับ!!”  เลขาของจองกกุกว่าเมื่อจู่ๆจองกุกก็เปิดประตูรถแล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ

     

    แต่จองกุกเหมือนจะไม่สนใจที่จะตอบคำถามของเลขาเลย ได้แต่เดินมุ่งหน้าเข้าไปในร้านอาหารที่ยุนกิเพิ่งจะออกมา ซ่งมันเป็นร้านอาหารของจองกุกเอง!!

     

     

    เมื่อจองกุกเปิดประตูร้านเข้าไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัวของพนักงานที่ร้ายอาหาร ทำให้บางคนยืนอึ้งอย่างตกใจ แต่บางคนยังพอมีสติรีบเดินไปแล้วทำความเคารพ บางคนก็กลัวจนตัวสั่นกลัวจะโดนไล่ออกเพราะเรื่องของยุนกิ

     

    “ลูกค้าคนที่ออกไปเมื่อกี้….”  ยังไม่ทันที่จองกุกจะพูดจบพนักงานชายคนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้น

     

    “อ่อ ไม่ใช่ลูกค้า แต่เป็นพนักงานครับ”  พนักงานชายพูดโกหกจองกุกเพราะคิดว่าถ้าบอกไปอาจจะโดนไล่ออกยกร้านแน่  เพราะร้านแห่งนี้มีความสำคัญมากสำหรับการใส่ใจหรือบริการลูกค้า ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการแบบนี้มาก่อนเลย….จัดว่าเป็นร้านที่มีชื่อเสียงและดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองนี้เลยก็ว่าได้

     

    “ลูกค้า!! คนเมื่อกี้เป็นอะไร!!”  จองกุกที่เห็นว่าพนักงานคนนี้โกหกก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ จึงตะคอกเสียงอย่างดัง จนทำเอาคนในร้านอาหารหันมามองเป็นตาเดียวกันหมด

     

     

    “คะ คือผะผม ไม่รู้ครับ ผมได้ยินแค่เสียงดังในครัวแล้วพอลูกค้าคนเมื่อกี้ออกมาก็ตัว ปะ….

     

    ยังทันที่พนักงานชายคนนี้จะพูดจบจองกุกก็เดินเข้าไปในครัวทันที  เพราะคิดว่าคงจะได้คำตอบมากกว่านี้

    :
    :

    :

    :
    :
    :


    “เจ็บใจนัก!! ถ้าไม่ติดว่าฉันมีคิวทำอาหารเยอะไม่งั้นฉันออกไปฆ่าพวกมันสองคนแล้ว”  ชายร่างใหญ่ที่เป็นเชฟของร้ายอาหารแห่นี้ ที่เพิ่งจะทำร้ายยุนกิไปเมื่อกี้พูดด้วยความเจ็บใจ

     

    “ใจเย็นๆน้า…..ช่างมันเหอะ ฉันว่ามันก็ดีเหมือนกันได้ตเงินมาฟรีๆโดยไม่ต้องทำอะไร กระเป๋าหนักแบบนี้เงินเยอะแน่ๆเลย”  พนักงานหญิงที่เป็นตัวการของเรื่องนี้ว่าปลอบใจชายร่างใหญ่แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของแทฮยองที่วางอยู่ที่พื้น

     

     

     

    พลึ่บ!!

     

     

     

    ยังไม่ทันที่พนักงานหญิงนิสัยเสียคนนี้จะได้หยิบกระเป๋า  กระเป๋าก็โดนใครบางคนใช้เท้าเหยียบไว้เหมือนมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย

     

    “นี่!! แกกล้าดียะ…..”  พนักงานหญิงเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะต่อว่าคนที่เหยีบกระเป๋าไว้ แต่พอเห็นหน้าเจ้าของเท้า ก็ถึงกับหน้าเสียไปเลย

     

     

    “คุณชาย!!”  พนักงานหญิงว่าพร้อมกับเบิกตาโพรงอย่างตกใจ พนักงานทุกคนในห้องครัวก็ตกใจไม่แพ้กัน

     

     

     

    “กระเป๋าเงินนี่ดูราคาสูงก็จริงน่ะ แต่อาจจะสกปกถ้ามันไปอยู่มือคนสกปก อืมขนาดฉันเหยียบมันมันยังดูดีกว่าโดนมือคนที่สกปกจับอีกน่ะเนี่ย!!”  จองกุกว่าและมองกระเป๋าใบนั้นอย่างไม่สนใจว่ามันจะมีเงินกี่บาทหรือมีค่าเท่าไหร่

     

     

     

    ครืดดดด.....

     

     

    จองกุกใช้เท้าที่เหยียบกระเป๋าเมื่อกี้เปลี่ยนมาเป็นแต่มันแทน จองกุกแตะกระเป๋าเบาๆให้มันลากไปกับพื้นและไปหยุดอยู่ที่หน้าของพนักงานหญิงนิสัยเสียคนนั้น

    พนักงานหญิงคนนั้นถอยหลังออกห่างจากกระเป๋าเงินที่มาหยุดต่อหน้า แล้วยืนก้มหน้าอย่างนอบน้อม

     

     

     

    “ทำไมไม่หยิบมันขึ้นมาหละ….อยากได้นักไม่ใช่หรือไง”  จองกุกว่าและยืนกอดอกมองไปยังพนักงานหญิงคนนั้นก่อนจะหันไปมองพนักงานคนอื่นๆด้วย ทำให้พนักงานในครัวทุกคนที่ถูกจองกุกมองมาเป็นอันต้องรีบหลบตาและก้มหน้านิ่งทันที

     

     

    “หยิบมันไปสิเพราะนี่เป็นโอกาศสุดท้าย….เพราะถ้าไม่หยิบเธอจะไม่มีโอกาสได้มันอีก….”  จองกุกหันกลับมามองพนักงานหญิงคนเดิม ในขณะที่พนักงานหญิงคนนี้กำลังก้มหน้ากลัว

     

     

    “ตอบฉันมาว่าลูกค้าคนนั้นใครทำ….หรือ เป็นเธองั้นหรอ??”  จองกุกว่าและถามพนักงานหญิงคนเดิม

     

     

    “ไม่ใช่ดิฉันนะค่ะ  ฉันไม่เกี่ยวค่ะ พ่อครัวต่างหาก”  พนักงานหญิงรีบปฏิเสธหน้าด้านและชี้ไปทางพ่อครัวที่ทำร้ายยุนกิ

     

     

    “แก….นังนกสองหัว”  พ่อครัวที่ทำร้ายยุนกิหันมาพูดกับพนักงานหญิงคนี้ด้วยความโกรธ

     

     

    “ที่ฉันบอกว่าจะไม่มีโอกาสได้มันอีก เพราะนี่เป็นเงินเดือนก้อนสุดท้าย….เพราะฉันไล่เธอออก ถ้าไม่อยากได้ก็แค่เดินออกไปเฉยๆก็พอแล้วส่วนเงินนี่ฉันยกให้กับคนที่ลากเธอออกไปได้!!”  จองกุกว่าทิ้งท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะพูดอะไรบางอย่างกับเลขาของเค้าที่ยืนอยู่ด้านหลังเงียบๆ

     

     

    “หาพ่อครัวคนใหม่ของท่นี่ด่วน!! และดีกว่านี้  รู้ใช่ไหมว่า ผมหมายถึงอะไร”  จองกุกว่าทิ้งท้ายอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปและไม่คิดที่จะหันกลับมามองอีก

     

     

     

     

     

     

     

    ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาและเดินผ่านยุนกิไปต่างพากันสงสัยว่าเกิดอะไรกับยุนกิทำไมตัวเปียกปอมขนาดนั้น  

     

     

    ยุนกิเดินก้มหน้านิ่งโดยที่มีแทฮยองเดินตามอยู่ด้านหลัง  หลังจากที่ทั้งสองคนได้เดินออกมาจากร้านอาหารเฮงซวยนั่นไกลพอสมควร

     

     

    แทฮยองมองไปที่แผ่นหลังของยุนกิที่มันสั่นสะเทือนขณะที่เขากำลังเดินตามยุนกิอยู่ด้านหลัง  มันดูออกได้ง่ายเลยทีเดียวว่ายุนกิกำลังร้องไห้

     

     

    พรึ่บ

     

    แทฮยองเดินไปแต่บ่ายุนกิเบาๆ เพื่อปลอบใจ  จึงทำให้ยุนกิหยุดเดินแล้วหันมาหาแทฮยองทั้งๆที่น้ำตาอาบแก้ม

     

     

    “อยากจะร้องก็ร้องไปเลย ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง”  แทฮองว่าและตบบ่ายุนกิเบาๆก่อนจะยิ้มเป็นกำลังใจให้

     

     

    “จะร้องเสียงดังๆ ก็ได้น่ะ อ่ะ!!

     

    พรึ่บ!!

     

     

     ยังไม่ทันที่แทฮยองจะได้พูดอะไรต่อเขาก็ต้องตกใจ  เพราะยุนกิใช้มือทั้งสองข้างของเขาลอดเข้าไปที่เอวของแทฮยองก่อนจะกอดแทฮยองแน่นและปล่อยน้ำตาออกมาอย่างหนัก

     

     

    แทฮยองยืนนิ่งและไม่ได้ขัดขืนอะไร  ได้แต่ปล่อยให้ยุนกิร้องไห้ใส่เสื้อของเขา

     

     

    “ฉันมันอ่อนแอ….ฉันมันได้เรื่องเลย  ฉันมันโง่!!”  ยุนกิว่าขณะร้องไห้

     

    “มันเป็นเรื่องปกติที่จะทำอะไรไม่ได้ เพราะสถาณการณ์ในตอนนั้นไม่มีใครที่คิดจะอยู่ข้างนาย ถ้าเกิดนายตอบกลับมันอาจจะทำให้คนอื่นไม่พอใจได้ นายไม่ได้เป็นอย่างที่นายพูดหรอกน่ะ”   แทฮยองว่าปลอบใจก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นมาโอบหลังของยุนกิเบาๆ

     

     

     

     

     

     

     

    “คุณชายทำไมไม่เข้าไปถามคุณยุนกิหละครับว่าคุณยุนกิเป็นยังไงบ้าง…..”  เลขาของจองกุกพูดขึ้นขณะที่จองกุกกำลังยืนมองยุนกิกับแทฮยองอยู่ไม่ไกล

     

    “ผมว่าเค้าคงไม่เป็นไรแล้วหละ….”  จองกุกว่าขณะที่มองภาพที่ยุนกิกับแทฮยองกอดกัน

     

     

    “แต่อย่างน้อยเราก็ควรเข้าไปขอโทษคุณยุนกิน่ะครับ….ที่เรื่องมันเกิดขึ้น”  เลขาเสนอแนวทาง

     

     

    “ไว้คราวหน้าถ้าผมเจออีกค่อยขอโทษล่ะกัน”  จองกุกว่าจบก็หันหลังกลับและเดินผ่านเลขาของเขาไปที่รถคันหรูที่นั่งมาจอดไม่นานมานี้

     

     

     

     

     

     

     

    “ขอบคุณน่ะ  ถ้าไม่ได้นายวันนี้ฉันคงแย่”  ยุนกิว่าขึ้นเมื่อเริ่มรู้สกดีขึ้นและเลิกร้องไห้

     

    “ไม่เป็นไร….จะให้ฉันยืนมองก็คงไม่ได้หรอก” แทฮยองว่าและยิ้มอย่างภูมิใจ

     

    “ยังไงฉันก็ต้องขอบใจนายอยู่ดี นี่มันก็ครั้งที่สองแล้ว….” ยุนกิว่าเบาๆ

     

    “ถ้าดีขึ้นแล้วกลับบ้านไหม ฉันจะไปส่ง”  แทฮยองว่าพร้อมกับดึงแขนยุนกิออก

     

     

    พรึ่บ!!

     

     

    “ยุนกิ!! เป็นไรไหม!!”  อยู่ๆยุนกิก็ทรุดล้มลงพื้นและเจ็บหัวใจอย่างรุนแรงขึ้นมากะทันหัน

     

    “ฉะ ฉันหายใจไม่ออก….”  ยุนกิว่าขณะที่ก้มตัวอยู่กับพื้นและใช้มือกุมหัวใจตัวเอง

     

     

    “ลุกไหวไหม  ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”  แทฮยองว่าพรางจะพยุงให้ยุนกิลุก

     

     

    “ฉัน…..หายใจ……ไม่ออก…..”  ยุนกิพูดด้วยเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน แถมร่างกายก็อ่อนแรงลง

     

     

    แทฮยองเริ่มทำอะไรไม่ถูกทั้งตกใจจนคิดอะไรไม่ออก…..

    “ฉันจะทำยังไงดี…..ยุนกิอย่าพึ่งเป็นอะไรไปน่ะ”  แทฮยองว่าทั้งสติแตกและตกใจที่อยู่ๆยุนกิก็ล้มลงไปแบบนั้น

     

    พรึ่บ!!

     

     

    แทฮยองใช้ปากของเขาประกบกับปากของยุนกิและพยายามเป่าลมเข้าไปในปากของยุนกิเพื่อแบ่งออกซิเจน

     

    พลุ่บ!!

     

    “ยุนกิ!! ยุนกิ!! ลืมตาขึ้นมาสิ อย่าพึ่งเป็นอะไรไปน่ะ”  แทฮยองพยายามจะเขย่าร่างของยุนกิที่พึ่งจะหมดสติไปให้รู้สึกตัว

     

     

    …………………………………………………….

     

     

     

     

     

    “หมอยากจะให้คนไข้ได้พักผ่อนมากๆน่ะครับ…..แล้วก็อย่าพยายามนึกเรื่องที่มันจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดน่ะครับ”  หมอว่ากับยุนกิที่นอนอยู่ที่เตียงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยมีแทฮยองที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

    ยุนกิพยักหน้าตามที่หมอสั่งก่อนจะกล่าวขอบคุณคุณหมอ  คุณหมอพยักหน้ารับคำขอบคุณแล้วเดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงแค่ยุนกิกับแทฮยองที่อยู่ในห้อง

     

     

    “หมอบอกฉันว่านายเป็นโรคหัวใจสลาย….”  แทฮยองเริ่มการสนทนาขึ้น

     

    “เอ่อ….เรื่องนั้น….ฉันรู้แล้วหละ”  ยุนกิว่าเบาๆ

     

    “นายเป็นมานานแค่ไหนแล้ว….”  แทฮยองถามต่อ

     

    “ก็สักพักนึงแล้วหละ” ยุนกิตอบ

     

    “สักพักหนึ่งของนายนี่มันเป็นปีแล้วน่ะ!!”  แทฮยองตะคอกใส่ยุนกิ

     

    “ฉัน….ฉัน   มันเรื่องของฉันนายจะยุ่งทำไม!!”  ยุนกิตะคอกเสียงกลับ

     

    “ทำไมนายถึงไม่ยอมมารักษานายปล่อยให้มันกำเริบแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้หรอกน่ะ นายคิดหรอว่านายจะแค่หายใจไม่ออกแล้วสลบไป หลังจากที่ตื่นมานายก็จะปกติเหมือนเดิม…..มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่ะ”

     

    “บางทีนายอาจจะ….นายอาจจะ”  แทฮยองหยุดคำพูดไว้แค่นั้น

     

    “อาจจะตายได้ ใช่ไหม?” ยุนกิพูดต่อจากสิ่งที่แทฮยองพูดค้างไว้

     

    “กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”  แทฮยองเปลี่ยนเรื่องพูดและไปช่วยพยุงยุนกิให้ลุกขึ้นจากเตียง  ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าของยุนกิที่ถูกเปลี่ยนออกมา

     

    ยุนกินิ่งเงียบไม่พูดอะไร แต่สายตาของยุนกิมองไปยังแทฮยองไม่กระพริบตาและยิ้มออกมาไม่รู้ตัว

     

    “ฉันทำแบบนี้แล้วดูหล่อขนาดนั้นเลยหรอ” แทฮยองที่เห็นยุนกิยิ้มไม่หุบ ก็พูดขัดคอยุนกิเล่น  เพราะเค้าเองก็รู้สึกดีไม่แพ้กันที่ได้ช่วยใครสักคน ได้ช่วยเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งที่เจอเรื่องร้ายๆ

     

    “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคนแบบนายจะดีกับันแบบนี้” ยุนกิว่าและยังคงไม่หุบยิ้มก่อนจะค่อยก้าวขาลงจากเตียง โดยที่แทฮยองเดินเข้ามาช่วยพยุง

     

    ………………………………………..

     

     

    “ผมคิดว่าคุณชายควรจะบอกความจริงคุณยุนกิน่ะครับเรื่องคุณท่าน”  ชายคนหนึ่งพูขึ้นในขณะที่โฮซอกกำลังดื่มแอลกอฮอล์ไปหลายแก้ว อยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

     

    “ถ้าฉันบอก….ยุนกิอาจจะโกรธฉันและคุณพ่อได้” โฮซอกว่าและกระดกน้ำมีพิษในแก้วเข้าปาก

     

    “แต่ผมห่วงความรู้สึกคุณชายน่ะครับ….ผมรู้ว่าคุณชายคิดยังไงกับคุณยุนกิ” เมื่อชายคนนี้พูดขึ้นก็ทำให้โฮซอกชะงักมือที่ถือแก้วน้ำเพื่อจะกระดกมันเข้าปากอีกครั้ง

     

    “ฉันก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละนายไม่ต้องห่วงฉันหรอก….แล้วก็อย่าบอกพ่อเรื่องนี้หละ”  โฮซอกพูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและเตรียมจะเดินออกจากร้าน

     

    “แต่ว่าการที่จะทำให้คุณชายตัดใจจากคุณยุนกิได้  คือการตีตัวออกห่างน่ะครับ”  ผู้ชายที่เป็นเลขาของพ่อโฮซอกคนเมื่อกี้พูดข้นก่อนที่โฮซอกจะเดินหนีไป

     

    “เลขาจอง….ถ้าคุณรักใครสักคนคุณจะอยากอยู่ข้างๆคนๆนั้น ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆได้ดูแลมันก็ทำให้มีความสุขมากพอแล้ว….”  โฮซอกพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากร้านอาหาร

     

     

     

    “เฮ้อ….ฉันต้องเดินกลับไปอีกแล้วสิน่ะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วย”  ยุนกิว่าขณะเดินเตะก้อนหินเล่นตามถนนระหว่างทางกลับบ้าน  เพราะดันไปโกหกแทฮยองไว้ว่าอยู่บ้านหลังนั้น เพราะไม่อยากให้แทฮยองรู้ว่าเค้าอยู่ที่เดียวกับโฮซอก….. แทฮยองจึงส่งที่บ้านหลังเดิมนั้น และยุนกิก็ต้องได้เดินต่อมาเอง

     

     

    “ฉันจะต้องเข้มแข็งกว่านี้….เพื่อความอยู่รอดด้วยตัวของฉันเอง”

     

    “ฉันจะไม่มีวันกลับไปพึ่งพ่อของฉันเด็ดขาด!!”  ยุนกิกำหมัดแน่นสายตามองไปยังข้างหน้าจุดมุ่งหมายที่จะเดินไป ร่างกายที่อ่อนแอถูกจิตใจที่เข้มแข็งกลบจนหมดสิ้น

     

    กึก!!

     

    “โอ๊ย!!”  เพราะความมืดที่มองไม่ค่อยจะเห็นทำให้ยุนกิที่ก้าวขาเดินต่อดันไปเหยียบกิ่งไม้แหลมที่วางยุข้างทางเข้า ทำให้กิ่งไม้นั้นทะลุลองทางยุนกิและแทงเข้าไปที่เท้าของยุนกิทำให้ยุนกิเสียการทรงตัวและล้มลงนั่งกับพื้น

     

     ยุนกิมองเท้าของตัวเองที่มีเลือดไหลอาบออกมาจนรองเท้าพละสีขาวเริ่มกลายเป็นสีแดง….  ยุนกิจับไปที่ข้อเท้าข้างที่มีไม้แหลมเสียบอยู่และพยายามจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

     

    พลึ่บ!!

     

    “โอ๊ย!! ทำไมมันปวดแบบนี้….”  ยุนกิล้มลงอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดสุดที่จะทน

     

    ตึก!! ตึก!! ตึก!!

     

    เสียงฝีเท้าของใครบางคนจากทางด้านหลังของยุนกิกำลังวิ่งเข้ามาทางยุนกิอย่างรีบร้อน

     

    “ยูนกิอย่าขยับน่ะ ฉันจะช่วยเธอเอง”  เจ้าของเสียงฝีเท้านั่นวิ่งมายังด้านหน้าของยุนกิและค่อยๆจับเท้าของยุนกิข้างที่โดนไม้เสียบอยู่ยกขึ้นมาเบาๆ

     

    “โฮซอก….”  ยุนกิมองไปยังร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าที่มีเหงื่อท่วมตัวไปหมด บ่งบอกว่าเค้ารีบร้อนมากแค่ไหน

     

    “อดทนหน่อยน่ะ!!” โฮซอกเงยหน้าขึ้นมาบอกยุนกิก่อนจะใช้มือจับปลายของไม้แหลมที่แทงเท้ายุนกิ

     

    “อ่ะ!! อย่า อย่าบอกน่ะว่า……

     

    สึก!!

     

    “อื้ออออออออออออออออออออ!!!”  เสียงคำรามของยุนกิที่โดนโฮซอกใช้มืออุดปากไว้เนื่องจากเมื่อกี้โฮซอกได้ดึงไม้แหลมนั่นออกจากเท้ายุนกิโดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้ตั้งตัวเลย และมันก็ดึกมากแล้วเพื่อให้เสียงแห่งความเจ็บปวดของยุนกิไปรบกวนเพื่อนบ้านโฮซอกจึงใช้มือของตัวเองให้ยุนกิกัด

     

    “ขึ้นหลังฉันไปล่ะกัน นายคงเดินไม่ได้หรอก”  โฮซอกว่าทั้งๆที่มือเค้ายังอยู่ในปากของยุนกิ

     

    โฮซอกเอามือออกมาจากปากของยุนกิก่อนจะหันหลังให้ยุนกิขึ้นหลังพร้อมใช้มือข้างหนึ่งช่วยพยุงยุนกิให้ขึ้นมาบนหลังของเค้า…..หลังจากที่ยุนกิขึ้นมาบนหลังของโฮซอกได้แล้วโฮซอกก็ค่อยๆยืนขึ้นและเดินกลับไปยังบ้านของพวกเค้าทั้งสองคน  ในระหว่างทางกลับบ้านยุนกิก็สังเกตเห็นมือของโฮซอกข้างที่ใช้ให้ยุนกิกัดีรอยช้ำแดงๆรอบๆมือการที่มีรอยช้ำขนาดนี้มันเจ็บไม่ใช่น้อยเลยน่ะแต่ทำไมโฮซอกทำเหมือนกับไม่ได้รู้สกอะไรเลย…..โฮซอกต้องพยายามอดทนมันสุดๆต่อให้จะเจ็บมากขนาดไหน….

     

    “โฮซอก”  ยุนกิที่อยู่บนหลังของโฮซอกเรียกชื่อเค้าเบาๆ

     

    “อือ….มีอะไรหรอ?”  โฮซอกว่าทั้งยิ้มเล็กๆ

     

    “ขอบคุณน่ะ” ยุนกิว่าแล้วก็กอดคอของโฮซอกแน่นขึ้นก่อนจะซบลงไปบนหลังของโฮซอก

     

    “อืม….”  โฮซอกตอบสั้นๆก่อนจะยิ้มออกมา

     

    “นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันมี....ฉันเหมือนมีเทวดาที่คอยช่วยเหลือปกป้องฉันเลยหละ” ยุนกิว่าขณะหลับตาอยู่

     

    “ใช่ฉันเป็นเพื่อน….”  แม้โฮซอกจะดีใจที่ได้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของยุนกิแต่มันก็เจ็บตรงคำว่าเพื่อน….

     

    โฮซอกพูดไว้เพียงแค่ฉันเป็นเพื่อนทำให้ยุนกิลืมตาขึ้นมาและสังสัยกับคำพูดของโฮซอก

     

    “เพื่อนที่ดีที่สุดหน่ะ”  โฮซอกพูดต่อขึ้นมาแล้วหัวเราะเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก    ยุนกิเงยหน้าขึ้นมองโฮซอกแม้จะมองไม่เห็นด้านแต่ความรู้สึกของยุนกิมันบ่งบอกว่าเค้าต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ

     

     

     

    แอ๊ดดดดดดด....

     

    โฮซอกเปิดประตูเข้ามาในบ้านของเค้าแล้วเดินไปยังโซฟาก่อนจะค่อยๆวางยุนกิลงให้นั่งอยู่ตรงโซฟา

     

    “นั่งอยู่เฉยๆตรงนี้น่ะฉันจะไปเอากลองยามาทำแผลให้”  โฮซอกว่าหลังจากวางยุนกิลงก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยามาแล้วมาวางต่อหน้ายุนกิก่อนจะใช้มือจับไปที่ข้อเท้ายุนกิเบาๆแล้วค่อยๆยกข้อเท้ายุนกิขึ้นมา

     

    “โอ๊ย” ยุนกิร้องเสียงหลงเมื่อเท้าที่ถูกจับยกขึ้นรู้สกเจ็บจี๊ดขึ้นมา

     

    “ขอโทษน่ะ….ทนเจ็บหน่อยล่ะกัน” โฮซอกว่าก่อนจะค่อยๆเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาล้างแผลตรงฝ่าเท้าให้ยุนกิอย่างเบามือ

     

    ยุนกิรู้สึกเจ็บแผลไม่น้อยแต่ก็ต้องกัดปากทนความเจ็บนั่นไว้…..

     

    “ถ้าเจ็บจะกัดมือฉันไว้ก็ได้น่ะ”  โฮซอกว่าขึ้นเมื่อเห็นยุนกิกัดปากตัวเอง

     

    “ไม่หรอกฉันไม่เจ็บเลยสักนิด” ยุนกิโกหกเพื่อปฏิเสธที่จะกัดมือโฮซอกอีก ยุนกิยังคงมองไปที่โฮซอกและมือของเค้าผลัดกันไปมา ทั้งๆที่มือช้ำขนาดนั้นทำไมเค้าไม่มีสีหน้าว่าเจ็บเลยน่ะแถมยังจะให้ยุนกิกัดมือเค้าอีกครั้งเลยด้วยซ้ำ

     

    “ฉันจะทำเบามือน่ะ” โฮซอกว่าก่อนจะใช้ยาทาลงไปที่แผลแล้วค่อยๆใช้ผ้าขาวพันไปรอบๆเท้าของยุนกิอย่างเบามือจนยุนกิไม่รู้สกเจ็บเลยสักนิดเดียว

     

    “เสร็จแล้วหล่ะ….แต่อย่าพึ่งเดินไปไหนหละมีอะไรให้เรียกฉันน่ะ” โฮซอกว่าก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเอากล่องยาไปเก็บ

     

    พรึ่บ!!

     

    “เดี๋ยวก่อนสิ….นั่งลงก่อน” ยุนกิจับข้อมมือของโฮซอกไว้และบอกให้เค้านั่งลงก่อนจจะหยิบกล่องยาจากมือของโฮซอกมา

     

    “มือนายช้ำมากเลย  ฉันจะทำแผลให้น่ะ”  ยุนกิว่าขณะที่หายาที่จะใช้ทารอยช้ำของโฮซอก

     

    “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า!!” โฮซอกว่าพรางหัวเราะกลบเกื่อนและสะบัดมือไปมาเหมือนไม่เป็นอะไรจริงๆแต่ความจริงเจ็บแทบตาย

     

    “ฉันรู้ว่านายเจ็บ” ยุนกิว่าก่อนจะจับมือโฮซอกมาแล้วจัดการทำแผลให้

     

    หลังจากที่ยุนกิทำแผลให้โฮซอกเสร็จโฮซอกก็พายุนกิเข้าไปในห้องของยุนกิแลวโฮซอกเองก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเหมือนกัน

     

     

    “ฉันจะอาบน้ำยังไงดีเนี่ย” ยุนกิว่าหลังจากที่โฮซอกออกไปแล้วก่อนจะมองไปรอบๆห้องแล้วเห็นไม้ที่ใช้สำหรับพยุงตัวเดินซึ่งมันไม่ใช่ของยุนกิแต่เป็นของใครก็ไม่รู้

     

    “ทำไมในห้องฉันถึงมีไม้  อ๊ะ!! จริงสิโฮซอกนี่เอง”  ไม้นี่เป็นของโฮซอกใช้ตอนที่เค้าเต้นแล้วพลาดจนขาหัก  ยุนกิใช้ไม้นี่คอยพยุงตัวเองและไปทุระส่วนตัวชำระร่างกายของตัวเองจนเสร็จสับทุกอย่าง

     

     

    “เฮ้อ….ฉันต้องเข้มแข็งกว่านี้สิน่ะ”  ยุนกิว่าขณะมองไปยังเสื้อสีน้ำเงินตัวโปรดของตัวเองที่วางอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือที่เพิ่งจะโดนน้ำล้างจานสกปรกนั่นลาดลงมาใส่….

     

    “เอ๊ะ!! นั่นมันกระดาษอะไรกันน่ะ”  ยุนกิสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่เหมือนกำลังจะหล่อออกมาจากกระเป๋าเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินตัวนั้น  ยุนกิค่อยๆพยุงตัวเองให้เดินไปที่เสื้อแขนยาวตัวนั้นโดนมีไคล้ำที่ช่วยพยุงตัวเดินไปยุนกิหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาดูก็รู้เลยว่ามันคืออะไร

     

    กระดาษแผ่นนี้มันเป็นนามบัตรของผู้ชายคนที่มานั่งกับยุนกิอยู่ที่ร้านอาหารที่มีแต่ความทรงจำแย่ๆนั่น  แต่เท่าที่จำได้ยุนกิไม่ได้หยิบมันมาเลยหนิทำไมมันมาอยู่ในนี้ได้น่ะ

     

    “ช่างมันเถอะ….รายการอะไรฉันก็ไม่สนหรอก”  ยุนกิว่าก่อนจะขย้ำนามบัตรนั่นทิ้งลงถังขยะก่อนจะเดินไปเปิดทีวีดูยุนกินั่งดูทีวีไปเรื่อยๆก่อนจะต้องตกใจเมื่อมีข่าวสัมพาทบุคคลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งซึ่งคนๆนั้นก็คือ…..

     

    “คุณพ่อ”  ยุนกิเบิกตาโพรงเมื่อต้องเห็นผู้ชายที่ยุนกิเรียกว่าพ่อคนที่ยุนกิเกลียดที่สุดกลับมาอยู่ตรงหน้าแม้จะผ่านจอทีวีก็เถอะ ยุนกิรีบหยิบรีโมทมาเพื่อจะกดปิดแต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อเห็นสัญลักษณ์ของรายการทีวีรายการหนึ่งที่ดูคุ้นตาตามข่าวที่สัมพาทมันเป็นรายการใหม่ที่กำลังจะถูกฉายขึ้นเร็วๆนี้ซึ่งเป็นรายการที่มีการร่วมมือของนักธุรกิจหลายประเทศเป็นรายการที่อาจจะได้รับความนิยมมากถึงทั่วโลกเป็นรายการที่จะถูกจัดทำขึ้นที่เกาหลีและอเมริกาและเจ้าของรายใหญ่ของรายการนี้ก็คือคุณพ่อของยุนกิและอีกหนึ่งคนคือเจ้าของประธานบริษัทคนใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดเผยตัวของบริษัท N กรุ๊ป 

     

     

    “รายการนนี้นี่มัน…..ใช่แล้วรายการนี้แน่นอน”  ยุนกิรีบหยิบใบนามบัตรที่พึ่งทิ้งไปขึ้นมาก็เห็นสัญลักษณ์ของรายการที่เป็นรายการเดียวกันกับที่เพิ่งจะฉายไปเมื่อกี้

     

    “ฉันคิดอะไรออกแล้วหละ….นี่เป็นโอกาสดีของฉันเลยทีเดียว”  ยุนกิว่าและสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความร้ายกาจ ยุนกิยิ้มที่มุมปากแบบน่ากลัวเหมือนกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง…..

     

    พรึ่บ!!

     

    “ฟะ ไฟดับ หรอเนี่ย!!  ไม่น่ะ”  ยุนกิที่เป็นคนกลัวความมือมากที่สุดในชีวิตเริ่มสติแตกไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพร้อมทั้งนั่งชันเข้าอยู่บนที่นอนของตัวเองอย่างตัวสั่น

     

    พรึ่บ!!

     

    อยู่ๆประตูห้องของยุนกิก็ถูกเปิดออกและมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงยุนกิที่ตัวสั่นเหมือนแมวน้อยตกน้ำเข้าไปกอดไว้อย่างแน่นก่อนที่ผู้ชายคนนี้จะพูดออกมา…..

     

    “ไม่เป็นไรน่ะฉันอยู่ตรงงนี้แล้ว เทวดาอยู่ตรงนี้” คำพูดของบุคคลที่ยุกิมองไม่เห็นใบหน้าที่พูดขึ้นก็ทำให้ยุนกิรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร

     

    “โฮซอก….."

     

     

    uu - - - - - To be continue - - - - -uu









     ✄--THE ORA

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×