ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Barbecue Fantasia

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 เดินทางสู่เมืองคีราวี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 579
      19
      24 ก.พ. 58

    .

    ตอนที่ 7 เดินทางสู่เมืองคีราวี

    “นอนไม่หลับเหรอดู่” เสียงของไม้สักดังในความมืด

    “… ศพที่ริมแม่น้ำมันโผล่ขึ้นมาในหัว หลับตาก็เห็นแต่หัวครอบคัวรีดินที่ผูกไว้ด้วยกัน … ถ้าพวกเราต้องออกไปรบ ต้องจับปืนฆ่าคนจริง ๆ เราจะเป็นแบบนี้รึเปล่า” ประดู่ตอบกลับมาในความมืด

    “คงไม่ ศพคนที่ตายจากกระสุนหรือระเบิดมันจะสร้างความรู้สึกผิดได้น้อยกว่า”

    “ทำไมวะ”

    “อย่าแรกก็คือสภาพศพ ศพที่ถูกยิงด้วยปืนส่วนใหญ่แล้วจะมีสภาพไม่ต่างจากร่างกายตอนที่ยังไม่ตายเท่าไหร่ ต่อให้เป็นศพที่ตายจากระเบิดก็จะไม่สร้างความรู้สึกเท่ากับศพคนโดนตัดคอ อย่างที่สอง ศพคอขาดด้วยฝีมือคนแบบนั้นมันส่งทอดความตั้งใจของคนออกมาได้มากกว่า ในจิตสำนึกของเราเอง เราจะรู้ดีว่าที่มาของการตายแบบนี้เกิดขึ้นจากมนุษย์ด้วยกัน การฆ่าคนด้วยมีดและดาบมันสร้างความรู้สึกสยดสยองได้มากกว่าการฆ่าด้วยปืนมาก ปืนอย่างมากก็เหนี่ยวไก แต่ดาบและมีดมันทำให้เราใกล้ชิดความตายได้มากกว่า … มันก็แล้วแต่คนด้วย กับบางคนจะฆ่าด้วยมีดหรือปืนก็รู้สึกไม่ต่างกัน”

    ประดู่เงียบไปเป็นเวลานานก่อนจะพูดขึ้นเหมือนใคร่ครวญเนื้อหาในคำพูดของไม้สักอย่างละเอียด

    “แกช่วยหาเหตุผลที่ช่วยให้ข้านอนหลับได้หน่อยสิ”

    ไม้สักคิดหาเหตุผลรอไว้ก่อนแล้ว

    “ครอบครัวของแกที่อยู่บนโลกเก่าคงไม่ต้องเจออะไรแบบที่พวกเราเจอ ต่อให้แกอยู่ในโลกที่โหดร้ายแค่ไหนแต่แกก็สบายใจได้ว่าครอบครัวแกจะปลอดภัย”

    ประดู่รับฟังแล้วเงียบไป เงียบไปเป็นเวลานานจนเสียงหายใจของเขาดังสม่ำเสมอ ไม้สักนอนหนุนหมอนมองดูเพดานมืดอยู่ครึ่งชั่วโมงแล้วจึงหลับตามไป

    .

    เด็กหนุ่มทั้งสองตื่นขึ้นมาตั้งแต่ราตรียังไม่ลับขอบฟ้า พวกเขาไม่สามารถนอนรวดเดียวเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงได้ ประดู่และไม้สักตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิวแต่ไม่กล้าไปขออาหารจากเจ้าของบ้านกิน ทั้งสองเดินออกมาหน้าบ้านและพบว่าซีลอนลุกขึ้นมาเตรียมรถสำหรับเดินทางเข้าเมืองตั้งแต่มืดแล้ว

    ทาสหลายคนช่วยกันขนกล่องไม้บรรจุปลาสดใส่เข้าไปท้ายรถลากสี่ล้อขนาดใหญ่เท่ากับรถบรรทุกหกล้อ ไอสีขาวที่ลอยออกมาจากกล่องไม้และไหลลงต่ำเป็นสัญลักษณ์ว่ากล่องไม้นั้นมีการสร้างความเย็นอยู่ภายในหรือไม่ก็โดยรอบ

    ซีลอนที่กำลังนับจำนวนปลาให้ถูกต้องตามรายการเหลียวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสอง เธอเดินเข้าไปตรวจสอบกล่องไม้ที่วางซ้อนกันเพื่อนับจำนวนให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาคุยด้วย

    “ท่านทั้งสองตื่นเช้าแบบนี้เป็นประจำเหรอ อยากกินอะไรรึเปล่า ผู้ที่ตื่นเช้ามักจะโดนเทพโภชนากลั่นแกล้งทำให้หิวก่อนใคร”

    ประดู่รีบพยักหน้าพร้อมกับยิ้มขอบคุณ ซีลอนสั่งการลูกน้องคนหนึ่งให้ไปนำอาหารมาแล้วจึงหันมาดูสองหนุ่ม ทั้งไม้สักและประดู่อยู่ในชุดเตรียมพร้อมเต็มที่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เธออยากจะสำรวจดูเสื้อผ้าของทั้งสองอย่างละเอียดแต่ติดที่ว่ามันออกจะเป็นการเสียมารยาทอยู่

    “พวกท่านมีจุดหมายใดในเมืองเป็นพิเศษต้องการให้ข้าไปส่งหรือไม่ ถ้าไม่ไกลจากตลาดและร้านอาหารที่ต้องนำปลาไปส่งมากเกินไปข้าจะแวะพาพวกท่านไปยังที่แห่งนั้น” ความหวังดีเป็นของจริง แต่ความอยากรู้อยากเห็นว่าทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านใดในเมืองคีราวีก็ไม่ใช่ของปลอม

    ประดู่เลิกคิ้ว สบตากับไม้สักแล้วหันมาส่ายหน้า เขานึกขอบคุณที่ตัวเองพูดภาษาของคนที่นี่ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องแก้ตัวกันจนเมื่อย

    ซีลอนเองก็รู้สึกว่าการที่พวกเขาพูดภาษาของเธอไม่ได้สร้างเงื่อนไขพิเศษทำให้เธอไม่สามารถซักไซ้ไล่เลียงเพิ่มเติม แต่เธอได้เตรียมการเพื่อศึกษาเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อตอนเย็น

    “ข้าอยากฟังภาษาของพวกท่าน ท่านพ่อบอกว่าพวกท่านพูดภาษาที่ท่านพ่อไม่เคยได้ยินมาก่อน พวกท่านช่วยเหลือให้ข้าเปิดหูเปิดตาได้หรือไม่”

    ประดู่ไม่เห็นว่านี่เป็นปัญหา เขาเรียบเรียงบทพูดขึ้นมาในหัวได้แทบจะในทันที

    “ผมชื่อประดู่ นี่เพื่อนผมชื่อไม้สัก พวกเราสองคนมีบ้านเกิดอยู่ที่ประเทศไทย ก่อนที่จะมาโผล่ที่นี่พวกเรากำลังอยู่ระหว่างการเข้าค่ายนักศึกษาวิชาทหารที่เขาชนไก่ แต่ไม่รู้ทำไมพอลงรถแล้วกลับมาโผล่ที่นี่ ที่เมืองแห่งนี้ ได้เจอมังกร ได้ไถลลงเขา ได้เจอคนตาย ได้ฆ่าคน เช้าฟาดฟักผัดเย็นฟาดผัดฟัก ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก ใครขายไข่ไก่ ระนองระยองยะลา เสียงลือเสียงเล่าอ้าง …”

    ประดู่พูดไม่จบเพราะโดนไม้สักตบหัวครั้งหนึ่ง เขาบ่นพึมพำแล้วหยิบหมวกขึ้นมาสวมแก้เก้อ

    ซีลอนไม่เคยได้ยินภาษาที่เน้นการแยกเสียงระดับสูงต่ำเช่นนี้มาก่อน ภาษาของเธอจะเว้นระยะคำและเน้นเสียงหนักจบคำอย่างชัดเจน ต่างจากภาษาที่มีการต่อเนื่องของคำและไล่เสียงแบบเดียวกับเสียงดนตรี ดูไม่เหมือนเป็นการแกล้งทำ นี่เป็นภาษาที่เธอไม่รู้จักจริง ๆ ต่อให้สองคนนี้ตั้งใจโกหกว่าพูดภาษาเธอไม่ได้เธอก็ไม่มีข้ออ้างจะไปคาดคั้นเพราะพวกเขาใช้ภาษาของตัวเองเพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ

    อาหารมื้อเช้าของทั้งสองในวันนี้ก็คือก้างปลาและหัวปลาย่างกรอบและพืชประเภทหัวมันต้มบดละเอียด ถือแม้จะเป็นเพียงก้างปลาจืด ๆ แต่นี่ก็ยังดีกว่าปลาครึ่งสุกครึ่งดิบเมื่อวานมาก เมื่อไม่มีกลิ่นคาวทั้งสองก็เคี้ยวกระดูกปลาดังกรุบ ๆ แล้วรับรสชาติของมันบดที่มีรสชาติคล้ายมันฝรั่งแต่จืดกว่าครึ่งหนึ่ง

    ซีลอนมองดูทาสหนุ่มทั้งสองกินอาหารด้วยความยินดีแล้วคิดว่าพวกเขาคงเคยชินกับอาหารของทาสเช่นนี้มากกว่า สำหรับคนที่ไม่มีพลังงานเวทมนตร์ในร่างกายคงต้องกินอาหารรสจัดเช่นนี้เป็นประจำอยู่แล้ว

    ล่อซิกไม่ได้ตามมาส่งเนื่องจากเขามีภารกิจต้องออกไปกู้กับดักปลาที่ติดตั้งเอาไว้ ดังนั้นประดู่และไม้สักจึงต้องโดยสารรถลากไปกับซีลอนและพวกโดยไม่รอสั่งลา

    รถลากขนาดใหญ่มีสัตว์ตัวใหญ่ทำหน้าที่ลาก รูปร่างของมันคล้ายแรดแต่มีขนาดใหญ่เท่าช้าง แข็งแรงและคล่องแคล่วกว่าช้างแต่มีเขาสามเขาซึ่งถูกตัดเสมอโคน แอกและบังเหียนไม่ต่างจากที่มีใช้ในโลกมนุษย์เท่าไร ผู้ที่รับหน้าที่บังคับก็คือดงซิน

    ประดู่และไม้สักนั่งอยู่บนหลังคารถลากร่วมกับทาสอีกสองคน ทาสคนอื่น ๆ อีกแปดคนนั่งอยู่ในรถลากเฝ้าดูปลาสดส่วนของตัวเองที่ต้องนำกลับไปส่งบ้านนาย ซ้ายขวาของรถลากมีทาสสองคนซึ่งสวมชุดเกราะหนังสะพายดาบกับเอวเดินคู่ไปกับรถเพื่อรักษาความปลอดภัย รถลากคันนี้เน้นจำนวนของสินค้าที่สามารถขนส่งได้ในแต่ละเที่ยวมากกว่าความเร็วในการเดินทาง

    “ข้านั่งด้วยคนนะ” ซีลอนกระปีนขึ้นมาบนหลังคารถลากที่สร้างขึ้นจากไม้และนั่งร่วมกับคนแปลกถิ่นทั้งสอง

    ไม้สักปล่อยให้ประดู่เป็นคนรับมือกับซีลอนส่วนตัวเขาหยิบหินลับมีดสะเก็ดเพชรขึ้นมาลับมีดของตัวเองเพื่อฆ่าเวลา

    “นั่นเป็นอาวุธของคนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้สินะ อาวุธแบบนี้มีดีอย่างหนึ่งคือโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้พลังเวทมนตร์เข้าเสริม แต่มีข้อเสียคือศัตรูเอาไปใช้ได้ง่าย ๆ อย่างดาบที่ กอลอ ใช้นั่นมีแต่กอลอคนเดียวที่เรียกคมดาบออกมาได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใช้เพื่อทำร้ายตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วจุดสำคัญอยู่ที่ความแข็งแกร่งมากกว่า คมดาบเวทมนตร์น่ะแข็งแกร่งกว่ามีดแบบนั้นเยอะ” ซีลอนชี้ไปที่ทาสผู้รับหน้าที่คุ้มกันรถลากแล้วชี้นิ้วใส่มีดของไม้สัก

    ไม้สักหันมามองหน้าซีลอนเล็กน้อยแล้วลับมีดของตนเองต่อไป

    ประดู่อยากจะพูดแทรกเพราะกลัวว่าซีลอนจะทำให้ไม้สักโกรธแต่เขาพูดภาษาของโลกนี้ไม่ได้จึงพยายามใช้ภาษามือเพื่อสนทนา เขาชี้ไปที่ช้างแรดที่ลากรถอยู่แล้วใช้สองนิ้วทำท่าคนก้าวเดินช้า ๆ พร้อมกับแสดงสีหน้าสงสัยตาโต จากนั้นจึงแสดงท่าคนก้าวเร็ว ๆ เพื่อเปรียบเทียบ

    ซีลอนหัวไวสามารถจับความหมายที่ประดู่ต้องการสื่อได้ทันที

    “ทำไมถึงใช้แชร้ง (ช้าง+แรด) ที่เดินช้าแบบนี้น่ะเหรอ ก็เพราะว่าแชร้งขนของได้เยอะกว่าไงล่ะ เดี๋ยวพอพ่นป่าทึบถนนขรุขระนี่ไปแล้วพวกเราจะไปหยุดที่จุดเปลี่ยนถ่ายพาหนะ ย้ายปลาลงรถเล็กของแต่ละบ้าน ส่วนเราก็จะเอาปลาตามสั่งไปส่งแยกต่างหาก ถนนขรุขระมีทั้งก้อนหินทั้งหลุมแบบนี้ม้าล (ม้า+ลา) วิ่งไม่ไหวหรอก”

    ประดู่นึกขำในใจ ปลอกคอแปลภาษาทำให้เขาเข้าใจชื่อของสัตว์ชนิดต่าง ๆ โดยการนำจุดเด่นของสัตว์แต่ละชนิดที่เขารู้จักมาผสมกันตามจุดเด่นของสัตว์ชนิดนั้น เขาเข้าใจว่าม้าลนั้นคือม้าบวกลา แต่เขาอยากเห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าม้าลนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

    เส้นทางที่พวกเขาใช้เดินทางนั้นเป็นเพียงช่องว่างระหว่างต้นไม้ใหญ่ทอดคดเคี้ยวไปมาตามระยะห่างของต้นไม้ จุดใดที่ต้นไม้ขึ้นติดกันก็ต้องเดินทางอ้อมหลีกไปด้านข้าง พื้นที่ต่างระดับทำให้รถลากโคลงเคลงไปมาตลอดเวลา กล่องใส่ปลาถ้าไม่มีกล้องใหญ่บรรจุคลุมอีกชั้นและมีเชือกมัดติดกับห่วงบนพื้นรถอย่างแน่นหนาก็คงไถลไปมา

    ในระหว่างที่ประดู่รับฟังและใช้ภาษามือพูดคุยกับซีลอนไม้สักก็ใช้ความคิด เขาเก็บหินลับมีดเข้ากระเป๋าเพราะรถโคลงเคลงมากเกินไปจนลับมีดได้ลำบาก เขาสงสัยว่าทำไมซีลอนจึงปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดี เหมือนไม่เห็นว่าสถานะทาสของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญ สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมีจากพ่อของเธอ ล่อซิก พ่อของเธอเป็นทาสมาก่อนดังนั้นเธออาจจะมองทาสในมุมมองที่ต่างไป

    บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังไม่ทราบถึงตัวจริงของนายพวกเขาทั้งสอง การปฏิบัติกับทรัพย์สินของผู้อื่นแสดงให้เห็นว่าเธอให้ความเคารพกับผู้อื่นมากเพียงไร อย่างน้อยถ้าทำตัวดีด้วยก็ไม่ต้องหมางใจกันถ้าได้รู้จักกันในภายหลัง บางทีในโลกนี้ผู้คนอาจจะไม่เลวร้ายกับทาสเท่าไรนัก

    ไม้สักส่ายหน้า นั่นเป็นไปไม่ได้ ดูจากการตายของครอบครัวรีดินเขาก็ทราบแล้ว

    “ที่ท่านสะพายอยู่บนหลังคืออะไรรึ” ซีลอนชี้ไปที่กระทะของประดู่

    ประดู่ไม่ทราบจะตอบเช่นไร เข้าใช้มือแสดงท่าทางของคนจับตะหลิวผัดข้าวแต่เธอดูจะไม่เข้าใจเลยยอมแพ้ไป

    ซีลอนได้เห็นเสื้อผ้าของประดู่อย่างใกล้ชิดและรู้สึกทึ่งมากยิ่งขึ้น เนื้อผ้าที่เธอไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดในตอนแรกเป็นผ้าทอละเอียดจนเหลือเชื่อ ตะเข็บรอยเย็บของชุดนักศึกษาวิชาทหารของประดู่ช่างเที่ยงตรงและสม่ำเสมอจนยากจะคิดว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ เธอไม่เข้าใจว่าช่างที่ตัดเย็บชุดของประดู่ต้องใช้ฝีมือและเวลาในระดับไหนจึงตัดชุดอันสวยงามเช่นนี้ออกมาได้ อาจจะเป็นช่างที่ไม่มีพลังเวทมนตร์เหมือนสองคนนี้ มนุษย์เมื่อถูกกักขังอยู่ในขีดจำกัดของตนเองก็มักจะหาทางดิ้นรนก้าวข้ามมันไปดังเช่นที่เกิดมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

    “หิวรึยัง ข้ารู้มาว่าคนที่ไม่มีพลังเวทมนตร์จะต้องการอาหารมากกว่าคนทั่วไปเพราะร่างกายไม่สามารถรับพลังงานเวทมนตร์จากอาหาร” ซีลอนถามประดู่

    ประดู่พยักหน้าตอบรับ นับตั้งแต่ที่เดินทางออกจากบ้านของล่อซิกก็ผ่านไปเกือบหกชั่วโมงแล้ว ตะวันยังไม่กลางศีรษะแต่เขาและไม้สักก็หิวได้ที่

    อาหารมื้อสายของทั้งสองคือหนังปลากรอบพันรอบมันชนิดเดียวกับที่กินเมื่อตอนเช้ามืด ก็ยังคงเป็นอาหารที่จืดชืด แต่ความกรอบแบบไม้แข็งของหนังปลาก็ช่วยให้อาหารมื้อนี้สามารถกลืนลงคอได้อย่างไม่ต้องฝืนทนนัก คล้ายหมูกรอบรสอ่อนสอดไส้มันฝรั่งบด ไม่เข้ากันเท่าไรแต่กินกันตายได้

    ระหว่างการเดินทางประดู่ชี้ไปที่ผลไม้ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ทำท่าใส่ปากเคี้ยวถามซีลอนว่ากินได้หรือไม่ ซีลอนพยักหน้าแต่บอกว่าผลไม้ชนิดนี้ต้องใช้เวลาหมักบ่มสี่วันไม่เช่นนี้จะได้รับพิษทำให้ตัวชา

    ประดู่ได้แต่พยักหน้ารับทราบด้วยความเสียดาย

    ไม้สักหันมองดูเทือกเขาสูงด้านข้าง มองเห็นยอดเขาที่ไถลหนีมังกรลงมาจากตรงนี้ได้ชัดเจน หน้าตัดเรียบของมันเป็นลักษณะเด่นที่ช่วยยืนยันได้ในทันที

    ตกค่ำขบวนการขนสินค้าก็มาถึงจุดเปลี่ยนพาหนะ และประดู่ก็ได้เห็นม้าลเป็นครั้งแรก เขาเข้าใจในทันทีว่าทำไมมันจึงถูกเรียกว่าม้าล รูปลักษณ์ภายนอกของมันคล้ายม้ามาก แต่มีกล้ามล่ำกว่าและตัวเตี้ยอย่างลา เหมือนม้าแคระกล้ามล่ำหน้าตาตลกหูตั้งหางเป็นพู

    “คืนนี้เราจะพักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางเข้าเมือง ทาสส่วนหนึ่งจะกลับไปบ้านตัวเองพร้อมค่าแรงกับปลาส่วนที่ตัวเองทำงานได้ไป พวกเราจะเอาปลาอีกส่วนไปส่งให้กับร้านอาหารต่าง ๆ และรับเงิน อาจจะเที่ยวสักหนึ่งวันแล้วเดินทางกลับ” ซีลอนสรุปให้คนทั้งหมดฟังอีกครั้ง แต่คนที่เคยมาส่งของล้วนแต่ทราบขั้นตอนดีอยู่แล้ว นี่จึงเป็นการพูดกับประดู่และไม้สักมากกว่าอย่างอื่น

    ทาสส่วนหนึ่งจะนอนอยู่ในรถ ส่วนหนึ่งนอนอยู่บนหลังคา แต่ทาสที่รับหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะผลัดกันนอนและเฝ้ายามดูแลสินค้า

    จากคำอธิบายของซีลอน จุดเปลี่ยนพาหนะเป็นสถานที่ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้นักเดินทางได้พักผ่อนในยามค่ำคืน ทำงานคล้ายโรงแรมแต่มีสัตว์ไว้บริการ ตัวสถานที่เป็นอาคารไม้ที่สร้างขึ้นเป็นแถวยาวแล้วแบ่งห้องเหมือนห้องแถว ทาสจะต้องนอนพักที่ห้องรวมแยกต่างหากในขณะที่คนทั่วไปจะได้ห้องนอนของตัวเอง แน่นอนว่าการนอนพักจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

    ประดู่และไม้สักไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องพักเพราะพวกเขาเป็นทาส แต่ทั้งสองก็ไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะไม้สักที่นอนกลางดินกินกลางทรายมาหลายปี ทั้งสองไม่ได้เข้าไปนอนร่วมกับทาสคนอื่นแต่เลือกที่จะปูหญ้าสำหรับเลี้ยงม้าลนอนข้าง ๆ รถลากแทน

    วันนี้ทั้งสองได้เห็นการทำอาหารด้วยพลังเวทมนตร์เป็นครั้งแรก

    ซีลอนนำปลาสองตัวออกจากกล่องไม้รูปทรงปลา เธอวางปลาตัวหนึ่งลงบนอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีลักษณะคล้ายสวิง กล่าวคือมีด้ามจับเป็นไม้เหมือนด้ามจับตระแกรงอาหาร จากด้ามไม้มีเส้นยาวคล้ายหวายดัดโค้งเป็นวงและขึงไว้ด้วยผ้าสีขาวซึ่งมีรอยเปื้อนหลงเหลือจากการซักล้างหลายต่อหลายครั้ง

    ในความคิดของประดู่เขาเห็นว่ามันมีความคล้ายคลึงกับที่ตักปลาในงานเทศกาลของญี่ปุ่นมาก เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่าและไม่ได้สร้างมาเพื่อให้ขาดง่ายอย่างเช่นที่ตักปลาเหล่านั้น

    ซีลอนตั้งสมาธิส่งพลังเวทมนตร์เข้าไปกระตุ้นเนื้อผ้าเพื่อสร้างความร้อนซึ่งมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง เป็นความร้อนที่จำกัดพื้นที่ไม่ได้แผ่รังสีออกมาเหมือนความร้อนจากเปลวไฟ ผิวของผ้าที่แนบไปกับผิวหนังปลาเกินเป็นความร้อนกินพื้นที่เข้าไปเพียงหนึ่งถึงสองมิลลิเมตรโดยไม่มีการส่งต่อความร้อนเข้าไปถึงเนื้อปลาภายใน เช่นนี้จึงได้ปลาดิบที่มีผิวหนังกรอบอย่างที่เครื่องมือทั่วไปทำไม่ได้

    เธอพลิกปลาเหมือนคนสะบัดกระทะพลิกไข่ทอดเพื่อให้ความร้อนปรุงอาหารอีกด้านหนึ่ง

    “ปลาชนิดนี้ต้องมีวิธีการปรุงพิเศษถึงจะดึงรสชาติออกมาได้ทั้งหมด เนื้อปลาแต่ละส่วนจะมีความอ่อนไหวต่อพลังเวทมนตร์และความร้อนต่างกัน ถ้าต้องการให้รสชาติออกมากลมกลืนจะต้องควบคุมความร้อนและกระแสพลังเวทมนตร์อย่างละเอียด ใช้พลังที่ละเอียดอ่อนในส่วนท้องเพื่อไม่ให้รสชาติเวทมนตร์อันละเอียดอ่อนถูกทำลาย ต้องควบคุมจุดเชื่อมต่อระหว่างเนื้อแต่ละชนิดของปลาให้กลมกลืนไม่กระแทกกระทั้น ต้องส่งพลังเวทมนตร์เข้าไปในส่วนหลังให้มากเพื่อทำลายเส้นใยเวทมนตร์ที่สากคอ วิธีการไม่ใช่ความลับอะไร แต่คนที่มีความสามารถมากพอที่จะปรุงปลาชนิดนี้ได้มีเฉพาะพ่อครัวมือฉมังและคนที่อยู่กับปลานี้มาตลอดชีวิตอย่างเช่นตัวข้า”

    ซีลอนส่งปลาที่ปรุงแล้วให้กับประดู่ ประดูมองปลาแล้วถอนหายใจ เขาไม่อยากกินอะไรคาว ๆ ในตอนนี้เลย

    “แต่พวกเจ้าไม่สามารถรับรสชาติเวทมนตร์เช่นพวกเรา ข้าเลยอยากเห็นว่าปกติแล้วพวกเจ้าปรุงอาหารกันอย่างไร ไม่ต้องเกรงใจว่าจะเสียมารยาท เชิญใช้ปลานี้ปรุงอาหารได้ตามใจชอบเลย”

    เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของปลา ประดู่ก็สั่งให้ไม้สักก่อไฟขึ้นทันที ส่วนตัวเขาเปิดกระเป๋าค้นหาเครื่องปรุงรสออกมาใช้งาน

    ซีลอนมองดูประดู่เตรียมปลาด้วยความสนใจ แม้แต่กอลอที่ทำหน้าที่ดูและความปลอดภัยก็เข้ามามุงดูด้วย ประดู่ค้นกระเป๋าตัวเองพบว่าเขาซื้อมีดทำครัวติดตัวมาด้วยแต่ลืมไปเสียสนิทเพราะใส่ไว้ในช่องเก็บของซ่อนพิเศษหลังกระเป๋า เขาแหวะท้องปลาแต่พบว่าปลาชนิดนี้ไม่มีเครื่องใน ที่เขาเข้าใจจากการกินปลาชนิดนี้เมื่อวานว่ามีการแหวะไส้ปลาออกเรียบร้อยความจริงแล้วไม่ใช่

    เมื่อไม่ต้องควักไส้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น เขาบั้งปลาเป็นรูปตาข่ายทแยงขนาดหนึ่งข้อนิ้วก้อยทั่วตัวปลาและนำขึ้นย่างเหนือกองถ่านที่เกลี่ยออกมาจากกองไฟ ปลานั้นได้รับการลูบเกลือโดยรอบตัวปลาเพื่อเสริมรสชาติแล้วเรียบร้อย

    ไม้สักรับหน้าที่ย่างปลาในขณะที่ประดู่เริ่มปรุงน้ำซอสราด เขาตั้งหม้อสนามขึ้นเหนือกองไฟ ใส่น้ำสะอาดลงไปหนึ่งข้อนิ้ว รอจนเดือดจากนั้นใส่เกลือเล็กน้อย น้ำตาล กระเทียมบี้ ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น น้ำมันหอย เคี่ยวจนน้ำเริ่มงวด้จึงได้ปลาดิบที่มีผิวหนังกรอบร้อนกินพื้นที่เข้าไปเพียงหนึ่งถึงสองมิลลิเมตรโดยไม่มีการส่งต่อความร้อนเข้าไปถึงเนื้อปลาภายใน เช่นนหนืดกว่าปกติ ชิมรสแบบเผื่อความเค็มหลังซอสเย็นลงและความเค็มจากเกลือที่ทาบนปลาแล้วยกหม้อลงจากเตา

    ประดู่อยากได้ขิงมาเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนอีกเล็กน้อยแต่ในสภาพเช่นนี้เขาคิดว่านี่ก็ดีเลิศมากแล้ว จะใช้น้ำซุปไก่แทนน้ำเปล่ายิ่งไม่ต้องคิดถึง จะใส่พริกแห้งเสริมก็กลัวว่าจะเผ็ดเกินไปจนซีลอนกินไม่ได้ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าซีลอนจะต้องขอชิมปลาย่างราดซอสจานนี้แน่นอน

    ไม่มีแปรงทาซอส ไม้สักตัดหญ้าแห้งบริเวณใกล้ ๆ มาหนึ่งหยิบ ใช้มีดยีปลายหญ้าจนเป็นฝอยและจุ่มลงในซอสนำไปทาบนปลาที่เสียบไม้ย่างเหนือไฟถ่าน กลิ่นซอสไหม้และชิ้นกระเทียมที่เริ่มกรอบหอมโชยไปทั่วจุดเปลี่ยนพาหนะจนคนที่อยู่บริเวณนั้นพากันมามุงดูว่าใครกำลังทำอะไร

    ในจุดเปลี่ยนพาหนะเช่นนี้มักจะมีพ่อครัวหรือนักเดินทางที่ต้องทำอาหารด้วยตัวเองให้เห็นเป็นประจำ จุดเปลี่ยนพาหนะบางที่ถึงกับมีครัวไว้บริการคนเหล่านี้โดยเฉพาะ

    ซีลอนมองดูการทำงานของทั้งสองตั้งใจเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด ฝีมือการย่างปลาของประดู่แคล่วคล่องกว่าไม้สักอย่างเห็นได้ชัด ประดู่ขยับปลาไปตามจุดต่าง ๆ ของกองถ่านเพื่อรับความร้อนอย่างเหมาะสม เกลี่ยถ่านกระจายไปมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำอาหารให้ได้ผลสูงสุด

    การทำอาหารด้วยกองไฟเช่นนี้แทบจะหาไม่ได้แล้วในแดนดิน เหตุผลก็เนื่องมาจากเครื่องมือประกอบอาหารที่สามารถใช้พลังเวทมนตร์ควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ การใช้ถ่านไฟที่ปล่อยพลังเวทมนตร์ออกมาโดยที่ควบคุมบังคับได้ยากจึงเป็นสิ่งล้าสมัยไปในที่สุด

    ปลาที่ย่างจนหนังกรอบมันอุ่นละลายซึมผ่านร่องบากถูกวางลงจานรูปปลา ประดู่ชิมรสของน้ำซอสอีกครั้ง คิดอยากได้น้ำมะนาวสดหอม ๆ แต่รสชาตินี้ก็ถือว่าใช้ได้ เขาเทซอสราดลงบนตัวปลาจากหัวไปถึงหางรวดเดียว น้ำซอสที่ไหลล้อนออกไปนองบนจานก่อตัวเป็นวงสีดำ มีไขมันปลาลอยเป็นวงเล็ก ๆ สะท้อนแสงจากกองไฟจนเป็นประกาย

    ประดู่ยื่นปลานั้นให้ซีลอนได้ลองชิมก่อน ส่วนตัวเขานำปลาที่ซีลอนปรุงให้เสียบไม้ตั้งเหนือกองถ่านย่างเป็นตัวต่อไป

    ซีลอนมองดูปลาที่ย่างจนหนังกรอบมีซอสสีดำไหม้เคลือบโดยรอบอย่างพินิจพิเคราะห์ ซอสนั้นเคลือบผิวปลาจนเป็นเงาประกายและมีซอสบางส่วนขังอยู่ในช่องรอยบาก เธอกลืนน้ำลายลงคอเมื่อจมูกได้รับกลิ่นหอมผสมผสานกันในระยะประชิด เธอไม่ทราบและไม่รู้จักว่าเครื่องปรุงรสที่ประดู่ใช้คืออะไร แต่มันเป็นเครื่องปรุงรสที่ให้กลิ่นหอมแรงพิเศษมาก

    ส้อมประจำตัวของซีลอนถูกใช้เพื่อแทงและช้อนเนื้อปลาขึ้นมา ไอร้อนสีขาวโชยจากชิ้นเนื้อบนส้อมของเธอกระจายกลิ่นของเนื้อปลาผ่านความร้อนที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน

    เมื่อเนื้อปลาแตะลงที่ปลายลิ้นพลังเวทมนตร์ธรรมชาติในตัวปลาผสานเสริมด้วยซอสถั่วเหลืองก็พุ่งตรงเข้าสู่สมองของเธอในเสี้ยววินาที ไม่เพียงแต่รสชาติเค็มอมหวานของซอสและน้ำตาลเกลือที่ทำการจู่โจม พลังงานเวทมนตร์ในเนื้อปลาที่ทำปฏิกิริยากับเครื่องปรุงรสต่างโลกเล่นงานเธอจนลิ้นแทบพลิกตลบบนเป็นล่าง ล่างเป็นบน

    เฉพาะเนื้อปลาอย่างเดียวไม่มีทางสร้างรสชาติเช่นนี้ได้แน่นอน เธอเคยกินปลาสี่ฤดูแบบที่ทำสุกถึงภายในมาแล้ว แต่การปรุงเนื้อปลาเช่นนั้นจะทำลายรสชาติเวทมนตร์อันละเอียดอ่อนในตัวปลาไปจนหมดสิ้น

    หากแต่นี่ไม่ใช่เลย น้ำมันจากส่วนพุงของปลาถูกละลายไหลส่งต่อไปยังเนื้อส่วนที่เข้มข้นกว่าผ่านรอยบั้ง ผสมผสานกันด้วยการชักนำของซอสก่อเป็นรสชาติเฉพาะที่ไม่เคยได้รู้จัก เป็นการรวมตัวของพลังเวทมนตร์ทั้งสี่ชนิดในตัวปลาอย่างสมบูรณ์แบบ

    นี่ไม่ใช่อาหารที่ละเอียดอ่อนแต่รุนแรงถึงใจเป็นอย่างยิ่ง

    ประดู่และไม้สักย่อมไม่ทราบว่ารสชาติของพลังเวทมนตร์ที่ผสานกับการปรุงรสด้วยเครื่องปรุงจากโลกมนุษย์เป็นอย่างไร พวกเขาชิมปลาย่างราดซอสแล้วคิดเหมือนกันว่าปลาชนิดนี้ให้รสชาติหลายอย่างในตัวเดียว เป็นปลาที่น่าสนใจมาก ส่วนพุงที่ให้รสชาติเหมือนครีมเมื่อผ่านความร้อนแล้วก็ละลายกลายเป็นไขมันหวานเหมือนมันปลาสวายแต่ไร้ความคาว เนื้อส่วนกลางล่างให้รสชาติเหมือนปลาเนื้ออ่อน ปลาทูและปลาซาบะตามลำดับ รสชาติเมื่อกินรวมกันออกจะแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่ซอสรสเข้มก็ช่วยให้ปลาสี่ฤดูย่างราดซอสเป็นอาหารมื้อที่ทั้งสองพึงพอใจมากที่สุดนับตั้งแต่มาเยือนโลกนี้

    “รสชาติหลังย่างแล้วเหมือนปลาคนละอย่างกับที่กินสด ๆ เลยนะ” ประดู่พูดกับไม้สัก

    “อืม แต่ข้าอยากกินข้าว” ไม้สักบ่นแต่ก็กินปลาส่วนของตัวเองทั้งหมด

    “หาทางกลับบ้านให้ได้เร็ว ๆ แล้วข้าจะทำของที่แกอยากให้ทุกอย่างเลย”

    ซีลอนอยากกินมากกว่านี้แต่พลังเวทมนตร์ที่ส่งเข้าไปในร่างกายของเธอเริ่มเคลื่อนไหวทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกผิดปกติจึงต้องหยุดกินหลังชิมไปได้เพียงสามคำ เธอส่งอาหารจานนั้นให้กอลอที่ยืนมองได้ชิมด้วย กอลอลิ้มรสชาติอย่างละเอียดคำหนึ่งแล้วจัดการปลาบนจานทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่ก้าง

    ซีลอนมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองคนแล้วรู้สึกเสียดาย ถ้าเธอได้พ่อครัวทั้งสองคนนี้มาช่วยงานเธอสามารถเปิดร้านค้าเพื่อแข่งขันกับร้านในเมืองคีราวีได้เลย

    ตอนนี้เธอมีความต้องการทราบว่าทั้งสองเป็นทาสของผู้ใดเพิ่มมากกว่าเดิมหลายเท่า

    .

    คุยกับท่านผู้อ่าน

    ปลาที่เปลี่ยนรสชาติเป็นปลาชนิดอื่นหลังผ่านความร้อน ช่างเป็นปลาที่น่าสนใจจริง ๆ ถ้าแล่แยกส่วนมาปรุงจะให้รสชาติต่างไปจากการปรุงพร้อมกันทั้งตัวหรือเปล่านะ

    ชาลี

    23 กุมภาพันธ์ 2558

    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×