isuru
ดู Blog ทั้งหมด

สวนผึ้ง-หัวหิน 1

เขียนโดย isuru

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคนที่เข้ามาสอดส่องหน้าบล็อกร้างๆแห่งนี้

นานมากแล้วที่ไม่ไดเข้ามาเขียนบล็อก

ล่าสุดคือเข้ามา ปักหมุดสร้างภาพเรื่องงาน

ฮ่าๆๆ คงไม่ถือใช่ไหมคะ

 

เอาล่ะ คราวนี้ มาทำสัญญาที่ค้างไว้นานมากกกกกก

เรื่องคือ นัดเที่ยว ตอนแรกว่าจะแบกเป้เที่ยวแต่มองซ้ายมองขวา

สมาชิกไม่ใช่แนวแบกเป้ เลยเปลี่ยนมาเป็น นั่งสวยเที่ยวแอ๊บแบ๊วถ่ายรูปกันแทน

เริ่มแรกคือ การโปรแกรมการท่องเที่ยวครั้งนี้ คือ สวนผึ้ง – อัมพวา –หัวหิน

แต่เมื่อหาข้อมูลมาแล้วปรากฏว่า อัมพวา จะมีร้านเปิดแค่วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

เพราะฉะนั้น ทริปนี้เลยไมได้แวะไป


 

เริ่มวันแรกก็นี่เลย การเดินทาง มาเที่ยวสวนผึ้ง

เราเลือกเดินทางโดยรถไฟนั่งจากรือเสาะ ด้วยขบวนรถเร็วธรรมดาที่ 171 อยากได้ตู้นอนเพื่อเก็บแรงเที่ยว แต่ตั๋วเต็ม ได้ชั้นสองนั่งเอน ลงที่สถานีราชบุรี

 

อร๊ายยยยอยากกรี๊ดดังๆ คราวหน้าคราวหลังจะไม่นั่งตู้นั่งแล้ว

ไม่สบายตัว ทำเพื่อนร่วมทริปเสียเส้น หงุดหงิด เที่ยวไม่สนุกเลย

รู้สึกผิดมาก เพราะเพื่อนไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว

 

ตอนเช้าเลยรู้สึกอยากชดใช้ ติดต่อพี่ไพโรจน์ ด่วนจี๋

พี่เขารับนักท่องเที่ยวพาทัวร์รอบๆสวนผึ้ง แต่ติดต่อพี่เขาเหมาแบบเหมา ตั้งแต่มารับที่สถานีรถไฟ พาเที่ยว กินข้าวและเข้าที่พักกันเลย เหมาทั้งวัน




ที่แรกที่มาถึงสวนผึ้ง เราไม่ได้แวะ สถานที่ท่องเที่ยวค่ะ แต่เราแวะ ร้านกาแฟ อินดี้ เก๋ๆ ริมทางหลวงกลางตลาดชัฏป่าหวาย

ที่นั่นคือ ร้านกาแฟพี่แหม่ม (จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว)


เพื่อนสาวหมายเลข1 http://instagram.com/zubai1986 
ที่ยืนหันหลัง มีผ้าขนหนูขาวพาดบ่า คือ พี่แหม่มค่ะ




It's me :::::  http://instagram.com/foxlady1986


ร้านนี้เก๋ๆตรงที่ ตัวร้านนั้นเป็นการนำรถกระบะยี่ห้อหนึ่ง(ไม่ได้ดูยี่ห้อ)มาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟลาว กาแฟโบราณ อยากบอกว่าที่นี่ลูกค้าเยอะมาก มีทั้งขาประจำและขาจร แวะมาแป๊บเดียว สั่งน้ำกันคนละแก้วสองแก้ว ดับกระหายคลายร้อนได้ชะงัดดีนัก ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ ธนาคารกรุงไทยสาขาชัฏป่าหวายเลยค่ะ

 

ออกจากตลาดแวะกันที่แลนด์มาร์กที่แรกกันเลยนั่นก็คือ บ้านหอมเทียน ที่นี่เสียค่าเข้าชมประมาณ40บาทต่อคน(ราคานี้ป่ะ จำไม่ได้ เดี๋ยวมาดิทใหม่อีกครั้งนะคะ)

ก็เดินเที่ยว เดินช็อปกัน สนุกสนาน วันนั้นเราไปถึงแต่เช้า (ประมาณ10นาฬิกา)




ไม่มีมนุษย์อยู่เลยซักคน(นอกจากเจ้าหน้าที่และคนงาน)




เอาล่ะเหวย สาวใต้จะได้ครองบ้านหอมเทียนแล้วเว้ยยยยย



กำแพงบ้านหอมเทียน

 

มีสี่คนจริงๆนะคะตอนนั้นน่ะ เดืนเที่ยวได้ไม่เท่าไหร่เราก็ออกมา ได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับมาด้วย เป็นเทียนหอมที่ระลึกจากบ้านหอมเทียน มูลค่าสี่สิบบาท หางตั๋วยังมีสิทธิ์แลกซื้อรหือเป็นส่วนลดสินค้าอย่างอื่นๆได้อีกด้วยนะคะ

****ตรงหน้าทางเข้า จะมีร้านสกรีนลายเสื้อแบบสั่งได้อยู่ร้านหนึ่งค่ะ

ราคาไม่แพง ประมาณตัวละร้อยสองร้อย วันนั้นตั้งใจว่าจะทำเสื้อเป็นที่ระลึก
แต่เจ้าของร้านไม่อยู่ ไปธุระ เด็กที่ร้านก็ทำไม่เป็นเลยอดได้เสื้อสวยๆมาฝากเพื่อนๆเลยค่ะ




 

ออกจากบ้านหอมเทียนเราก็ตรงไปยังสวนผึ้งทันทีเลยเพราะเกือบได้เวลาเช็กอินเข้าที่พักแล้ว

แลนด์มาร์กที่สอง คือ The Scenery Vintage Farm ที่นี่มาถึงก็คว้าร่มกันเลยทีเดียว 


 

แดดจัด ร้อนมาก และก็เหมือนเดิม เราครองที่นี่อีกแล้ว ไม่มีลูกค้า นักท่องเที่ยวท่านอื่นๆเลย



เห็นไหมคะ ซ้ายขวา ซ้ายขวา ไม่ีมีคนเลย 



เที่ยวสบายๆ ฟาร์มนี้เป็นของเรา



รูปนี้ด้านหลังทางเข้าค่ะ



เต็นท์ทางซ้ายมือของรูป ที่เป็นเต็นท์สีแดงสลับขาวนั่นคือซุ้มของเล่นค่ะ ส่วนเต็นท์แดงสลับฟ้า จะเป็นส่วนของของที่ระทึก เอ้ยยย ของที่ระลึกค่ะ


อ้อ เห็นแว้บๆว่ามีร้านอาหารอยู่ด้วย สงสัยไปอยู่ในนั้นกันหมดซะแล้ว(ก็ใกล้เที่ยงแล้วนี่คะ) ที่อาคารสองชั้นสีขาวด้านล่างนะคะ

ที่นี่เสียค่าเช้าชม40 บาทเช่นกันค่ะ(ราคานี้ป่ะ จำไม่ได้ เดี๋ยวมาดิทใหม่อีกครั้งนะคะ)

วิวสวยมาก เดินเหมือน คุณนายไปตรวจไร่อะไรประมาณนั้นเลย คือมือนึงกางร่ม มือนึงถ่ายรูป(เป็นหลักฐาน)

 

ฮ่าๆ ก็ชิวๆ รอเช็กอินกันน่ะนะคะ ภายในมีทั้ง ฟาร์มแกะ สวนสวย แล้วก็เอ้าเล็ทเล็กๆขายของที่ระลึกมากมายเลยค่ะ

มีบู้ธกิจกรรมแบบคาวบอยเล่นสนุกๆด้วย ทั้งยิงปืน ปาเป้า ชู้ตบาส(ที่พูดมานี่คือ #เล่นหมด #เสียตังอย่างเดียว #ไม่ได้อะไรซักชิ้น บ่งบอกฝีมือมาก)



หลังจากนั้น เราก็เข้าไปให้อาหารแกะสีขาวๆตุ่นๆ แต่ไม่เหม็นนะคะ

มีหลายตัวเชียว กระจัดกระจายอยู่ภายในคอก

การให้อาหารนี่คือ เอาตั๋วเข้าชมไปแลกหญ้ามาหนึ่งกำที่จุดแลกที่อยู่ภายในคอก(และถ้าต้องการอย่างอื่นๆสามารถซื้อเพิ่มได้ค่ะ)

ก็พากันเดินไปให้อาหารมันค่ะ

มากันสี่คนแต่ได้ให้อาหารจริงแค่คนสองคน


 

เพราะ คนแรกถือ เดินออกมายังไม่ทันพ้นหน้าจุดแลกของดีเลย แกะตะกุยร่างจะกินหญ้าแล้ว ด้วยความตกใจ ทิ้งหญ้า วิ่งฝ่า(กลิ่น)แกะออกมาทันที


คนที่สอง ออกมาพร้อมๆกับคนแรก (ตามหลังมาติดๆ)เห็นเหตุการณ์กับเพื่อนเลยตัดสินใจยกมือขึ้นนนน

ฮ่าๆๆๆ เราชนะ แกะตะกุยหญ้าไมได้ แต่เดินตามประชิดเชียว หันซ้ายหันขวาไม่ได้เลย สุดท้ายก็ต้องวางหญ้าลงให้แกะกินใกล้ๆนั่นจนได้ เพื่อนอีกคนก็เหมือนกัน สรุปสามคนนั้น ได้ให้อาหาร ห่างจากจุดแลกของประมาณห้าก้าว



เราฝากเพื่อนแลกหญ้าไว้รอถ่ายรูปสนุกๆดีกว่า แต่พอเห็นสภาพเพื่อนๆแล้ว อดเสียดายหญ้าและบรรยากาศดีๆไม่ได้เลยเดินไปหยิบหญ้าจากเพื่อนมากำนึง ชูสูงๆ มองหน้าเจ้าแกะที่บังอาจจะเข้ามาประชิดตัวด้วยแววข่มขู่เล็กๆ ฮ่าๆ เสร็จนางพญาซิคะ

 

สงสัยแกะจะรู้ตัวว่า ไอ่นี่อันตราย(ทั้งรังสีอำมหิต ทั้งหลิ่นตัว ก็แน่สิยังไม่ได้อาบน้ำนี่ยะ) เข้าใกล้มากนักไม่ได้ มันมองหน้าแล้วค่อยๆเดินมาใกล้ๆ แต่ไม่ได้ประชิดเท่าที่เพื่อนโดน เราเลยสบายๆเดินไปกลางๆคอกซักหน่อย ตัวเล็กๆที่อยู่รอบนอกจะได้มีบุญกินหญ้าด้วย ไม่งั้นคงโดนมาเฟียแกะ ที่คุมอยู่แถวๆหน้าจุดแลกของดักกินซะหมด สังเกตได้เลยว่า ตัวที่อยู่แถวๆนั้นจะเป็นตัวโตอาจจะเต็มวัยแล้วทั้งนั้นเลย





 

เสร็จจากให้หญ้าแกะแล้ว ออกจากคอกตรงไปนั่งที่ร้านขายของฝากมีนมเกล็ดหิมะและไอศกรีมแฮนด์เมดจากนมแกะบริการด้วยราคาก็สมน้ำสมเนื้อกับคำว่าแฮนด์เมดละนะ ชิมแล้ว ไม่มีกลิ่นคาวเลย อร่อยดีค่ะ



ไอศกรีมแฮนด์เมดหลายรสชาดค่ะ


แล้วที่ใกล้ๆกันก็มีที่นั่งบริการลูกค้าด้วย (ภาพไม่ค่อยชัดนะคะ รีบเอามาลง)

ใกล้ๆกันนั้น(อยู่ด้านตรงข้ามกับหน้าร้านน่ะค่ะ คือด้านหลังคนถ่ายรูปบนนี้)จะเป็นส่วนทางเข้ารีสอร์ทหรือที่พักพนักงานก็ไม่ทราบค่ะ ไม่แน่ใจ แต่ตรงนั้นวิวสวย บรรยากาศดีมากกก แต่เข้ากั้นด้วย “บุคคลภายนอกห้ามเข้า” พร้อมแนวกำแพงต้นไม้เขียวทึบอีกเล็กน้อยค่ะ



แกะมาเฟียค่ะ




 

ออกจากฟาร์มแกะแล้วเดี๋ยวเราไปต่อที่ แลนด์มาร์กที่สาม อีกบล็อกนะคะ รู้สึกว่าบล็อกนี้จะยาวเกินไปละ เต็มไปด้วยรูป

 



ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น