ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Fairy Tail] Fairy Hotter

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter II :: หมวกคัดสรร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 424
      4
      9 มี.ค. 58





    Chapter 2

    :: หมวกคัดสรร ::

     

     

    หลังผ่านพ้นจากการเดินทางอันแสนหฤโหดมาได้นั้น  เหล่านักเรียนที่โดยสารมากับรถไฟขบวนใหญ่ที่ออกมาจากชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ก็ได้เดินทางมาถึงโรงเรียนฝึกวิชาและเวทมนต์ศาสตร์ชั้นสูงฟิโอเร่กันเสียที 

     

    เหล่าเด็กเรียนต่างทยอยลงจากรถไฟกันด้วยความรู้สึกต่างๆ นานา  โดยเฉพาะเหล่านักเรียนใหม่ที่มีท่าทีตื่นเต้นปนหวาดวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด  เพราะพวกเขาเพิ่งจะได้มีโอกาสมายังโรงเรียนแห่งนี้เป็นครั้งแรก  ปกติส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มาเยือนที่นี่เป็นครั้งแรกมักมีอาการตื่นตาตื่นใจกับสภาพของโรงเรียนฝึกวิชาและเวทมนต์ศาสตร์ชั้นสูงฟิโอเร่  เพราะโรงเรียนแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับปราสาท  มีความกว้างใหญ่ราวกับอยู่ในเมืองๆ หนึ่ง  และรอบๆ นั้นก็รายล้อมไปด้วยดอกไม้สารพันชนิด  สมกับชื่อ ฟิโอเร่ที่แปลว่าดอกไม้จริงๆ  ต่างจากพวกนักเรียนเก่าที่ทำเพียงขนของลงมาแล้วเดินกระจายกลุ่มแยกย้ายกันไปด้วยความเร่งรีบ 

     

    เพียงไม่นาน...ชายร่างสูงผู้หนึ่งก็เดินมายังสถานีรถไฟและประกาศคำสั่งเสียงดังฟังชัด    

     

    “เอาล่ะเด็กใหม่ทั้งหลาย  ช่วยเข้าแถวให้เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย  เพราะเดี๋ยวฉันจะนำพวกนายทุกคนไปยังห้องโถงใหญ่ของโรงเรียน”

     

    “อ้าวเฮ้ย! กิลดาร์ซ” นัตสึที่เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเป็นใครก็รีบเอ่ยทัก  พลางโบกไม้โบกมือเรียกกิลดาร์ซเป็นการใหญ่  พร้อมทั้งวิ่งเข้าไปหาเขา 

     

    “ไงนัตสึ” กิลดาร์ซยิ้มรับก่อนจะเอ่ยทักทายกลับ “เป็นไงบ้าง  เดินทางลำบากไหม?”

     

    “ลำบากก็ตรงที่หาชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ไม่เจอนี่แหละเฟ้ย” นัตสึว่า “โชคดีนะที่ได้คนที่ชื่อเอลซ่าช่วยไว้”

     

    กิลดาร์ซขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่นัตสึเพิ่งเอ่ยออกมา “เอลซ่า...  นายหมายถึงคนที่ผมสีแดงๆ รึเปล่า?”

     

    “ใช่ๆ  นายก็รู้จักด้วยเหรอ?”

     

    “อืม...รู้จักสิ  สงสัยต้องไปเลี้ยงตอบแทนเอลซ่าซะหน่อยที่อุตส่าห์ช่วยนำทางให้นาย” กิลดาร์ซตอบยิ้มๆ  ก่อนจะหันหลังเดินออกไป  แล้วตะโกนสั่งเหล่านักเรียนอีกครั้ง  “เอ้า เร็วเข้า!!

     

    หลังจากนั้นกิลดาร์ซก็นำทางเหล่านักเรียนมายังหน้าประตูห้องโถงใหญ่  ที่ตรงนั้นมีหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวประกายดุจดั่งอัญมณีกำลังยืนรออยู่   เธอมีรูปร่างและใบหน้างดงาม  กิริยาท่วงท่าดูสง่าราวกับว่าเป็นเจ้าหญิงก็มิปาน 

     

    “ยินดีต้อนรับพวกเธอเด็กใหม่ทุกคนเข้าสู่โรงเรียนฝึกวิชาและเวทมนต์ศาสตร์ชั้นสูงฟิโอเร่” เธอกล่าวพลางยิ้มแย้มให้เหล่านักเรียน “ฉันชื่อฮิซุย  เป็นรองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้”

     

    “เดี๋ยวฉันจะนำพวกเธอเข้าไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อเจอกับเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ  ซึ่งนั่งรอพวกเธออยู่ที่โต๊ะประจำกิลด์  แต่ก่อนที่พวกเธอจะไปนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาเหล่านั้น  พวกเธอจะต้องผ่านการคัดสรรเข้าสู่กิลด์เสียก่อน”

     

    “กิลด์คืออะไรเหรอคะ?” เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีชมพูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเวนดี้เอ่ยถามขึ้นมา

     

    “กิลด์ก็คือบ้าน  สมาชิกในกิลด์ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัว  และพวกเธอจะต้องอาศัยออยู่ในกิลด์ไปจนกว่าจะจบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้” ฮิซุยเอ่ยตอบ  นัยน์ตาสีนิลกวาดมองหน้าเหล่านักเรียนทั้งหมด  แล้วเอ่ยต่อ “อธิบายต่อก็แล้วกันนะ  โรงเรียนนี้มีกิลด์อยู่  7 กิลด์ด้วยกัน  คือ  ควอโทรเซเบอรัส  เซเบอร์ทูธ  บลูเพกาซัส  แฟรี่เทล  เมอร์เมดฮีล  เรเวนเทล  และลาเมียสเกล  ซึ่งพวกเธอจะเข้าสู่กิลด์ได้โดยต้องผ่านการคัดสรรจากหมวก  เอาล่ะ...เข้าไปในห้องโถงกันเลย”

     

    อธิบายจบก็ไม่รอช้าให้เสียเวลาไปมากกว่านี้  หญิงสาวผู้มีสถานะเป็นรองอาจารย์ใหญ่ก็รีบพาเด็กๆ เดินเข้าสู่ห้องโถงทันที   

               

                เหล่านักเรียนหน้าใหม่ต่างเดินต่อแถวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ด้วยอาการตื่นเต้น  ไม่ว่าจะตื่นเต้นเพราะความแปลกประหลาดของเพดานห้องที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟแสงจ้าจนมองไม่เห็นเพดาน  หรือตื่นเต้นกับสายตาของบรรดานักเรียนเก่าที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตัวยาวอันเป็นโต๊ะประจำตัวของแต่ละกิลด์

     

    บรรยากาศในห้องตอนนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงจอแจของผู้คนจนฟังไม่ได้ศัพท์

     

    นัตสึที่เดินแถวคู่กับกาซิลก็แอบกระซิบกระซาบกันกับความแปลกประหลาดของที่นี่  “ดูนั่นสิกาซิล  ไอ้ห้องนี้มันไม่มีเพดานฟร่ะ”

     

    “เออว่ะ  ไม่มีเพดานจริงๆ ด้วย” กาซิลตอบอย่างเห็นด้วย

     

    “นี่เป็นเพดานเวทมนต์ค่ะ  ทำเลียนแบบท้องฟ้ายามราตรี  แล้วก็ประดับพวกแสงเทียนเอาไว้” เวนดี้ที่เดินอยู่ข้างหน้าหันมาอธิบายให้นัตสึกับกาซิลเข้าใจ  ก่อนจะหันกลับไปอธิบายให้คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเธอได้เข้าใจบ้าง

     

    เสียงจอแจยังคงดังอย่างไม่หยุดหย่อน  พอดีกับที่ฮิซุยเดินพาแถวนักเรียนใหม่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเหล่าคณาจารย์ประจำโรงเรียน

     

    “เอาล่ะเงียบๆ ได้แล้ว” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีหยกกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง  หากแต่มันกลับก้องกังวานไปทั่วห้องอย่างน่าประหลาดใจ  ทำให้เสียงจอแจเมื่อครู่หายไป...แทนที่ด้วยความเงียบกริบ

     

    เมื่อเห็นว่าทั้งห้องโถงเงียบดีแล้ว  หญิงสาวจึงหันมากล่าวกับพวกนักเรียนใหม่  “ฉันจะขานชื่อของพวกเธอทีละคน  เมื่อขานชื่อใครก็ให้ก้าวออกมาข้างหน้า  ท่านอาจารย์ใหญ่จะเป็นผู้สวมหมวกให้กับเธอเอง  และเมื่อหมวกประกาศชื่อกิลด์แล้ว...ก็เชิญพวกเธอไปยังโต๊ะประจำกิลด์ได้เลยทันที” ฮิซุยกล่าวพลางชี้นิ้วไปยังเก้าอี้สองตัวที่วางอยู่ตรงหน้าแถวของนักเรียนใหม่  ซึ่งตัวหนึ่งเป็นเก้าอี้ว่างเปล่า  และอีกตัวหนึ่งเป็นเก้าอี้ที่อาจารย์ใหญ่ผู้มีขนาดตัวเล็กยืนอยู่  ในมือของอาจารย์ใหญ่ถือหมวกทรงแหลมสูงเอาไว้อย่างเตรียมพร้อม 

     

    “คนแรก...มิสเวนดี้  มาร์เวล”

     

    “ค่ะ” เด็กสาวเจ้าของชื่อตอบรับคำ  ก่อนจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่ว่าง  แล้วอาจารย์ใหญ่ก็วางหมวกลงบนหัวของเวนดี้  เพียงไม่นานหมวกใบนั้นก็ขยับอ้าให้เห็นปากและเอ่ยออกมา

     

    “แฟรี่เทล”

     

    จบจากคำประกาศ  เสียงฮือฮาของสมาชิกนักเรียนในกิลด์แฟรี่เทลก็ดังกระหึ่มขึ้นทันที  พลางกวักมือเรียกให้เวนดี้ยังนั่งยังโต๊ะประจำกิลด์  เพื่อรอสมาชิกคนต่อไป

     

    “มิสเชอเรีย  เบลนดี้”

    “ลาเมียสเกล”

     

    “มิสเตอร์อีฟ  ทีลม์”

    “บลูเพกาซัส”

     

    “มิสมิเลียน่า”

    “เมอร์เมดฮีล”

     

    รองอาจารย์ใหญ่ยังคงประกาศรายชื่อต่อไปเรื่อยๆ  นัตสึเองก็มองเจ้าหมวกคัดสรรนั้นตัดสินด้วยความประหลาดใจปนตื่นเต้น  จนกระทั่งชื่อของกาซิลถูกประกาศ  ทำให้เขาหันไปมองเพื่อน(?)

     

    “มิสเตอร์กาซิล  เร้ดฟอกซ์”

     

    “อืม...” หมวกคัดสรรพึมพำไปมาราวกับกำลังขบคิดตัดสินใจ  จนสุดท้ายก็ประกาศออกมา “แฟรี่เทล”

     

    “อะไรฟะ  ดราก้อนสเลเยอร์อย่างเวนดี้กับกาซิลได้อยู่แฟรี่เทลหมดเลย  แล้วเราจะได้อยู่อะไรฟะเนี่ย??” เจ้าของเรือนผมสีชมพูได้แต่บ่นงึมงำกับตัวเอง  ในใจก็คิดอยากจะอยู่กับกิลด์แฟรี่เทล  เพราะเพื่อน(?)ก็ได้เข้าไปอยู่กิลด์นั้นแล้ว  อีกทั้งเขาเองก็รู้สึกผูกพันกับชื่อกิลด์อย่างบอกไม่ถูก

     

    “มิสเตอร์สติงก์  ยูคลิฟ”

     

    ชื่อที่เพิ่งประกาศไปนั้นพาให้นัตสึต้องหันไปมองหน้าเจ้าของชื่อทันที  เพราะเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน “ชื่อคุ้นๆ แหะ”

     

    หมวกคัดสรรประกาศกิลด์ทันที “เซเบอร์ทูธ”

     

    “มิสเตอร์โร้ค  เชนี่”

    “เซเบอร์ทูธ”

     

    เจ้าของสมญานามซาลามันเดอร์มองสองบุคคลที่เพิ่งผ่านการคัดสรรเข้าสู่กิลด์เซเบอร์ทูธด้วยความรู้สึกคุ้นหูกับชื่อของพวกเขา  ก่อนจะนึกออกในที่สุดว่าสองคนนั้นก็คือสองคู่หูดราก้อนสเลเยอร์แสงและเงา หรือที่มีสมญานามว่า มังกรคู่’  แล้วนัตสึก็ฉีกยิ้มกว้าง “ดราก้อนสเลเยอร์เยอะแยะไปหมดเลยแฮะ  น่าสนใจจริงๆ”

     

    แล้วการคัดสรรคนเข้ากิลด์ก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งถึงชื่อของนัตสึ

     

    “มิสเตอร์นัตสึ  ดรากูนีล”

     

    เพียงแค่ประกาศชื่อออกมา...เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีกครั้ง  ทั้งจากคณาจารย์และเหล่านักเรียนทั่วๆ ไป  นั่นเพราะชื่อของเขาเป็นที่รู้จักกันดี...ไม่ใช่ในฐานะซาลามันเดอร์  แต่เป็นในฐานะ เด็กชายผู้รอดชีวิต

     

    นัตสึเดินออกไปนั่งยังเก้าอี้ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย  ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ชอบที่ถูกใครๆ เรียกหรือมองว่าเขาเป็นเด็กชายผู้รอดชีวิตบ้าบออะไรนั่น  จะมองก็มองให้เห็นตัวตนความเป็นซาลามันเดอร์ผู้แสนเก่งกาจสิเฟ้ย!

     

    หมวกคัดสรรถูกวางลงบนศีรษะอย่างเบามือ  เพียงครู่เดียวหมวกใบนั้นก็เอ่ยถามคำถามกับนัตสึ “อยากอยู่กิลด์ไหนล่ะ?”

     

    ไม่เอาสลิธีรีน  กิลด์ไหนก็ได้เฟ้ย  อยู่ได้หมดแหละ  แต่มีความรู้สึกอยากเข้าแฟรี่เทลแปลกๆ แฮะ” นัตสึเอ่ยตอบหมวกใบนั้นด้วยรอยยิ้มยียวน

     

    “หึ...แฟรี่เทลงั้นเหรอ?” หมวกใบนั้นว่า  ก่อนจะพึมพำอะไรไม่ได้ศัพท์อยู่เสียนาน  จนสุดท้ายก็ประกาศออกมาเสียงดัง “แฟรี่เทล!

     

    สมาชิกกิลด์แฟรี่เทลต่างส่งเสียงเฮลั่น  ดีใจที่คราวนี้ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ที่เป็นถึง เด็กชายผู้รอดชีวิต

     

    นัตสึเดินตรงมายังโต๊ะประจำของกิลด์แฟรี่เทล  ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เวนดี้และกาซิลที่มานั่งอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

     

    “ไงเจ้าซาลามันเดอร์” กาซิลเอ่ยทัก “ได้อยู่กิลด์เดียวกันจนได้”

     

    “เออสิเฟ้ย” นัตสึว่า  ก่อนจะยกมือขึ้นแท็คกับกาซิล  แล้วหันไปยิ้มให้เวนดี้อีกคน 

     

    แม้จะเพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่นานนัก  และยังไม่ได้รู้จักกันดีพอ  หากแต่ด้วยความดราก้อนสเลเยอร์เหมือนกันและได้สนทนาทำความรู้จักกันมาบ้างแล้ว  ทำให้ทั้งสามดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้อยู่ร่วมกิลด์เดียวกัน

     

    “แต่ก็น่าเสียดายนะคะ  ถ้าคุณสติงก์กับคุณโร้คได้อยู่กิลด์แฟรี่เทลด้วยนี่  คงจะดีไม่น้อยเลยนะคะ” เวนดี้ว่าอย่างอดเสียดายไม่ได้  เพราะถ้าดราก้อนสเลเยอร์เด็กใหม่ทั้ง  5 คนได้อยู่กิลด์เดียวกัน  คงจะเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ใจไม่น้อยแน่ๆ  แต่ที่น่าเสียดายที่สุดคงจะเป็นเด็กสาวที่ชื่อเชอเรียนั่นมากกว่า  เพราะเป็นคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน  อีกทั้งเวนดี้ยังได้พูดคุยจนสนิทสนมกันแล้วด้วย

     

    “เอาน่า  ถึงจะอยู่กันคนละกิลด์  แต่ก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน  ได้เจอกันบ่อยๆ อยู่แล้วล่ะ” นัตสึว่าพลางตบหัวเวนดี้เบาๆ เป็นการปลอบใจ

     

    “ไง”

     

    น้ำเสียงเข้มเอ่ยทักจากด้านข้างให้พวกนัตสึหันไปมอง  ก่อนจะเป็นนัตสึที่ยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อพบว่าคนที่เอ่ยทักเมื่อครู่นี้เป็นใคร

     

    “เจอกันอีกจนได้นะ” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงว่า

     

    “เอลซ่า!!

     

    “ยินดีต้อนรับสู่แฟรี่เทลนะ” เอลซ่ายิ้มให้นัตสึ  

     

    “เธอเองก็อยู่แฟรี่เทลรึเนี่ย??” นัตสึเอ่ยถาม “แถมยังเป็นรุ่นพี่ซะด้วย”

     

    “ใช่...” เอลซ่าว่า ก่อนจะมองกาซิลและเวนดี้ที่ทำท่าทางงงงวย “ฉันเอลซ่า สกาเล็ต เป็นสมาชิกของกิลด์แฟรี่เทล”

     

    “สวัสดี” กาซิลเอ่ยตอบด้วยสีหน้าหน่ายๆ  ต่างจากเวนดี้ที่ยิ้มหวาน

     

    “สวัสดีค่ะคุณเอลซ่า  หนูชื่อเวนดี้นะคะ”

     

    ทักทายกันได้พอเป็นพิธี  ฮิซุยก็ประกาศให้เหล่านักเรียนภายในห้องโถงใหญ่เงียบเสียงกันอีกครั้ง  “อาจารย์ใหญ่มีอะไรอยากจะกล่าวกับพวกเธอเด็กใหม่” ว่าแล้วก็หลบฉากให้อาจารย์ใหญ่แต่ตัวเล็กผู้ยืนอยู่บนเก้าอี้ได้กระโดดลงมา

     

    “สวัสดีทุกๆ คน  และยินดีต้อนรับทั้งนักเรียนเก่าและนักเรียนใหม่  ในวาระที่โรงเรียนของเราใกล้จะเปิดภาคเรียนใหม่แล้ว  ฉันจึงได้มีโอกาสต้อนรับเด็กนักเรียนใหม่เข้ามาสมาชิกของโรงเรียน  และหวังว่านักเรียนทั้งหมดจะมีความสุขกับเทอมใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นนี้  สุดท้ายนี้...เริ่มงานเลี้ยงได้!!

     

    จบคำประกาศ  เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที  ก่อนจะตามด้วยเสียงดนตรีบรรเลงคลอเคลียเพื่อเพิ่มบรรยากาศในงานเลี้ยงต้อนรับเหล่านักเรียนใหม่ให้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน  เหล่านักเรียนแต่ละกิลด์ต่างก็พูดคุยกับเด็กใหม่ในกิลด์ตนเองเพื่อเพิ่มความสนิทสนมกันจนเสียงดังเซ็งแซ่เต็มห้องโถงไปหมด  หากแต่คราวนี้รองอาจารย์ใหญ่กลับไม่ประกาศให้เงียบเสียง  เพราะเข้าใจดีว่าตอนนี้ทุกๆ คนกำลังมีความสุขกับงานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้

     

    @@@@@@@@@

     

    หลังจากจบงานเลี้ยงต้อนรับ  นักเรียนในแต่ละกิลด์ต้องแยกย้ายกันกลับไปยังหอพักของแต่ละกิลด์เพื่อพักผ่อน และเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมของแต่ละกิลด์ในวันพรุ่งนี้

     

    ณ หอพักของกิลด์แฟรี่เทล

     

    เนื่องจากเพิ่งกินอิ่มๆ กันมา หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มจะหย่อน  ต่างคนก็อยากที่จะพักผ่อนเต็มทีแล้ว  หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงจึงออกคำสั่งแก่เพื่อนสมาชิกในกิลด์ “พวกเด็กเก่ากลับไปพักผ่อนที่ห้องพักของตัวเองได้  ยกเว้นเกรย์  เรวี่  และลูซี่” และทุกคนก็ทำตามคำสั่งของเอลซ่าอย่างว่าง่าย  ต่างแยกย้ายกันกลับไปยังห้องพักของตน  เหลือไว้เพียงบุคคลที่ถูกเอ่ยชื่อ

     

    “มีอะไรเหรอเอลซ่า  เรียกพวกฉันไว้ทำไม?” ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มออกดำเอ่ยถามขึ้นมา

     

    “ฉันอยากให้พวกเธอทั้งสามคนเป็นพี่เลี้ยงเด็กใหม่น่ะ” เอลซ่าหันมาตอบ

     

    “เอ่อ...เรวี่กับลูซี่น่ะ  น่าจะดูแลเด็กใหม่ได้ดีนะ  แต่ทำไมต้องให้ฉันดูแลอีกคนด้วยล่ะ?”

     

    “ก็เรวี่กับลูซี่เป็นผู้หญิง  ฉันอยากจะให้มีผู้ชายคอยช่วยดูแลด้วย” หญิงสาวกล่าวตอบ “นายมีปัญหาอะไรกับการตัดสินใจของฉันอย่างนั้นเหรอเกรย์ ?”

     

    “ปละ...เปล่าเฟ้ย” เกรย์เอ่ยตอบเอลซ่า  ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นเนื่องจากไม่อยากจะพูดคุยกับผู้หญิงท่าทางน่ากลัวอย่างเอลซ่าต่อแล้ว

     

    หญิงสาวเรือนผมยาวสีแดงหันหน้ากลับมามองเหล่าเด็กใหม่ที่ยืนมองทุกอย่างภายในกิลด์อย่างตื่นเต้น “เอาล่ะพวกนาย  ฉันจะขอแนะนำให้พวกนายรู้จักกับคนที่จะคอยดูแลและให้ความช่วยเหลือพวกนาย  คนแรก...เกรย์” เอลซ่าว่าพลางผายมือไปทางเกรย์ 

     

    “สวัสดี  ฉันเกรย์  ฟูลบัสเตอร์” ชายหนุ่มนามเกรย์กล่าวแนะนำตัวเอง  พร้อมทั้งก้มหน้าลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายเหล่าเด็กใหม่

     

    “แล้วก็...” เอลซ่าผายมือไปยังหญิงสาวร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเกรย์นัก

     

    “ฉันเรวี่  แมคการ์เดน” เธอกล่าวแนะนำตัวพลางยิ้มหวานให้กับพวกเด็กใหม่  “ถ้าสงสัยเรื่องอะไรภายในกิลด์ก็มาถามฉันได้เลยนะ”

     

    “แล้วก็คนสุดท้าย...” เอลซ่าว่าพลางเหลือบสายตาไปยังอีกคน....ที่น่าจะอยู่ด้วย

     

    หากแต่ที่แห่งนี้กลับมีเพียงเธอ เกรย์  เรวี่ และเด็กใหม่อีก 5 คนเพียงเท่านั้น  ไร้เงาของร่างที่เธอกำลังจะเอ่ยแนะนำให้พวกเด็กใหม่ได้รู้จัก

     

    “ลูซี่หายไปไหน?” เอลซ่าหันมาถามเกรย์กับเรวี่ที่ทำหน้าตื่นตกใจ  ก่อนจะเป็นเรวี่ที่เดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเอลซ่าเสียงเบา

     

    “จริงสิ เอลซ่าเพิ่งจะกลับมานี่นา...คงจะไม่รู้สินะว่าลูจังน่ะโดน...กักบริเวณให้อยู่แต่ในห้องพัก 3 วันน่ะ” เรวี่ว่า

     

    “โดนกักบริเวณ ?” เอลซ่าทวนคำพูดของเรวี่ด้วยความสงสัย “แม้แต่งานเลี้ยงต้อนรับเด็กใหม่ก็ไม่สามารถมาร่วมงานได้งั้นเหรอ?”

     

    “ใช่แล้วล่ะ” เกรย์เดินเข้ามาใกล้และเอ่ยตอบคำถามให้

     

    “ทำไมล่ะ? ยัยนั่นไปทำผิดร้ายแรงอะไรไว้  ถึงได้โดนกักบริเวณแบบนั้น??” คนผมแดงหันมาถามทั้งสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตน

     

    เกรย์กับเรวี่ทำหน้าเหรอหรา  ก่อนที่เรวี่จะกระซิบเสียงเบากับเอลซ่าอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้เธอกลับปรับน้ำเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้...เพราะกลัวว่าคนอื่นๆ จะได้ยินไปด้วย “ลูจังโดนลงโทษ  เพราะโดนจับได้ว่าแอบไปค้นหนังสือลับในห้องสมุดเข้าน่ะ”

     

    แม้จะกระซิบเสียงเบาเพียงใด  แต่มันก็ไม่เป็นผลเมื่ออยู่ต่อหน้าดราก้อนสเลเยอร์

     

    ใช่...เด็กใหม่ 3 ใน 5 คนของกิลด์แฟรี่เทลเป็นดราก้อนสเลเยอร์  และแน่นอนว่าพวกเขาได้ยินในสิ่งที่เรวี่กระซิบกระซาบบอกกับเอลซ่า

     

    “หนังสืออะไรเหรอฟระ?” นัตสึโพล่งคำถามขึ้นมา  ทำให้นักเรียนเก่าทั้งสามอย่างเอลซ่า เกรย์ และเรวี่สะดุ้ง  ก่อนทั้งสามจะเหลือบมามองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจในแวบแรก  แต่เพียงแวบเดียวสีหน้าเหล่านั้นก็ถูกกลบไว้ด้วยรอยยิ้ม

     

    “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” เรวี่หันมากล่าวกับเหล่าเด็กใหม่ “ว่าแต่...พวกเธอช่วยแนะนำตัวให้พวกเรารู้จักหน่อยสิ  ฉันยังจำชื่อพวกเธอไม่ได้เลย”

     

    แม้จะยังสงสัยในสิ่งที่ทั้งสามคุยกัน  แต่เมื่อเห็นว่าเรวี่พยายามเปลี่ยนเรื่องแบบนี้  เวนดี้จึงได้แต่ตามน้ำด้วยการเอ่ยแนะนำตัวเป็นคนแรก “หนูชื่อเวนดี้  มาร์เวลค่ะ”

     

    “ผมโรเมโอ  คอนวอลท์ครับ” เด็กชายที่ดูท่าทางรุ่นราวคราวเดียวกับเวนดี้เอ่ยแนะนำตัวบ้าง

     

    “แม็กซ์  อาโลเซ่” ชายหนุ่มผมม้าตอบ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

     

    “กาซิล  เร้ดฟอกซ์” กาซิลเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ  เนื่องจากเขายังสงสัยเรื่องหนังสือลับที่พวกเรวี่พูดถึงกัน

     

    “ส่วนฉันก็..นัตสึ  ดรากูนีล”

     

    เรวี่ยิ้มหวานให้พวกเด็กใหม่ “ยินดีที่ได้รู้จักพวกนายนะ  ฉันและเกรย์ได้รับหน้าที่ให้คอยดูแลและช่วยเหลือพวกนายเด็กใหม่  อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า...ถ้าหากมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามพวกฉันได้เลย  หรือถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ”   

     

    นัตสึขมวดคิ้วมองเธอ  ก่อนจะเอ่ยคำถามขึ้นมา “แล้วลูซี่ที่พูดถึงนี่  ใครกัน??”

     

    “ลูซี่เป็นอีกคนที่จะคอยดูแลพวกนายน่ะ” เอลซ่าตอบคำถามให้นัตสึ

     

    “แล้วลูซี่อะไรนั่นไปไหนล่ะ?  ทำไมไม่มาแนะนำตัวกับพวกเรา?” กาซิลยิงคำถามต่อทันที

     

    เรวี่มองสบตากับเอลซ่า  ก่อนจะหันมายิ้มอีกครั้ง “ลูซี่ไม่ค่อยสบายน่ะ  นอนพักอยู่ที่ห้องพักของตัวเอง  เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกนายก็ได้เจอกับเธอเองแหละ”

     

    “แต่เมื่อกี้พวกเราได้ยินว่าโดนกักบริเวณไม่ใช่เหรอ?” นัตสึยังคงถามคำถามมาอีกครั้ง

     

    คราวนี้ทั้งเอลซ่า  เกรย์  และเรวี่ได้แต่มองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจที่จะตอบคำถามจากเด็กใหม่ขี้สงสัยอย่างนัตสึกับกาซิลเต็มทีแล้ว

     

    “เอาล่ะ  ได้เวลาพักผ่อนแล้ว  พวกนายกลับไปพักผ่อนที่ห้องก็แล้วกันนะ  พรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่เด็กใหม่อย่างพวกนายต้องทำอีกมาก” สุดท้ายแล้วเอลซ่าจึงเอ่ยตัดบท  แล้วเชิญให้พวกเด็กใหม่กลับไปพักผ่อน...หรือจะมองอีกมุมมันก็คือการไล่ดีๆ นี่เอง “เรวี่พาเวนดี้ไปหอพักสตรี  ส่วนเกรย์...นายพาผู้ชายที่เหลือไป”

     

    “จ้า/อืม” เรวี่และเกรย์ตอบรับคำสั่งของเอลซ่า  ก่อนจะพาตัวเด็กใหม่เหล่านั้นกลับไปส่งยังห้องนอน  โดยก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนั้น  เอลซ่าได้สบตากับทั้งสองเป็นเชิงบอกให้กลับมาที่นี่อีกครั้งหลังจากเสร็จธุระแล้ว

     

    @@@@@@@@@@@

     

    หลังจากที่พาพวกเด็กใหม่ไปส่งเข้าห้องนอนเรียบร้อยแล้ว  ทั้งเรวี่และเกรย์ก็กลับมาพบกับเอลซ่าที่ห้องเดิมอีกครั้ง  พลางพูดคุยกันถึงเรื่องราวของ ลูซี่

     

    “แล้วตกลงว่าลูซี่ไปค้นหนังสืออะไรเข้าล่ะ?  ถึงได้โดนกักบริเวณจนถึงขั้นที่ทางโรงเรียนไม่ยอมให้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับน่ะ” เอลซ่าเอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัย

     

    “คือ  ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนักหรอก  แต่มาสเตอร์บอกว่าลูจังถูกทางอาจารย์ใหญ่ลงโทษเนื่องจากไปค้นคว้าเอาหนังสือลับที่ไม่ควรจะแตะต้องน่ะ” เรวี่กล่าวอธิบาย

     

    “หนังสืออะไรกันล่ะ?”

     

    เกรย์มองรอบบริเวณเพื่อจะสำรวจให้แน่ใจว่าที่ตรงนี้มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น  ก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม “เห็นว่าเป็นหนังสือของทางสภาเวทมนต์น่ะ”

     

    “แล้วทำไมลูซี่ถึงไปค้นเอาหนังสือของสภาเวทมนต์ล่ะ?”

     

    “เรื่องนั้นพวกฉันจะไปรู้ได้ไงกันล่ะ” เกรย์ว่า  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเอลซ่ามองตนกลับมาด้วยสายตาดุดัน “เอ่อ...เธอก็รอถามลูซี่เอาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

     

    “เข้าใจแล้ว” หญิงสาวผมแดงว่า “งั้นพวกนายก็กลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ”

     

    แล้วทั้งสามก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน


     

     

    -TBC-

     

    ดองยาวนานสามสิบแปดปีชาติ ๕๕. เวอร์ไป  แต่ดูวันอัพเดตล่าสุดแล้วร้องไห้แป็ป...หายไปเป็นปีเลยทีเดียว
    กลับมาแล้วนะคะ 

    แล้วจะทยอยอัพหลังจากผ่านพ้นมิดเทอมไปนะคะ

    สำหรับตอนนี้ แลดูเรียบๆ เอาเป็นว่ามันคือการอารัมภบท ฮา.

    09/03/2015

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×