ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NoGun] จับคาสโนว่ามาทำแฟน

    ลำดับตอนที่ #35 : ตอนที่ 33 สัญญา (กัน)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 779
      12
      27 ก.ย. 56



     

     


    ตอนที่ 33

     

     

    กัน
     


     

    ”สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ร่างสูงในชุดแจ็กเก็ตสีดำสวมทับเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้มปรี่ตรงเข้าไปยกมือไหว้พ่อแม่ผมทันทีที่ลงจากรถ


    “สวัสดีจ้า” แม่ผมรับไหว้ “เดินทางเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย”


    “ไม่เหนื่อยเลยครับ ขับมาเรื่อยๆ” พูดไปยิ้มไปจนเห็นฟันขาว ตาเรียวโค้งขึ้นจนปิดลูกตาข้างแทบมิด


    “ตอนน้องกันโทรมาบอกว่าโน่จะมาด้วยก็ยังตกใจ ไม่คิดว่าจะมาปุบปับ” พ่อผมพูด


    “พอดีผมหยุดพักร้อนน่ะครับพ่อ ติดใจบรรยากาศสุพรรณเลยขอตามกันมารบกวนหน่อย” คนตามติดผมเป็นผีเกาะหลังยิ้มประจบประแจง “นี่ผมมีของฝากมาด้วยนะครับ”


    “แหม เห็นของฝากนี่ลืมลูกชายตัวเองเลยนะ” ผมที่ยืนเป็นอากาศอยู่ข้างหลังแซว


    “น้องกันก็พูดไป” แม่ผมหันกลับมา ยิ้มเอ็นดู


    ผมเดินเข้าไปกอดหอมแก้มผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด “คิดถึงแม่จังครับ”


    “แม่ก็คิดถึงเหมือนกัน”


    หอมแม่แล้วผมก็เดินไปกอดพ่อด้วย พอผล่ะออกมาก็เห็นคนที่เพิ่งโม้เรื่องของฝากยืนยิ้มอ่อนโยนมองอยู่ ทำเอารู้สึกเขินขึ้นมาเลย อะไรก็ไม่รู้ผมเดี๋ยวนี้ แค่มันยิ้มแบบนี้ให้ก็ใจเต้นแรงขึ้นมาซะงั้น


    “กระเป๋านี่ให้แคนเอาเข้าไปข้างในเลยมั้ย” ไอ้แคนที่เดินไปยกกระเป๋าลงหันมาถาม


    “เอาเข้าไปเลย ไม่ได้เอาไรมาเยอะหรอก” ผมบอกพลางเดินไปช่วยหยิบถุงเล็กๆน้อยๆ


    “เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆไปนั่งพักกินน้ำกินท่าก่อนมาลูกมา” แม่ผมกวักมือเรียก


    “จริงๆที่มานี่ผมคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่ด้วยนะครับ” ลูกแท้ๆอย่างผมยังไม่ทันได้ขยับตัว ลูกไม่จริงก็รีบแจ้นไปประจบแม่ผมทันที


    ผมมองตามด้วยความหมั่นไส้ “ไม่ค่อยจะเวอร์เลย” พูดกับตัวเองแล้วได้แต่ส่ายหัว


    “แล้วไม่ดีหรือไง” ไอ้แคนที่เดินหิ้วของมาด้วยกันหันมาถาม


    “ดีอะไร” ผมถามกลับ


    “ก็ดีไง” มันตอบหน้ามึนๆโดยไม่เฉลยแล้วเดินนำหน้าไป อะไรของมันวะ พูดเหมือนรู้อะไรระแคะระคาย






    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    “ไง จำได้มั่งป่ะ ห้องกู” ผมถามมันตอนเราเอาของมาเก็บที่ห้องนอนผม


    พี่โน่มองไปรอบๆ มุมปากยิ้มนิดๆ “ก็คุ้นๆ”


    “อย่าทำตัวแปลกๆให้พ่อแม่กูสงสัยนะ” ผมย้ำอีกครั้ง


    “เออ รู้แล้ว” ร่างสูงเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง “กัน รักกูป่ะ” ใบหน้าหล่อตี๋แอบร้ายแบบที่หลายๆคนชอบพูดเอียงมองผมที่กำลังเอาของออกจากกระเป๋า ดวงตาเรียวที่จ้องมาทำใจสั่นจนต้องทำเป็นมองไปทางอื่น


    “จะถามอะไรนักหนาวะ ก็เคยบอกไปแล้วไง” ผมอยากจะเอาหัวมุดเข้าไปในกระเป๋าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะให้พูดอะไรนักหนา อายเป็นนะโว้ย


    “ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าวและเค้าจะรู้ว่ารักหรือเปล่า” มันทำเป็นฮัมเพลงลอยๆ


    “ถ้ามึงไม่รู้ก็ควายละ”


    “อ่ะ ควายถึงงิด ก็พี่คิดถึงไง โดน!”  คนเล่นมุกควายห่อปาก ยกมือสองข้างชี้นิ้วใส่ผม


    “โดนดิ ขากระตุกเลยเนี่ย”


    “โอ๋ มามะพี่ลูบ จะได้หาย”


    “ไอ้หื่น พอเลยมึง ไม่ช่วยกูเก็บก็อยู่เงียบๆเลย” สุดท้ายผมก็ด่าเข้าให้ แต่ไอ้คนโดนด่าก็ไม่ได้นำพาแต่อย่างใด หัวเราะร่าเริงแถมหน้าตาอย่างฟิน อยู่ไปอยู่มาโดนผมด่ามากๆหรือมันจะโรคจิตไปจริงๆแล้ววะ





    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     

    “คนอื่นไปไหนหมดอ่ะ” อ้าปากหาว ถามไอ้แคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่คนเดียว ตื่นมาก็ไม่เห็นใครเลย


    “แม่ไปบ้านไอ้ตาม ส่วนพ่อออกไปซื้อของกับพี่โตโน่” ไอ้แคนตอบ


    “ไปกับพี่โน่” ผมพูดทวน ประหลาดใจนิดๆ “ไปซื้ออะไรกัน”


    “พ่อจะก่ออิฐกั้นทำแปลงดอกไม้ข้างบ้าน ไปรับน้าแดงมาช่วยด้วย พี่โตโน่เลยอาสาขับรถให้”


    “เยอะจริงๆ” ผมส่ายหัวพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆน้องชาย


    “แล้วพี่สองคนเป็นไงมั่ง” ไอ้แคนถาม มือยื่นถุงขนมให้


    “ก็ดี สบายดี”


    “ตกลงว่าเอาจริงหรอ”


    “อะไร”


    “ก็เรื่องพี่โตโน่ไง เอาจริงหรอ”


    ผมมองหน้าไอ้แคน มันหมายความว่าไง


    “มองอะไรพี่กัน สรุปว่าเรื่องคบกับพี่โตโน่นี่เอาจริงหรอ” มันถามซ้ำอีกครั้ง


    “เฮ้ย! พูดไร” ผมสะดุ้ง ขยับถอยจากมัน “คบอะไร”


    ไอ้แคนถอนหายใจเฮือก “ไม่ต้องเฉไฉเลยพี่ แคนรู้หมดแล้วเรื่องพี่กับพี่โตโน่อ่ะ”


    “ไอ้ตูมตามบอกมึงหรอ”


    “ไม่ต้องให้มันบอกหรอก”


    “แล้วพ่อกับแม่”


    “พ่อกับแม่ไม่รู้หรอก แล้วพี่ล่ะตกลงจริงจังหรอเรื่องพี่โน่” แคนมองหน้าผม เห็นสายตามันแบบนี้แล้วผมก็หมดปัญญาจะปิดมัน


    “มึงคิดว่าไงล่ะ”


    “ตอนแรกก็ไม่คิดว่าพี่กันจริงจัง แต่เห็นคบกันนานขนาดนี้เลยแปลกใจนิดๆ”


    “แค่นิดๆเองหรอวะ” นี่พี่มึงคบกับผู้ชายอยู่นะ


    “อือ แล้วมั่นใจแล้วหรอ” ไอ้แคนถาม มันหมายถึงผมมั่นใจที่จะเลือกแบบนี้แล้วหรอ


    “ตอนแรกก็ไม่หรอก แต่พอเกิดเรื่องขึ้นกูเลยรู้ว่ามันสำคัญกับกูมาก” แล้วผมก็เล่าเรื่องอุบัติเหตุกับเรื่องที่พี่โน่มันความจำเสื่อมให้ไอ้แคนฟัง


    “ความจำเสื่อมหรอ พี่โตโน่อ่ะนะ ดูไม่เห็นเหมือนเลย”


    “ไม่เหมือนยังไง”


    “ก็ดูพี่แกคุ้นกับบ้านเราดีจะตาย แถมยังซื้อของมาฝากพ่อกับแม่ ถ้าพี่แกจำไม่ได้จะรู้ได้ไงว่าพ่อกับแม่ชอบอะไร” เออจริง ผมเองก็ลืมสังเกตไปเลย มันจำได้ไงว่าพ่อกับแม่ผมชอบอะไร


    “หรือความทรงจำมันจะกลับมาแล้ว”


    “จะไปรู้หรอ”


    เสียงรถขับเข้ามา ขัดจังหวะผมที่กำลังคุยอยู่กับไอ้แคน เราสองคนเดินออกไปช่วยขนของที่พ่อซื้อมาลงจากรถ ผมสังเกตดูพี่โน่มันก็คุยกับพ่อผมสบายๆ ไม่มีท่าทีติดขัดหรือประหม่าเหมือนคนความทรงจำไม่ประติดประต่อเลยซักนิด หลังจากพากันที่กั้นแปลงดอกไม้ที่ว่ากันจนตะวันเริ่มคล้อย พ่อก็บอกให้พอก่อนแล้วไปบ้านน้าแดงต่อ ไอ้แคนเลยขอติดรถกะจะแวะไปบ้านไอ้ตูมตามด้วยเลย






    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





    “ทำไมไอ้ตามไม่เห็นมาหากูบ้างวะ ปกติพอรู้ว่ากูกลับบ้านนี่มันต้องรีบแจ้นมาละ” ผมพูดไปเช็ดผมไปหลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ


    “มันไม่มาก็ดีแล้ว มึงจะพูดถึงทำไม เดี๋ยวมันก็มาจริงๆ” ไอ้พี่โน่ที่กำลังนอนกดมือถืออยู่ผงกหัวขึ้นมาพูด “มาแม่งก็เกาะมึงแจ”


    ผมหยุดมือที่กำลังเช็ดผม วางผ้าขนหนูลงบนโต๊ะแล้วหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง


    “มึงจำไอ้ตูมตามได้หรอ ความจำมึงเสื่อมไม่ใช่หรอ” ถามเสียงเรียบ สีหน้าตกใจของมันทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันโกหก


    “เอ่อ ก็กู...” มันรีบลุกขึ้นนั่ง พยายามนึกคำแก้ตัว


    “ความจำมึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”


    “คือกู...”


    ผมเม้มปาก มองมันด้วยความผิดหวัง “มึงสนุกมั้ย สนุกมั้ยที่ปิดกูได้!


    “ไม่ใช่กัน กูไม่ได้...”


    “ไม่ต้องมาจับกู!” ผมผลักร่างสูงที่พยายามจะจับแขนตัวเองออก “กูกังวลขนาดไหนมึงรู้มั้ย กูเฝ้าภาวนาอยู่ทุกวันให้มึงจำกูได้ แต่มึงกลับเห็นเป็นเรื่องสนุก!


    “กูไม่ได้สนุก แต่กู...”


    “มึงมันเชี่ย!” ผมด่าเสียงดัง “มึงไม่ได้เป็นคนที่ถูกลืม มึงก็ไม่รู้สึกอะไรสิ มึงแม่ง...” ผมพูดไม่ออก ได้แต่จ้องหน้ามันแล้วเดินออกจากห้องนอน ปิดประตูดังโครม


    พี่โน่วิ่งตามผมออกมาลงบันไดก่อนจะคว้าตัวผมได้ที่ห้องรับแขกด้านล่าง


    “กัน เดี๋ยว ฟังก่อน กัน!” มันคว้าตัวผมจากด้านหลังไปกอดไว้ “อุ้ก”


    ผมศอกใส่ แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย กอดผมไว้ทั้งหน้าเหยเก


    “กูไม่ได้สนุก แค่ยังไม่มีโอกาสได้บอก กูขอโทษ”


    ผมเงียบ หยุดดิ้น ยืนเงียบอยู่แบบนั้น


    “กัน” มันจับผมหันเข้าหา “กูขอโทษ ขอโทษจริงๆ กัน อย่ามองไปทางอื่น มองหน้ากู”


    “กูไม่อยากเห็นหน้ามึง”


    “กัน” พี่โน่พูดเสียงอ่อน หน้าตาร้อนใจ


    “กี่เดือนที่ตัวตนกูหายไปจากความทรงจำมึง ถึงกูไม่ได้แสดงออก แต่มึงรู้บ้างมั้ยว่าแต่ละวันที่ผ่านไปกูรู้สึกยังไง ถึงมึงจะยอมรับกูแต่กูก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนอื่น” ผมยังพูดโดยไม่มองหน้ามัน


    “มึงไม่เคยเป็นคนอื่นสำหรับกู ความรู้สึกกู หัวใจกูไม่เคยมองว่ามึงเป็นคนอื่น กัน อย่าเมินกู ให้กูอยู่ในสายตามึง” มันจับคางผมหันให้หามัน


    ผมสบตามัน ในดวงตามันสะท้อนภาพผมที่อยู่ตรงหน้ามัน “มึงรู้มั้ยว่ากูกลัวแค่ไหนว่าจะสูญเสียมึงไปตลอดกาล”


    อ้อมแขนแข็งแกร่งกอดกระชับตัวผมเข้าไปชิด “กูบอกแล้วไงว่าจะไม่มีวันทิ้งมึงไป มึงไม่เชื่อกูหรอ”


    “มึงทิ้งกูไปตั้งหลายเดือน มึงคนเก่าทิ้งกูไปตั้งนาน...” ผมกลืนก้อนแข็งๆที่ขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ “...กว่าจะกลับมา แล้วยังไม่บอกกู”


    “กูขอโทษ” พี่โน่กอดผมแน่น “กูจะไม่มีวันทิ้งมึงไปอีก กูทิ้งหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกกัน”


    “สัญญาได้มั้ย”


    มือหนาจับแขนผมทั้งสองข้างดันออก ดวงตาเรียวจ้องมองผมหนักแน่น “สัญญา” มือที่จับแขนผมเลื่อนขึ้นมาประคองวางข้างแก้ม “กูสัญญา”


    ผมยอมให้คนตรงหน้าโน้มตัวเข้ามาจูบ สัญญาแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย หัวใจหรือความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ห้ามทิ้งผมไป เพราะผมเชื่อในสัญญา


    “กัน!!!” เสียงเรียกกึ่งตะคอกทำผมสะดุ้ง รีบผลักคนที่กำลังจูบตัวเองออก หันขวับกลับไปทางต้นเสียง


    “พ่อ” หัวใจผมเหมือนหยุดเต้นเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของผู้ให้กำเนิด ทั่วทั้งตัวชาวาบ


    พ่อมองผมกับพี่โน่สลับไปมา ตัวสั่นเหมือนคนกำลังโกรธมากแล้วคิดคำพูดอะไรไม่ออก เดินเข้ามากระชากแขนผมให้ออกห่างจากพี่โน่


    “คุณพ่อครับ”


    “ออกไป!!!” พ่อหันไปตะคอกใส่พี่โน่ที่พยายามจะพูดบางอย่าง


    “แต่ผม...”


    “ฉันบอกให้ออกไป!! ออกไปจากบ้านฉัน!!!” ไม่พูดเปล่า พ่อชี้นิ้วไปที่ทางออก มองคนตรงหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ


    พี่โน่หันมามองผมเหมือนขอความเห็น แต่ผมได้แต่หลบตาลงต่ำ ทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก ทั้งตกใจทั้งกลัว เมื่อเห็นผมไม่ตอบอะไรมันเลยได้แต่เดินออกไปทั้งแบบนั้น


    พ่อหันกลับมามอง แต่ผมไม่กล้าสบตา ไม่อยากเห็นความกราดเกรี้ยว ความผิดหวังหรืออะไรก็ตามในแววตาของพ่อ


    “ขึ้นไปบนห้อง!” พ่อเหวี่ยงตัวผมออกไปข้างหน้า “แล้วไม่ต้องออกมา!!!


    ผมหันหลังเดินขึ้นบันไดทันทีที่ได้ยินเสียงตะคอกจากพ่อ แอบหันกลับไปดู พ่อเดินไปมา พยายามสูดลมหายใจลึกๆ สองมือกำแน่นเหมือนคนพยายามสงบสติอารมณ์ ผมกัดฟันเดินขึ้นห้อง เปิดประตูเข้าไปนั่งบนเตียง สองมือที่สั่นเทาจับกันแน่น


    ทำยังไง ผมจะทำยังไงดี พ่อต้องโกรธมากๆ แล้วถ้าแม่รู้ แม่จะเสียใจมั้ย ผมนั่งบีบมือตัวเองเงียบๆคนเดียวจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ตัวเองทำสะดุ้ง หันไปหยิบมากดรับ


    “กัน ฮัลโหล กัน” แค่ได้ยินน้ำเสียงเป็นห่วงจากปลายสาย น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม “กัน เป็นอะไรมั้ย”


    “ฮึก” ผมพูดอะไรไม่ออก มีแค่เสียงสะอื้นที่หลุดออกไป


    “กัน! กูกลับไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ กูจะไปพูดกับพ่อเอง”


    “ไม่!” ผมรีบห้าม “ไม่ต้อง” พยายามหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องกลับมา”


    “แต่กูจะไปอธิบายให้พ่อฟัง ต่อให้พ่อมึงจะฆ่ากู กูก็ยอม กูไม่ยอมให้มึงรับทุกอย่างคนเดียวหรอก”


    “พ่อกำลังโกรธ มึงก็เห็น ยิ่งมึงกลับมาพ่อยิ่งโกรธ”


    “แล้วจะให้กูทำยังไง กูบอกแล้วไงว่าจะไม่ทิ้งมึง กูเพิ่งพูดไปเมื่อกี๊”


    “มันไม่ใช่แบบนั้น ไว้ให้พ่อกูอารมณ์เย็นกว่านี้แล้วกูว่าจะคุยกับแก มึงพักโรงแรมก่อนได้มั้ย” อาการตื่นตระหนก ใจเต้นไม่เป็นส่ำค่อยๆคลายลงระหว่างที่ผมคุยกับพี่โน่


    “แต่...พ่อว่าอะไรมึงหรือเปล่า”


    “เปล่า พ่อไล่กูให้มาอยู่ในห้อง แกคงโกรธมากจนนึกอะไรไม่ออก คงตกใจ คงผิดหวังในตัวกู”


    “อย่าโทษตัวเองกัน ถ้าจะมีใครซักคนผิดก็คือกู กูเป็นคนเข้าไปหามึง กูเป็นคนบอกว่ารักมึง”


    “งั้นก็คงจะเป็นเราทั้งคู่มั้งที่ผิด” ผมพูดยิ้มๆ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง


    “กัน กูรักมึงนะ”


    “อือ ไว้กูคุยกับพ่อเมื่อไหร่จะโทรไปบอก งั้นแค่นี้ก่อนนะ”


    “มึงไม่เป็นไรนะ”


    “ไม่เป็นไร ยังไงซะ วันนี้มันก็ต้องมาถึงอยู่ดี ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้นะ” ผมวางสายแต่มือยังคงกุมโทรศัพท์ไว้ ใช่แล้ว ยังไงซะวันนี้ก็ต้องมาถึงซักวัน ในเมื่อผมไม่มีความกล้าพอที่จะบอกเรื่องนี้กับครอบครัว มันก็ต้องมีวันหนึ่งที่พวกเขาจะรู้เอง ก็แค่วันนั้นมันเป็นวันนี้


    ผมนั่งรอเงียบๆในห้อง รอเวลาที่พ่อจะเข้ามาดุ มาว่า หรือลงโทษอะไรก็ได้ ผมจะไม่ปฏิเสธ ไม่โต้เถียงแม้แต่นิดเดียว รออยู่นานเป็นชั่วโมง ในที่สุดก็มีคนเข้ามา แต่ไม่ใช่พ่อ


    “แม่ให้เอาข้าวมาให้ พี่กันยังไม่ได้กินข้าวเลยใช่มั้ย” ไอ้แคนถือจานข้าวกับน้ำมาวางบนโต๊ะเขียนหนังสือให้ผม


    “แม่กลับมาแล้วหรอ” ผมถาม ยังไม่ขยับเขยื้อนตัวจากเตียง


    “อือ กลับมาพร้อมแคนนี่แหล่ะ” มันตอบ ยืนมองผมอยู่พักนึงก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ “พ่อบอกแม่แล้ว”


    ผมกัดฟันกลืนน้ำลาย อดใจหายไม่ได้ แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว


    “แล้วแม่ว่ายังไง”


    “ไม่ว่ายังไง พ่อยังไม่ยอมให้พี่ออกจากห้อง แม่เลยบอกให้แคนเอาข้าวมาให้”


    “พ่อยังโกรธอยู่ใช่มั้ย” ผมถามทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้ว


    “ไม่เป็นไรหรอก” ไอ้แคนวางมือลงบนไหล่ผม


    “จะไม่เป็นไรได้ไง” ผมหันไปมองน้องชาย “พ่อเข้ามาเห็น ตอนมัน...” ผมหลบสายตาไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาไอ้แคนตอนพูด “มันจูบกู” พูดเสียงเบาหวิว เป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ผมอยากให้เกิดขึ้น


    “พี่กันรักพี่โตโน่จริงๆใช่มั้ย”


    ผมพยักหน้า


    “งั้นก็บอกพ่อกับแม่ไปตามนั้น”


    “มึงจะบ้าหรอแคน”


    “ก็ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ มันก็ต้องอาศัยลูกบ้าแล้ว เอาน่า” มันตบไหล่ผมสองสามที “เดี๋ยวแคนช่วย”


    “มึงจะช่วยอะไรได้ เค้าไม่ฟังเด็กอย่างมึงหรอก”


    “ขอเบอร์พี่โตโน่หน่อยสิ”


    ผมยืนโทรศัพท์ตัวเองให้มัน ไอ้แคนรับไปกดดูก่อนจะเมมไว้ที่เครื่องตัวเอง


    “อย่าลืมกินข้าวนะพี่กัน ถึงจะกินไม่ลงก็ยัดๆมันเข้าไป เดี๋ยวแม่ไม่สบายใจ” มันบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป


    ผมทำตามที่มันว่าพยายามกินข้าวจนหมดแล้วก็นั่งรอ แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เข้ามา ให้นอนผมก็นอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำยังไงเลยกดโทรหาไอ้ริท อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าอยู่ในความเงียบแบบนี้


    “ฮัลโหล” ไอ้ริทรับสายงัวเงีย


    “นอนแล้วหรอวะ” ผมถาม เกรงใจมันเหมือนกันที่โทรมาดึกๆดื่นๆ


    “มีไรหรือเปล่าวะ” ไอ้ริทถามกลับทันที เซ้นไอ้นี่ก็แม่นเหลือเชื่อ


    “พ่อกูรู้เรื่องกูกับไอ้พี่โน่แล้วว่ะ” ผมพูด


    “เรื่องมึงกับพี่โน่ เรื่องอะไร ห๊ะ เรื่องที่พวกมึงคบกันอ่ะนะ!” มันถามดังลั่น เสียงหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง


    “อือ”


    “อ้าว แล้วทำไงวะทีนี้ พ่อมึงว่าอะไรมั้ย”


    “โกรธจนพูดอะไรไม่ออกเลยว่ะ ได้แต่ไล่กูให้เข้าห้องกับไล่ไอ้พี่โน่ออกจากบ้าน”


    “แล้วมึงจะเอาไงต่อ”


    “ไม่รู้เหมือนกัน”


    “ให้พ่อแม่พี่โน่ไปช่วยพูดมั้ย”


    “อย่าเลย กูว่าจะรอให้แกหายโกรธลงซักหน่อยก่อน”


    “เออ ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา แกอาจกำลังตกใจอยู่ ค่อยๆทำให้แกยอมรับไปก็ได้”


    ผมกับไอ้ริทคุยกันไปเรื่อยๆ มันเองก็พยายามหาเรื่องมาพูดให้ผมหัวเราะ ให้ผมสบายใจ คุยกันจนไม่มีอะไรจะคุยถึงได้วาง





    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    วันต่อมาผมยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้อง ไอ้แคนเอาอาหารมาให้ผม ดูๆไปแล้วก็เหมือนนักโทษอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่ได้โวยวายอะไร ผมยอมรับกับสิ่งที่จะตามมา สองวันที่ผมถูกขังอยู่ในห้องตัวเอง แล้วไอ้แคนก็มาบอกให้ผมลงไปกินข้าวเย็นด้วยกันข้างล่าง


    ที่โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัดและบรรยากาศตึงเครียด พ่อยังไม่พูดกับผม ไม่แม้แต่จะมองหน้า มีแค่แม่กับไอ้แคนที่พยายามหาเรื่องคุย แต่ละวันผ่านไปด้วยความกระอักกระอ่วนแบบนี้ ผมให้พี่โน่กลับกรุงเทพไปแล้ว ถึงมันจะไม่ยอมในตอนแรกแต่พอผมยื่นคำขาดมันก็ยอมกลับไป แต่ยังส่งข้อความมาหาผมเรื่อยๆเพราะผมห้ามไม่ให้มันโทรมา


    ผมไม่รู้ว่าพ่อจะโกรธผมไปอีกนานแค่ไหน ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง พยายามชวนแกคุยแกก็ไม่ยอมคุยด้วย ได้แต่พยายามทำตัวดีๆไปเรื่อยๆรอให้แกใจอ่อน

     


    เช้าวันนี้มีเสียงรถขับมาจอดหน้าบ้าน ผมเข้ามาหาอะไรกินในครัวเลยไม่ได้เดินออกไปดู พอออกมาขนมปังในมือก็แทบร่วงลงพื้น เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งคุ้นตาเดินหน้าตาแน่วแน่เข้ามาในบ้านตรงมาหาพ่อที่ลุกขึ้นยืนจากโซฟา 



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โดนแบนอีกแล้ววววววววววววววววววววววววว อะไรกันเนี่ย!!!!!!!!!!!
    ใจคอจะแบนกันตอนเว้นตอนเลยใช่มั้ย (พิมพ์งี้เดี๋ยวโดนทุกตอน -*-) ไม่มีอะไรจะพูดอ่ะ เราหมดคำจะพูดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงด้วย

    เอาเป็นว่าใครอ่านสองตอนที่ถูกแบนไม่ทัน ทิ้งเมลล์ไว้ที่คอมเม้นของตอนนี้นะคะ ระบุว่าจะเอาตอนที่ 30 หรือ 32 หรือเอาทั้งสองตอน เดี๋ยวเราส่งไปให้ทางเมลล์ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×