ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Awake (KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #14 : 13. สองเรา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.64K
      5
      8 ธ.ค. 56

    THE★ FARRY




    13. สองเรา

     

    เช้าวันต่อมา บรรยากาศระหว่างผมกับคยูฮยอนกระอักกระอ่วนจนน่ากลัว เราลงไปกินมื้อเช้าด้วยกัน แต่ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้น ผมพยายามจะชวนเขาคุย ผมอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนปกติ แต่คยูฮยอนเอาแต่ก้มหน้านิ่ง เขากัดขนมปังทาแยมเข้าปาก และจิบกาแฟตามอีกหนึ่งอึก

    เรายังเหลือเวลาที่จะอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคืน ด้วยความที่รีสอร์ทแห่งนี้มีจักรยานให้เช่า ผมกับคยูฮยอนวางแผนไว้ว่าเราจะขี่จักรยานชมทิวทัศน์บริเวณนี้ด้วยกัน แต่ถ้าความอึดอัดห้อมล้อมเราไว้แบบนี้ ผมจะทำยังไงดี

    “ขอเช่าจักรยานหน่อยครับ” ผมเดินไปบอกเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ท เขาเดินไปลากจักรยานมาให้เรา ซึ่งเขาลากมาแค่คันเดียว ผมจึงถามเขา “เอ่อ ขอสองคันได้ไหมครับ ให้ผมกับเพื่อนผม”

    เขาตอบกลับมาว่า “เมื่อตะกี๊มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่มาเหมาจักรยานไปเกือบหมดเลย เหลือแค่คันนี้คันเดียวเท่านั้นแหล่ะคุณ”

    เหลือจักรยานแค่คันเดียวสำหรับคนสองคน?

    “คุณนั่งซ้อนกันได้รึเปล่า จะไปขี่จักรยานชมวิวไร่องุ่นกันล่ะสิ” เขายิ้มให้ผมกับคยูฮยอน ไม่ว่ายังไง เขาก็ยืนกรานว่าเราสองคนสามารถชมวิวไร่องุ่นได้ด้วยจักรยานคันเดียว

    ผมหันไปมองหน้าคยูฮยอน ขอคำปรึกษา “คุณว่าไง”

    คยูฮยอนไหวไหล่ “แค่คันเดียวก็ได้ แล้วเราก็นั่งซ้อนกัน” เขามองตาผมวูบเดียวก็ก้มหน้าลงมองกล้องถ่ายรูปตัวเอง

    แค่เรื่องที่ เกือบ จะเกิดขึ้นเมื่อคืนก็ทำเราอึดอัดพอแล้ว นี่เรายังต้องมานั่งเบียดกันบนจักรยานอีกหรือ แต่ถ้ามันไม่มีทางเลือกจริงๆ ผมก็คงเลี่ยงไม่ได้ ผมรับจักรยานมาจากเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ท และลากมันออกไปบนถนนด้านหน้า

    “เอาไงดี” ผมหันไปถามคยูฮยอน สายตาทอดมองออกไปบนท้องถนน ทางเส้นนี้คือทางที่วนรอบไร่องุ่น แต่เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทบอกผมว่า นอกจากจะวนรอบไร่องุ่นแล้ว ยังมีทางแยกไปหาลำธารอีกด้วย เขาไม่ได้บอกผมว่ามันเป็นลำธารแบบไหน แต่เขาบอกผมว่ามันเงียบสงบเหมาะกับการไปปิกนิกแบบส่วนตัว

    “ผมบอกคุณแล้วไงว่าให้คุณซ้อนท้าย เดี๋ยวผมถีบให้” คยูฮยอนเดินตรงเข้ามา หมายจะคว้าแฮนด์จักรยานไปจากมือผม

    “ไม่ต้องหรอกน่า ผมถีบเอง คุณนั่งซ้อนไปเถอะ อยากถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ”

    “เมื่อวานถ่ายเยอะแล้ว คุณนั่นแหล่ะต้องนั่งซ้อน”

    “ถ้างั้นเราสลับกัน ขาไปผมจะให้คุณนั่งซ้อน แล้วขากลับผมจะเป็นฝ่ายนั่งซ้อนเอง โอเคไหม” ผมสรุปรวบรัดตัดความ ถ้าผมไม่สรุป เราก็คงไม่ได้ออกเดินทางกันเสียที คยูฮยอนทำท่าเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายเขาก็ยอม และไม่ขัดผมอีก

    ผมเอาย่ามใบเล็กใส่ไว้ในตะกร้าด้านหน้า ผมพกหนังสืออ่านเล่นติดตัวมาด้วย คยูฮยอนซ้อนจักรยานโดยมีกล้องแขวนอยู่ที่คอ บนตักมีเสื่อพับวางอยู่ เราทำตัวเหมือนจะไปปิกนิกกัน แต่เปล่าหรอก เราแค่พกเสื่อไว้เผื่อจะไปนั่งเล่นนอนเล่นที่ไหน

    ผมถีบจักรยานออกห่างจากรีสอร์ทไปเรื่อยๆ ไร่องุ่นขนาบสองข้างทาง สองหูได้ยินเสียง แชะ แชะ จากคยูฮยอนดังคลอคู่ไปกับเสียงล้อจักรยานบดก้อนกรวดบนพื้นถนน ในที่สุดผมก็ขี่จักรยานมาถึงทางสามแยก หากเลี้ยวซ้าย เราก็จะวนรอบไร่องุ่น และเป็นทางวนกลับรีสอร์ท แต่ถ้าตรงไป ผมกับคยูฮยอนอาจจะได้เห็นลำธาร

    “คุณจะไปทางไหนเหรอ” คยูฮยอนถาม

    “ไม่รู้สิ ถ้าเลี้ยวซ้ายคือกลับรีสอร์ท” ผมพูดพลางชี้นิ้วไปด้วย “แต่ถ้าตรงไปคงเป็นทางเข้าป่าสน” ผมเดาว่ามันคงเป็นป่าสน เพราะสองข้างทางมีต้นสนเรียงรายอยู่ “ตรงไปอาจจะเจอลำธารที่เขาบอกก็ได้นะ”

    “ใครบอก”

    “คนที่รีสอร์ทบอก”

    “อ๋อ งั้นเอาสิ เราไปปูเสื่อนอนเล่นกันริมธารก็ได้” แล้วคยูฮยอนก็ยกกล้องขึ้นถ่ายเสี้ยวหน้าของผม ให้ตายเถอะ โจคยูฮยอนกดชัตเตอร์พร่ำเพรื่อมาก

     

    ·

     

    ยิ่งไกลจากไร่องุ่นมากเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งเย็นลง ริ้วลมแทรกผ่านใบสนมาปะทะใบหน้าของผม ผมมีความสุขมาก ใจปลอดโปร่งอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว นี่คือบรรยากาศที่ผมไม่สามารถหาได้จากใจกลางกรุงโรม ผมเงยหน้าขึ้นมองแมกไม้ แดดจางๆยามสายลอดผ่านร่องใบไม้ลงกระทบผืนดิน ผมเห็นดวงดาวสีทองนับพันด้วงเต้นระริกอยู่บนพื้น

    ผมคิดว่าคยูฮยอนคงเห็นสิ่งเดียวกับที่ผมเห็น

    ความอึดอัดที่กั้นเราไว้ตั้งแต่เมื่อคืนค่อยๆหายไป เมื่อคยูฮยอนโอบเอวผมไว้หลวมๆ ผมใจเต้นแรงเพียงแค่แขนอุ่นๆของเขาสัมผัสโดนตัวผม ผมเผลอยิ้มออกมา ยิ้มให้กับความสงบเย็นของป่าสน และยิ้มให้กับความอบอุ่นที่คนข้างหลังถ่ายทอดมาให้

    ผมขี่จักรยานไปจนสุดทาง และผมก็ได้ยินเสียงน้ำ “คยูฮยอน คุณได้ยินรึเปล่า”

    คยูฮยอนลงจากเบาะหลัง สองมือยังคงประคองกล้องเอาไว้ เขาสะพายม้วนเสื่อไว้บนไหล่ “โน่นไงซองมิน นั่นใช่ลำธารที่คุณบอกรึเปล่า” คยูฮยอนชี้นิ้วไปทางซ้าย ผมมองตามปลายนิ้วของเขา และผมก็เห็นธารสายเล็กซ่อนตัวอยู่หลังโขดหิน

    ผมล็อคจักรยานไว้ รีบคว้าย่ามตัวเองออกมาจากตะกร้าด้านหน้า และทะยานเข้าไปหาสายน้ำที่ผมมองเห็น ผมไม่นึกมาก่อนว่าตัวเองจะโหยหาธรรมชาติมากขนาดนี้ บางทีผมอาจจะอยู่กับหนังสือเรียนและคอมพิวเตอร์มากเกินไป จนลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่ง การนั่งฟังเสียงน้ำไหลเลื้อยไปตามโขดหินเคยเป็นกิจกรรมที่ผมโปรดปรานในวัยเด็ก

    ผมวิ่งย่ำใบสนไปจนถึงลำธาร มันไม่ได้เล็กอย่างที่ผมคิด ด้วยความที่ตอนนี้เป็นฤดูร้อน น้ำในลำธารจึงใสแจ๋ว ริ้วน้ำไหลเอื่อยๆ ปริมาณน้ำไม่มากนัก ผมสามารถนั่งแช่ได้สบายๆ กลางลำธารมีโขดหินผุดขึ้นมากมาย ผมรีบถอดรองเท้าออก และหย่อนเท้าลงในน้ำ

    ถึงจะเป็นฤดูร้อนแต่น้ำก็เย็นเฉียบ

    “ระวังนะซองมิน” คยูฮยอนเตือนผม แต่พอเตือนเสร็จก็กดชัตเตอร์เก็บรูปผมไปอีกหนึ่งรูป

    แดดอุ่นๆที่สาดส่องลงมาช่วยให้น้ำไม่หนาวจนเกินไป ในที่สุดเท้าทั้งสองข้างของผมก็จมอยู่ในธารน้ำใส ผมเดินเกาะโขดหินไปจนหยุดยืนอยู่กลางลำธาร ผมตะโกนบอกคยูฮยอน “น้ำไม่ลึกเลยคยูฮยอน ตรงนี้อุ่นมากเลยด้วย” ผมลืมความอึดอัดเมื่อคืนไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมอยากให้คยูฮยอนมานั่งถ่ายรูปบนโขดหินกลางน้ำ เขาต้องมีความสุขมากแน่ๆ

    ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดวงอาทิตย์กลมโตซ่อนกายอยู่หลังกลีบเมฆ สายลมเอื่อยๆต้นฤดูร้อนไล้โลมใบหน้าของผม ถ้าโขดหินกว้างกว่านี้หน่อย ผมคงเอาเสื่อมาปูนอนแล้วหลับสักงีบ

    ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง และอัดเสียงน้ำไหลเก็บไว้

    “ว่าแต่ผม คุณนี่ก็ติ๊สไม่เบาเหมือนกันนะซองมิน” คยูฮยอนแซว ตอนนี้คยูฮยอนเองก็ถอดรองเท้าแล้วเหมือนกัน เขาถลกขากางเกงขึ้น แต่สุดท้ายก็โดนน้ำเซาะจนเปียกอยู่ดี เขาเดินเกาะโขดหินมาจนถึงตัวผม มืออีกข้างจับกล้องถ่ายรูปไม่ยอมปล่อย “ถ้าเมื่อกี๊คุณเลี้ยวซ้ายไป เราคงไม่ได้มานั่งที่นี่หรอก จริงไหม” เขาหย่อนกายลงนั่งข้างๆผม

    คยูฮยอนยกกล้องขึ้น เขากดชัตเตอร์เก็บรูปท้องฟ้าไว้ นั่งได้เพียงแป๊บเดียวคยูฮยอนก็ขยับตัวไปหาโขดหินข้างๆผม เขานั่งลงบนนั้น และถ่ายรูปผมไม่หยุด

    “ถ้าผมนั่งแคะขี้มูกคุณจะถ่ายผมไหม”

    “ถ่าย”

    “......”

    เอาเถอะ เดี๋ยวจะคอยดูแล้วกันว่าถ่ายจริงรึเปล่า

    “ซองมิน” คยูฮยอนวางกล้องถ่ายรูปลงบนตัก “เรื่องเมื่อคืน ไม่โกรธผมใช่ไหม”

    ผมหน้าร้อนวูบเมื่อ เรื่องเมื่อคืน ถูกหยิบยกขึ้นมา ผมก้มหน้าลง เขี่ยปลายเท้าไปตามซอกหิน ตรงที่ผมนั่งอยู่มีตะไคร่น้ำเกาะอยู่เต็มไปหมด “ถ้าผมโกรธคุณ ผมจะชวนคุณมาขี่จักรยานด้วยกันแบบนี้เหรอ”

    คยูฮยอนหัวเราะ หึ เมื่อได้ยินคำตอบของผม “ผมขอโทษ เมื่อวานผมไม่น่าขอคุณแบบนั้น” เวลาเขาเขิน เขาจะยกมือขึ้นเกาจมูก

    “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ช่างมันเถอะ” ขณะที่ผมกำลังนั่งก้มหน้าอยู่นั้นเอง คยูฮยอนก็ลุกจากโขดหินตรงหน้า ผมได้ยินเสียง จ๋อม จ๋อม เวลาเท้าทั้งสองของคยูฮยอนเดินฝ่ากระแสน้ำเข้ามาใกล้ๆผม

    เขานั่งลงข้างๆผม “ซองมิน มองผมหน่อย” ปลายนิ้วเรียวยาวเชยคางของผมขึ้น เขาบังคับให้ผมหันไปมองเขา แสงสีทองที่โผล่พ้นกลีบเมฆออกมาส่องลงบนใบหน้าของคยูฮยอน นัยน์ตาของเขากลายเป็นสีน้ำตาล “เรื่องที่ผมขอคุณเมื่อคืน ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผมผิด”

    “......”

    “ผมรักคุณเพราะผมรักคุณ ไม่ได้รักคุณเพราะอยากได้ร่างกายของคุณ” ลมหายใจของคยูฮยอนร้อนผ่าว เพราะปลายจมูกของเขาอยู่ห่างจากปลายจมูกผมไปเพียงห้วงลมหายใจเดียวเท่านั้น “เมื่อคืนผมแค่...ควบคุมตัวเองไม่ได้”

    “คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก” ผมพูดบ้าง “ผมแค่ตกใจ เพราะผมไม่เคย...”

    ผมไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องแบบนั้นเลย ผมวงเล็บประโยคนี้ไว้ในใจ หากเมื่อคืนผมปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด คยูฮยอนจะเป็นคนแรกของผม

    “ผมรู้...” คยูฮยอนยกยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดหรอก ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”

    จู่ๆผมก็รู้สึกผิด ผมทำให้คยูฮยอนต้องพูดคำว่า ขอโทษ ซ้ำๆ ทั้งๆที่ความจริงคยูฮยอนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนที่พูดคำว่าขอโทษ มันควรจะเป็นผมมากกว่า “คยูฮยอน ขอโทษนะ”

    “คุณจะมาขอโทษผมทำไมเนี่ย” คยูฮยอนพูด จากนั้นก็เงียบไปพักใหญ่ แต่ตาคมทั้งสองข้างยังไม่ยอมปล่อยผมเป็นอิสระ

    “ผมแค่กลัว ก็อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหล่ะ ผมไม่เคย... ไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน มันรู้สึกแปลก... ถ้าจู่ๆ... ผ... ผมกับคุณ... ก็จะ...”

    คยูฮยอนไม่รอให้ผมพูดต่อให้จบ เขากดปลายจมูกลงบนแก้มผม ก่อนจะเลื่อนมากระซิบข้างหู “ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ” แล้วเขาก็ผละออก คยูฮยอนทิ้งจุมพิตไว้บนหน้าผากของผม แล้วเขาก็ลุกไปถ่ายรูป

     

    ·

     

    คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน

    ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง อย่าเรียกว่า อ่าน จะดีว่า เพราะสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ ผมแค่มองตัวหนังสือเท่านั้น สมาธิผมหลุดลอยไปหาคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ เสียงฝักบัวกระทบพื้นกระเบื้องทำให้ผมหน้าร้อนไปหมด ความรู้สึกพวกนี้เข้าเล่นงานผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนอยู่ในหอพักที่โรม ผมยังไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

    ผมอาจจะเมากลิ่นหอมจากไร่องุ่น หรือบางที ผมอาจจะเมากลิ่นไวน์ที่ลอยคลุ้งมาจากโรงไวน์ก็ได้

    ทันทีที่ได้ยินเสียงคยูฮยอนเปิดประตูห้องน้ำ ผมก็รีบยกหนังสือขึ้นบังหน้า ซึ่งผมก็คิดถูกแล้วที่ทำแบบนั้น เพราะเมื่อผมเหลือบตามองเขา ผมก็พบว่า...

    คยูฮยอนนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว

    ผมจึงเพ่งสมาธิและความสนใจทั้งหมดไปที่ตัวหนังสือ แต่ตอนนี้ ผมแปลภาษาอิตาเลียนไม่ออกอีกต่อไป เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกลิ่นสะอาด มีทั้งกลิ่นน้ำอุ่น กลิ่นสบู่ กลิ่นแชมพู

                ผมตัดสินใจนอนตะแคง

    คยูฮยอนกำลังยืนเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะกระจก ผมอยากตบหน้าตัวเองแรงๆ เกิดอะไรขึ้นกับผม ที่ผ่านมาสองเดือนผมก็อยู่หอเดียวกับเขา เคยเห็นเขานุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำแบบนี้มาแล้ว ผมน่าจะชินได้แล้วไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้ผมถึง...

    ใจเต้นแรง

    ผมได้ยินเสียงคยูฮยอนทำทุกอย่าง เป่าผม ขยี้ผมด้วยผ้าขนหนู หวีผม สะบัดผ้าเช็ดตัว เปิดตู้เสื้อผ้า ทำไม้แขวนเสื้อตกพื้น เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือ เสียงคยูฮยอนขยับเท้าเข้ามาใกล้เตียง และหย่อนกายลงนั่งบนฟูก

    “ซองมิน คุณง่วงรึยัง”

    เมื่อคยูฮยอนถาม ผมจึงต้องพลิกกายนอนหงายเหมือนเดิม เพื่อตอบเขา “นิดหน่อย แล้วคุณล่ะง่วงรึยัง”

    “นิดหน่อยเหมือนกัน”

    จากนั้นเราสองคนก็เงียบ ผมจึงปิดหนังสือและพูดขึ้นว่า “ถ้างั้นเรานอนกันเถอะ” ผมลุกขึ้นปิดไฟ วางหนังสือไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง และซุกกายเข้าในกองผ้าห่ม คยูฮยอนทำแบบเดียวกับผม

    และจู่ๆคยูฮยอนก็พูดขึ้น “คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันใช่ไหม”

    “......” นี่เป็นความจริงที่ดังก้องอยู่ในใจผมตลอดเวลา แต่ผมไม่อยากตอกย้ำให้เขาฟัง เพราะผมคิดว่าคยูฮยอนคงไม่อยากคิดถึงมันเท่าไหร่ แต่แล้วเจ้าตัวกลับเป็นคนพูดเอง

    “สองสามเดือนที่ผ่านมานี่...ไวจริงๆเลยเนอะ” คยูฮยอนพูดเสียงเบา

    “ผมยังจำวันแรกที่ไปหาคุณที่โรงพยาบาลได้อยู่เลย ตอนนั้นคุณยังไม่ฟื้นหรอก ไม่กี่วันต่อมาคุณก็ฟื้น ตอนคุณเห็นผมครั้งแรก คุณจ้องหน้าผมไม่หยุดเลย”

    คยูฮยอนหัวเราะ “ผมพอจำได้... นั่นสิ ทำไมตอนนั้นผมถึงจ้องคุณก็ไม่รู้”

    “คุณเหมือนอะไรรู้ไหมคยูฮยอน” ผมหันไปถามเขา เมื่อคยูฮยอนส่ายหน้า ผมจึงเฉลย “คุณเหมือนหมาไซบีเรียนฮัสกี้ แต่บางทีคุณก็เหมือนหมาป่า ตอนคุณจ้องผม ผมรู้สึกเหมือนคุณจะฆ่าผม”

    “แสดงว่าผมคงหล่อมาก คุณถึงได้เปรียบผมเป็นไซบีเรียนฮัสกี้ จริงๆนะซองมิน ผมคิดมาตลอดว่าหมาพันธุ์นั้นน่ะ หน้าตาดี”

    นี่เป็นตรรกะเข้าข้างตัวเองของโจคยูฮยอนอีกแล้วสินะ

    จากนั้นบทสนทนาก็ขาดตอนไป คยูฮยอนจึงสรุปทุกอย่างเอาเองว่า “นอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้า”

    ผมใจหายวูบเมื่อคยูฮยอนพูดว่า พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับ และใจหายวูบซ้ำสองเมื่อเปลือกตาของคยูฮยอนปิดลง คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะได้นอนมองหน้าเขาใช่ไหม

    ความกลัวและความคิดถึงตลบคลุ้งอยู่ในจิตใต้สำนึกของผม ทุกห้วงอารมณ์สั่งให้ผมขยับกายเข้าไปใกล้คยูฮยอน และกอดเขาไว้ คยูฮยอนลืมตาขึ้น คราวนี้เขาไม่สะดุ้ง เหมือนเขารู้อยู่แล้วว่า ท้ายที่สุด ผมจะต้องกอดเขา

    คืนสุดท้าย ดังก้องอยู่ในห้วงความคิด ผมกำจัดคำนี้ออกไปจากหัวไม่ได้

    คยูฮยอนตะแคงกายหาผม และมองผม อุ้งมืออุ่นวางทาบลงบนแก้มของผม ผมมองตาเขาอย่างไม่คิดปกปิดความรู้สึกใดๆอีก คยูฮยอนคงจะเห็นแล้วว่านัยน์ตาของผมมันฉ่ำไปด้วยความกลัว เขาจึงถามผมว่า “คุณกลัวอะไรเหรอซองมิน”

    ผมกลืนน้ำลายลงคอ และตัดสินใจตอบไปอย่างใจคิด “กลัวคุณจะหายไป...”

    “แล้วผมจะหายไปไหน”

    “ผมไม่รู้ ผมกลัวคุณจะหายไป”

    คยูฮยอนเบียดเข้ามาใกล้ขึ้นอีก “ผมยังอยู่ตรงนี้ ซองมิน ถ้าวันไหนผมหายไป ขอให้รู้ไว้ว่าวันนั้น...คุณแค่ฝันร้าย” แขนอุ่นรั้งเอวผมเข้าไปใกล้ ระยะห่างระหว่างเราหายไปเมื่อคยูฮยอนกดริมฝีปากลงครอบครองริมฝีปากของผม เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็ผละออก

    แต่คราวนี้ ผมกลับรู้สึกไม่อยากให้เขาจากไปไหน ผมรั้งใบหน้าเขากลับมา และเป็นฝ่ายบดเบียดริมฝีปากเข้าไปเอง คำว่า คืนสุดท้าย ยังคงดังสะท้อนอยู่ในสองหู ผมรู้ว่าเดี๋ยวเราก็ต้องได้เจอกันอีก แต่เสี้ยวหนึ่งในใจมันกลัวไปแล้ว มันกลัวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป กลัวว่าหากเราเจอกันครั้งหน้า คยูฮยอนจะไม่เหมือนเดิม ผมจะไม่เหมือนเดิม เราอาจไม่มีความสุขแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

    ลมหายใจร้อนของคยูฮยอนทำให้ภาพในสมองผมพร่ามัว ผมไม่อยากคิดถึงอะไรอีก วินาทีนี้ผมอยากมีเขาแค่คนเดียว

    ผมมีคุณแค่คนเดียว

    ผมเองก็อยากมีคยูฮยอนแค่คนเดียวเหมือนกัน

    อ้อมแขนของคยูฮยอนรัดร่างผมเสียแน่น เขาตัวอุ่นมาก ความอบอุ่นแผ่ซ่านจากตัวเขามาสู่ตัวผม ผมโดนขังอยู่ในห้วงความอบอุ่นของคยูฮยอน ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าผมไม่มีทางหนี ลิ้นร้อนตวัดหยอกล้อกับปลายลิ้นของผม

    คยูฮยอนผละออก “ซองมิน...” เขาหายใจแรง “ถ้าคุณไม่หยุดผมตอนนี้ ผมจะหยุดตัวเองไม่ได้แล้วนะ”

    “......” ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมานอกร่าง ห้วงอารมณ์ที่ผมไม่เคยได้สัมผัสวูบไหวอยู่ในตาของคยูฮยอน

    “ผมไม่อยากทำให้คุณกลัว”

    คยูฮยอนพูดถูก ผมกำลังกลัว กลัวอนาคต กลัวคำว่า คืนสุดท้าย กลัวว่าคยูฮยอนจะหายไป แต่ในทางกลับกัน ผมก็กลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

     

    กลัวความเจ็บปวด

    กลัวจะทำให้คยูฮยอนไม่พอใจ

    แต่ผมก็อยากเอาชนะความกลัวของตัวเอง

     

    ผมทาบอุ้งมือลงบนซีกแก้มของคยูฮยอน และโน้มใบหน้าเข้าไป แตะปลายจมูกตัวเองเข้ากับปลายจมูกของเขา

    “ถ้าอย่างนั้น... คุณทำให้ผมหายกลัวได้ไหม...”

    เนิ่นนานหลายวินาทีที่เราจ้องตากัน ชัดเจนทุกความหมาย หนักแน่นทุกความต้องการ ผมยิ้มให้เขา ผมเชื่อใจเขา คยูฮยอนจะปัดเป่าความกลัวออกไปจากใจผมได้แน่นอน

     

     

     

     



    Password : วันเกิดคยู (วัน/เดือน/ปี) วันเกิดซองมิน (วัน/เดือน/ปี)

     

     

     

     

     

    ·

     

    วินาทีแรกที่ลืมตาตื่นนอน ผมเห็นแผงยาแก้ปวดกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ววางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง

    ผมนอนขยี้ตาอยู่พักใหญ่ ความทรงจำชั่วข้ามคืนแจ่มชัดอยู่ในหัว ตอนตื่นนอน คนที่ผล็อยหลับไปพร้อมกับผมก็ไม่ได้ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแล้ว

    ผมพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่ขยับตัวได้นิดเดียวก็ต้องลงไปนอนแอ้งแม้งใหม่... ไม่รอดจริงๆอีซองมิน แล้วคนที่ทำให้ผม ไม่รอด แบบนี้หายไปไหนซะแล้วล่ะ

    “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ” เสียงคุ้นหูดังมาจากประตูห้องน้ำ ดูเหมือนคนที่ผมนินทาในใจจะอายุยืนเกินไป พอคิดถึงปุ๊บ ก็โผล่หน้าออกมาทันที คยูฮยอนเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับ...

    ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันไว้รอบเอว... อีกแล้ว

    นี่กะจะทำให้ผมเป็นไข้ตั้งแต่เช้าเลยใช่ไหม โจคยูฮยอน

    “รีบตื่นทำไมครับ นี่มันหกโมงครึ่งเอง นอนต่ออีกสักชั่วโมงสิ” คยูฮยอนหย่อนกายลงนั่งข้างๆผม สายตาที่มองมาทำให้ผมต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างตัวเองให้มิดชิด “ปิดทำไม ณ จุดๆนี้คงไม่มีอะไรต้องเขินอายกันแล้วล่ะ” พูดจบมุมปากก็กระตุกยิ้ม

    “คุณ...เอายามาวางไว้ให้ผมเหรอ” ผมเปลี่ยนประเด็นไปพูดถึงเรื่องยา

    คยูฮยอนพยักหน้า “พอดีผมพกยาติดกระเป๋าไว้น่ะ ขโมยมาจากกล่องพยาบาลในห้องคุณนั่นแหล่ะ ไหนๆคุณก็ตื่นแล้ว กินยาซะก่อนสิ แล้วค่อยนอนต่อ คุณลุกไหวรึเปล่า” คยูฮยอนไม่รอให้ผมตอบคำถาม เขาช้อนหลังผมขึ้นจากที่นอน กลิ่นสบู่และแชมพูจากตัวเขาทำให้ผมอยากจะมุดหน้าลงใต้เตียง

    “อ่ะ กินซะ กินเข้าไปเลยสองเม็ด” เมื่อผมลุกขึ้นนั่งได้ เขาก็ฉีกซองยา เอายาแก้ปวดออกมาสองเม็ด เขาวางมันลงบนฝ่ามือของผม และจู่ๆผมก็สงสัย

    คยูฮยอนพกยาแก้ปวดมาเพราะ... เขา ตั้งใจ หรือเปล่า

    ผมกลืนยาสองเม็ดลงคอ จากนั้นก็ดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว คยูฮยอนรับแก้วไปจากมือผม และวางลงบนโต๊ะข้างเตียง “นอนต่อเถอะ พักเยอะๆหน่อย” เขาประคองให้ผมนอนลง ผมนิ่วหน้าเมื่ออาการปวดเข้าจู่โจม “คุณปวดขนาดนี้ จะเป็นไข้รึเปล่าเนี่ย” สีหน้าของคยูฮยอนเริ่มเปลี่ยน ไม่มียิ้มทะเล้นแบบเมื่อกี๊อีกแล้ว เขาทาบอุ้งมือลงบนหน้าผากของผม

    “ผมไม่เป็นไรหรอก กินยาแก้ปวดเข้าไปแล้วนี่”

    “ไม่หรอกซองมิน คุณอาจจะไข้ขึ้นทีหลัง” เขาถอนหายใจเบาๆ “ขอโทษนะ ผมทำให้คุณลำบากอีกแล้ว”

    ถึงปากคยูฮยอนจะพูดว่า ขอโทษ แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่าเขาทำอะไรผิดเลย อาการปวดระบมที่รู้สึกอยู่นี้มันทรมานก็จริง แต่ผมกลับไม่เสียใจที่ตัวเองต้องมานอนปวดแบบนี้

    ผมไม่เสียใจที่เกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้น

    “คิดมากน่า คยูฮยอน” ผมบอกเขาพลางยกมือขึ้น วางทาบลงบนซีกแก้มซ้ายของคยูฮยอน “ก็จริงอยู่ที่ผมเจ็บ แต่ผมไม่เสียใจหรอกนะ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะคุณไม่ได้ขืนใจผม ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผม...ยอมให้มันเกิด” พูดไปก็หน้าร้อนไป แต่ผมก็อยากให้คยูฮยอนเลิกรู้สึกผิด

    คยูฮยอนเริ่มยิ้ม “จริงๆเมื่อเช้าผมกะจะนอนกอดคุณต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็นึกได้ว่า พอคุณตื่นมา คุณคงจะปวดมากแน่ๆ ผมก็เลยลุกไปเตรียมยาไว้ให้ เสร็จแล้วผมก็ไปอาบน้ำ ผมไม่นึกว่าคุณจะตื่นเร็วขนาดนี้ ผมว่าจะกลับมานอนกอดคุณต่ออีกสักหน่อย”

    “......”

    “คุณนอนท่าเดิมตลอดทั้งคืนเลยรู้ไหมซองมิน ตอนผมตื่นนอน เปลือกตาของคุณคือสิ่งแรกที่ผมเห็น ผมอยากแอบหอมแก้มคุณนะ แต่คุณดูสงบมาก คุณหลับสนิทจนผมไม่กล้าแตะต้อง”

    “......”

    “ไหนๆคุณก็ตื่นแล้ว...” คยูฮยอนพูดพลางโน้มใบหน้าลงมา ริมฝีปากแตะลงเบาๆบนริมฝีปากของผม “มอร์นิ่งคิสสำหรับเช้าแรกของเราครับ”

    “......” ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ เช้าแรกของเรา เช้าแรกของผมกับคยูฮยอน ในที่สุดเราก็มีเช้าแรกร่วมกัน แดดอ่อนยามเช้าสาดเข้ามาจากทางหน้าต่าง ทุกครั้งที่ซีกหน้าของคยูฮยอนโดนแดดส่อง นัยน์ตาของเขาจะกลายเป็นสีน้ำตาล

    ผมมองนัยน์ตาเขาได้ทั้งวัน ไม่มีวันเบื่อ

    “ผมขอไปเช็ดตัวแป๊บนึงนะ แล้วผมจะกลับมานอนกอดคุณ” คยูฮยอนพูด ก่อนจะลุกไปจากเตียง

    เดี๋ยวก่อน เมื่อตะกี๊คยูฮยอนพูดว่า เช็ดตัว ไม่ใช่ แต่งตัว... หมายความว่าไง

    คยูฮยอนเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงผ้าเช็ดตัว ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็เปิดประตูกลับออกมาใหม่ ยังคงพันผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอวเหมือนเดิม เขาเดินมาที่ปลายเตียง และคลานขึ้นมานอนข้างๆผม เขาซุกกายเข้าไปในผ้าห่ม

    เมื่อมั่นใจว่าซุกตัวเองอย่างมิดชิดแล้ว คยูฮยอนก็กระตุกผ้าเช็ดตัวออกจากเอว และ...โยนไปที่ปลายเตียง

    “ค...คยูฮยอน...” ผมมองหน้าเขา นี่คยูฮยอนคงไม่ได้คิดจะ...

    “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรคุณต้อนรับรุ่งอรุณหรอก” คยูฮยอนรีบอธิบาย เขาขยับตัวยุกยิก จนในที่สุดกายเราก็แนบชิดกัน คยูฮยอนกอดเอวผมไว้หลวมๆ “งงล่ะสิ ผมทำแบบนี้ทำไม”

    “......” ถูกต้อง ผมงงมาก ตัวเองอาบน้ำแล้วแท้ๆ ทำไมถึงกลับมานอน สภาพ เดิมอีก

    “ให้คิดซะว่าเมื่อตะกี๊ผมยังไม่ได้ลุกไปจากเตียงแล้วกัน สมมติว่าเรายังนอนกอดกัน...เหมือนเมื่อคืน”

    “......” เพื่ออะไรเนี่ย

    “นี่คือภาพที่ผมเห็นตอนตื่นนอน ผมเห็นคุณนอนหลับตา ผมนอนนิ่งๆมองคุณอยู่กี่นาทีก็ไม่รู้ ผมอยากให้ภาพๆนี้เป็นภาพที่ผมจะได้เห็นตลอดไป... ผมอยากให้คุณเป็นคนแรกที่ผมเห็นหลังตื่นนอน และผมเองก็อยากเป็นคนแรกในเช้าวันใหม่ของคุณเหมือนกัน”

    คนแรกที่ผมจะได้เห็นในเช้าวันใหม่... ถ้าถามผม ผมอยากก็อยากให้คนๆนั้นเป็นโจคยูฮยอนเหมือนกัน

    ผมพยายามตะแคงกายเข้าหาคยูฮยอน ขยับตัวเพียงนิดเดียว ผมก็ร้าวระบมไปหมด “พอแล้วซองมิน ไม่ต้องขยับหรอก เจ็บเปล่าๆ” คยูฮยอนพูด แต่ผมไม่ฟังเขา ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน

    ในที่สุดผมก็นอนตะแคงสำเร็จ

    คยูฮยอนยิ้มหวานให้ผม ความพยายามในการนอนตะแคงของผมได้รับจุมพิตที่หน้าผากเป็นรางวัล

    “เรานอนต่อกันเถอะ ยังมีเวลาอยู่” คยูฮยอนพูด เราสองคนหลับตาลงพร้อมๆกัน

     

    ·

     

    ผมกับคยูฮยอนเดินทางกลับถึงหอพักตอนเกือบเที่ยง เราไปกินมื้อกลางวันกันในบาร์แห่งเดิม เพราะคยูฮยอนอยากไปที่นั่นเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่

    เขาเดินประคองผมไปตลอดทาง ทำเหมือนผมเป็นคนท้อง

    “ผมไม่ได้ท้องนะ คุณไม่ต้องกลัวขนาดนี้หรอก”

    “ไม่ได้ ผมต้องรับผิดชอบ”

    “......”

    โอเค ไม่เถียงก็ได้

    มื้อกลางวันมื้อนี้ถือเป็นมื้อสุดท้ายที่เราจะได้กินด้วยกันในอิตาลี ถ้าเราเจอกันครั้งหน้า เราทั้งคู่คงอยู่ที่เกาหลี คยูฮยอนสั่งทุกอย่างที่เขาเคยกินกับผม ปานิโน่ไส้มอสซาเรลล่ากับมะเขือเทศ เปนเน่คาร์โบนารา และเอสเปรสโซ่ถ้วยเล็กจิ๋ว

    มื้อนี้เป็นอีกมื้อหนึ่งที่เรากินเหมือนกันทุกอย่าง คยูฮยอนถ่ายรูปอาหารตรงหน้าเก็บไว้เป็นที่ระลึก

    จบมื้อกลางวัน เราก็เดินกลับหอ คยูฮยอนประคองผมไปตลอดทางเหมือนตอนขามา ระหว่างเดินเขาถามผมว่า “ถ้าผมไม่อยู่ คุณจะเดินยังไง”

    “แหม ผมคงไม่ร้าวระบมหลายวันหรอก ปวดยังไงก็ต้องเดิน”

    เขาหัวเราะ “สงสัยจังถ้าเพื่อนคุณมาเห็นสภาพเราสองคนตอนนี้ พวกเขาจะคิดยังไงบ้าง”

    นั่นสิ จะว่าไปแล้ว พวกเพื่อนๆยังไม่รู้ความเป็นไประหว่างผมกับคยูฮยอนเลย ผมคิดว่าเก็บเอาไว้เงียบๆแบบนี้น่ะดีแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องป่าวประกาศให้พวกเขารู้หรอก

    โจอารามาถึงหน้าหอพักของผมตอนบ่ายสอง เธอนั่งแท็กซี่มาจากสนามบิน เพราะเธอมีกระเป๋าเดินทางหลายใบ เธอขึ้นมาเคาะประตูเรียกคยูฮยอน เธอทักทายผม และช่วยน้องชายแบกของลงไปข้างล่าง

    คยูฮยอนมัวแต่ยืนอ้อยอิ่งไม่ยอมห่างจากผม ผมจึงบอกเขาไปว่า “นี่คุณ อย่าช้าสิ พี่สาวคุณให้แท็กซี่จอดรออยู่นะ”

    คำพูดของผมทำให้คยูฮยอนหน้ายู่ทันที เขาหันไปพูดกับพี่สาวตัวเองว่า “พี่อารา พี่รอผมข้างล่างได้เลย ของหมดแล้วครับ เดี๋ยวผมจะรีบตามลงไปนะ” ซึ่งพี่สาวของเขาก็ไม่คัดค้านอะไร

    คยูฮยอนสะพายเป้ขึ้นบ่า เขามัวแต่ยืนเอ้อระเหยอยู่ตรงประตู อุ้งมืออุ่นไม่ยอมปล่อยแขนผมสักที “ผมไม่อยากไปเลย” เสียงนุ่มบ่นอิดออด

    “เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน ไม่เห็นหน้ากันสักเดือนสองเดือน ไม่ตายหรอกน่า”

    “พูดง่ายจังซองมิน คุณเข้าใจไหมว่าผมชินกับการอยู่กับคุณยี่สิบสี่ชั่วโมงไปแล้ว” สุดท้ายคยูฮยอนก็วกเข้าประเด็นเดิม

    “แล้วคุณจะทำยังไง จะลงบันไดไปบอกพี่สาวคุณว่าคุณไม่อยากไปเหรอ”

    “......” คยูฮยอนเงียบ

    “เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน คยูฮยอน คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะหายไปไหนหรอก” ผมพูดพลางขยับเท้าเข้าไปใกล้คยูฮยอน ผมเงยหน้าขึ้นมองตาสีนิลของเขา เวลาไม่โดนแดดส่อง นัยน์ตาของคยูฮยอนก็ดูเป็นสีดำปกติ

    “ซองมิน” เขาคว้าเอวผมไปกอดไว้หลวมๆ มืออีกข้างยกขึ้นจิ้มตรงอกซ้ายของผม “ผม โจคยูฮยอน ได้ตีตราแสดงความเป็นเจ้าของไว้ในตัวคุณแล้ว อย่าหนีผมไปหาคนอื่นนะ เข้าใจไหม รอผมด้วย ห้ามนอกใจเด็ดขาด!

    ผมหัวเราะ คยูฮยอนสั่งเสียเหมือนตัวเองจะไปสงคราม “ผมรู้แล้ว ไม่ต้องย้ำบ่อยนักหรอกเรื่องตีตราอะไรนั่นน่ะ”

    คยูฮยอนโน้มใบหน้าลงมาจูบผมเป็นครั้งสุดท้าย “ไปก่อนนะ กลับเกาหลีเมื่อไหร่บอกผมด้วย”

    “อือ ผมบอกแน่นอน”

    “คุณไม่ต้องลงไปส่งหรอก เดี๋ยวจะขึ้นบันไดคนเดียวไม่ไหว”

    ผมจึงเดินไปส่งเขาตรงบันได ในที่สุดคยูฮยอนก็ยอมปล่อยข้อมือของผมเป็นอิสระ เขาโบกมือให้ผมตลอดทางที่ก้าวเท้าลงบันไดไป ผมมองเขาจนกระทั่งร่างของคยูฮยอนหายไปจากระยะสายตา

     

    ·

















    To be continue      

     

    สำหรับคนที่งงเรื่อง password  สามารถเมนชั่นถามในทวิตเตอร์ (@prangtip_j)  หรือส่งเมลมาถามก็ได้ค่ะ  (prang_palmira@hotmail.co.th) 

     

    ^____________^

    *สวอนเลคต่อ*

    เช่นเคย... ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :)

     

    -ปราง-

    14.12.2012

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×