Sid Vicious & Nancy Spungen
วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนเค้ามันส่งรูปซิดมาให้ดู ตอนแรกที่ดู
‘ใครวะ’ คือแบบหน้าตาหลอนมากอ่ะ - -*
คนข้างบนนั่นไง ฮ่าๆๆ ใครรู้จักเค้ามั่ง Sid Vicious ไง
ซิดเป็นถึงบุคคลสำคัญอะไรซักอย่างของพังค์ๆ เนี่ยแหละลืมแล้ว =__=; ใครอยากรู้เดี๋ยวจะไปถามเพื่อนมาให้อีกที แหะๆๆ
ไอ้เราก็ด้วยความอยากรู้ เลยหาประหวัดมาอ่านๆ ดู พออ่านจบแล้วทีนี่แหละ หน้าตาเค้าก็กลายเป็นแบบนี้เลย >> T_T
เราอยากบอกว่าเรื่องของเขาซึ้งมากเลยนะ คืออ่านแล้วขนลุกอ่ะ ไม่ใช่ว่าเค้ากลัวนะ แต่อนุภาคความรักของเค้าสองคนยิ่งใหญ่จริงๆ
‘รักของเราไม่มีวันตาย’
มันสุดๆ ไปเลยอ่ะคำเนี๊ยะที่ซิดเขียนไว้อ่ะ ถ้าใครยังไม่รู้จัก Sid Vicious ก็ลองอ่านดูนะ แล้วคุณจะรู้ว่าความรักของเขายิ่งใหญแค่ไหน ^_^
- - - - - - - -
เรื่องของหนุ่มชาวอังกฤษ ที่ได้ร่วมวงกับนักดนตรีพั้งค์...Sex Pistols...
อดีตมือเบสของวงพังก์ระดับตำนาน "Sex Pistals"
เมื่อประมาณสามสิบปีก่อน ดนตรีรูปแบบใหม่ที่เรียบง่าย และกราดเกรี้ยวอันมีชื่อว่า พังค์ร็อค (Punk Rock)ได้ถือกำเนิดขึ้น ในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศอังกฤษ จนกลายเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้สึกต่อต้านสังคมวัตถุนิยม ปลดปล่อยอารมณ์อัดอั้นของคนหนุ่มสาวไร้งานทำในประเทศอังกฤษ วงดนตรีพังค์ร็อคอังกฤษรุ่นบุกเบิกที่โด่งดังที่สุด เห็นจะได้แก่วงจากกรุงลอนดอนที่ชื่อว่า เซ็กซ์ พิสตอลส์ (the Sex Pistols) ทั้งนี้เนื่องจากพฤติกรรมท้าทายสถาบัน และต่อต้านสังคมอย่างเปิดเผยของสมาชิกวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือกีตาร์เบสอายุแสนสั้น ที่ชื่อว่า ซิด วิเชียส
ซิด วิเชียส (Sid Vicious) มีชื่อจริงว่าจอห์น ไซมอน ริชชี เบเวอร์ลี (John Simon Ritchie-Beverly) เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2500 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีมารดาชื่อแอนน์(Anne) และบิดาชื่อจอห์น (John) ซิดได้ชื่อว่าเป็นสมาชิกวงเซ็กซ์ พิสตอลส์ที่อื้อฉาวที่สุด เพราะเขามีบุคลิกขวางโลก และติดยาเสพติด อย่างเปิดเผย โดยเฉพาะเฮโรอีน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ชู้สาวของซิดกับหญิงคนรักที่ชื่อแนนซี สปันเจิน (Nancy Spungen) ซึ่งจบลงด้วยโศกนาฏกรรมยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซิด วิเชียส เป็นที่จดจำของผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน
บุคลิกต่อต้านสังคม และอุปนิสัยขวางโลกของซิด อาจเป็นผลมาจากชีวิตวัยเด็กที่ขาดความมั่นคง และความอบอุ่นจากครอบครัว จอห์นผู้เป็นบิดาได้ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่ซิด ซึ่งเวลานั้นมีชื่อเล่นว่าริชชี ยังคงเป็นทารกแบเบาะ ริชชีจึงต้องย้ายตามแอนน์ไปอยู่ที่เกาะอิบิซา ประเทศสเปน และเฝ้ามองมารดาหาเงินเลี้ยงชีพด้วยการขายยาเสพติดตั้งแต่เด็ก
จากนั้นไม่นานทั้งสองคนได้ย้ายกลับมาที่อังกฤษอีกครั้ง และแอนน์ได้แต่งงานใหม่กับคริส เบเวอร์ลี (Chris Beverly) ในปี พ.ศ.2508 ทว่าเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ครอบครัวใหม่ของริชชีเริ่มต้นตั้งรกรากอยู่ที่เคนท์ (
นับแต่นั้นริชชีและมารดาจึงต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าในทันบริดจ์เวลส์ (Tunbridge Wells) เพียงลำพัง จนถึงปี พ.ศ.2514 สองแม่ลูกจึงย้ายมาอยู่ที่แฮคนีย์ (Hackney) ทางตะวันออกของลอนดอน และ ณ ที่นี่เอง ริชชีได้พบกับจอห์น ไลดอน (John Lydon) เพื่อนนักเรียนในวิทยาลัยเทคนิคแฮคนีย์ ในปี พ.ศ. 2517 ซึ่งต่อมาจะเป็นที่รู้จักในฉายา จอห์นนี รอทเทน (Johnny Rotten) นักร้องนำของวงเซ็กซ์ พิสตอลส์ นับตั้งแต่ปีนี้เอง ซิดก็เริ่มใช้ยาเสพติด โดยมักจะเสพพร้อมกับแอนน์ผู้เป็นมารดา และทำร้ายตนเองอยู่บ่อยครั้ง
วงเซ็กซ์ พิสตอลส์นั้นก่อตั้งขึ้นจริงเมื่อปี พ.ศ.2515 แต่ตัวริชชีได้เข้าเป็นสมาชิกวงเซ็กซ์ พิสตอลส์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2520 หลังจากที่เกลน แมทลอค (Glen Matlock) มือเบสเดิมถูกไล่ออกจากวง ด้วยเหตุผลที่ว่าเกลนดูสะอาดสะอ้าน ราวกับไม่เคยต้องอดมื้อกินมื้ออย่างเช่นสมาชิกคนอื่น เป็นผลให้ริชชี ซึ่งมีลักษณะดิบเถื่อนแบบพังค์ต้องตามัลคอล์ม แมคลาเรน (Malcolm McLaren) ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการวง ลาออกจากโรงเรียนเพื่อเข้ารับหน้าที่มือเบสแทน ถึงแม้ริชชีจะไม่มีทักษะทางด้านดนตรีแม้แต่น้อย อันที่จริงเขาเริ่มหัดเล่นกีตาร์เป็นครั้งแรก และได้ชื่อเล่นใหม่ว่าซิด วิเชียส ซึ่งมาจากชื่อหนูแฮมสเตอร์ของจอห์นนี รอทเทน ก็เมื่อมีตำแหน่งเป็นมือเบสนี่เอง
ณ เวลาที่ซิด วิเชียสเข้ามาเป็นสมาชิก วงเซ็กซ์ พิสตอลส์เป็นที่รู้จักอย่างดีทั่วสหราชอาณาจักร รวมถึงในอเมริกาอยู่แล้ว ซิดซึ่งขณะนั้นอายุเพียง19 ปีจึงถูกชื่อเสียงถาโถมเข้าใส่ โดยไม่ทันตั้งตัว ครั้นซิด ต้องประสบกับแรงกดดันต่างๆ ในฐานะนักร้องดัง จึงยิ่งถูกบีบคั้นให้หันเข้าหายาเสพติด วังวนของยาเสพติดดังกล่าว ทำให้ซิดไม่เพียงทำร้ายตัวเอง แต่ทำร้ายร่างกายแฟนเพลง และผู้สื่อข่าวเป็นนิจ
อย่างไรก็ดี ชื่อเสียงก็นำมาซึ่งความรักครั้งแรกของซิด วิเชียสกับหญิงสาวชาวอเมริกันชื่อว่าแนนซี สปันเจิน (Nancy Spungen) เช่นกัน แนนซีเป็นสาวกผู้คลั่งไคล้วงดนตรีร็อค เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นคนรักของศิลปินเพลงร็อคชื่อดัง จึงได้ย้ายจากนิวยอร์คมาอยู่ใกล้ชิดวงดนตรีร็อคทั้งหลายที่ลอนดอน ฝันของเธอเป็นจริงเมื่อซิดพบกับเธอที่ห้องพักของเพื่อนคนหนึ่ง ไม่นานทั้งสองคนก็ย้ายมาอยู่ร่วมกันในฐานะคนรัก ทั้งเธอและซิดต่างใช้ยาเสพติด และติดเฮโรอีนอย่างหนัก จนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว หยาบคายในที่สาธารณะอยู่เสมอ ภายหลังมารดาของแนนซีเปิดเผยว่าแนนซีป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และโรคจิตเภท จึงเชื่อกันว่าพฤติกรรมรุนแรงของเธอมีสาเหตุมาจากอาการป่วยทางจิตด้วย
ซิดต้องพึ่งพาแนนซีทางด้านอารมณ์อย่างมาก ถึงขั้นไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรด้วยตนเอง ซ้ำร้ายการติดยาเสพติดเรื้อรังทำให้มีปัญหาในการแสดงหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุด วงเซ็กซ์ พิสตอลส์จำต้องแยกวงอย่างกะทันหันระหว่างที่ตระเวนเปิดการแสดงในสหรัฐอเมริกา เมื่อสมาชิกวงต่างแยกทาง เดิน ซิดและแนนซีก็ได้ย้ายมาอยู่ที่โรงแรมเชลซี ในนิวยอร์ค ซิดนั้นพยายามออกผลงานเดี่ยวเพื่อกอบกู้อาชีพทางดนตรี ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งคู่ต่างหมกมุ่นอยู่กับการเสพเฮโรอีน มักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน เมื่อให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ก็จะอยู่ในสภาพเมามาย แทบคงสติไม่อยู่ ตอนเช้าของวันที่ 12 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2521 ความสัมพันธ์ก็นี้พบจุดอันน่าเศร้า เมื่อซิดตื่นขึ้นมาพบแนนซีนอนสิ้นใจอยู่บนพื้นห้องน้ำในห้องพัก เพราะเสียเลือดจากแผลถูกแทงที่หน้าท้อง ซิดซึ่งเมาเฮโรอีนตลอดเวลา ไม่สามารถจำได้ว่าตนเองเป็นผู้ลงมือหรือไม่ แต่ก็ถูกจับและตั้งข้อหาฆาตกรรมทันที เวลานั้นมีทั้งผู้ที่เชื่อว่าซิดฆาตกรรมคนรักขณะมึนเมาเฮโรอีน และที่เชื่อว่าฆาตกรอาจเป็นพ่อค้ายาเสพติดที่เข้าออกห้องพักเป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 ซิดได้ประกันตัวออกมาด้วยเงินจำนวนห้าหมื่นเหรียญ หลังจากที่ถูกคุมขัง และต้องเข้าบำบัดอาการติดยาเสพติดเป็นเวลา 5 เดือนในเรือนจำไรเกอร์ส ไอแลนด์ (
มีผู้พบกลอนบทหนึ่งที่ซิดเขียนเล่าความทรมานที่ต้องอยู่โดยไม่มี “สาวน้อยที่รักของผม” ทำให้เชื่อกันว่าซิด ซึ่งเวลานั้นอายุ 21 ปี โศกเศร้าที่แนนซีคนรักได้จากไป จึงเสพยาเกินขนาดเพื่อฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากันว่า แอนน์ได้แอบนำเอาเถ้ากระดูกของซิดไปโปรยลงบนหลุมศพของแนนซี เพื่อให้วิญญาณของทั้งคู่ได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง การเสียชีวิตเมื่ออายุน้อยนับเป็นจุดจบอันน่าเวทนาสำหรับซิด วิเชียส เด็กหนุ่มผู้เคยเป็นโฉมหน้าของพังค์เมื่อครั้งมีชีวิต และยังคงเป็นที่จดจำของผู้นิยมดนตรีพังค์ตราบจนปัจจุบัน
[อันนี้คือกลอนที่ซิสให้แนนซี่นะ ปอลอลิง. บทแปลอยู่ข้างล่างนะ]
You are my little baby girl,
We share all our fears.
Such joy to hold you in my arms
And kiss away all your tears.
But now you're gone,
There's only the pain
And nothing i can do about it.
And i don't want to live this life any more,
If i can't live for you.
To my beautiful baby girl,
Our love will never die ..
สาวน้อยที่น่ารักของฉัน
เราร่วมกันเผชิญทุกความกลัว
การมีตัวเธออยู่ในอ้อมกอดช่างสุขสันต์
เมื่อฉันได้จูบซับนำตาของเธอ
แต่เธอกลับจากฉันไป
ทิ้งไว้เพียงความปวดร้าวแสนจะทน
ฉันหมดหนทางจะทำสิ่งใด
และฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
ถ้าฉันไม่ได้อยู่เพื่อเคียงข้างเธอ
ถึงเธอผู้เป็นที่รัก
รักของเราจะไม่มีวันตาย......
และนี่ก็เป็นเรื่องราวของซิด ตอนที่ถูกจับข้อหาฆาตกรรมแฟนตัวเอง แนนซี่ สปันแกน.. และก่อนจะเสียชีวิต
…เส้นทางชีวิตของ Sid Vicious หลังการจากไปของแนนซี่ผู้เป็นที่รักยิ่ง...
หนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 13 ตุลาคม 1978 ลงข่าวใหญ่เกี่ยวกับร็อคสตาร์ผู้โด่งดัง วันนี้เป็นการจากไปของแนนซี่ สปันแกน อย่างไม่มีวันกลับมา เธอถูกแทงตายในห้องพักของเธอที่นิวยอร์ค จากหลักฐานเห็นได้ชัดว่าเธอถูกฆาตกรรม และผู้ต้องสงสัยคือ ซิด วิคเชียส แฟนหนุ่มของเธอ ในเช้าวันนั้นตำรวจได้เข้าจับกุมตัว ซิดหลังจากถูกคุมขังก็ถูกส่งตัวไปบำบัดการเลิกยาเสพติดที่โรงพยาบาลในสถานคุมขังที่เบลาวู เพราะตอนนั้นซิด
กำลังติดเฮโรอีนอย่างแรง
เมื่อข่าวถึงลอนดอน มัลคอม แมคลาเรน ก็ฉวยโอกาสโดยการวางจำหน่ายเสื้อ ที่ร้าน เซ็กซ์ ของเขา บนเสื้อมีรูปซิดถือมีด และมีข้อความด้านล่างรูปว่า
" SHE's DEAD , I'M YOURS! "
ในระหว่างที่ซิดถูกคุมขังตัวอยู่ที่เกาะไรเดอร์ ซิดได้เขียนบันทึกไว้ด้วยว่า
"เธอ(แนนซี่).. อยู่ในความคิดของผมตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน..
ผมตื่นขึ้นมากลางดึก..เอื้อมมือหาเธอ
หาร่างที่อบอุ่นที่ผมประคองกอดทุกคืนตลอด 2 ปีเต็ม ผมเหงื่อออกร้อนผ่าวไปทั้งตัว..
ผมกำลังฝันว่าได้รักเธออีกครั้ง.. รสสัมผัสที่ยังตราตรึงทำให้ผมแทบคลั่ง...
แนนซี่ในชุดนอนเซ็กซี่สีแดงดำไม่เคยเลือนหายไปจากความคิด... ผมไม่มีวัน ฆ่าเธอได้ลง
ถ้าคุณได้รักใครสักคนมากเท่าที่ผมรักแนนซี่ คุณจะไม่มีวันฆ่าเธอได้เลย
ผมคิดถึงเวลาแห่งความสุขของเรา 2 คน..
แนนซี่มีความหมายสำหรับผม... เพราะ.. เราเหมือนกัน"
ราวกับเป็นการแสดงอารมณ์อ่อนไหวเพื่อปลอบใจตัวเอง หรือเป็นเพราะยาเสพติดที่หลอนประสาทของซิด หรือเพราะส่วนลึกของเขายังไม่ยอมรับความจริง หรือเพราะอะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือซิดและแนนซี่ถูกพันธนาการไว้ให้อยู่คู่กัน ยากที่คนอื่นจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทั้งสองเป็นอยู่
ในปากคำของซิด เขาตื่นขึ้นมากลางดึกเห็นแนนซี่กำลังเล่นมีดล่าสัตว์เล่มนั้นอยู่บนเตียง
ซึ่งเป็นมีดที่พวกเขาเพิ่งซื้อมาด้วยกันเมื่อวันก่อน
เขาแทบจะหลับลงในทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับเธอสักคำ พอเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งภาพที่เขาเห็นนั้นก็คือ..
เลือดเต็มที่นอนไปหมด เลือดนองไปทุกที่ บนผ้า บนหมอน บนพื้นเป็นทางยาวไปถึงห้องน้ำ
"ที่ผมคิดได้ตอนนั้นคือ แนนซี่ถูกฆ่าตาย"
ซิดลุกจากที่นอนทันทีวิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำ ภาพที่เห็นก็คือ แนนซี่ฟุบอยู่ที่อ่าง หลังจากตั้งสติอยู่พักหนึ่ง ก็วิ่งออกไปนอกระเบียงขอความช่วยเหลือ เมื่อตำรวจมาถึง เข้าใจว่า ซิดแต่งเรื่องขึ้นเพื่อพ้นความผิด ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ซิดพูด จึงถูกจับในที่สุด
ซิดถูกปล่อยตัวจากเกาะไรเดอร์ปลายเดือนพฤศจิกายน 1979 เพื่อออกมาอยู่ในความควบคุมของแม่ และเจ้าหน้าที่ ช่วงนั้นซิดมีแฟนใหม่คือ มิเชล โรบินสัน ซิดและมิเชลไปเที่ยวดิสโกเธคในนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และเกิดมีเหตุทะเลาะกับ ท็อด สมิธ พี่น้องของนักร้องดัง แพตตี สมิธ เขาถูกฟันที่หน้าด้วยเศษแก้วแตก ซิดยังอยู่ระหว่างการภาคทัณฑ์ จึงถูกจับอีกครั้ง พร้อมข้อห้ามเที่ยวสถานบันเทิงยามราตรีทุกแห่ง
เมื่อซิดได้รับการปล่อยตัว พวกเขาตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงให้กับซิดเพื่อเป็นการฉลอง แต่เขาขอยกเลิกเพราะต้องการพักผ่อน ..เขาเข้านอนเร็วในวันนั้น และเสพเฮโรอีนเข้าไปจำนวนมาก เนื่องจากร่างกายของเขาไม่ได้รับยามานาน ทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ทั้งๆที่เขาเคยใช้ยามานาน ไม่น่าเชื่อร่างกายเขาจะไม่อาจทานทน..
ซิดเคยบอกกับแม่ว่า.. "แม่ แนนซี่กำลังรอผมอยู่.. ถ้าหากผมรีบไป ผมจะตามคนที่ผมรักได้ทัน"
ดร. ไมเคิล บาเน หัวหน้าชันสูตรทางยาแห่งนิวยอร์ค ได้ชันสูตรศพของซิด ว่า
"ซิดตายโดยไม่เจตนา"
ความปราถนาครั้งสุดท้ายของซิด ก็คือให้ฝังศพของเขาเคียงข้างแนนซี่ ทว่าครอบครัวของ
สปันแกนปฎิเสธที่จะเปิดเผยสถานที่ฝังศพของแนนซี่
แอน เบเวอร์ลีย์ ด้วยความบังเอิญ เธอพบสุสานที่ฝังร่างของแนนซี่ เธอจึงเดินทางไปยังสุสานชาวยิวแห่งนั้นในฟิลาเดลเฟีย เพื่อนำเถ้ากระดูกของซิด ไปโรยที่หลุมฝังศพของแนนซี่
ในที่สุดเธอก็ได้ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของลูกชายเธอเป็นผลสำเร็จ...
- อ้างอิง -
http://www.hotshotdigital.com/WellAlwaysRemember.2/SidViciousBio.html. สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2548
http://www.popmatters.com/music/features/011108-25up5.html. สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2548
http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/february/2/newsid_2523000/2523601.stm. สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2548
http://www.answers.com/topic/sid-vicious. สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2548
http://www.answers.com/nancy%20spungen. สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2548
Szatmary, David P. Rockin’ in Time: a Social History of Rock-and-Roll.
ความคิดเห็น
เป็นความรักที่เจ๋งจิงๆ >0<
เราเชื่ออย่างนั้น เพราะถ้าหากเรารักใครสักคนเราก็จะไม่มีทางทำให้คน ๆ นั้นต้องเจ็บหรือทำร้ายเธอเด็ดขาด
ลองคิดดูถ้าคุณรักใครซักคน
คุณจะฆ่าเขาไม๊ tt'