สาปแค้น เคหาสน์เลือด - นิยาย สาปแค้น เคหาสน์เลือด : Dek-D.com - Writer
×

    สาปแค้น เคหาสน์เลือด

    โดย LuckySeventh

    เด็กหนุ่มในแวดวงอาชญากรรม เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น อยู่ๆก็ได้รับพินัยกรรมเป็นมรกดประเมินค่ามิได้ จำต้องเข้าไปในตระกูลคนรวยแห่งหนึ่ง ท่ามกลางไฟแค้น และทุกคนในคฤหาสน์หลังนั้นที่พยายามจะกำจัดเขา (จบแล้ว)

    ผู้เข้าชมรวม

    54,294

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    58

    ผู้เข้าชมรวม


    54.29K

    ความคิดเห็น


    1.59K

    คนติดตาม


    233
    จำนวนตอน : 38 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  18 มิ.ย. 64 / 08:50 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สาปแค้น เคหาสน์เลือด

    Cursed Family II



    เด็กหนุ่มในแวดวงอาชญากรรม เคยเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ชีวิตที่พลิกผัน จากในมุมมืดของสังคม อยู่ๆก็ได้รับพินัยกรรมเป็นมรกดประเมินค่ามิได้ จำต้องเข้าไปในตระกูลผู้ดีเก่าแก่แห่งหนึ่ง ในคฤหาสน์ท่ามกลางอาณาจักรไล่อันไพศาล ท่ามกลางไฟแค้น และทุกคนในคฤหาสน์หลังนั้นที่พยายามจะกำจัดเขาอยู่ทุกวัน และปริศนาฆาตกรรมที่เขาต้องเข้าไปพัวพันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
    เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น เขาจะเอาตัวรอดได้หรือไม่  (จบแล้ว)

     

    บทนำ

    ต้นไม้ประจำตระกูล

    ชื่อทั่วไป : พญามัจจุราช

    ชื่อพื้นเมือง : พญามัจจุราช หรือ ปีศาจแดง

    ชื่อสามัญ : Red devil.

    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rasa damascena Poison.

    วงศ์ : Rosacea.

    ลักษณะ : เป็นไม้ดอกมีหนามสกุลเดียวกับกุหลาบ มีดอก ใบ และลำต้นสีแดงเข้ม มีเกสรสีขาว กลิ่นฉุน ใช้ผลิตเป็นยารักษาโรคได้หลากชนิด  ลำต้นที่มีลักษณะงองุ้มคล้ายไม้เลื้อยแต่สามารถยืนต้นด้วยตัวเองได้ มีหนามแหลมคม ยาวประมาณ 2 นิ้วอยู่ทั่วตั้งแต่รากจรดโคน มียางเหนี่ยวสีขาวเคลือบอยู่บนพื้นลำต้นผิวตลอดเวลา  แตกกิ่งก้านดกหนา และออกดอกเฉพาะช่วงหน้าร้อน ถึงต้นฤดูฝน  

    หมายเหตุ : เมือกหรือยางของพญามัจจุราชมีพิษร้ายแรงขนาดทำให้ถึงตายได้ หากสัมผัสโดนผิวหนังหรือขีดข่วนทำให้เกิดบาดแผล  ดังนั้นก่อนเก็บเกี่ยวควรใส่ถุงมือ รองเท้าบูท และชุดยางที่เตรียมไว้ให้

    อาการเมื่อถูกพิษครั้งแรก : เริ่มแรกจะมีอาการชาตามลำตัวเริ่มจากบริเวณที่ถูกพิษก่อน  เมื่อพิษแพร่กระจายไปตามเส้นเลือดจะก่อให้เกิดอาการอัมพาตชั่วคราว ผู้ที่ถูกพิษจะรู้สึกอ่อนเพลียและหมดสติไปในที่สุด หลังโดนพิษครั้งแรกจะมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ประมาณ 2-3 วันถึงหนึ่งอาทิตย์ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของคนนั้นๆ

    อาการเมื่อถูกพิษครั้งที่สอง : หากเป็นคนปกติธรรมดาที่มิใช่ผู้เฝ้าประตู หากถูกพิษครั้งที่สองจะมีอาการป่วยเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ประมาณ 48 ชั่วโมง จากนั้นจะมีอาการผิดปกติทางระบบไหลเวียนเลือด ทำให้มีโลหิตไหลออกทางทวารทั้ง 9 ก่อนที่จะสิ้นใจตายในที่สุด

    ผู้เฝ้าประตู :เป็นชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกบุคคลที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันพิเศษ สามารถต่อต้านพิษของต้นพญามัจจุราชได้

    คุณสมบัติของผู้เฝ้าประตู :

    1.       ลักษณะภายนอกที่เห็นเด่นชัด คือมักมีผมสีน้ำตาลอ่อน และดวงตาสีน้ำตาลอมแดง

    2.       เมื่อถูกพิษครั้งแรกจะมีอาการเหมือนบุคคลทั่วไป คือมีอาการชา และเป็นอัมพาตชั่วคราว และป่วยคล้ายเป็นไข้หวัดประมาณ 2 วัน แต่จะมีอาการพิเศษคือมีการขับพิษออกทางผิวหนังเป็นจุดเลือดขึ้นทั่วร่างกายคล้ายไข้เลือดออก

    3.       มักเป็นคนมีโรคประจำตัวคือเป็นโลหิตจางแต่กำเนิด

    ตำนานกำเนิดพญามัจจุราช :

                    มีความเชื่อมาแต่โบราณว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูลหรือเจ้าพระยาเพชรรัตน์อัครโยธินได้ฆ่าหญิงคนรักโดยการโยนลงบ่อน้ำให้อสุรกายกินทั้งเป็น ก่อนสิ้นใจเธอได้ทิ้งคำสาปแช่งไว้ว่าขอให้ชะตากรรมเช่นนี้จงกลับไปเกิดแก่ลูกของท่าน ลูกของลูกของท่าน และทุกๆคนที่มีเชื้อสายสืบจากท่านไปตลอดชั่วกัลปวสานจนกว่าตระกูลของท่านจะล่มสลาย คำสาปแช่งนั้นแรงมากถึงขนาดทำให้ท่านเจ้าคุณไม่ยอมไปสู่สุขติ และกลับมาจุติอีกครั้งเป็นดอกไม้สีแดงเพลิงบริเวณหน้าหลุมศพด้วยหวังว่าจะอยู่คุ้มครองดูแลลูกหลานตลอดไป

                    คนในตระกูลเชื่อกันว่าหากปล่อยให้ต้นไม้เหล่านี้ตาย ตระกูลจะถึงกาลพินาศ พญามัจจุราชจึงกลายเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูลที่ต้องมีผู้ดูแลสืบต่ออย่างเคร่งครัดในทุกๆชั่วอายุคน โดยผู้ดูแลจะได้ชื่อว่าผู้เฝ้าประตู

                    สมัยโบราณ การคัดเลือกผู้เฝ้าประตูจะกระทำโดยการนำลูกหลานที่เป็นชายชาตรีในแต่ละรุ่นมาเข้าพิธีกรีดแขนด้วยมีดอาบยาพิษก่อน  ถึงจะได้ค้นพบผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษ ตระกูลจำต้องยอมสูญเสียเลือดเนื้อของลูกหลานไปหลายคน คนที่ได้รับตำแหน่งผู้เฝ้าประตูในแต่ละรุ่นจึงจัดได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญประจำตระกูล จะได้รับการยกย่องเสมือนเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษ  และมักได้รับตำแหน่งประมุขของตระกูลควบคู่กันไป

    *หมายเหตุ* ปัจจุบันความเชื่อเหล่านั้นลดน้อยลงไปมาก  และลูกหลานชายไม่จำเป็นต้องรับการทดสอบด้วยวิธีเสี่ยงชีวิตอีกต่อไปแล้ว

     

    แผนผังตระกูลอัครโยธิน

    ทวด

    ดล

    เทพ

    กานต์

    ดนัย

    หญิง

    เล็ก

     

    กษิท

    ภากร

     

    กามุตย์

    กานนท์

    กาวิญญู

    เทพินทร์

    การะเวก

    การะวิก

    การะเกด

    กาเหว่า

    รัน

    มด

    ธวัช

    ปราชญ์

    เปรม

    แพรว

     

    ดล

    ย่าใหญ่

    ย่ารอง

    ย่าเล็ก

    กานต์

    ดนัย

    หญิง

    เล็ก

    การะบุหนิง

    กามุตย์

    กานนท์

    กาวิญญ

    เทพินทร์

    การะเวก

    การะวิก

    การะเกด

    กาเหว่า

     

    เทวสิทธ์

    เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ลูกบุญธรรมของปู่ดล เข้ามาในคฤหาสน์ในฐานะผู้รับพินัยกรรมลำดับที่สอง  ต้นกำเนิดของเขาเต็มไปด้วยความคลุมเคลือ

    เรน

    สาวน้อยลูกครึ่งไทย-พม่า วัย 17 ปี ทำงานเป็นล่ามให้กาวิญญู การก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ของเธอมีจุดประสงค์เพื่อสืบหาความจริงบางอย่าง

     











    บันทึกเหตุการณ์สำคัญในตระกูลอัครโยธิน

    ตุลาคม  2519         

    - การะบุหนิง อัครโยธินกุล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุโดนหนามพิษในไร่พญามัจจุราช

    พฤศจิกายน  2519 

    - กานต์ และวิรัญญา อัครโยธินกุล เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตำรวจสรุปว่าเป็นคดีที่มีเงื่อนงำ เนื่องจากพบสารประเภทเดียวกับที่พบในยานอนหลับตกค้างอยู่ในร่างของพ่อ...ซึ่งเป็นคนขับรถในวันนั้น

    ธันวาคม 2527

    - ดล อัครโยธินกุล เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ

    เมษายน 2528

    - เทพินทร์ ไพรินทร์พิลาส เข้ามาทำงานในตระกูลอัครโยธิน

    ธันวาคม  2528

    - เทพินทร์ ไพรินทร์พิลาส ลาออกจากตระกูลอัครโยธิน

    เมษายน 2529

    - เทวสิทธิ์ ทัณฑปาศก เข้ามาทำงานในตระกูลอัครโยธินแทนเทพินทร์

     

     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น