วันนี้มีคำถามเบาเบามาถามครับถ้าพี่ก๋ากลับมาเป็นวัยรุ่นอีกครั้งพี่ก๋าพร้อมที่จะเสี่ยงไหมครับจะรุกหรือรับ หรือซุ่มดูจังหวะพี่ก๋าจะตะลุยตะบี้ตะบันแหลกไปข้างหนึ่งหรือจะตั้งรับ รอ ถอย ในระยะที่ปลอดภัยหรือว่ารอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม และพร้อมที่จะเสี่ยงและเสียคำถามโดย : เสือย้อมแมว วันที่ : 14 มีนาคม 2555 เวลา : 15:24:00 น....................................หวัดดีครับพี่ก๋ากำลังนั่งนึกว่าเคยทำอะไรเสี่ยงๆในวัยรุ่นมาบ้างหรือเปล่าสมัยอายุ 16-17 พี่ก๋าชอบนอนขี่มอเตอร์ไซด์ครับคงห้าวด้วย เลยขี่มอเตอร์ไซด์เร็วมากเคยบิดสุดไมล์แล้วพุ่งฝ่าไฟแดง 2 แยกใหญ่โดยไม่หยุดรถไม่รู้จะเรียกว่าเสี่ยง บ้าดีเดือด หรือว่าโง่ดี 5555มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำแต่พี่ก๋าเชื่อมั่นลึกๆว่าวัยรุ่นทุกคนจะมีช่วงเวลา “เปลี่ยนผ่าน”จากเด็กไปสู่ความเป็นวัยรุ่นอะไรที่แรงๆ แหกกฎ เราอยากรู้ อยากลอง อยากทำเรื่องที่เสี่ยงอีกอย่างที่เคยทำคือ มีปัญหากับอาจารย์ในคณะ ฯแล้วพี่ก๋ากับเพื่อนก็จัดนิทรรศการด่าอาจารย์กลางโถงทางเข้าของคณะฯเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากในขณะนั้นตอนนั้นคิดว่าตัวเองสามารถโดนรีไทร์ได้เลยครับ .......................................ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปจะทำสิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ไหม ?ก็คงทำ .เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้เพียงแต่หลายคนอาจไม่มีโอกาสได้นั่งเสียใจอีกแล้วพี่ก๋ามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งกำลังจะกลับมาเรียนต่อด้วยกันเขาดร็อปไปหนึ่งเทอมเพราะมีปัญหาอะไรสักอย่างก่อนเปิดเทอมเพียงไม่กี่วันเขานั่งรถไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วรถกระบะของเขาก็พุ่งชนต้นยางข้างทางคนในรถเสียชีวิตทั้งหมด 7 คน รอดมาได้เพียงคนเดียว .เพื่อนพี่ก๋าไม่ได้โชคดีในวันนั้นในงานศพ ... พ่อแม่ของเขาร้องไห้เจียนขาดใจเพราะนี่คือลูกชายคนเดียวของครอบครัว.....เราทำสิ่งที่เสี่ยงได้นั่นเพราะเราลืมคิดไปว่า “เราต้องแลกมันมาด้วยอะไรบ้าง ?”....................................................คำถามเราทำให้พี่ก๋านึกถึงเรื่องเซ็กส์น่าแปลกใจไหมครับไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนเรื่องเซ็กส์ยังเป็นหัวข้อที่วัยรุ่นทุกคนสนใจและอยากลองมันน่าเจ็บปวดตรงที่ตอนวัยรุ่นไปลองเรื่องเซ็กส์เราทำไปแบบ “ไม่รู้” เจ้าอาการไม่รู้นี่แหละครับ ที่พี่ก๋าเรียกว่า “เสี่ยง”เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีเซ็กส์โดยใช้สัญชาติญาณล้วนๆความใคร่มันจะนำความรักและเมื่อเป็นเซ็กส์ที่ปราศจากความรักผลของมันคือ “เซ็กส์ที่ไม่ปลอดภัย”เด็กมากมายนั่งดูดีวีดี คลิปหลุดและคลิปโป๊เรียนรู้จากเพื่อน จากหนังเอวีแล้วเราก็เชื่อกันไปเองว่าการทำตามในคลิปแบบนั้นคือ ความเท่ คือสิ่งที่จะทำให้ผู้หญิงมีความสุขสุดท้ายแล้วเซ็กส์แบบนั้นคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในหนังโป๊เหล่านั้นมันไม่มีฉากที่พร่ำพรรณนาถึง “ความรัก”มีแต่การได้มา การครอบครอง การรุกเร้าและความเจ็บปวดแต่เมื่อเราดูๆๆๆๆๆๆๆสั่งสมข้อมูลแบบนี้ไว้ในใจเยอะๆ แล้วเผอลไผลไปเชื่อมั่นว่านั่นคือ “ความรัก”จนเอาไปใช้กับคู่นอน....เซ็กส์ที่เกิดขึ้นจาก “ความรู้” แบบนี้จึง “เสี่ยงมาก”เสี่ยงต่อการเป็นเซ็กส์ที่อันตรายและทำร้ายคนที่เรามีเซ็กส์ด้วยตอนนี้ประเทศของเราติดอันดับหญิงสาวอายุต่ำกว่า 15 ปีที่มีอัตราการตั้งครรภ์สูงที่สุดโลกเรามีคดีข่มขืน รุมโทรมมากมายเกิดขึ้นแทบจะในทุกวินาทีเรามีทั้งหญิงสาวที่ออกไปล่าแต้มและนอนกับผู้ชายโดยไม่เลือกหน้าเรามีคดีพ่อกระทำชำเราลูก เรามีคดีพระตุ๋ยเด็กชาย เรามีนักเรียนนักศึกษามากมายที่กลายเป็นเอเย่นต์และโสเภณี ฯลฯถ้าเราจะโทษสื่อยั่วยุทั้งหลายนั่นคงทำได้เพียงส่วนหนึ่งแต่ประเด็นหลักมันน่าจะอยู่ที่ “ความรู้” ที่เรามีกับเรื่อง “เพศศึกษา”น่าจะอยู่กับ “การรับรู้” ต่อข้อมูลข่าวสารที่เรามี.....ที่สุดแล้ว...อยู่ที่ “ปัญญา” และการมองเห็น “คุณค่า” ในตัวเองมากกว่าการนั่งคิดถึงการทำให้ตัวขาว จั๊กแร้ขาว หรือทำศัลยกรรมทั้งแต่หน้าจรดเท้าเพื่อให้สวย ใส และเซ็กซี่หรือคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้มีอวัยวะเพศชายที่ใหญ่โตมโหฬารหรือคิดสรรหาท่าร่วมเพศที่แปลกพิสดารพันลึกแบบหลุดโลกอย่างความรู้ความเชื่อที่เราเคยเรียนรู้กันมา....“ความรู้แบบผิดๆ” มัน “เสี่ยง” จริงๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดในชีวิต..........................................พี่ก๋าเป็นคนใจร้อนและกล้าได้กล้าเสียเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นแต่สุดท้ายพี่ก๋าคิดว่า “สติ” และ “การรอคอย” ต่างหากที่สำคัญชีวิตไม่ได้มีแต่การห้อตะบึงไปข้างหน้าเราเดินไปช้าช้าและทำให้มันสวยงามได้ในทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงาน ความรัก เซ็กส์หรือช่วงเวลาในการประสบความสำเร็จในชีวิตวันก่อนพี่ก๋าเพิ่งเล่านิทานสอนลูกว่าผู้ที่ชนะที่แท้จริงไม่ได้หมายความว่าเขาเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ในทุกๆเรื่องแพ้ก็ได้ --- แต่ในขณะที่แพ้นั้นเราได้หันกลับไปช่วยเพื่อนที่กำลังล้มให้ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าเส้นชัยกับเราได้นั่นต่างหากที่เป็น “ผู้ชนะที่แท้จริง”....................................“ความรู้” ที่ผ่านกระบวนการ “คิด” ที่ดีจะทำให้ “ความเสี่ยง” ลดน้อยลงไปหลายเรื่องในชีวิตเราเสี่ยงได้ พลาดได้เริ่มต้นใหม่ได้แต่บางสิ่งมันยากจริงๆที่จะกลับมาแก้ไขเพราะที่สุดแล้ว .เราอาจแค่ตายไปพร้อมกับความสะใจและความเสี่ยงที่ขาดสติเท่านั้นเอง.................................พี่ก๋าไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีการลงทุนที่ชอบสอนกันว่า“ยิ่งเสี่ยงมาก ผลตอบแทนยิ่งสูง”พี่ก๋าเชื่อในความไม่ประมาท เชื่อในการลงทุนระยะยาวเชื่อว่าถ้าเราทำอะไรแบบไม่โลภ เราจะไม่เสียสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราควรเสี่ยงให้มากที่สุดนั่นคือ การกล้าเสี่ยงที่จะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆวันนั่นต่างหาก คือ หนทางเสี่ยงที่ดีที่สุดที่เราควรทำ โดย: กะว่าก๋า 16 มีนาคม 2555 22:45:38 น. ซิกมุนด์ ฟรอยด์เคยกล่าวเอาไว้ว่า ผู้ชายอาจจะตกหลุมรักผู้หญิงสักคนหนึ่งเป็นเวลาถึง 6 ปี โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งหลายอีกปีผ่านไป ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อโลก เขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่เขาไม่รู้ออกมาเป็นคำพูดได้ เขามีความรู้สึกแต่เขาไม่รู้จักมันเหมือนผมที่เก็บความรักไว้ในใจกักขังมันเอาไว้ ไม่ยอมให้มันออกไปเจอความโหดร้ายในโลกความเป็นจริง อยากดูในมุมมองของพี่ก๋าดูว่ามันจะเป็นอย่างไรคำถามโดย : เสือย้อมแมว วันที่ : 14 มีนาคม 2555 เวลา : 23:29:00 น.......................................สมัยเด็กๆจนมาเป็นวัยรุ่นพี่ก๋าเคยนับเล่นๆนะว่าเคยแอบปิ๊งเพื่อนสาวมากี่คน 5555อารมณ์ประมาณแอบรักเธออยู่ในใจเก็บรักไว้หมายแอบอิง 5555นับดูแล้วมีประมาณ 10 กว่าคนแต่เชื่อไหมว่า...ไม่มีสักคนเลยที่พี่ก๋ากล้าเดินเข้าไปเพื่อบอกว่า“ฉันชอบเธอ”“ฉันอยากรู้จักกับเธอ”“มาเป็นเพื่อนกันไหม ?”ฯลฯสิ่งที่พี่ก๋าทำมาตลอดทั้งชีวิตคือ แอบมอง แอบชอบ แอบคิด แอบฝันแอบเพ้อ แล้วก็แอบอกหักไปเองชนิดที่สาวเจ้าไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าเราแอบชอบเธออยู่ 5555รักแบบแอบๆแอบเก็บเธอไว้ในใจถ้ามองในวันนั้นมันน่ารักดีนะทำให้ใจกระชุ่มกระชวยยังไงเสียพี่ก๋าก็ยังชอบใจกว่าการที่เดินเข้าไปในเธคแล้วคว้าสาวแปลกหน้ามาหลับนอนด้วยกันที่ห้องก่อนจะตื่นเช้ามาแล้วจากไปเหมือนคนไม่รู้จักกัน“มีความรู้สึก แต่ไม่รู้จักมัน”บางครั้งความรู้สึกบางอย่างก็แทนที่ด้วยคำพูดไม่ได้หรอกครับเราอาจชอบคนๆหนึ่งมากแต่เรารู้สึกลึกๆว่าเธอคงไม่ชอบเราหรือไม่เหมาะสมกับเราความรู้สึกแบบนี้พี่ก๋าเรียกมันว่า “สัญชาตญาณ”บางเรื่องในชีวิตเราจึงต้องคิดเอาเองว่าจะใช้ “สมอง” หรือ “หัวใจ” ในการค้นหาคำตอบเรื่องที่ต้องใช้เหตุผล ก็ต้องใช้สมองไปหาคำตอบส่วนเรื่องอารมณ์ความรู้สึกอะไรจะดีไปกว่าการตอบด้วยหัวใจอย่าเผลอไปใช้สลับกันเชียวครับเพราะในเรื่องราวของความรักบางครั้งมันก็ไม่ต้องการเหตุผล ไม่สนใจทฤษฎีใดใดทั้งนั้นถ้าจะต้องรัก มันก็รักครับถึงจะไม่มีอะไรที่เหมาะสมกันเลย ก็รักกันได้หรือต่อให้หวานล้ำหยดย้อยแค่ไหนวันหนึ่งหมดรัก ก็ต้องเลิกรากันไปมอง “ความรัก” ว่าคือ “การเรียนรู้” ดูสิครับรักจะได้ไม่น่ากลัวและเต็มไปด้วยความคาดหวังรักแบบง่ายๆ...แต่อย่ามักง่ายรักง่ายๆคือ ทำให้มันเป็นธรรมชาติอย่าไปฝืน อย่าไปดัด อย่าไปปรับตัวเองเพื่อให้ใครมารัก หรือเพื่อไปรักใครเป็นอย่างที่เราเป็น แต่เป็นให้ดีให้รู้ว่าคนรักที่ดีเป็นอย่างไรแล้วก็พยายามครับ พยายามเป็นคนรักที่ดีในแบบที่เราคาดหวังแต่อย่าไปผลักความคาดหวังนี้ให้อีกฝ่ายทำที่ตัวเราเอง ทำตัวเองให้เป็น “คนรักที่ดีพอ”แล้ววันหนึ่งน้องจะเจอ “คนรักที่พอดี” ครับ โดย: กะว่าก๋า 16 มีนาคม 2555 23:13:12 น. ตามอ่านบล็อกพี่ก๋า อ่านแล้วแล้วมันขัดๆกันนิดหน่อยเลยจะถามว่าถ้าเรารักตัวเองไม่เป็น แล้วเราจะรักผู้อื่นได้ไม่ดีจริงหรือถ้าเรายังไม่รักตัวเอง เราก็ไม่ควรไปรักผู้อื่นหรือเปล่ารักเพื่อน รักพ่อ แม่ พี่ แฟน เพื่อนร่วมโลก รักตัวเอง รักยังไง แล้วมันไม่เป็นการเห็นแก่ตัวเหรอพี่ก๋าลองบอกข้อดีของการแอบรักเค้าข้างเดียวสิครับ เราจะได้ภูมิใจตัวเองบ้าง ฮ่าๆๆๆ คำถามโดย : เสือย้อมแมว วันที่ : 14 มีนาคม 2555 เวลา : 23:29:00 น.....................................พี่ก๋าพูดบ่อยๆในบล็อก ว่าเราต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนที่จะคิดไปรักใครลองนึกถึงถังน้ำที่ก้นรั่วดูนะครับต่อให้ถังน้ำใบนี้ไปหาถังน้ำอีกใบที่สวยเพียงใดหรือมีขนาดใหญ่เพียงใดก็ไม่อาจเติมเต็มน้ำในถังใบนี้ได้เทน้ำลงไปเท่าไหร่มันก็รั่วออกมาจากก้นถังจนหมดคนที่รักตัวเองไม่เป็นในความหมายของพี่ก๋าก็คือ คนที่เป็นเหมือนถังน้ำก้นรั่วครับ...................................คนรักบางประเภทมักจะตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า“ฉันทำดีกับเค้าขนาดนี้ ทำไมเค้าถึงไม่เคยสนใจใยดีฉันเลย”คนที่รักตัวเองไม่เป็นจะหึงหวงโดยคิดว่านั่นคือความห่วงใยบ่อยครั้งเลยเถิดกลายเป็นการยึดติดยึดครองและหวงแหนผู้หญิงที่โทรจิกแฟน 100 มิสคอลผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายแฟนสาวเพราะความหึงหวงคู่รักที่ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้อีกฝ่ายพอใจตลอดเวลาหรือ คนรักที่ต้องการการพึ่งพา พึ่งพิง และคิดว่าชีวิตนี้ไม่สามารถขาดอีกฝ่ายได้เหล่านี้....บางทีอาจเป็นคนรักที่น่าอึดอัดเวลาได้อยู่ใกล้ๆและกลายเป็นถังก้นรั่วที่เติมความรักลงไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม..............................พี่ก๋าเคยเป็นถังก้นรั่วมาก่อนนะครับเคยมองความรักเป็นเรื่องของความสมบูรณ์แบบถ้าไม่เจอคนที่ดีพอ ฉันไม่แต่งงานก็ได้อยู่ตัวคนเดียวก็มีความสุขได้ในขณะที่ชีวิตแต่ละวันถูกใช้ไปตามความเชื่อความฝันตามอารมณ์ขึ้นๆลงๆของตัวเองถ้าตอนนั้นพี่ก๋ารีบแต่งงาน คงต้องจบลงด้วยการหย่าร้างแน่นอนเพราะคงไม่มีสาวคนไหนทนนิสัยเอาแต่ใจตัวเองของพี่ก๋าได้จนวันหนึ่งที่พี่ก๋าได้เรียนรู้และรู้จักตัวเองมากขึ้นได้เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิดเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสิ่งต่างๆนั่นเป็นจุดที่ทำให้เรารู้ว่าความรักไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวความรักไม่ใช่การมองเห็นแต่สิ่งที่เราอยากมองไม่ใช่การได้มาแต่สิ่งที่เราต้องการแต่ความรักคือการยอมรับในความแตกต่างการอยู่ร่วมกัน เรียนรู้กันไปปรับปรุงตัวเอง และ ต้องแบ่งปันความรู้สึกร่วมกันกับคนรักพอคิดและเชื่อแบบนี้ได้พี่ก๋าว่าคนๆนั้นก็เริ่มเป็นคนที่รักตัวเองเป็นและน่าจะเป็นคนรักที่ดีได้แล้วล่ะครับ.................................ถ้าตอนนี้เรายังเป็นคนรักที่ไม่ดีพอยังเป็นถังก้นรั่วก็แอบรักเขาหรือเธอไปก่อนไม่เห็นจะแปลกอะไรเอาเวลาที่รอไปพัฒนาตัวเอง ไปปรับปรุงความคิดของตัวเองเลิกเจ็บปวดกับสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพื่อกลับมาอยู่กับความจริงอย่างที่มันเป็นให้ได้เรียนรู้ว่าข้อดีของเราคืออะไรยังมีข้อเสียอะไรที่ต้องปรับปรุงถึงวันหนึ่ง...ถังที่เคยรั่วมันจะถูกปะรอยรั่วด้วยสิ่งที่เรียกว่า“ความรักที่งดงาม” เองล่ะครับ โดย: กะว่าก๋า 17 มีนาคม 2555 7:50:20 น. ถ้าคนรักไม่ซื่อสัตย์ แล้วเราควรทำอย่างไรคำถามโดย : เสือย้อมแมว วันที่ : 15 มีนาคม 2555 เวลา : 00:48:00 น. ..ถ้าปลาที่เราวางไว้ถูกกินอย่าไปโทษว่าเป็นความผิดของแมวทุกครั้งที่ทะเลาะกันอย่าให้จบลงตรงคำว่า“นี่เป็นความผิดของใคร ?”เพราะคำถามนี้ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรเลยเรียนรู้จาก “ความไม่เข้าใจ” จน “เข้าใจ”เรียนรู้จากความขุ่นเคืองใจว่าเพราะอะไรทำไมเราถึงต้องเสียเวลาในชีวิตเพื่อมานั่งทะเลาะเบาะแว้งกันหรือเกลียดกันแทนที่จะเอาวันเวลาเหล่านั้นมารักกันความไม่ซื่อสัตย์ในชีวิตคู่เกิดขึ้นจากใครถ้าเราหยุดกล่าวโทษอีกฝ่ายเราอาจได้รู้ว่าแท้ที่จริงปัญหาในความรักมันไม่เคยเกิดขึ้นจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เคยเกิดขึ้นฝ่ายเดียวแต่มันเกาะเกี่ยวปัญหาเล็กๆหลายๆปัญหาก่อนจะกลายเป็นก้อนปัญหาขนาดใหญ่ที่ยากต่อการแก้ไขเยียวยาค่อยๆนั่งลง นั่งมองปัญหาอย่างจริงจังไม่คิดเข้าข้างตัวเองเอาใจเขามาใส่ใจเราบางทีเราจะรู้บางทีเราจะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้ว...เรานั่นล่ะที่อาจเป็นตัวปัญหาที่แท้จริงเพียงแต่เราไม่ยอมรับความจริงถ้ายอมรับความจริงได้เราจะแก้ไขปัญหาได้ไม่ว่ามันจะจบลงอย่างไรรักกันต่อหรือเลิกราแต่เราจะได้เรียนรู้แล้วว่าปัญหาความรักที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไรแล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อหาทางออก...ออกจากปัญหานี้ ?ท้ายที่สุดแล้ว....ถ้าคนรักไม่ซื่อสัตย์ แล้วเราควรทำอย่างไรถ้าใจหมดรักกายหมดความหวานชื่นก็ทำใจและเลิกรากันไปเถิดครับ โดย: กะว่าก๋า 18 มีนาคม 2555 7:35:55 น. เอานิทานมาให้พี่ก๋าอ่าน คำถามผุดมามากมาย อยากให้พี่ก๋าอ่านเรื่อง การศึกษา วิจัย แล้วนำมาปรับเป็นการจีบหญิงแทน 555 โดยตัวเอกคือ คุณปฎิบัติที่มา : http://chaisawatvarious.wordpress.comคำถามโดย : เสือย้อมแมว วันที่ : 16 มีนาคม 2555 เวลา : 22:55:00 น.พี่ก๋าอ่านนิทานเรื่องนี้จนจบไม่แน่ใจว่าคนเขียนต้องการสื่ออะไรแต่ทุกวิธีทั้งการสังเคราะห์ การวิเคราะห์การศึกษาทฤษฏี ไปจนถึงขั้นตอนของการลงมือปฏิบัติมันเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนเดียวกันไม่มีสิ่งไหนดีที่สุด เจ๋งที่สุดเพราะทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกันในกระบวนการเรียนรู้.....................................เวลาเรามองความรักจงมองให้เหมือนกับที่เรามองดูต้นไม้ต้นหนึ่งเราเลือกมองแต่ดอกที่สวยที่สุดของมันไม่ได้เพราะนั่นไม่ใช่ต้นไม้ถ้าหยิบกิ่งไม้หนึ่งอันขึ้นมาถามว่า“นี่คือต้นไม้หรือไม่ ?”เราไม่อาจตอบได้ว่านี่คือต้นไม้เช่นเดียวกับการมองต้นไม้แบบแยกส่วนว่านี่คือ รากแก้ว รากฝอย กิ่ง ก้าน ใบ หนาม ดอก ผลนั่นไม่ใช่ต้นไม้.....แต่เป็นส่วนประกอบของต้นไม้เช่นเดียวกันกับเวลาที่เรามองดูความรักเราไม่อาจมองแบบแยกส่วนได้ว่านี่คือความคิดถึง นี่คือคนรักนี่คือความเศร้า คือความหึงหวง คือการครอบครองหรือเป็นความผูกพัน ฯลฯทั้งหมดนั่นล่ะ คือ ความรัก โดยไม่อาจแยกส่วนออกมาได้การมีใครสักคนที่เรารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษและต่อให้เรารักมากมายเพียงใดใช่ว่านั่นจะเป็นบทสรุปว่าเขาหรือเธอ คือ “ความรัก”เพราะเขาหรือเธอยังเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆในสิ่งที่เรียกว่า “ความรักทั้งหมด” นั่นเอง....................................จะลงมือทำอย่างเดียวโดยไม่มีความรู้ด้านทฤษฏีบางทีทำให้ยิ่งเสียเวลาค้นหาคำตอบค้นหาคำตอบโดยไม่มีการสังเคราะห์หรือวิเคราะห์ที่ไปที่มาคำตอบที่ได้ก็อาจเป็นเพียงความบังเอิญฯลฯเวลาเรียนรู้ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดพี่ก๋าคิดว่าเรามีวิธีเข้าถึงคำตอบได้มากมายหลายหนทางไม่มีหนทางใดที่ดีที่สุดหรือถูกต้องที่สุดแต่ละคำถามจะมีวิธีการแสวงหาคำตอบที่แตกต่างกันปัญหาคือ เราได้คำตอบนั้นมาอย่างไร...เรารู้หรือไม่คำตอบนั้นเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดแล้วหรือยัง....แล้วเราแน่ใจได้อย่างไรไม่ว่าจะใช้เครื่องมือหรือวิธีการใดในการหาคำตอบคงต้องมองคำถามให้รอบด้านคิดให้ถ้วนถี่ไม่ใช่ถือพวงมาลัยมาหนึ่งอันแล้วร้องบอกคนอื่นว่านี่คือรถยนต์นี่คือรถยนต์.....วิธีคิดแบบนี้ --- น่ากลัวและอันตรายครับ !!!! โดย: กะว่าก๋า 18 มีนาคม 2555 7:36:19 น. พี่ก๋า มีเป้าหมายในชีวิตไหมครับคำถามโดย : เสือย้อมแมว วันที่ : 17 มีนาคม 2555 เวลา : 00:32:00 น...................................ณ วันนี้ พี่ก๋าไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยครับ เมื่อก่อนพี่ก๋าเป็นคนที่วางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้าตลอดเรียนจบ ม.3 อยากเรียนต่ออะไรเรียนต่อ ปวช. ปวส. ด้านสถาปัตยกรรม 5 ปีคิดไว้เรียบร้อยว่าอยากเรียนต่อด้านครูเลือกอย่างจำเพาะเจาะจงที่จะเรียนต่อด้านครุศาสตร์สถาปัตยกรรมเรียนปริญญาตรีจบปุ๊บตั้งใจมากๆเลยว่าจะไปทำงานที่สำนักงานสถาปนิกสักปีหรือสองปีจากนั้นกลับไปเป็นครูที่คณะฯเดิมที่ตนเองเคยจบมาแล้วเป็นครูสักสองสามปีก่อนทำเรื่องลาศึกษาต่อปริญญาโทพร้อมทำงานด้านสถาปนิกไปด้วยทุกอย่างดูดีและเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้พี่ก๋าเรียนจบด้วยคะแนนเกือบเกียรตินิยมกลับมาถึงเชียงใหม่สมัครงานที่แรกและที่เดียวได้รับเลือกให้เข้าทำงานในตำแหน่งสถาปนิกทันทีเรื่องไปเป็นครูที่คณะฯได้พูดคุยคร่าวๆไว้กับอาจารย์ผู้ใหญ่ในคณะฯแล้วทุกอย่างลงตัวและเป็นไปตามที่คิดจนวันหนึ่ง...พ่อพี่ก๋าเรียกเข้าไปคุยแล้วบอกให้พี่ก๋าไปลาออกจากสำนักงานสถาปนิกเพื่อมาช่วยงานที่ร้านขายเครื่องหนังนั่นเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต....เรียนมา 7 ปีเป็นสถาปนิกได้เดือนเดียวแล้วจากนั้น 15 ปีต่อมาพี่ก๋าไม่เคยได้เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความฝันอีกเลย......................................ช่วงแรกของการทำงานกับที่บ้านพี่ก๋าไม่มีความสุขเลยเพราะงานที่ทำไม่ใช่สิ่งที่เราเคยเรียนมาไม่ได้เป็นงานที่เราชอบเป็นทุนเดิม ไร้ซึ่งความถนัดแถมงานยังหนักมาก ปรับตัวยากไม่เข้าใจงาน ไม่เข้าใจคนชีวิตเลยสับสนอยู่นานหลายปีทำงานด้วยความไม่สนุกใจมันเป็นทุกข์จากสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ....จนวันหนึ่งหลังจากทำงานมา 4-5 ปีมีโอกาสได้รู้จักอีกด้านมุมของความคิดตัวเองจึงได้รู้ว่าเราทุกข์เพราะเราอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆให้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการพอเปลี่ยนไม่ได้เลยเศร้าและโกรธแต่พอเราเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองได้งานที่เคยน่าเบื่อ ผู้คนที่เคยน่าชังเรากลับมองเห็นอีกด้านมุมของสิ่งต่างๆอย่างที่เราไม่เคยได้เห็นทุกอย่างเหมือนเดิมทั้งคนและงานแต่พอ “ทัศนคติ” ที่เรามีเปลี่ยนไปเหมือนเรากลายเป็นคนใหม่เหมือนเราได้ทำงานในที่ใหม่ เจอคนใหม่ๆที่มีอะไรให้เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา.........................................การเปลี่ยนแปลงตัวเองในครั้งนั้นทำให้พี่ก๋าเลิกคิดถึงการวางแผนและเป้าหมายแต่เปลี่ยนเป็นการเดินช้าช้า เดินเรื่อยเรื่อยวิธีการเดินทาง คนร่วมทาง สำคัญกว่าเป้าหมายของการเดินทางไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่จะใช้ชีวิตแบบควบตะบึงเพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วๆโดยไม่สนใจใครพี่ก๋าว่าชีวิตมันคือการเดินทางและระหว่างเส้นทางมีอะไรสวยงามให้เราหยุดมองตั้งเยอะเพียงแต่ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตแบบเคร่งครัด เคร่งเครียดและจริงจังมากเกินพอดีแถมยังวิ่งเร็วเกินไปจนไม่มีเวลาที่จะหยุดและชื่นชมสิ่งต่างๆรอบตัวเลยเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตไม่ได้อยู่ที่เส้นชัยแต่อยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าเราถ้าเราเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับความสุขในใจเราไม่ว่าหนทางจะใกล้หรือไกลแค่ไหนพี่ก๋าว่าเราก็สามารถเดินได้อย่างมีความสุขในทุกขณะจิตจริงๆครับ โดย: กะว่าก๋า 18 มีนาคม 2555 7:36:39 น. ตอบจบทุกๆคำถามแล้วนะครับ โดย: กะว่าก๋า 18 มีนาคม 2555 7:37:01 น.
ความคิดเห็น