คะแนน 5/5
นักวิจารณ์ Sib-Sam
สวัสดีครับพี่ริ แหะๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนพูดไว้ว่าบทวิจารณ์จะเสร็จในวันสองวันใช่ไหมครับ...ที่จริงคือกะจะเขียนและลงตั้งแต่เมื่อวันศุกร์แล้วล่ะครับ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่กลับบ้านเย็นบ่อย และพอกลับมาก็ร่างพัง ล้มตัวลงนอนทันที งานอดิเรกอย่าได้พูดถึงเลยครับ ผมไมได้แตะอะไรเลย555 ขออภัยที่ล่าช้าครับ
เอาล่ะ จบการแก้ตัวครับ มาเข้าสู่บทวิจารณ์กันดีกว่า สำหรับเรื่องนี้ผมว่าโอเคนะ ชอบบรรยากาศอบอุ่นกับอะไรหลายอย่างที่มันดูเรียล จับต้องได้ ทั้งตัวละครและภูมิหลังของพวกเขา ถ้าให้พูดรวมๆ คือเรื่องนี้ผ่านนะครับ ^^
ไปดูบทวิจารณ์แบบละเอียดกันครับ
1. ชื่อเรื่อง - กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
เป็นชื่อที่เรียบๆ แต่เข้าใจง่ายดีครับ ผมเพิ่งอ่านไปได้แค่เจ็ดบท ยังไม่ค่อยเห็นความเชื่อมโยงระหว่างชื่อเรื่องกับเนื้อหาเท่าไหร่ แต่ก็พอเห็นเค้าลางว่ามันน่าจะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกพระเอกนี่ล่ะ
แอบกระซิบนิดนึง...เวลาคนมาบอกว่าชื่อนิยายควรมีภาษาอังกฤษนำหน้าเนี่ยอย่าไปเชื่อนะครับ ไม่มีใครบัญญัติไว้สักนิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ถ้าเจออีกให้เบ้ปากใส่ได้เลย555
2. พล็อต
เรื่องย่อ – จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพี่รหัสของเธอกลายเป็นคนที่เธอประทับใจมานานตั้งแต่ยังเด็ก แต่ต้องจากไปนาน พอได้เจอกันอีกครั้งกลับมีเรื่องไม่เข้าใจกัน อดีตและความทรงจำแสนดีจะทำให้เขาและเธอเข้าใจกันได้หรือไม่? (เรื่องย่อจากข้อมูลเบื้องต้นของนิยาย)
เป็นพล็อตเรียบง่ายน่ารักๆ ที่ค่อนข้างเห็นได้ทั่วไป เพราะฉะนั้นการจะทำให้นิยายแนวนี้น่าสนใจขึ้นมาได้ก็ต้องใช้ความพยายามพอสมควรเลยครับ เท่าที่อ่านมา เรื่องพล็อตหรือปมในเรื่องผมไม่เห็นอะไรผิดปกตินะ จะมีก็แต่เรื่องการตัดฉากที่เร็วไปจนเนื้อเรื่องดูไม่ต่อเนื่องกันจนอารมณ์สะดุด ซึ่งจะพูดถึงในพาร์ทต่อไปครับ
3. เนื้อเรื่อง
ภาพรวม – ได้บอกไปแล้วครับว่านิยายเรื่องนี้ค่อนข้างเรียบง่าย แต่มันก็แฝงความน่ารักน่าอ่านเข้าไปทำให้รู้สึกเพลินดีเหมือนกัน ชอบที่อะไรหลายอย่างมันไม่ดูโอเวอร์เกินไป แต่อยากถามพี่ริหน่อยครับว่าในบางบทมันมีบางฉากที่ถูกตัดออกไปหรือเปล่า อย่างเช่นบทแรกเลยที่ปารกับยนตร์บังเอิญเจอกันบนรถไฟ จากนั้นก็ตัดไปตอนเย็นเลย แต่ฉากตอนเย็นมีการบรรยายว่าปารกับยนตร์ได้เจอกันอีกครั้งในตอนบ่ายอีกรอบ แถมยังรู้ว่าได้เป็นพี่-น้องรหัสกันอีก นี่มันไม่ใช่การตัดฉากแบบรวบรัดอ่ะครับ มันเหมือนเขียนทิ้งไว้แล้วแต่จู่ๆ ก็ตัดทิ้งไปเลย เนื้อเรื่องตอนนี้เลยงงไปหน่อย ตอนผมอ่านครั้งแรกนี่ถึงกับต้องวนกลับไปอ่านใหม่เลยนะ
ไปดูแต่ละบทกันบ้างครับ เปิดอ่านตามทีละจุดเลยก็ได้นะ
บทที่ 1 – อันนี้ถามเพราะไม่รู้นะครับ ส้มบางมดนี่มันลูกเล็กหรือลูกใหญ่อ่ะครับ ผมลองเสิร์ชกูเกิ้ลดูแล้วมันก็ขนาดเท่าส้มธรรมดานะ แต่ประโยค ‘...ที่ปูลาดด้วยหินก้อนใหญ่เท่าผลส้มบางมด...’ คือถ้าจะเปรียบเทียบของสิ่งหนึ่งกับของอีกสิ่งหนึ่งที่มีขนาดเท่ากัน ถ้าของสิ่งนั้นใหญ่ก็ใช้คำว่า ‘ใหญ่เท่า’ หรือถ้ามีขนาดเล็กก็บอกว่า ‘เล็กเท่า’ จะดีกว่าครับ
- ขออนุญาตให้ความรู้เกี่ยวกับโบกี้รถไฟนะครับ คือสิ่งที่เรียกว่าโบกี้เนี่ย มันไม่ใช่ตู้ใหญ่ๆ ที่เราเข้าไปนั่งเวลาขึ้นรถไฟกันนะครับ แต่มันคืออุปกรณ์ที่เอาไว้รับน้ำหนักตู้รถไฟ รายละเอียดตามลิ้งก์นี้ครับ > คลิก
แต่ถ้าอยากให้มันเรียลจริงๆ ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะคนปกติก็เรียกตู้รถไฟว่าโบกี้กันครึ่งประเทศอยู่แล้ว555
- ทำไมตอนปารหลงกับสภา ปารไม่โทรหาเพื่อนล่ะครับ แถมหลงตั้งแต่เช้ายันเย็นไม่ได้ติดต่อกันเลย
- ปารกับพี่ยนตร์เจอกันตั้งแต่เช้ากับบ่ายแล้ว รู้แล้วด้วยว่าเป็นพี่รหัส-น้องรหัสกัน แต่ทำไมจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคือคนรู้จักสมัยเด็ก
- ถ้าจะใส่เครื่องหมายตกใจ ไม่ต้องมีไข่ปลา (...) นำหน้าจะดีกว่าครับ
บทที่ 2 – ระวังการเว้นวรรคเยอะเกินไปด้วยนะครับ มันจะทำให้อ่านสะดุด
- ‘เธอใจหายวาบ!!’ บรรทัดนี้มันโดดไปนะครับ นอกจากระวังการเว้นวรรคแล้ว ควรระวังเรื่องการขึ้นบรรทัดใหม่เยอะเกินความจำเป็นด้วย
บทที่ 3 – คิตตี้ไม่ใช่แมวววววว~~ ถึงมันจะเหมือนแมวมากๆ ก็เหอะครับ (คลิก) แต่บางแหล่งข่าวก็บอกว่าไม่ใช่ทั้งแมวและไม่ใช่ทั้งมนุษย์ (คลิก)
- ระวังการใช้คำซ้ำกันในระยะใกล้ๆ กันด้วยครับ
บทที่ 4 – ผมแอบงงกับที่อยู่ของตัวละครมาตั้งแต่บทหนึ่งแล้วอ่ะครับ ตกลงปารตอนนี้อยู่ที่ไหน ต่างจังหวัดหรือในกรุงเทพ แล้วเป็นบ้านหรือหอพัก อยู่ใกล้กับบ้านสภาหรือเปล่า หรือผมอ่านข้ามอะไรไป รู้แค่ตอนบทเปิดเทอมวันแรกปารกับสภาจะนั่งรถไฟเข้ากรุงเทพก็เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าพอเข้ากรุงเทพมาแล้วเธอไปอยู่ไหน
- ตอนมีเด็กมาหาเรื่องปารควรจะใส่รายละเอียดให้มากกว่านี้นะครับ แถมคำพูดกับความคิดของปารยังดูขัดแย้งกันอีก ในบทบรรยายบอกว่าปารไม่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นคิดว่าปารเอาเรื่องอะไรไปฟ้องครู แต่ปารกลับตีสีหน้าเรียบเฉยแล้วถามว่า ‘รู้ได้ไงล่ะว่าฉันเป็นคนฟ้อง ไหนล่ะหลักฐาน’ มันฟังดูเหมือนรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แถมการตีสีหน้าเรียบเฉยในสถานการณ์แบบนั้นมันก็ดูกวนอารมณ์ไปหน่อยนะครับ
- เห็นในคอมเมนต์ พี่ริบอกว่าปารกับพี่ยนตร์อายุห่างกันห้าปี แล้วทำไมถึงยังเป็นพี่รหัสน้องรหัสกันได้ล่ะครับ (อันนี้ไม่รู้จริงๆ นะครับว่าเขานับญาติสายรหัสกันยังไง) หรือเพราะว่ายนตร์เคยไปเรียนต่อต่างประเทศทำให้ต้องดรอปเรียนอะไรแบบนี้หรือเปล่าครับ
บทที่ 5 – บทนี้ทำไมไม่มีการเว้นย่อหน้าเลยล่ะครับ
- ชอบตอนบรรยายอาหารที่ปารทำ หน้ากินดี ท้องร้องเลยครับ555
- อ้าว ครอบครัวของยนตร์เป็นมังสวิรัติเพราะอยากได้ลูกสาว แต่ตัวลูกสาวอย่างสภาดันไม่ชอบกินผักเฉยเลย
บทที่ 6 - ถ้าเป็นคำพูดของคนๆ เดียวกันพูดต่อกัน ไม่ต้องขึ้นบรรทัดใหม่จะดีกว่าครับ เพราะมันจะงงว่าตกลงใครพูด อย่างเช่นตอนสภาบอกนรินทร์ว่าปารทำขนมไว้ให้
บทที่ 7 – ช่วยบรรยายฉากนิดนึงก็ดีครับว่าตัวละครกำลังอยู่ที่ไหน บทนี้เปิดฉากแรกมาปารก็โดนแซวเลย แต่ไม่ได้บอกว่าตอนนั้นอยู่ ณ ส่วนไหนของมหาวิทยาลัย ม้าหินเหรอ? แล้วม้าหินตรงไหนล่ะ? หน้าคณะหรือเปล่า
- โดนตัดฉากอีกล้าววว! ยนตร์กับนรินทร์จะไปซื้อของด้วยกัน แต่จู่ๆ ปารกับสภาดันโผล่มาในรถด้วยเฉยเลย ถ้าเขาถูกชวนมาด้วยกันก็ควรพูดถึงสักนิดก็ดีนะครับ
- ตอนที่นรินทร์หยุดรถให้คนข้ามถนนนี่ผมนึกว่าสภามองเหตุการณ์นั้นจากด้านนอกรถนะ ผ่านไปสักพักถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ในรถด้วยกัน555 เพิ่มรายละเอียดในแต่ละฉากให้เยอะกว่านี้หน่อยจะดีมากเลยครับ
- ‘พะลุงพะลัง’ เขียนผิดนะครับ
4. ตัวละคร
ตัวละครแต่ละตัวโอเคนะครับ ดูจับต้องได้ ดูมีความเป็นคนจริงๆ อยู่ ถ้าว่าเรื่องคาแรกเตอร์ของตัวละครในเรื่องนี้ ผมให้เก้าเต็มสิบเลยครับ
แต่ทีนี้ สิ่งที่อยากจะพูดถึงก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง
คู่แรก ปารกับสภา สองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันในระดับหนึ่งเลย แต่รู้สึกเหมือนเบื้องหลังของสองคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่ขาดหายไป เช่นในบทแรก พี่ริบอกว่าสองคนนี้ไม่ได้เจอกันมานานแล้วเพราะมัวยุ่งกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย สงสัยนิดหน่อยครับ ว่ายุ่งมากในที่นี้คือยุ่งขนาดไม่ได้เจอกันสักนิดเลยเหรอ มีไลน์แล้วก็น่าจะมีเฟซบุ๊คสิ ในตอนที่รู้ว่าต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อไปมหาวิทยาลัย ถ้าเป็นผมผมจะนัดกับเพื่อนให้เดินทางไปสถานีรถไฟด้วยกันนะ
ทีนี้พอมันไม่ได้เจอกันมานานทั้งๆ ที่สนิทกัน ก็เลยมีอะไรหลายอย่างที่ไม่รู้ อย่างเช่นเรื่องของพี่ยนตร์ ยุคสมัยนี้ใครๆ ก็มีเฟซบุ๊คกันทั้งนั้น สภาเองก็น่าจะมี เพราะฉะนั้นก็น่าจะมีรูปพี่ชายให้ปารที่แอบปลื้มเข้าไปส่องบ้างใช่ไหมครับ ผมอ่านไปแล้วหลงๆ กับบรรยากาศในเรื่องจนเผลอนึกว่านิยายเรื่องนี้อยู่ในยุคเมื่อสิบปีที่แล้วเลยล่ะเนี่ย
คู่ที่สองคือสภากับนรินทร์...คือนรินทร์เนี่ยเป็นเพื่อนกับยนตร์ใช่หรือเปล่าครับ ผมลองเดาจากบทสนทนาของทั้งคู่ (แค่เดานะ) ก็คิดว่าพวกเขาน่าจะสนิทกันมานานแล้ว (อย่างน้อยก็เป็นปี) แล้วทำไมสภาถึงรู้จักกับนรินทร์หลังปาร ทั้งๆ ที่สภาเป็นน้องสาวของยนตร์ล่ะ (จากบทที่ 4 ปารต้องแนะนำนรินทร์ให้สภารู้จัก)
คู่ที่สาม นรินทร์กับปาร...มีความรู้สึกว่านรินทร์แอบชอบปารมานานหลายเดือนมากแล้วยังไงไม่รู้ (แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แสดงว่าพี่ยนตร์เองก็งอนปารมานานมากๆๆๆๆๆ แล้วด้วยสิ O_O) และข้อนี้มันก็เชื่อมกับข้อที่แล้วครับ คือถ้าปารกับนรินทร์รู้จักกันมานานจริง แล้วทำไมสภาเพิ่งจะเคยเจอนรินทร์? แต่ผมแค่รู้สึกเฉยๆ นะว่าสองคนนี้รู้จักกันมานานแล้ว แต่ความจริงอาจจะเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันก็ได้
5. สรุป
ข้อดีของนิยายเรื่องนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘ความอบอุ่น’ เป็นความอบอุ่นแบบที่จับต้องได้จริงๆ สัมผัสถึงมันได้จริง แค่เจ็ดบทที่ผ่านมาก็ทำให้ผมอินไปกับภูมิหลังของปารกับยนตร์ได้ดีทีเดียวครับ
ถ้าเป็นนิยายรักผมก็ชอบนิยายพ่อแง่แม่งอนแบบนี้นะ มันดูน่ารักดี ลุ้นดีด้วยว่าเมื่อไหร่จะง้อกันเสร็จ ความน่ารักของนิยายเรื่องนี้ทำให้อยากอ่านต่อเหมือนกันครับ
แต่ทีนี้ หลายคำถามที่ผมพูดถึงในบทวิจารณ์เนี่ยไม่ได้ต้องการแค่คำตอบนะครับ แต่อยากให้พี่ริลองพิจารณาเพื่อปรับแก้ดู พวกรายละเอียดบางอย่างของเรื่อง ฉากที่โดดไปโดดมา ความสัมพันธ์ของตัวละคร การเว้นวรรค การย่อหน้า พวกนี้จะทำให้นิยายเรื่องนี้มันพัฒนาขึ้นจากเดิมได้อีกครับผม ^^