Hi, there
ห่างหายไปนาน ปีนึงจะกลับมาอัพไดอารีที…
มีคนอ่านเปล่าไม่รู้ รู้แต่จะอัพ ฮิๆ
ออกตัวก่อนเลยว่า ไดอารี่ Waking up in the
เฟิร์นเพิ่งสอบเสร็จเมื่อวันที่ 16 มีนาหมาดๆ เลยค่ะ ทีแรกแพลนเอาไว้ว่าจะไปวันที่ 20 กับน้องและแม่ แต่ปรากฎว่าร้านอาหารที่บ้านไม่มีคนเฝ้า แม่ก็เลยจะเลื่อนไปวันที่ 27 (คือไปแค่อาทิตย์เดียว) น้องก็ไม่ยอมไปพร้อมเฟิร์น ทีแรกเฟิร์นก็ไม่อยากไปคนเดียวหรอก แต่ไอ้เราก็อยากเที่ยวนานๆ ไง ละเป็นไงล่ะ…
บินเดี่ยวจ้า บินไปเลย คนเดียว…
ไฟลท์บินของเฟิร์นต้องเปลี่ยนเครื่องครั้งนึงค่ะ บิน KLM จึงต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ แต่กว่าจะไปถึงเนเธอร์แลนด์นี่ดิ…ดูหนังไปสองเรื่อง หลับไปพักนึง ตื่นมาดูหนัง แล้วหลับอีกรอบ จนตื่นอีกทียังเหลืออีกตั้ง 4 ชม.เลยค่ะ จะร้องไห้ ละคืออะไรที่เด็กบนเครื่องเยอะมาก เจี๊ยวจ๊าวกันเชียว จะนอนก็นอนลำบากเพราะบินกลางวัน
ไม่ไหวเลย…คราวหน้าไม่เอาแล้ว จะบิน Ethihad แทน KLM บินนานเกินไปง่ะ 12 ชม.เลย (นี่แค่บินไปเปลี่ยนเครื่องที่เนเธอร์แลนด์นะ) ปกติบิน Ethihad จะบินประมาณ 6-7 ชม.แล้วไปเปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี แล้วก็บินต่ออีก 6-7 ชม. (นี่คือเวลาตอนเฟิร์นไปเยอรมนี แต่ไปอังกฤษน่าจะบวกอีกประมาณชั่วโมงนึง) มันยังพอได้เดินบ้างอะไรบ้าง แล้วไอ้เราก็นึกว่า KLM จะมีที่นั่งแบบให้ชาร์ตแบตมือถือได้เหมือน Ethihad ไง สรุปไม่มี อาหารก็เลือกไม่ค่อยได้ (Ethihad มี 3 อย่างให้เลือก) แถมไม่ค่อยอร่อยด้วย ไม่เวิร์กเลยจ้า…
ถึงอัมสเตอร์ดัมนี่แบบว่า…เฟิร์นหมดสภาพเลยค่ะ ออกจากกรุงเทพเที่ยงวัน มาถึงก็ประมาณเที่ยงคืนที่ไทย คือเหนื่อยมาก ง่วงมาก แล้วต้องรอ 3 ชม.ถึงจะบินต่อ ดีนะมีเน็ตให้เล่น…แถมมีที่ให้ชาร์ตแบตมือถือด้วย แต่ปรากฎว่าเอาอแดปเตอร์ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เออจบเลย แทบหลับค่ะนะจุดนั้น สัปหงกสุดๆ
จากอัมสเตอร์ดัมบินไป
แถมฝรั่งคนอังกฤษที่นั่งข้างกันก็ชวนเฟิร์นโม้อยู่ได้ ไอ้เราง่วงก็ง่วง สมองนี่แทบจะไม่ประมวลผล แถมชินจะพูดแต่เยอรมันใส่ เราพยายามจะหยุดคุยแล้วแต่เขาก็ไม่หยุด เห็นเล่าว่าไปนอร์เวย์มา เอารูปมาโชว์ด้วย เออดี…และคำถามแจ็กพอตก็มาถึง เขาบอกว่าเขาได้ยินมาว่า ‘สาวไทยนี่ชอบฝรั่ง (คนอังกฤษ) เยอะมาก จริงหรือเปล่า’
แหม กูจะตอบยังไงล่ะเนี่ย…คือคนไทยก็กรี๊ดฝรั่งอยู่แล้วป่ะ เลยตอบไปว่าห้าสิบห้าสิบ =_=
ความลำบากในค่ำคืนนั้นยังไม่จบแค่นี้นะ ถึง Leeds ก็ประมาณ 3 ทุ่มที่อังกฤษ (ตี 4 ที่ไทยใช่มั้ยล่ะ) เท้าความก่อนว่าวันบินเฟิร์นตื่นตั้งแต่ 7 โมงกว่าๆ ดังนั้นจึงเท่ากับว่าเฟิร์นไม่ได้นอนมาประมาณ 21 ชม.แล้ว แล้วไอ้ตม.ที่
ใช่เลย…มันไม่ให้เฟิร์นเข้า
ถามเยอะมาก บอกว่ามาทำไม มาทำอะไรคนเดียว พักที่ไหน บลาๆ ไอ้เราก็อธิบายทุกอย่าง ติดตรงที่ว่ารู้แค่ว่าจะไปพักที่
คือก็อธิบายแล้วนะว่ามันเลื่อนเปิดเทอมตามอาเซียน…ยังไม่เชื่ออีก
สุดท้ายก็ปล่อยให้เฟิร์นนั่งรอกับผู้หญิงชาวจีนอีกคนนึง แล้วออกไปหาเพื่อนแม่เฟิร์น และเอาวีซ่าเฟิร์นไปเช็กอีกรอบด้วย ระหว่างรอเข้าไปคุยถึงได้รู้ว่าอายุเท่ากันเลย และนางมาเรียนภาษา
แบบ…มีปัญหาอะไรมากมายกับคนเอเชียเนี่ย
เข้าใจนะว่าผู้หญิงที่เข้ามาขายตัวมันเยอะ แต่อังกฤษนี่เรื่องมากจริง ตอนไปเยอรมนี ตม.ถามแค่ว่ามาทำไม พอบอกว่ามาเที่ยวกะเยี่ยมโฮสแฟมมิลี่ ก็ปล่อยเข้าละแถมยังอวยพรให้เที่ยวให้สนุก ละอังกฤษนี่คือ…
ก็เสียเวลาไปหลายนาทีกว่าจะออกมาได้ โล่งสุดๆ เลยค่ะ…ก่อนจะพบว่าจาก Leeds ต้องนั่งรถอีกชั่วโมงกว่าจะถึง
แต่พอมาถึงบอกเลยว่าฟินกับอพาร์ตเม้นต์สุดๆ…คือรู้อยู่แล้วล่ะว่าเป็นอพาร์ตเม้นต์ที่อยู่ติดริมแม่น้ำ เดินข้ามสะพานไปจะเป็นเมือง แต่ไม่ได้คิดว่าวิวมันจะสวยขนาดนี้… นี่คือภาพวิวตอนเช้าค่ะ บอกเลยว่ามองเห็นจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นแบบนี้
คือสวยมากอะไรมาก เป็ดว่ายน้ำกันเต็มเลยเชียว แต่ข้อเสียอย่างนึงก็คือว่าน้ำมันท่วมค่ะ…นานๆ ทีท่วมทีนึง
วันแรกของเฟิร์นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นวันพักผ่อนหลังจากการเดินทางอันแสนยาวนาน ได้ไปเดินบนกำแพงเมืองรอบยอร์กมา ใช่แล้วกำแพงเมือง ยอร์กเป็นเมืองเก่าแก่ค่ะ
ชมเมืองเสร็จก็กลับมานอนตีพุงที่บ้าน แล้วสิ่งที่แย่ที่สุดของอังกฤษก็เกิดขึ้น…นี่เลย ฝนค่ะ ฝน คือไม่ชอบเลยอ่ะเฉอะแฉะ ตกได้ทุกวัน อีกอย่างที่เฟิร์นไม่ชอบคือลม คือเฟิร์นชินกับอากาศหนาวนะ เยอรมนีหนาวกว่าอังกฤษอีก แต่อังกฤษมันมีลมด้วยนี่ดิ…หน้าชาหูชา ใครเซ็ทผมมาดีๆ ไม่มีเหลืออ่ะบอกเลย
แต่ข้อดีอย่างนึงของฝนก็คือพอฝนตกเฟิร์นจะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่นะ ตอนอยู่เยอรมนีก็รู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน หรือเพราะพอมีฝนแล้วมันไม่มีลมไม่รู้ แล้วตอนที่นอนเล่นอยู่ในห้องนอน ก็เห็นสิ่งนี้เข้าพอดีตอนที่ฝนหยุดตก
คว้ากล้องแทบไม่ทันเลย สวยเนอะ
ตกเย็นวันนั้นเคนพาไปดูละครเวทีเรื่อง Fame ที่ Opera House มาค่ะ ก่อนหน้านี้ตอนรู้ว่าจะได้ไปก็เคยลองไปกูเกิ้ลดู เหมือนมันจะเป็นซีรีย์สมัยก่อนที่เคยดังมากๆ และถูกนำมาทำเป็นละครเพลงเพราะผู้ชมไม่ต้องการให้มันตายจากไปนั่นแหละ โรงละครไม่ใหญ่มากค่ะ เสียดายถ่ายรูปไม่ได้ ไม่ได้เอากล้องไปและมันก็มืดด้วย ได้มาแค่ภาพที่นั่งกากๆ แค่นี้แหละ
ก็สนุกดีนะ ความรู้สึกเหมือนดู Glee อีกเวอร์ชั่นนึงเลยค่ะ เป็นเรื่องราวของเด็กมัธยมปลายในโรงเรียนที่สอนศิลปะการแสดงอะไรประมาณนี้แหละ แล้วก็จะกล่าวถึงปัญหาชีวิตวัยรุ่น ทั้งเรื่องเรียน ความรัก ความฝันและความทะเยอทะยาน ก็ให้ข้อคิดดีนะ มีตัวละครตัวนึงที่เป็นสาวฮอตในโรงเรียนที่ลาออกเพราะมีคนชักจูงไป LA ก็รู้ใช่มั้ยล่ะมันแสงสีเสียงขนาดไหน ลอสแองเจลิสน่ะ คือเพื่อนก็ห้ามไม่ให้ออกแล้วนะ กลายเป็นว่าสุดท้ายเธอโดนหลอกไปเป็นนักเต้นเปลื้องผ้า หมดอนาคตอยู่คนเดียว แบกหน้ากลับมาหาเพื่อนเพื่อขอเงิน และสุดท้ายก็ตาย…คือก็ให้ข้อคิดดีอ่ะ สนุกดีค่ะ
วันแรกของเฟิร์นก็จบลงแบบนั้นแหละ บอกเลยว่าคิดถึงอาหารไทยตั้งแต่วันแรกเลย อาหารอังกฤษรสชาติแย่มากกกกกก อาหารเช้าก็แบบขนมปังแผ่นกับแยมหรือไม่ก็ขนมปังแผ่นกับไข่คนจืดๆ หรือคอนเฟลก/มูสลี่ คือไม่อร่อยเลย…แฮมก็ไม่มีให้กินกับหนมปังเลยจ้า (ติดจากเยอรมนีไง ที่เยอรมนีจะเยอะมาก) ดันเอามาม่าไปแค่ 2 ซองด้วย แล้วมื้อกลางวันนะ…กินแซนวิชชืดๆ แบบเยอะมาก แถมไม่อร่อย ละต่อด้วยขนมปัง Hot cross bun อีก แบบเป็นขนมปังที่มีไส้เหมือนไอ้ที่ใส่ในไอติมรสรัมเรซิ่นอ่ะ รสชาติก็ประหลาดๆ ฝืดคออีก กินครั้งเดียวไม่เอาอีกเลย
น้ำหนักลงเลยจ้า…
อัพแค่นี้ก่อนละกัน ยาวแล้ว ฮ่าๆ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมากค่ะ แค่เกริ่นๆ ให้ฟังเฉยๆ เดี๋ยวตอนหน้าจะเริ่มเที่ยวในยอร์กแล้ว จะรีบมาเล่าให้ฟังกันเร็ววัน ตอนต่อๆ ไปรูปจะเยอะขึ้นค่ะ ปูเสื่อนอนรอเลย ใครจะเม้นอะไรทิ้งไว้ จะด่าว่าเฟิร์นบ่นเยอะก็ไปก็เอาตามที่สะดวกเลย ไม่ว่ากัน ฮ่าๆ
ไดอารี่ตอนอื่นที่จะอัพคร่าวๆ นะคะ
1. พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจของยอร์ก (บอกเลยว่าเก๋ทุกที่)
2. เที่ยวในตัวเมืองยอร์ก
3. Day trip จาก
4. ทริป
ตามนี้เลย…เดี๋ยวเจอกัน!
Avril Lavigne – Falling fast
ความคิดเห็น