[Vampire Knight Fiction] This is my sin (KanameXZero) 2/2 - [Vampire Knight Fiction] This is my sin (KanameXZero) 2/2 นิยาย [Vampire Knight Fiction] This is my sin (KanameXZero) 2/2 : Dek-D.com - Writer

    [Vampire Knight Fiction] This is my sin (KanameXZero) 2/2

    โดย derick

    Warning!! YAOI!! Rate - NC15+

    ผู้เข้าชมรวม

    9,463

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    43

    ผู้เข้าชมรวม


    9.46K

    ความคิดเห็น


    57

    คนติดตาม


    144
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ส.ค. 52 / 00:20 น.

    แท็กนิยาย

    fic vampire knight vk kaname zero



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    - ห้ามนำผลงานไปเผยแพร่ที่อื่นก่อนได้รับอนุญาต -
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [กรุณาลากคลุมพื้นที่เวลาอ่านบางฉาก~]

       

       

       

      ภายในห้องอันมืดสลัว   มีเพียงแสงไฟจากโคมน้อย ๆ โดยรอบที่ส่องสว่าง   สะท้อนร่างสูงในชุดสีขาวสะอ้านที่นั่งอยู่บนโซฟานุ่มสีแดงสด  รอบกายเต็มไปด้วยเหล่าแวมไพร์คนสนิทซึ่งเป็นที่รู้กันดีถึงอิทธิพลของคน กลุ่มนี้ในไนท์คลาส 

      ดวงตาสีแดงปรายมองนักเรียนผู้ตกเป็นผู้ต้องหาที่ยืนตัวสั่น  "  พวกเธอคงรู้โทษของตนเองดี...  "  เสียงทุ้มกล่าวเรียบ

      "  แต่....แต่ท่านหัวหน้าหอคุรันครับ  คือพวกเรา!!  "  หนึ่งในนั้นพยายามจะค้าน  แต่เพียงแค่สายตาคู่เดิมจ้องมองมา  ริมฝีปากนั่นก็หุบลงอย่างอัตโนมัติ

      "  การดื่มเลือดมนุษย์เป็นการผิดกฎ  พวกเธอก็ทราบดี  ในฐานะที่ผมเป็นผู้รักษากฎก็จำต้องทำตาม  "  คานาเมะเอ่ยต่อ  แสร้งทำท่าทางลำบากใจ  อิจิโจมองการกระทำนั่น....อะไรกันนะที่ทำให้คนที่เยือกเย็นเช่นนั้นเปลี่ยน แปลงไปได้ขนาดนี้

      การแก้แค้น....ผู้หญิงที่ตนรัก....หรือเซโร่  คิริยู

      "   ได้โปรดเถอะครับ!!พวกผมไม่อยาก!!!  "

      "  ผมตัดสินใจแล้ว  ต้องขอโทษจริง ๆ  "  คานาเมะหันมองก่อนเดินจาก  โดยมีอิจิโจและคนอื่น ๆ ตามติดไปไม่ห่าง

      ร่างสูงหยุดลงตรงกลางทางเดิน  หันมองเหล่าเพื่อนพ้องของตน  ก่อนจะเปรยยิ้มน้อย ๆ ตามนิสัย  "  พวกเธอไปพักผ่อนเถอะ  เดี๋ยวผมเองก็จะไปพักผ่อนด้วยเหมือนกัน  "

      "  แล้วเรื่อง....?  "  เด็กหนุ่มร่างเล็กที่สุดเอ่ยถาม  ไอโด้รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับที่คนอื่นสงสัย

      คานาเมะนิ่งอยู่พัก  "  เรื่องนั้นผมจะจัดการเอง  ขอบคุณทุกคนมาก  "

      แม้จะยังไม่คลายสงสัยแต่ก็ไม่อาจถามอะไรได้มากกว่านี้  ยิ่งตอนนี้อารมณ์ของคานาเมะดูจะไม่ปกติเอาเสียเลย  เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงไม่ใจเย็นเช่นดังแต่ก่อน  ว่าเมื่อก่อนเข้าหายากแล้ว   ตอนนี้ยังยากเสียกว่า

      ทุกคนกลับไปหมดแล้ว  เหลือเพียงอิจิโจที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ  เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลจ้องมอง  ราวกับว่ารับรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร 

      "  เธอจะทำอะไรกันแน่  ผมไม่เข้าใจ  "  คนยืนรอโอกาสเอ่ยถามเสียงเรียบ

      คานาเมะมองออกไปด้านนอก   "  ทำอะไร?หมายถึงอะไร?  "

      คนได้ยินคำถามกลับถอนหายใจยาว  "  ปล่อยไปแบบนั้น  เด็กคนนั้นจะเป็นอันตราย  เธอก็รู้  "

      "  แล้วจะให้ผมทำอย่างไร?ไม่ลงโทษแล้วปล่อยให้อยู่ต่องั้นหรือ?  "  เสียงทุ้มถามกลับอีกครั้ง  น้ำเสียงยังคงราบเรียบไร้อารมณ์เช่นเดิม

      เธอทำได้แต่เธอไม่คิดจะทำต่างหาก  อิจิโจคิด  คานาเมะเป็นคนเดียวที่อยู่เหนือกฎทั้งมวล  ฉะนั้นหากเขาคิดจะทำ  ทางออกที่ดีกว่านี้ต้องมีแน่นอน...แต่นี่  นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะ?

      "  ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน  ไว้พบกันครับ  "  คานาเมะเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนเดินจากไป  ทิ้งให้ผู้เป็นเพื่อนมองตามอยู่แบบนั้น

      เปลี่ยนไป....มากมายเหลือเกิน...

      ทางด้านเซโร่ที่เพิ่งรู้สึกตัวก็อ่อนเพลียไปหมด  ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากความตายยังไงยังงั้น  ดวงตาสีม่วงจ้องมองไปรอบ ๆ  ห้องที่ดูแปลกตาแต่กลับคุ้นเคย  ห้องของใครสักคน....ใครสักคน...

      คานาเมะ  คุรัน...

      เซโร่กัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงเจ้าของห้องผู้แสนเย่อหยิ่งนั่น  ดวงตาสวยมองไปรอบ  ๆ  พยายามหาเสื้อผ้าที่พอจะสวมใส่ได้   ก่อนเหลือบเห็นเสื้อผ้าซึ่งแขวนไว้ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ   จึงพยายามยันร่างกายตนเองขึ้น

      แต่เพียงแค่จะลุกร่างทั้งร่างก็ทรุดลงไปอีกครั้ง   ขาเรียวยาวอ่อนแรง  ไม่แม้แต่จะพาเจ้าของของมันพ้นไปจากเตียงนอนสีขาวใหญ่นี่ได้ 

      เสียงถอนหายใจยาวดัง  วินาทีนั้นเองที่รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอ  "  จริงสินะ....  "  เด็กหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัส  เมื่อคืนเขาโดนกัด  แม้แผลจะหายไปแล้ว  แต่ความเจ็บปวดยังคงหลงเหลืออยู่

      ไม่ใช่เพียงแค่ความเจ็บปวด  แต่รสเลือดหอมหวานที่ยังติดตรึงลิ้น  กับสัมผัสนุ่มที่กดทับริมฝีปากเขา  คุ้นเคยแต่กลับแปลกประหลาดในเวลาเดียวกัน  มันคืออะไรกันแน่  เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง...?

      เสียงเปิดประตูเบา ๆ ทำให้เซโร่สะดุ้ง  เขารีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมทับร่างกาย  แม้ไม่ได้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า  แต่มันก็น่าอับอายเหลือเกินที่ผู้ชายอย่างเขาจะต้องมาสวมเสื้อเชิ้ตเพียงตัว เดียว 

      "  ตื่นแล้วหรือคิริยูคุง  "  รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าคมนั่นทำเอาเซโร่รู้สึกหวาดหวั่นนัก

      เด็กหนุ่มไม่ตอบ  ดวงตาสีม่วงจ้องมองอีกฝ่ายไม่หลบสายตา  คล้ายอาจหาญท้าทาย  นั่นทำให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอเบา ๆ  "  หึ....เป็นสายตาที่ดีนะ  เสียแต่ว่ามันก็แค่สายตาเท่านั้น  "  เย้ยหยัน  คนฟังรู้เพียงแค่นั้น

      "  ต้องการอะไร?  "  เสียงนุ่มถามขึ้น  พยายามสะกดอารมณ์ตนเอง

      "  เธอไม่มีสิทธิที่จะถาม  "  คานาเมะเอ่ย  ดวงตาสีแดงสดจ้องกลับ

      มันทำให้เซโร่กลืนน้ำลายฝืดคอ...

      เขาตัดสินจะรวบรวมกำลังที่มีลุกขึ้นยืนอีกครั้ง  ครานี้เขาสามารถทำมันได้สำเร็จ  ร่างเพรียวเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายตรงไปยังห้องน้ำ  ฉวยเอาเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ไว้แนบกายแน่น  แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปด้านใน  มือของใครบางคนก็มีทาบทับบานประตูนั้นไว้

      "  หลีกครับ  "  เซโร่เอ่ย 

      "  เธอไม่มีสิทธิที่จะพูดแบบนั้น  คนที่จะทำแบบนั้นได้มีเพียงผมคนเดียว  "  เสียงทุ้มเปล่งอออกมาแนบหู  ลมจากปากกระทบผิวเนื้อจนเกิดสีระเรื่อขึ้น

      ดวงตาสีม่วงหันมาสบกับดวงตาสีแดงด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง  ความวาวโรจน์ฉายชัดแจ้งจนทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบา ๆ  เปรยยิ้มน้อย ๆ เฉกเช่นทุกครั้ง  หากแต่ครั้งนี้แฝงไปด้วยอารมณ์หลากหลายจนยากจะคาดเดา

      "  เธอรู้ไหมว่าการถูกพวกเลือดบริสุทธิ์กัดจะเป็นเช่นไร?  "  คานาเมะถาม  ยอมละมือจากบานประตู  เพราะรู้ว่าเซโร่จะไม่หนีไปไหนแน่นอนตราบใดที่จิตใจยังเปี่ยมด้วยข้อสงสัย

      "  กลายเป็นแวมไพร์.....  "

      คนถามยิ้มอีกครั้ง  "  แล้วรู้ไหมว่าถ้าหากดื่มเลือดของพวกเลือดบริสุทธิ์จะเป็นเช่นไร?  "

      ทุกอย่างเงียบงันอยู่พักใหญ่  จนในที่สุดดวงตาสีม่วงก็เบิกกว้างออก  เขาเรียบเรียงเหตุการณ์ทุกอย่างได้  แม้ไม่แน่ใจแต่ก็รู้สึกว่ามันใกล้เคียงเสียเหลือเกิน  เขาถูกกัดจนใกล้ตายหรืออาจตายไปแล้ว....และถูกช่วยชีวิตโดยเลือดของคานาเมะ

      จุดประสงค์ที่แตกต่าง  เซโร่เชื่อว่ามันแตกต่างจากครั้งแรกที่เขาดื่มเลือดคน ๆ นี้เป็นแน่

      "  ฉลาดสมกับเป็นเธอ  แต่นี้ต่อไปเธอคือทาสของผมเซโร่  คิริยู  ทาสที่ไม่มีวันไปจากผู้เป็นนายได้ชั่วนิรันดร์  "  คานาเมะหัวเราะเบา  ๆ  ดวงตาสีแดงสดฉายแววความพึงพอใจเกินปกปิด

      คนได้ยินทรุดลงบริเวณนั้น  ขาที่มีแรงกลับอ่อนแรงลงอีกครา  น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งกลับรื้นขึ้นอีกครั้ง   เลวร้าย...ชีวิตของเขาจะต้องเผชิญความเลวร้ายสักแค่ไหน    ถึงจะสามารถไถ่โทษในครั้งนี้ได้หมด

      แม้แต่ตายยังตายไม่ได้....แล้วนับภาษาอะไรกับการหนี....

      คานาเมะช้อนใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความไร้ชีวานั่นเบา ๆ  นิ้วเรียวปาดเอาคราบน้ำตาเจิ่งนองออก  "  อย่าร้องไห้  "

      เขาเว้นจังหวะอย่างจงใจ....

      "  เพราะมันไม่มีประโยชน์ ... "

      จากเทวดากลายเป็นซาตาน  เซโร่เห็นเพียงภาพของปีศาจตัวร้ายที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ  ภายใต้หน้ากากที่แสนงดงาม  

      เรื่องแบบนี้จำต้องกล่าวโทษใครกัน....พระเจ้า....เธอผู้นั้น....เขาคนนี้....หรือว่าตัวของเราเองกัน

      เซโร่ต้องยอมใช้ชีวิตตามคำสั่งของคานาเมะทุกอย่าง  ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ปฏิบัติตามความต้องการของผู้เป็นนาย  ทุกครั้งหลังจากเลิกเรียน  เขาต้องมาคอยติดตามดูแล  แม้จะไม่ต้องการ  แม้จะรังเกียจ  แต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้

      ท่ามกลางสายตาของผู้ที่รังเกียจและสงสัย  เขารู้ดีว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่มีทางได้รับความยินยอม  เพราะมาจากความไม่บริสุทธิ์  มาจากสายเลือดที่ถือว่าเป็นชนชั้นต่ำศักดิ์  และที่สำคัญ....มาจากสายเลือดของตระกูลนักล่า  ศัตรูแต่ต้นกำเนิดของแวมไพร์

      "  รุ่นพี่ครับ  วันนี้ผมขอตัวไปพบผู้อำนวยการนะครับ  "  นัยน์ตาสีม่วงไม่สบมอง  คล้ายกับคำพูดนั่นเป็นแค่คำพูดลอย ๆ ไม่หวังผลการตอบรับเท่าไหร่

      ผู้นั่งอยู่บนโซฟายิ้มน้อย ๆ  มือเรียวยกแก้วกาแฟหรูขึ้นจิบ  ไม่สนใจกับสายตาของเหล่าคนสนิทที่มองมา  คานาเมะรู้ดี  ความสงสัยใคร่ถามแฝงอยู่ในความคิดของคนเหล่านั้นอย่างพ้องต้องกัน  คำถามเดียวที่เกิดขึ้นตอนนี้

      "  ไปสิ   "  เสียงทุ้มเย็นตอบ  เซโร่ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป

      นายเหนือหัวสายเลือดบริสุทธิ์คนนี้.....ต้องการอะไรกันแน่?

      "  เธอต้องการอะไรกันแน่  ผมไม่เข้าใจ  "  อิจิโจเอ่ยถาม  ความจริงเขาก็ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้มากนัก  ด้วยเกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจให้  แต่ก็ไม่อาจทนดูเพื่อนที่แปรเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายเช่นนี้ได้เหมือนกัน

      มันช่างเป็นคำถามที่โดนใจใครหลาย ๆ คนในห้องอันมืดมิดนี้เสียจริง

      คานาเมะยกกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง  "  ขอโทษที  ตอนนี้ผมยังบอกพวกเธอไม่ได้  ถ้าถึงเวลาสมควรผมจะบอกเอง  "

      และช่างเป็นคำตอบที่ไม่ได้อะไรเลยจริง ๆ  แต่กระนั้นก็ไม่มีคำถามใด ๆ ต่ออีกเลย....ไม่มีอีกเลย

      ร่างเพรียวเหยียดแขนพลางบิดตัวไปมา  รอยยิ้มบางแทบบนหน้าอย่างหาได้ยากยิ่ง  อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้จริง ๆ เขารู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แสนจะอิสระ  ราวกับนกที่ถูกปล่อยออกจากกรงให้โผบินรับอากาศบริสุทธิ์ 

      เขาเดินไปตามทางเดินในบรรยากาศอันเย็นยะเยียบ  ค่ำคืนที่ไม่ต่างอะไรกับคืนอื่น ๆ  ดวงตาสีม่วงเงยมองท้องฟ้า  ดาวดวงเล็กส่องประกายระยับ  

      นึกถึงใครคนหนึ่ง...

      ท้องฟ้า.....ทั้งงดงามและน่าหวาดกลัว....

      ดอกกุหลาบ....ที่มีกลิ่นหอม  กลีบดอกซ้อนกันสวยสด  แต่กลับมีหนามห่อหุ้ม  หากถ้าจับไม่ระวัง  ก็จะทำให้บาดเจ็บ....

      "  ต้องการอะไรจากผมกันแน่  ทั้ง ๆ ที่ทำลายได้ทุกเมื่อ  ฆ่าได้ทุกเมื่อ  แต่ทำไมไม่ทำ  "  เสียงหวานนุ่มพึมพำ มือกำหน้าอกแน่น

      ตั้งแต่ที่รับรู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตตนเองไว้คือคนที่ตนไม่อยากเจอมากที่สุด   เซโร่ก็ยอมรับว่าความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในห้วงลึกสุดของจิตใจ  รังเกียจและเคียดแค้นจนอยากจะฆ่าให้ตายกับมือ  แต่ทำไม.....

      ทำไม....ทำไม....และทำไม....

      "  คุณทำอะไรกับผมกันแน่  "  คำถามนับร้อย  ที่เซโร่รู้ดีว่ามันจะไม่มีวันรับคำตอบ

      เขาใช้เวลาอยู่ร่วมสองชั่วโมงกว่าจะพูดคุยกับผู้อำนวยการเสร็จ  ชายคนนั้นเป็นห่วงเขามาก  จากน้ำเสียง  ใบหน้าและการแสดงออกที่ไม่เคยปกปิด  ดีใจที่ยังมีคนเป็นห่วง  แต่ก็เสียใจทุกครั้งที่ย้อนกลับไปยังสถานที่เดิม ๆ ภาพเก่าในห้วงวันวานซ้อนทับขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

      ยูกิ.....นี่ใช่ไหมความรู้สึกดีใจที่ทำให้คนเรายิ้มแย้มแม้เวลาหม่นหมอง....

      ดีใจที่ยังมีคนเห็นการมีชีวิตอยู่ของเขาเป็นเรื่องที่ดี...

      "  เขาคนนี้เหมือนกับเธอเลยนะ  "  เซโร่พึมพำระหว่างเดินกลับหอพระจันทร์

      เมื่อผ่านพ้นประตูหอเขาก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของใครบางคน  เด็กหนุ่มระแวงระวังตัวมากขึ้นในทันที  แต่พอเห็นใบหน้าและรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั่น  ท่าทีเมื่อครู่ก็หายไป  อิจิโจมาทำอะไรที่นี่กัน

      "  สวัสดีครับ  "  เซโร่เอ่ยทักมิตรเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ของเขา

      "  ผมมารอพบเธอ  สบายดีนะ?   "  น้ำเสียงนั่นดูเจือไปด้วยความเป็นห่วง

      ได้ยินดังนั้นใบหน้าบึ้งตึงก็แย้มยิ้มบาง ๆ ทำเอาคนมองอยู่แทบไม่เชื่อสายตา  ดอกไม้แรกแย้ม....อิจิโจคิดได้เพียงเท่านั้นจริง ๆ 

      "  ครับ  ขอบคุณที่ช่วยผมวันนั้น  "  เซโร่โค้งให้  อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ

      "  เธอจำได้?  "

      "  ก็ไม่มากหรอกครับ  แต่ผมจำได้ว่ารุ่นพี่เป็นคนช่วยผมไว้ตอนแรก  "  ใบหน้านิ่งดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย  แต่สำหรับอิจิโจ  มันดูอ่อนแอและท้อแท้มากกว่า  คนอย่างเซโร่  คิริยูที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งหายไปไหนแล้ว

      มันดีหรือไม่ดีกันแน่นะ....แต่อย่างน้อยเขาก็วางใจว่าเซโร่จะไม่ทำอะไรให้คานาเมะในตอนนี้โกรธเคืองขึ้นมาอีก..

      ทั้งคู่สนทนากันอยู่พักหนึ่ง  โดยไม่สังเกตเลยว่ามีสายตาใครบางคนกำลังมองตรงมาจากที่ไหนสักที่  มองการพูดคุยนั่นด้วยแววตาซึ่งไม่สามารถคาดเดาความคิดได้  มองอยู่แบบนั้น....ไม่ละไปไหน

      "  ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เสมอ  ผมยินดี  "  รุ่นพี่ผู้อ่อนโยนแย้มยิ้มกว้าง  รู้สึกดีที่ได้คุยกับอีกฝ่าย

      เซโร่ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน  "  ขอบคุณ.....ครับ  "

      เขาที่ยืนอยู่ก็เซแทบล้ม  รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมากะทันหัน  โชคดีอิจิโจไหวตัวและประคองได้ทัน  คงเป็นอาการเดิม ๆ แวมไพร์ที่ขาดเลือดหล่อเลี้ยง  อาหารหลักสำคัญเหนืออื่นใด 

      "  เธอดูหน้าซีด ๆ ไม่เป็นไรนะ  "  เสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง  เข้าใจดีว่าอาการนี้คืออะไร  มีสาเหตุมาจากอะไร

      "  ไม่ครับ...ไม่เป็นไร  "  เซโร่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน  ทำตัวเป็นปกติตามเดิม

      "  แน่ใจนะ....ถ้าเธอต้องการ....  "

      "  ครับแน่ใจ  ผมไม่เป็นไร  ขอตัวก่อนนะครับ  "  เด็กหนุ่มรู้ว่าอิจิโจจะพูดอะไรจึงรีบขัด  แค่นี้เขาก็รู้สึกติดหนี้บุญคุณคน ๆ นี้มากมายเหลือเกินแล้ว

      เซโร่กลับสู่ห้องพักที่จำใจต้องอยู่โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง...

      เขาหยุดยืนหน้าประตูบานใหญ่  เคาะเบา ๆ ส่งสัญญาณให้คนภายในได้รับรู้  ไม่มีเสียงตอบรับ....นั่นทำให้เด็กหนุ่มแปลกใจ   จนในที่สุดต้องขอเข้าไปโดยพละการ

      แม้จะเป็นห้องที่เขาอยู่....แต่ก็ไม่ใช่ห้องของเขา

      ในห้องมีเพียงเตียงใหญ่เตียงเดียว  ทำให้เซโร่ต้องนอนบนโซฟาแทน  แต่เขากลับรู้สึกพอใจในที่นอนนั่น  นอนที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บนเตียงหรือที่เดียวกับหัวหน้าหอแห่งนี้

      ดวงตาสีม่วงมองไปรอบ ๆ  ทั่วทั้งห้องมืดมิด  ไม่มีใครสักคน  ให้คาดคานาเมะคงไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง  "  ไม่มีใครอยู่หรือเนี่ย...  "

      ทันทีที่เสียงพึมพำเบา ๆ ของเขาจบลง  บานประตูที่เปิดอ้าไว้ก็ปิดจนเกิดเสียงดัง  เซโร่หันมอง  พบดวงตาสีแดงคู่สดที่ฉายแววในเงามืด  คานาเมะไม่ได้ไปไหน  เขาอยู่ที่นี่ตลอด

      กลิ่นเหล้า...คานาเมะดื่มเหล้างั้นหรือ?

      "  โทษทีครับผมเคาะแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบเลยเข้ามา  "  เสียงหวานเอ่ยตอบ  ก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

      "  อยากไปอยู่กับอิจิโจไหมล่ะ?  "  จู่ ๆ คานาเมะก็ถามขึ้น  มันดูแปลกกว่าทุกที

      "  แล้วแต่สิครับ  รุ่นพี่เป็นหัวหน้าหอที่นี่  จะสั่งให้ใครไปไหนหรือทำอะไรก็ได้  "  เขาตอบ  รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอก...โดนไล่????อย่างนั้นหรือ????

      เซโร่ที่หันหลังให้จึงไม่ได้เห็นสีหน้าความโกรธาในตอนนี้  มือแกร่งเอื้อมฉุดกระชากลากแขนเรียวอย่างรุนแรง  เหวี่ยงอีกฝ่ายที่ไม่ได้ตั้งตัวจนถึงกับเซล้มลงบนเตียงนุ่ม   ก่อนจะขึ้นคร่อมกดทับร่างนั้นไว้

      "  จะทำอะไรน่ะครับ!!  "  เด็กหนุ่มเอ่ยถาม  รู้สึกเจ็บต้นแขนบริเวณที่ถูกดึง

      "  ดีใจงั้นสินะ  แต่อย่าหวังว่านายจะไปจากฉันได้  ชาตินี้ทั้งชาติ  ชีวิตนี้ทั้งชีวิต  นายต้องเป็นของฉัน!!!  "  คานาเมะตะโกนด้วยความเดือดดาล  คนฟังถึงกับตาค้างด้วยความตกใจ

      คานาเมะเกลียดเขามากจนเสียสติไปแล้วหรือไงกัน??!!

      "  ปล่อยผม!!  "  เซโร่พยายามดิ้นรน  แต่ร่างกายที่กำลังอ่อนแอลงในตอนนี้มีหรือจะสู้แรงอันมหาศาลนั่นได้

      ร่างสูงกว่าแสยะยิ้มเย็น  มือข้างหนึ่งรวบข้อมือบางไว้เหนือศีรษะแน่น  ก่อนจะก้มลงบริเวณลำคอ  เขียวขาวปรากฏสะท้อนแสงจันทร์นวลอ่อน  ขบลงบนผิวเนื้อขาวอย่างรุนแรง  เซโร่สะดุ้ง 

      "  อึก!!  "  น้ำเสียงเล็ดลอดออกมา  คนเจ็บพยายามข่มเต็มที่

      ริมฝีปากเปื้อนเลือดผละออก  เคลื่อนประกบริมฝีปากอ่อนระเรื่อที่สั่นไหวเบื้องหน้า  ฉวยเอาโอกาสที่ถูกเปิดกว้างด้วยความตกใจ  ส่งลิ้นร้อนแทรกเข้าไปอย่างชำนาญ  ควานหาความหอมหวานภายในอย่างไม่เหรงใจผู้เป็นเจ้าของ

      ทั้งอ่อนเพลีย  เหนื่อยอ่อน  สับสน มึนงงจนแทบหมดแรง  เสียงครางประท้วงในลำคอดังอยู่เนิ่นนานจนถูกกลืนหายไป  ที่สุดแล้วก็ต้องยอมจำนนต่อทุกสิ่ง  ความหิวกระหายของแวมไพร์มันน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?

      คานาเมะที่เหมือนไม่ใช่คานาเมะถอนริมฝีปากออกอย่าง ขัดใจ  ร่างด้านใต้หอบถี่พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ  ดวงตาสีม่วงช้อนมองสบกับดวงตาสีแดงเข้ม 

      "  บ้า.....นายมันบ้าไปแล้ว!  "  เสียงหวานพยายามเปล่งออกมาอย่างยากเย็น

      เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มนั่นแสยะออกอย่างน่ากลัว  "  บ้าหรือ?  อาจจะใช่...  " 

      "   แต่ถัดจากนี้ไป....นายจะได้รับรู้รสชาติของความบ้าที่แท้จริงแน่  "  เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น  หวาดหวั่น  หวาดหวั่นจนร่างกายทั้งร่างสั่นเทาไปหมด....

      ข้อมือบางถูกยึดตรึงกับหัวเตียงด้วยเสื้อของอีกฝ่าย แน่น   แม้จะไม่ทำเช่นนี้เซโร่ก็รู้ดีว่าตนเองไร้ซึ่งพลังขัดขืนนับตั้งแต่เลือดของ เขาไหลเข้าสู่ลำคอระหงนั่นแล้ว  ร่างกายอ่อนแอลงตามประสาแวมไพร์ที่ขาดอาหารหล่อเลี้ยง

      เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นเพื่อข่มไม่ให้เสียงที่เกิดจาก การถูกสัมผัสเล็ดลอดออกไป  ดิ้นรน  ขัดขืน  ขอร้อง  อ้อนวอน  กี่ครา ๆ สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือแววตาสีแดงสดอันแสนเย็นยะเยียบนั่น

      "   อึก....  "

      หยาดน้ำตาไหลลงอาบใบหน้างาม  ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน  ไม่เพียงถูกย่ำยีจิตใจแม้แต่ร่างกาย....ร่างกายนี้ก็ยังถูกต้อนจนจนมุม  ไร้ทางออก  ทางแก้ไขใด ๆ

      ริมฝีปากร้อนเต็มไปด้วยไอแห่งความกระหาย   สัมผัสไปทั่วผิวขาว  เกิดรอยแดงช้ำหลายต่อหลายที่  ปะปนกับรอยขบกัดจากเขี้ยวคมที่แฝงอยู่  เลือดสีสดเปื้อนส่งกลิ่นหอมหวานลอยแตะจมูกผู้เป็นเจ้าของ 

      เหมือนกลีบดอกกุหลาบสีแดงที่วางไว้บนผืนผ้าที่ขาวสะอาด....ช่างตัดกันจนดูงดงาม....และน่ากลัว

      "  ปะ....ปล่อยเถอะครับ!  "  เซโร่สะดุ้งเฮือกเมื่ออาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ห่อหุ้มร่างกายถูกถอดออกอย่างไม่ ใยดี  ขายาวสองข้างเคลื่อนไหวไปมาหวังจะหยุดการกระทำอันโหดร้ายนั่น

      คานาเมะเหลือบมอง  รอยยิ้มเปรยอย่างเย็นชา.....อีกแล้ว  ท่าทางที่แสดงออกเหมือนเขาเป็นเพียงของชิ้นหนึ่ง  ของที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากผู้เป็นนายได้  แม้มันจะแหลกสลายเหลือเพียงชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วก็ตาม

      เจ้าของผมสีน้ำตาลนุ่มก้มลงกระซิบ  "  อยากรู้ไม่ใช่หรือไง....ความบ้าของผม  "

      ดวงตาสีม่วงเบิกกว้าง  เมื่อมือแกร่งเลื่อนสัมผัสจุดอ่อนไหว  แรกเริ่มก็เบาบาง  หากแต่ไม่กี่วินาทีต่อมากลับรุนแรงจนทำเอาเปล่งเสียงออกมา  คนดูชำนาญขยับมือขึ้นลง  ริมฝีปากเดิมที่ส่งเสียงเมื่อครู่ประกบปิดริมฝีปากแดงสดของคนด้านล่างอีก ครั้ง

      เรียวลิ้นร้อนส่งผ่านหมายต้องการการตอบสนองของผู้ไม่ รู้ประสา  เซโร่ที่อารมณ์เริ่มไม่อยู่กับตัวรับการสัมผัส  แม้จะค่อยเป็นค่อยไป  แม้จะดูลำบากยากเย็น  แต่กระนั้นก็ทำให้คานาเมะพอใจได้

      เขากำลังหัวเราะ....ไม่รู้ว่าเย้ยหยันหรือยินดีกันแน่

      "  อะ....อ๊ะ!  "  เซโร่เกร็งร่างกายเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ค่อย ๆ ลอดเข้าทางช่องทางด้านหลัง 

      มือที่ถูกมัดพยายามดิ้นรนอีกครั้ง  หวังจะหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการ  เล็บมือจิกลงบนผิวเนื้อจนเลือดไหลซึม  แม้มือจะไม่หลุดออก....แต่สติของเขาจะต้องไม่หลุดลอยไปไหน!!

      คานาเมะซึ่งได้กลิ่นเลือดสดที่ไม่ได้เกิดจากการกัด จึงเงยหน้ามอง  หยาดสีแดงไหลย้อยเป็นทางยาวเรื่อยตามท่อนแขนเรียว  เขารีบแก้มัดโดยเร็ว  สีหน้าแปรเปลี่ยนไป  แว่บหนึ่งดวงตาสีม่วงเห็นความตกใจในดวงตาของผู้กระทำ  แต่ก็เพียงแค่แว่บเดียวเท่านั้น

      "  ทำบ้าอะไร!  "   เขาตะโกน  คนที่อยู่ในภวังค์สะดุ้ง

      ริมฝีปากได้รูปดูดซับเลือดที่ไหลออกมา  ไม่นานมันก็หยุดลง  อาจเป็นเพราะพลังในการรักษาแผลของพวกแวมไพร์ด้วยก็ได้ที่ทำให้มันหยุดเร็ว กว่าปกติ 

      "  อย่าทำ....แบบนี้อีก  "  เสียงทุ้มเอ่ยเน้นคำ  ดวงตาสีม่วงจ้องลึกลงไป

      เซโร่นึกดีใจที่การกระทำเกินคำว่าบ้าของคานาเมะได้ หยุดลง  แต่เขาคิดผิด  ผิดถนัด....เมื่อรอยยิ้มเย็นถูกเผยบนใบหน้าหล่อเหลานั่นอีกครา  พร้อม ๆ กับนิ้วมือที่เลื่อนเข้าในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

      "  อ๊ะ....อย่า!  "  คนถูกรุกรานเกร็งร่างกายอีกครั้ง  มือทั้งสองที่เป็นอิสระขยุ้มเสื้อเชิ้ตสีขาวของอีกฝ่ายแน่น

      คานาเมะหัวเราะ  "   ความบ้าไง....ความบ้าของฉัน  "

      เซโร่พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติเมื่อนิ้วที่ล่วง ล้ำเข้ามาถูกถอนออก   ก่อนจะเบิกตากว้าง  เมื่อขาทั้งสองถูกยกขึ้นสูง  และยิ่งตกใจเมื่อสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาแทนที่   ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างกายราวกับจะฉีกแบ่งตัวเขาให้ขาดเป็นชิ้น ๆ

      "  เจ็บ!อึก!  "  น้ำตาไหลกลบราวกับหยาดฝนหนักในคืนวันที่ฟ้ามืดมิด  มันไหลอย่างไม่ขาดสายแสดงออกถึงความรู้สึกที่เกินจะหยุดยั้งไว้ได้

      คานาเมะหยุดการเคลื่อนไหวลง   มือแกร่งค่อย ๆ โอบกระชับร่างบางกว่าด้านล่าง  ปลอบประโลมด้วยจูบอันอ่อนโยน  จูบแล้วจูบเล่า....เซโร่เองก็เริ่มผ่อนคลายเมื่อรู้สึกดีขึ้น

      "  อย่าเกร็ง  ผมไม่อยากให้เธอเจ็บมาก  "  เสียงทุ้มเอ่ย  ก่อนวางร่างที่โอบไว้ลงแนบเตียงนุ่ม

      ดวงตาสีม่วงปรือมอง  ลมหายใจยังคงไม่ปกติเท่าใดนัก  แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนลงแล้วตามลำดับแล้ว  อ่อนลงมากพอที่จะให้คานาเมะดันร่างของตนเข้าไป

      "  อึก!  "  เซโร่ร้องเบา ๆ เมื่อร่างด้านบนขยับเข้าออกช้า ๆ 

      สามัญสำนึกสุดท้ายถูกกลืนหายไปกับคำปลอบโยนอันนุ่ม นวลและสัมผัสที่แสนร้อนแรง  ดูขัดแย้งแต่มันกลับผสมผสานได้อย่างลงตัว  วงแขนเรียวเอื้อมโอบกอด  โน้มอีกฝ่ายเข้าหา  ลมหายใจผ่าวปะทะใบหน้าหล่อเหลา

      "  ....  "  ดวงตาสีแดงเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดหวานที่กระซิบปานขาดใจนั่น

      คานาเมะไม่รู้จะทำเช่นไรดี  สิ่งที่เซโร่พูดสร้างความสับสนให้เขาได้อย่างมาก  มากพอ ๆ กับร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อด้านล่างที่กำลังเย้ายวนจนไม่อาจหยุดการเคลื่อน ไหวได้

      แรงขึ้นทุกขณะตามอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน  เรื่อยไปกับเสียงร้องครางและกลิ่นหอมหวานของเลือด   ร่างสองร่างตระกองกอดภายใต้ผ้าห่มผืนหนา  ครั้งแล้วครั้งเล่า....จนในที่สุดผู้อ่อนแอก็ต้องพ่ายแพ้ไป

      คานาเมะที่เริ่มสร่างเมามองอีกฝ่ายด้วยความตระหนก  โดยลืมเลือนไปเสียสนิทว่าตอนนี้เซโร่อ่อนแอเพียงใด  เขารีบขบลิ้นตนเองเบา ๆ  ป้อนเลือดของตนสู่ร่างกายอีกฝ่ายอีกครั้ง  หวังว่าการกระทำก่อนหน้านี้จะไม่ทำให้อีกฝ่ายแย่ลงจนถึงขีดสุด

      ความบ้าของเขา....ของเขาแท้ ๆ  นี่เขาเป็นอะไรไป!

      แต่กระนั้นก็ยังไม่มีคำขอโทษเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากแดงสด  ความเคียดแค้นเข้าปกคลุมอีกครั้ง  เมื่อนึกถึงภาพหญิงสาวอันเป็นที่รักที่หลับตาลงในอ้อมกอดของตน

      "  สมควรแล้ว....สินะ  "

      แต่ในความแค้นนั้นกลับเริ่มมีความรู้สึกลังเลปะปน  ปะปนจนคนแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวเกิดสับสน  สิ่งที่เขาต้องการคือการทำลายคนตรงหน้าให้ตายอย่างทรมานที่สุดไม่ใช่หรือ  ตายทั้งเป็น  ทรมานอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนไม่ใช่หรือ!!

       

       

       

       

      เซโร่ตื่นขึ้นในตอนเช้า  แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านผืนบางเข้ามา  กระทบเปลือกตาของเขา  เด็กหนุ่มยันกายขึ้น  สะบัดศีรษะไปมาไล่ความงุนงง   ร่างกายยังคงเจ็บแปลบไปทั่ว  โดยเฉพาะทางด้านหลังนั่น

      เพียงแค่นึกถึง  ใบหน้าก็แดงก่ำ  เต็มไปด้วยความอายและความโกรธ

      เขามองโดยรอบก็ไม่พบกับตัวต้นเรื่อง  เซโร่รู้สึกดีเพราะถ้าพบคงตีสีหน้าได้ยากกว่าที่จะคิดถึง  ร่างบางพยุงตนเข้าสู่ห้องน้ำ  ไม่ลืมที่จะเหลียวมองผ้าปูที่นอนสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือด

      "  บ้าชะมัด...  "  เสียงหวานกัดฟัน

      วันนี้คงไปเรียนไม่ไหวแต่ก็อยู่ที่นี่ไม่ได้เช่นกัน  เซโร่พยายามคิดหาที่ไป  จะให้พาร่างตนเองไปเดย์คลาสก็คงไม่ไหว  แล้วจะทำอย่างไร.....ทำอย่างไรดี?

      แค่คิดก็ปวดหัวไปหมด... 

      เสียงน้ำหยุดลงพร้อมกับร่างที่เดินออกมา  การเคลื่อนไหวลำบากมากถึงมากที่สุด  อยากหยุดลงพักเสียตรงนี้  ไม่อยากไปไหนเลยจริง  ๆ 

      เซโร่หลุดจากภวังค์ทันทีที่มีคนย่างกรายเข้ามา  คานาเมะในชุดไนท์คลาสสีขาวเดินตรงยังเขา  ก่อนจะช้อนตัวขึ้น  รวดเร็วแต่อ่อนโยน  คล้ายกับรู้ว่าร่างกายเขาในตอนนี้มีสภาพอย่างไร

      "   ผมไม่เป็นไรครับ  ปล่อยผมลงเถอะ  "  เสียงหวานเอ่ย  หลบดวงตาสีแดงที่มองลงมา 

      จะอย่างไรเซโร่ก็ยังคงรับรู้ของฐานะตนเอง  คำพูดในอดีตสะท้อน  วนเวียนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า....

      "   อยู่เฉย ๆ  "  คานาเมะกล่าวกลับ  เพียงแค่นั้นคนฟังก็เงียบลง  ยอมให้อุ้มร่างตนแต่โดยดี

      เขาวางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงนุ่ม  ก่อนเดินไปหยิบกล่องพยาบาลเล็ก ๆ ในชั้นวางของด้านข้าง  แม้เซโร่จะเป็นแวมไพร์  แต่ก็อ่อนแอและยังมีสายเลือดของมนุษย์อีก  ฉะนั้นแผลบางแผลจึงหายช้ากว่าปกติ

      ไม่ว่าจะอย่างไร....สิ่งที่คานาเมะทำต่อเซโร่ในตอนนี้ก็คือความอ่อนโยน 

      เชื่อหรือไม่ดีกลับการกระทำนั้น  เด็กหนุ่มจ้องมองอย่างสงสัย  ผู้ถูกมองยังคงทำหน้าที่ตนเองต่อไป  ไม่สนที่จะพูด  ไม่สนที่จะอธิบายอะไร  และไม่สนที่จะตอบข้อสงสัยกลับ

      "  เธอพักผ่อนซะ  ผมลาไว้ให้เธอแล้ว  "  เสียงทุ้มกล่าว  คานาเมะพยักหน้ารับ  ก่อนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

      ดวงตาสีแดงสดมองด้วยความสงสัย  "  นั่นเธอจะไปไหน?  "

      "  ผมจะไปนอนครับ  "  เซโร่ตอบพลางชี้ไปยังโซฟา  "  ที่นั่น....  "

      "  ไม่ต้อง...แต่นี้ต่อไปเธอนอนบนเตียงกับผม  "  กล่าวแค่นั้นก็เดินจากไป  ทิ้งให้คนฟังยืนอึ้ง  มึนงงในเรื่องราวที่เกิดขึ้น  ชั่วข้ามวัน....เปลี่ยนแปลงคนเราได้ขนาดนี้เลยหรือ??

      วันคืนผันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย  แต่ไม่น่าแปลกเท่ากับความอ่อนโยนจากคนที่เซโร่ไม่คิดว่าจะได้รับแน่ในชาติ นี้  ตั้งแต่ครานั้น....คานาเมะก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยดีมาตลอด  ไม่ทำท่าเหมือนเป็นศัตรูหรือเห็นเขาเป็นแค่เศษหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งแต่อย่างใด

      ที่สำคัญคืออีกฝ่ายไม่เคยแตะต้องเขาอีกเลย  ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี  อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนกับความรู้สึกประหลาดและความเจ็บปวดอันแสนทรมานเป็น ครั้งที่สอง

      นอกจากคานาเมะแล้วคนรอบ ๆ ตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปด้วย  เหมือนทุกคนจะพยายามยิ้มและเป็นมิตรกับเขา  เซโร่รู้ดีว่านั่นคือการเสแสร้ง  ไม่มีใครอยากเห็นใครได้ดีไปกว่าตนเองหรอก

      "  สวัสดีคิริยูคุง  "  เสียงเอ่ยทักภายในชั้นเรียนแว่วดังโดยรอบ  ดวงตาสีม่วงสวยหันมองพลางค้อมศีรษะกลับเป็นมารยาท

      จากคนไม่เคยสนใจอะไรกลับต้องแปรเปลี่ยนไปตามสถานที่ที่อยู่  ยอมรับว่าไนท์คลาสทำเอานิสัยส่วนหนึ่งของเขาต้องปรับปรุงใหม่  แถมมีคนคอยบอกกล่าวอย่างอิจิโจด้วยแล้ว  ยิ่งปฏิเสธได้ยาก

      สำหรับเซโร่  อิจิโจคือเพื่อนผู้จริงใจเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้

      "  ดูดีขึ้นนะ  "  เสียงคุ้นเคยเอ่ยทัก 

      เซโร่หันมองผู้ที่อยู่เบื้องหลัง  "  สวัสดีครับรุ่นพี่  "

      "  อิจฉาจริง ๆ ท่านประธานหอผู้แสนดีเลี้ยงเธอด้วยอะไรนะ   "  คนอารมณ์ดีกล่าวแกมหยอก  แต่นั่นก็ทำให้ใบหน้าสีขาวแดงระเรื่อขึ้นได้ไม่ยาก

      ความรู้สึก....จากมนุษย์ที่งดงามราวกับตุ๊กตา  กลายเป็นผู้มีความรู้สึกแล้วสินะ....

      "  เปล่านี่ครับ   ผมก็แค่พยายามปรับตัวอย่างที่รุ่นพี่บอก  "  เซโร่บ่ายหน้าหนีหลบสายตาที่มองมา  อิจิโจแย้มยิ้มอีกครั้ง

      ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่าได้เป็นเพียงแค่ภาพมายา  เพราะหากเป็นเช่นนั้น....

      หากเป็นเช่นนั้น คงไม่มีหัวใจที่ไหนสามารถรับความเจ็บช้ำได้ถึงสองครั้งในเวลาเดียวกันหรอก....

      พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกพักก่อนเซโร่จะเป็นฝ่ายขอตัวไป  เพราะต้องไปพบกับคานาเมะตามที่ได้ให้สัญญาไว้เมื่อสามวันก่อน  นั่นยังความประหลาดใจให้กับอิจิโจอยู่มากโขทีเดียว

      "  รีบไปเถอะ  "  เขาเอ่ยอย่างอ่อนโยน

      เด็กหนุ่มค้อมศีรษะให้ก่อนขอลาไป  "  แล้วพบกันครับ  "

      เซโร่รีบตรงไปยังสถานที่นัดหมาย  ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียน  มันเป็นสวนที่ติดกับริมสระน้ำ  ภายในมีหอคอยเล็ก ๆ ที่สูงเหนือต้นไม้ใหญ่เล็กน้อยตั้งอยู่  เป็นมุมที่เขามาไม่บ่อยนัก  แต่ทุกครั้งที่มา....ก็มักจะพบกับคานาเมะอยู่ทุกครั้งไป

      คงเป็นเขตหวงห้าม  ดินแดนที่พระเจ้าแห่งไนท์คลาสโปรดปรานจนไม่มีใครกล้าล่วงล้ำ

      เสียงฝีเท้าเหยียบต้นหญ้าบ่งบอกถึงการมาของใครบางคน  ร่างสูงที่ยืนรออยู่เปรยยิ้มเล็กน้อย  "  มาแล้วหรือ?  "

      "  ครับ  "  เซโร่ขานรับ

      แม้จะสงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายต้องพาเขามาก็ตาม  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจขัดความต้องการของคน ๆ นี้ได้เลยแม้เพียงครั้งเดียว  ไม่เลยสักครั้ง....เช่นนั้นจึงไม่เอ่ยถามออกไป

      มือแกร่งยื่นออกมา  ผายเบื้องหน้าผู้ลุกล้ำ  "  มาสิ  "

      เห็นว่าการยื่นมือออกมาสื่อความหมายถึงอะไรก็ใบหน้าแดงจัด  จะปฏิเสธน้ำใจก็กลัวว่าจะสร้างความขุ่นข้องให้อีกฝ่าย  จึงจำใจต้องยื่นมือไปตอบรับไมตรีแต่โดยดี  เซโร่วางมือของตนลงอย่างเชื่องช้า  มันสั่นไหวน้อย ๆ ด้วยความตื่นกลัว

      เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น  อากัปกริยาของร่างบางกว่าทุกกระเบียดนิ้วตกอยู่ภายใต้การจ้องมองของดวงตาสี แดงสดคู่นั้น  "  ไม่เป็นไร  มาสิ  "  เสียงทุ้มเอ่ยย้ำ

      คานาเมะพาเซโร่ขึ้นไปยังด้านบนสุด  ที่ ๆ เขามักจะชอบมานั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืน  มันเงียบสงบเย็นสบาย  เหมาะแก่การใช้ความคิดหรือการพักผ่อนเป็นอย่างมาก

      ไม่มีใครพูดอะไรออกมา  อาจด้วยนิสัยพื้นฐานของคนทั้งคู่ที่มักจะพูดน้อย  จึงทำให้เสียงที่ดังระงมอยู่โดยรอบนั้นมีแค่เสียงแมลง  สายลม  และธรรมชาติที่ขับขานบทเพลงบรรเลงกล่อมเท่านั้น

      เซโร่ลอบมองใบหน้าคมที่เหม่อลอย  คิดถึงคนที่จากไปไกลแสนไกล....สินะ

      ความสุขในชีวิตคงแรกที่สัมผัสคงเป็นการได้อยู่กับหญิงสาวที่รัก

      แล้วที่เกิดขึ้นตรงนี้ล่ะ....จะเรียกว่าความสุขได้หรือเปล่า?

      ค่ำคืนนี้จบลงอย่างรวดเร็วจนน่าเสียดาย  เซโร่ที่ผล็อยหลับไปตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตนกลับมาที่ห้องแล้ว  เขามองไปโดยรอบ  ก่อนจะหยุดสายตาลงที่คนข้างกาย  ใบหน้ายามหลับของผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด  ใบหน้าที่เขาไม่เคยได้เห็นแม้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ก็ตาม

      มือเรียวค่อย ๆ ยกขึ้น  สัมผัสใบหน้าหล่อเหลาอย่างแผ่วเบาที่สุด......

      จิตใจเต้นระส่ำแค่เพียงเห็นหน้า

      ใบหน้าร้อนผ่าวยามสัมผัส

      เขาไม่ได้โง่  และไม่ได้แกล้งโง่

      ไม่อาจปฏิเสธตนเองได้.....ว่านี่คือ ความรัก

      เซโร่หลงรักคานาเมะตั้งแต่เมื่อไหร่นั่นเป็นคำถามที่คิดทวนย้อนซ้ำไปซ้ำมาใน จิตใจ  เฝ้าแต่บ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นลึก ๆ  โดยหวังว่ามันจะไม่ทำให้ทุกสิ่งที่เป็นอยู่นี้แย่ลง

      ไม่รู้ว่าคานาเมะจะให้อภัยเขาแล้วหรือยัง....แต่เป็นเขาคงยากที่จะให้อภัยคน ที่เป็นสาเหตุการตายของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่ตนรักมากที่สุดได้  แม้จะไม่ใช่ในเชิงชู้สาว  แต่รักในสายเลือดย่อมเข้มข้นกว่าสิ่งใด

      น้องสาวผู้เป็นที่รักยิ่ง  กลับต้องตายเพราะคนที่คาดไม่ถึง

      มือที่สัมผัสใบหน้าคมยกขึ้นป้องปากอยากรวดเร็ว  สะกดเสียงสะอื้นที่แว่วผ่าน  หยาดน้ำใสคลอบนใบหน้า  มิอาจห้ามความเสียใจที่เอ่อล้นได้ 

      เซโร่ค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง  เดินตรงไปทางห้องน้ำ  โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้ที่ตนคิดถึงอยู่นั้นบัดนี้ได้ลืมตาจ้องมองมาด้วย สายตาอย่างไร

      ดูเป็นเช้าที่ไม่ค่อยสดใสเท่าใดนักสำหรับเซโร่  เมื่อคืนหลังออกจากห้องน้ำมาก็แทบไม่ได้นอน  เฝ้าคิดโน่นคิดนี่เป็นการใหญ่  ลังเลกับการที่จะเปิดเผยความรู้สึก  คนที่เก็บอารมณ์อย่างเขา  ทำไมถึงคิดที่อยากจะเปิดเผยได้นะ

      หรือว่าเพราะกลัว  กลัวการสูญเสียทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยอีกครั้งกัน?

      วันนี้คานาเมะมีประชุมและโดยปกติเขาจะต้องไปพบกับอาจารย์ใหญ่เป็นประจำของ สัปดาห์  ชายผู้นั้นเปรียบเสมือนพ่อแท้ ๆ ที่รักและเป็นห่วงเขามาก  จึงไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องพลอยทุกใจไปกับการกระทำที่ไร้สาระ  เซโร่จึงพยายามหาเวลาไปพูดคุยด้วยเสมอ

      แต่ด้วยความรู้สึกประหลาดบางอย่างในใจ  ทำให้ขายาว ๆ ของเขาก้าวไปยังจุดหมายที่เป็นห้องประชุมแทนที่จะเป็นตึกของเดย์คลาสแทน

      เซโร่ยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าบานประตูไม้ใหญ่ด้วยเกรงว่าจะรบกวนผู้อยู่ภายใน  และความเงียบนั้นทำให้เขาได้ยินการพูดคุยซึ่งไม่คิดว่าจะเล็ดลอดออกมาจาก ห้องได้  อาจเป็นเพราะความสามารถในการรับเสียงของพวกแวมไพร์

      "  ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงต้องปฏิบัติต่อคนผู้นั้นดีเช่นนี้  "  เสียงหนึ่งดังแว่ว  เด็กหนุ่มพยายามจับความ

      คนผู้นั้น....ใครกัน?

      "  ถ้าแค่ทำดีด้วยไม่เท่าไหร่  แต่นี่ท่านถึงกับลดตัวลงไปพักอยู่กับ....  "  หญิงสาวอีกคนโวยขึ้นบ้าง

      พัก......เรื่องของเขาสินะ...

      "  ใจเย็น ๆ กันก่อนสิ  ท่านหัวหน้าหอคุรันอาจมีจุดประสงค์อื่นก็ได้  "

      "   ใครจะยอมทำดีกับคนที่ทำร้ายตนเองได้ถึงขนาดนั้นกัน  "  เสียงนี้เซโร่จำได้  เป็นใครคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนสนิทของคานาเมะ

      นั่นสินะ.....ใครจะมายอมทำดีกับคนที่ทำร้ายคนที่ตนรักได้ล่ะ

      คำพูดเดิมย้อนกลับมาอีกครั้ง  ตอกย้ำตัวตนและความเป็นไปของเขาให้จมดิ่งลงสู่ความมืดมิด  ไม่มีทาง.....อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะโผล่พ้นดินมาต้องกับแสงอาทิตย์ได้  ไม่มีวัน...

      "  ท่านคุรันคงต้องการหลอกใช้เพื่ออะไรบางอย่าง  ใช่ไหมคะท่าน?  "  คำถามที่เซโร่ตั้งใจรอฟังเสียงตอบกลับ

      ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ หลุดมาจากปากของคนถูกถามเลยแม้แต่น้อย  ซึ่งนั่นแสดงออกถึงการยอมรับโดยดี   ไม่ปฏิเสธ  และไม่คิดจะปฏิเสธ  ไม่มีแม้แต่คำพูดแก้ต่าง  ไม่มีแม้แต่คำพูดแก้ไขความเข้าใจผิด

      ที่ผ่านมาทั้งหมดก็แค่การหลอกลวงสินะ

      การหลอกลวงที่แสนสนุกในหมู่ของพวกแวมไพร์

      กลายเป็นตัวตลกที่ไม่มีวันหลีกหนีได้พ้น

      น้ำตามากมายรินหลั่งแทบกลายเป็นสายเลือด  เซโร่ตัดสินใจละทิ้งไปเสียตอนนั้น  วิ่งตรงไปยังภายนอกอย่างไร้จุดหมาย  ตอนนี้  แค่ตอนนี้เท่านั้นที่อยากไปให้พ้น ๆ  ไม่อยากเห็น  ไม่อยากได้ยิน

      ลอร์ดแห่งแวมไพร์เอ๋ย  จงรับรู้ไว้เถิดว่า  การหลอกลวงของท่านสัมฤทธิ์ผลแล้ว

      ดวงใจอันบริสุทธิ์ที่เคยเจ็บช้ำเพราะความรัก  บัดนี้มันได้ถูกทำลายด้วยอาวุธที่ชื่อว่า  ความรัก  อีกครั้งแล้ว

      และคงยากที่จะกลับมาเป็นดังเดิมได้  คงยากที่จะหายาที่ไหนมาเยียวยาได้อีก

       

       

       

       

      หากพระเจ้าเรียกหาคนอย่างเขาในตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะไปทันที
      ไม่มีร่องรอยแห่งอดีต ไม่มีความเป็นปัจจุบัน และไม่มีเส้นทางแห่งอนาคต
      หัวเราะอย่างคนบ้า คิดอ่านอย่างคนบ้า เข้าใจอย่างคนบ้า และมองเห็นอย่างคนบ้า
      ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากศูนย์ และกำลังจะจบลงที่ศูนย์





      เซโร่ไม่รู้ว่าตนวิ่งมาในที่แห่งใด และกำลังจะไปที่ไหน ในตอนนี้เขารับรู้ได้เพียงแต่ตนเองและสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาเท่านั้น นึกตลกตนเอง หัวเราะอย่างบ้าคลั่งทุกครั้งที่คิดถึง น้ำตาไม่รู้กี่หยาดหยด ไม่รู้กี่สาย ไหลรินปะปนไปกับน้ำจากฟากฟ้า

      " แม้แต่ท่านก็ยังหัวเราะเราสินะ " ดวงตาคู่สวยแหงนมองท้องฟ้ากว้างที่บัดนี้กลับมืดดำไปหมด

      กลับมาภายในห้องประชุม ทุกอย่างยังคงเงียบงัน คานาเมะยังคงไม่ปริปากอะไรออกมา ไม่ตอบตั้งแต่คำถามแรกจนคำถามปัจจุบัน คำถามที่ว่า....เขาเกลียดเซโร่รึเปล่า...

      ไม่ใช่ว่ากลัวที่จะตอบ แต่มันหวาดหวั่น....หวาดหวั่นในความรู้ที่ยิ่งคิดมันก็ยิ่งแปรเปลี่ยนไป ทีละน้อย....ทีละน้อย ที่ดวงตาสีม่วงคู่นั้นได้แทรกซึมเข้ามาภายในจิตใจ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งไปอย่างไม่รู้ตัว ขาดไม่ได้...และจะไม่มีวันขาดไป ยอมไม่ได้....ยอมไม่ได้ที่ใครจะมาแตะต้อง

      " ผมจะขอพูดกับพวกเธอเพียงครั้งเดียว... " เขาเว้นช่วง

      " คิริยูคุง...คือคนของผม หากพวกเธอคิดจะแตะต้องเขาแม้เพียงปลายเล็บ คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น? "

      สิ่งที่คานาเมะเอ่ยสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนภายในห้อง จะยกเว้นก็แต่อิจิโจที่กลับแย้มยิ้มออกมา

      " จนได้สินะครับ " เขากล่าวเสียงเบาขณะที่ผู้เป็นนายกำลังจะเดินออกไป

      คานาเมะเหลือบมอง ก่อนจะแย้มยิ้มบางกลับ เพียงแค่นั้นก็แทนคำพูดมากมาย เครื่องยืนยันที่แท้จริงและมั่นคงยิ่งกว่าทุกสิ่ง อิจิโจมั่นใจ....และดีใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่

      นัยน์ตาสีแดงเหลือบเห็นอะไรบางอย่างบริเวณหน้าประตูห้อง เขาหยิบมันดู ในจิตใจเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก กระเป๋าของเซโร่.....ทำไมมาหล่นที่นี่ได้....หรือว่า......?

      ร่างสูงรีบพรวดพราดกลับเข้าไปภายใน " แยกกันออกตามหาเซโร่ หาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด!!! "

      ทุกคนที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่ต่างมองกันอย่างไม่เข้าใจ การปรับตัวให้รับกับอะไรที่มันกะทันหันต่อความรู้สึกมันยากนัก

      คานาเมะเองก็เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาไม่อาจรอช้าได้อีกแล้ว " ไปสิ!!! "

      " ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรหรอก.... " อิจิโจตบบ่าเพื่อนตนเบา ๆ ดวงตาสีแดงสดหันมองอย่างขอบคุณ

      ผิดไหมหากจะบอกว่าแม้แต่พระเจ้ายังรังเกียจเขา เซโร่พยายามจะฆ่าตัวตายหลายครั้งเหลือเกินในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ก็ไม่ สำเร็จสักครั้ง มีคนมาพบบ้าง เกิดเหตุนู่นนี่บ้าง จนในที่สุดเขาก็ต้องมาหยุดอยู่ตรงม้านั่งกลางสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

      ความหนาวเย็นสัมผัสเนื้อเนื้อภายใต้เสื้อผ้าที่เปียกปอน แต่มันไม่อาจแข่งขันกับจิตใจที่แทบกลายเป็นน้ำแข็งได้ ดวงตาสีม่วงเหม่อลอย ไร้แววความสดใส เปี่ยมไปด้วยริ้วรอยแห่งความทรงจำอันเศร้าหมอง อีกแล้ว....เป็นดังเดิมอีกแล้ว...

      " หนาวตายไปซะ....เซโร่ คิริยู " เขาพึมพำ ดวงตาบวมแดงบ่งบอกถึงการร้องไห้อย่างหนัก

      สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเริ่มเลือนราง มืดบอดลงทุกขณะ เสี้ยวเวลานั้นเองที่เขาได้ยินเสียงใครบางคน มันเปี่ยมไปด้วยความรักและความเป็นห่วง เสียงที่หอบหนัก....ตามหางั้นหรือ....ไม่หรอก มันก็แค่เสียงที่ดังขึ้นให้ความหวังคนใกล้ตายเท่านั้น

      " เซโร่....เซโร่!! " ดวงตาสีม่วงสวยมองผู้เอ่ยเรียก ช่างเป็นพรที่แสนล้ำค่าจริง ๆ ใบหน้าของคนที่รักปรากฏ พร้อม ๆ กับเสียงเรียกชื่อของเขาอย่างสนิทสนมที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

      มือเรียวขาวซีดค่อย ๆ ยื่นขึ้นสัมผัสใบหน้าคมซึ่งเต็มไปด้วยความกังวล เขาเปรยยิ้มน้อย ๆ " รุ่นพี่....ผมดีใจนะ

      ครับ ผมรู้ว่าคุณไม่มีวันให้อภัยผม แต่ผมก็มีคำพูดที่อยากจะบอก อย่างน้อย....บอกก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก....ผมรักคุณ... "

      รัก....คำพูดที่เหมือนจะง่ายต่อการกล่าวแต่ก็ดูยากเสียเหลือเกิน
      รัก....คำพูดที่แฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกต่าง มากมาย
      รัก....คำพูดที่จะสำคัญก็ต่อเมื่อมันออกมาจากใจจริง

      สติขาดสะบั้นลงทันทีที่กล่าวจบ โลกของเซโร่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีดำสนิท มืดบอดไปหมด ไม่รับรู้อะไรเลยแม้กระทั่งคำเรียกชื่อและอ้อมกอดอันอบอุ่นที่หวังจะยื้อ ชีวิตน้อย ๆ นี้ไว้

      " ไม่....แม้แต่พระเจ้าก็จะเอาเธอไปจากผมไม่ได้! " คานาเมะขบเขี้ยวของตนลงบนลิ้น เลือดไหลปริ่มออกมาจากริมฝีปาก เขาประกบมันลงบนริมฝีปากซีดเผือด ปล่อยให้เลือดของตนไหลลงสู่ลำคอขาวเช่นทุกครั้ง

      ทุกครั้ง.....กับความรู้สึกที่แฝงลึก....อยากช่วยชีวิต....

      เปลือกตาบางลืมขึ้นอีกครั้ง มันค่อย ๆ กระพริบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปรับแสงให้เป็นปกติ เพดานห้องที่แสนคุ้นเคยทำให้เซโร่ต้องค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมองโดยรอบ โต๊ะนั่น....เก้าอี้นั่น....ทุกอย่างดูคุ้นเคยไปหมด นี่มันที่ไหนกันแน่ คนอย่างเขาคงไม่มีวันได้ขึ้นสวรรค์หรอก....ไม่มีทาง

      " ตื่นแล้วหรือ....เธอหลับไปนานมาก " เสียงทุ้มนุ่มทำเอาคนได้ยินต้องรีบหันมอง ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ

      " ทานอะไรสักหน่อย เธอคงหิว " คานาเมะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ด้านข้าง

      ดวงตาสีแดงมองคนตรงหน้าก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ " ผมคานาเมะ คุรัน เธอคงยังไม่ลืมใช่ไหม? "

      ดูท่าว่าเซโร่จะตกใจหนักกว่าเก่า นั่นทำเอาคานาเมะหัวเราะออกมาดังกว่าเดิม ตกใจที่เขายังไม่ตาย ตกใจที่เห็นคานาเมะ ตกใจที่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะและทำตัวสบายได้ถึงเพียงนี้....

      แต่แล้วจู่ ๆ ความตกใจทั้งหมดก็หายไป เหลือไว้แต่บาดแผลลึกที่เกิดขึ้น " ผมจะกลับไปเดย์คลาส " เซโร่ก้มหน้าลง

      คิ้วเรียวเลิกสูง " ทำไม? "

      " ไม่มีความหมายที่ผมจะอยู่ต่อ ขอบคุณสำหรับการดูแลและช่วยเหลือ หากมีอะไรให้ผมรับใช้คุณบอกผมได้เสมอ ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ "

      น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยและแสนตัดพ้อนั่นทำเอาคานาเมะถึงกับปวดใจ รู้สึกโทษตนเองบ้างที่ไม่ยอมยอมรับความรู้สึก จนอะไร ๆ เกือบจะสายเกินไป จนอะไร ๆ เกือบจะพรากความรักของเขาไป

      มือแกร่งเอื้อมจับมือที่วางประกบกันบนตัก มันอบอุ่นมากสำหรับเซโร่ " อย่าไป....อยู่กับผมที่นี่ "

      " มันอาจจะช้าไป แต่ผมอยากให้เธอฟัง "

      ดวงตาสีแดงสบกับดวงตาสีม่วงที่บัดนี้เต็มไปด้วยความสงสัย " ผมอาจจะเคยเกลียดเธอ โกรธเธอ อาจจะเคยขับไล่เธอ ผลักไสเธอให้ไปไกล ๆ "

      " แต่ตอนนี้....เดี๋ยวนี้ ผมขอยืนยัน.... "

      " หัวใจผม....เพียงดวงเดียวนี้ "

      หัวใจหนึ่งดวง....กับความรักหนึ่งครั้ง

      " ขอมอบให้แก่เธอ เซโร่ คิริยู "

      มอบให้เธอเพียงคนเดียว

      " ไม่ว่าเธอจะต้องการมันหรือไม่ แต่ผมอยากบอกให้เธอรู้ไว้ ผมรักเธอ "

      เพียงแค่นั้นหยาดน้ำตาที่อดกลั้นไว้ก็ไหลบ่าออกมา แสงแดดเรืองรองภายนอกสาดส่องกระทบกับอ้อมกอดอันอบอุ่นที่คนทั้งสองต่างมอบ ให้กันและกัน รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ความสุขที่ไม่คิดว่าจะได้รับครั้งแล้วครั้งเล่า

      หวนกลับมา.....กลับมาสู่คนที่เคยเชื่อว่าถูกพระเจ้ารังเกียจอย่างเขา

      " แต่....แต่ผมอาจทำให้คุณผิดหวัง " เซโร่ผละจากอ้อมกอด

      คานาเมะยิ้ม " หากเป็นเช่นนั้นผมก็จะยินดีในความผิดหวัง "

       



      ท้องฟ้าอันมืดมนยามสายฝนเทกระหน่ำ
      ท้ายที่สุดแล้วมันมักจะมาพร้อมสายรุ้งและแสงแดดอันสวยงามเสมอ
      เช่นกันกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น
      ไม่มีใครพบความทุกข์ได้ตลอด เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครพบความสุขได้ตลอดไป
      ความทุกข์เกิดขึ้นเพราะตัวเรา กับความสุขที่เกิดขึ้นเพราะตัวเรา
      ทุกข์และสุข สองสิ่งที่ตรงข้ามกันแต่ไม่มีวันแยกจากกัน
      ก่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่เรียกกันว่า ความหวัง เสมอ

       

       

       

      ===================END==================

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×