หลังจากที่ผมได้เขียนเรื่องการวิจารณ์ผลงานเพลง Wave ของทางค่าย Kamikaze ไปในเรื่องที่แล้วในครั้งก่อนนี้ และได้หายไปเป็นเวลาเดือนนึงเต็ม ๆ ผมก็ได้มีเวลาว่างกลับมาเขียนเรื่องเล่าเรื่องต่อไปของผมให้เหล่าแฟนขับของผมได้ฟังกันอีกครั้งในที่สุด ซึ่งในครั้งนี้ผมก็ยังคงทำภาคต่อของเรื่องที่แล้วอีกนั่นแหละครับ แต่ไม่ใช่เพลงของค่าย Kamikaze แล้วนะครับ เพราะถ้าผมเขียนไปมากกว่านี้กูอาจจะได้โดนแฟนคลับของค่ายนี้เค้าไล่กระทืบเอานั่นแหละในจุดนั้น เพราะฉะนั้นครับวันนี้ผมเลยจะมาวิจารณ์เพลงต่ออีกสักเรื่องนึงก่อนไปเรื่องใหม่ในครั้งหน้าก็ละกัน เนื่องจากว่ากูได้ตามสังเกตกับเรื่องนี้มาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว จึงมีข้อมูลพอที่จะเอามาเล่าให้เหล่าแฟนขับของผมได้ฟังกันต่อไป เกริ่นกันมาพอและเข้าเรื่องเลยละกันนะเออ
อย่างที่ชาวเด็กดีของผมได้ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่า ช่วงนี้กระแสของเพลงเอเชียแม่งกำลังเป็นที่ Fever กันอย่างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาขายสินค้าหรือว่าจะเป็นการท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งคลีนิคเกี่ยวกับผิวหนัง (หน้า) ของบ้านเราแม่งก็ยังไม่วายหา Presenter เป็นเหล่าดารานักร้อง-นักแสดงของเอเชียทั้งสิ้น โดยที่พวกมึงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ห่าสาดนั่นมันเคยผ่านงานในวงการบันเทิงส้นตีนอะไรมากันบ้าง รู้แต่ว่าเห็นแค่ไอ้ห่านี่หรืออีดวกโน่นดูดีกูก็เลยคลั่งไคล้แดกไม่ได้นอนไม่หลับ อยากใกล้ชิดตามกระแสแม่งไปงั้น ๆ แหละ แต่ก็เอาเถอะครับมันเป็นหลักของการตลาดเค้าที่เห็นอะไรกำลัง In หรือกำลัง Out แม่งก็เลยเอาไอ้นี่มาเป็นตัวโปรโมทกันไป ส่วนไอ้พวกของเก่าเก็บนะเหรอ โยนมันทิ้งไปดิครับจะเก็บเอาไว้บูชาไหว้เหล่าบรรพบุรุษของพวกมึงท่านรึยังไงล่ะครับสาด
และด้วยเหตุที่กระแสของพวกนี้กำลังมาแรงนี่แหละครับ ผมก็เลยหยิบยกเรื่องของเพลงเอเชียแม่งมาพูดซะเลย ซึ่งผมก็ได้ฟังเพลงเป็นงานอดิเรกยามว่างของผมอยู่นานแล้วนั่นเองครับ แต่ไม่ใช่เพลงเอเชียหมดนะเฟ้ยอย่าเข้าใจผิดกันล่ะพวกมึง ผมจะฟังเพลงหลาย ๆ แนวครับ เพราะมันจะช่วยให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวเพลงของศิลปินแต่ละกลุ่มคนได้ดีขึ้นนั่นเองครับ ว่าแนวเพลงของพวกเค้าเป็นแนวไหนอะไรยังไงก็ว่ากันไป แต่ทำไมผมต้องพูดถึงเพลงเอเชียอย่างเดียวล่ะทั้ง ๆ ที่กูก็ฟังเพลงได้ทุกแนวอย่างนี้ ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่าช่วงนี้เพลงในโซนเอเชียของบ้านเรามันกำลังเป็นที่ Fever กันยังไงล่ะ ทำให้กูต้องมาคอยนั่งจับผิดความแตกต่างของพวกนี้กันอย่างละเอียดถี่ถ้วนกันเลยทีเดียว กับเหล่า MV ที่พวกแม่งพากันทยอยส่งออกมาให้เหล่านักฟังเพลงได้ฟังได้ดูกันได้ทุกวี่ทุกวัน แบบถี่ยิบซะขนาดนั้นน่ะไม่ว่าจะเป็นของ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ซึ่งทั้งสามชาตินี้ เราจะเรียกพวกมันว่าสามก๊กก็คงไม่ผิดอะไรล่ะมั้งครับ ก็ที่กำลังแรงในช่วงนี้มันก็มีแค่สามประเทศแค่นั้นนี่หว่า คงไม่มีใครไปตามล่าหาเพลงมาเลหรือเวียดนามมาฟังกันหรอกใช่มะล่ะ ถ้าไม่ได้เล่นเกมส์สะโด (SDO) กันอ่ะเหอะ ๆ แล้วก็ไอ้สามก๊กนี่แหละครับคือเรื่องของผมในวันนี้ ที่พวกเราจะมาช่วยกันเปรียบเทียบความแตกต่างของแนวเพลงของสามก๊กนี้กัน ว่ามันจะตรงกับที่ผมพูดไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผมบรรยายได้ไม่หมดหรอกครับถึงรายละเอียดความแตกต่างของพวกนี้ทั้งหมด จึงอยากจะขอยกมาเป็นจุดเด่นใหญ่ ๆ ของทั้งสามชาตินี้เท่านั้นแหละ ว่ามีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันตามลำดับความฮิตจากน้อยไปหามากกันเลยละกันนะครับนักเรียน เอ้าหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาแล้วก็จดตามที่ครูพูดนะคะแอร๊ย ๆ ๆ
อันดับ 3
เริ่มต้นที่ก๊กแรกคือประเทศไต้หวันกันก่อนเลยครับ ประเทศที่มีนักร้องแจ้งเกิดไม่มากเท่าไหร่นักถ้าหากเราไม่ได้ฟังเพลงของประเทศเค้าโดยตรงแบบผมอ่ะนะครับ และจากที่ผมได้ดูและได้ฟัง MV ของแต่ละเพลงในชาติของเค้ามาแล้วเนี่ย ผมรู้สึกว่าชาตินี้เป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยากแล้วก็ไม่เน้นปริมาณประชากรศิลปินเท่าไหร่หรอกครับ เพราะว่าบ้านเค้ามีศิลปินหลัก ๆ ส่วนมากก็จะเป็นศิลปินเดี่ยวกันทั้งนั้นแหละ อาจจะมีพวกศิลปินกลุ่มมาบ้างพอประปราย แต่ก็ไม่เยอะเท่าก๊กที่เป็นอันดับหนึ่งในความเห็นของผมหรอกครับ (เริ่มจะร้องอ้อกันแล้วสิว่ากูหมายถึงประเทศอะไรอ่ะสาด โครตรู้มากเลยว่ะพวกมึงอ่ะแม่งเอ้ยจับได้ไวกันชิหายเลยแสด) แล้วก็ความไม่ยุ่งยากของก๊กนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ครับ แม้ว่าจะมีศิลปินกลุ่มกับศิลปินเดี่ยวที่เป็นตัวยืนในเรื่องของการร้องเพลงแล้วเนี่ย ศิลปินกลุ่มของก๊กนี้จะมีน้อยมากครับซึ่งผมกล้าฟังธงได้เลยว่าไม่ถึง 5 คนต่อหนึ่งกลุ่มศิลปินอย่างแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองดูวง S.H.E. กับ Farenhigh ดูสิม่างเกิน 5 คนมั้ยล่ะสาด และที่มันมีสมาชิกในกลุ่มไม่เยอะนี่แหละครับ เลยทำให้ศิลปินแต่ละคนในกลุ่มตัวเองของก๊กนี้ได้โชว์ความสามารถทางการร้องเพลงได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ได้มีความจำเป็นเหี้ยนห่านอะไรเลยด้วยซ้ำที่ต้องมาใส่ใจในหน้าตาของแต่ละคนว่าต้องมีดีมาก่อนน้ำเสียง ในการรวมวงของพวกเค้าแต่ละวงของชาตินี้อ่ะ
ส่วนศิลปินเดี่ยวของก๊กนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันครับดูอย่างท่านเทพ Jay Chou สิ ผมเชื่อว่ามีน้อยคนครับที่เวลาจะฟังเพลงในแถบเอเชียแล้ว จะไม่เคยรู้จักชื่อเพลงแต่ละเพลงของท่านผู้นี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย ขนาดก่อนที่ผมจะมาฟังเพลงในแถบนี้เนี่ยนอกจากกลุ่ม TVXQ ที่ทำให้ผมเริ่มฟังแบบเป็นทางการแล้วนั้น ผมเคยฟังเพลงของท่านผู้นี้มาก่อนที่จะได้รู้จัก TVXQ ด้วยซ้ำไป อีกอย่างอาเจย์คนนี้นอกจากงานร้องเพลงกับแต่งเพลงเองแล้วเนี่ย เฮียแกยังเป็นทั้งผู้กำกับ MV แล้วก็เป็นทั้งนักแสดงภาพยนตร์อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ การเล่นดนตรีใครที่ว่าเล่นเจ๋ง ๆ แล้วมาเจอท่านผู้นี้ก็ต้องจอดเหมือนกันแหละครับ เพราะว่าเครื่องดนตรีสุดคลาสสิคเฮียแกก็เคยเล่นมาไม่ใช่น้อยเหมือนกัน ที่เห็นชัดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเปียโนหลังใหญ่ที่เฮียแกได้โชว์สเต็ปการไล่นิ้วบนแท่นเปียโนได้อย่างเทพ จนกูไม่รู้ว่ากูจะด่ามันยังไงอ่ะเอาง่าย ๆ เลย แถมพี่ท่านยังเป็นศิลปินนักร้องที่รวยที่สุดในเกาะฮ่องกงด้วยนะตัวเธอ นับว่าท่านผู้นี้ม่างเก่งรอบด้านจริง ๆ นะครับกับผู้ชายนามว่า Jay Chou หรือว่าไงครับคุณผู้อ่าน
อันดับ 2
หลังจากที่ผมได้พูดจุดเด่นของศิลปินในแถบไต้หวันไปแล้ว ก๊กที่มีวัยรุ่นไทยนิยมกันมากในอันดับต่อมาที่ผมจะพูดถึงก็คือ ประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกครับ นั่นก็คือญี่ปุ่นหรือไอ่ยุ่นที่เรารู้จักกันนี่เองครับ นับว่าเป็นเรื่องที่ผมคิดหนักอยู่เหมือนกันว่า ระหว่างศิลปินในแดนปลาดิบกับศิลปินในแดนโสม บ้านเรานิยมฟังเพลงของชาติไหนมากกว่ากัน ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่สรุปของผมอยู่เหมือนกันจนถึงทุกวันนี้ เพราะก่อนหน้าที่จะมีศิลปินของแดนโสมเข้ามาในไทยเรานั้น วัยรุ่นไทยเราส่วนมากจะรู้จักเพลงญี่ปุ่นมาก่อนด้วยซ้ำไปครับ ซึ่งแน่นอนครับว่าในช่วงนั้นเมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่นนี้ ไม่ว่าจะไปถามวัยรุ่นไทยคนไหนก็ตาม ทุกคนก็จะร้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "การ์ตูน" แน่นอนครับ เพราะการ์ตูนญี่ปุ่นในช่วงนั้นหรือแม้แต่ช่วงนี้ก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นอย่างมากครับ เลยไม่แปลกครับที่จะมีการนำการ์ตูนญี่ปุ่นภาพนิ่งในหนังสือมาทำเป็นภาพเคลื่อนไหวบนเว็ปไซด์ - จอทีวีให้พวกเราได้ดูกัน โดยได้มีการนำเพลงญี่ปุ่นมาเป็นเพลงประกอบการ์ตูนในเรื่องนั้น ๆ กันอยู่ร่ำไป ซึ่งพวกเรารู้จักกันดีในคำว่า "Anime" นั่นเองครับ หลังจากนั้นเพลงญี่ปุ่นก็ค่อย ๆ พากันทยอยเข้ามาในไทยเราเป็นระยะ ๆ จนเป็นที่นิยมกันไปในที่สุด แต่ปัจจุบันนี้เพลงญี่ปุ่นได้หายไปจากบ้านเราหลายกลุ่มศิลปินอยู่เหมือนกัน เนื่องจากว่าติดลิขสิทธิ์ของเพลงในการนำเข้ามาในไทยนั่นเองครับ ไม่รู้ว่าแม่งจะงกเพลงของบ้านมันไว้ทำส้นตีนอะไรเหมือนกัน เมิงกลัวกูจะมาแย่งเพลงเมิงไปรึไงวะสาด แหม ๆ ๆ เห็นคนไทยเก่งเรื่อง copy เก่งเป็นอันดับ 3 ของโลกหน่อยไม่ได้นะเมิงไอ่ห่าสาด มันก็เลยทำให้ MV เพลงญี่ปุ่นค่อย ๆ ลดน้อยลงไปในปัจจุบันนี้ของบ้านเรา โดยที่ยังหลงเหลือเอาไว้ก็เพียงแค่กลุ่มศิลปินรุ่นแรก ๆ ของการบุกเบิกตลาดเพลงซะเป็นส่วนใหญ่
เอาล่ะมาดูข้อแตกต่างของก๊กนี้กันบ้างดีกว่า หลังจากที่พวกเราได้ฟังประวัติอันยืดยาวที่มั่วมั่งแม่นมั่งจากผมมาแล้ว ข้อแตกต่างของก๊กนี้กับก๊กแรกที่ผมได้เขียนไปนั้นนับว่าก๊กนี้มีความหลากหลายในแนวเพลงและในตัวของศิลปินมากกว่าก๊กไต้หวัน - ฮ่องกงครับ นั่นก็คือญี่ปุ่นนี้จะมีทั้งศิลปินเดี่ยว ศิลปินคู่ (ดูโอ้) บอยแบนด์ และ Bands หรือวงดนตรีแท้ ๆ โดยชาติกำเนิดนั่นเองครับ และแนวเพลงของก๊กนี้ก็จะมีหลากหลายมากครับไม่ว่าจะเป็นแนว Pop R&B Rock และ Dance ซึ่งผมคิดว่าว่าเป็นก๊กเดียวที่มีแนวเพลงและศิลปินที่หลายหลายจำนวนมากครับ จะพูดว่าเป็นก๊กที่มีแนวเพลงครบทุกรสชาติเลยก็คงจะไม่ผิดอะไรละมั้งครับ
นอกจากจุดเด่นในแนวเพลงที่มีหลากหลายแล้วนั้น ที่ก๊กนี้ก็จะมีจุดเด่นอีกจุดนึงครับซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามไปแต่ก็อาจจะมีอีกหลาย ๆ คนเช่นกันที่สามารถมองเห็นได้เหมือนกับผมว่ามันคือเรื่องของอะไร แต่ก่อนจะบอกถึงจุดเด่นเรื่องที่ผมจะเอ่ยถึงนี้ ผมก็อยากจะให้ผู้อ่านที่เป็นสาวกเพลงของยุ่นได้นึกดูเล่น ๆ ก่อนละกันครับว่าจุดเด่นที่ผมกำลังจะเอ่ยถึงนี่มันคืออะไรในประเทศนี้ ? ซึ่งผมเชื่อนะว่าหลายคนก็คงจะรู้แหละก็มันออกจะมีกันเกือบทั้งประเทศเลยนี่เนอะ ถ้าใครยังนึกไม่ออกก็ไม่เป็นไรครับผมจะเฉลยให้ฟังละกัน จุดเด่นอีกข้อนึงของก๊กนี้มันก็คือทรงผมและสีผมนั่นเองครับ นั่นแน่ถึงบางอ้อกันแล้วใช่มั้ยล่ะพี่น้องเหอ ๆ ใช่มั้ยล่ะครับ ก็จริงมั้ยล่ะลองสังเกตดูดเล่น ๆ สิเธอเอ๋ยไม่ว่าเราจะดู MV หรือภาพยนตร์ของประเทศนี้เราก็จะเห็นสิ่งที่เด่นสุดอย่างแรกของพวกเค้าก่อนเลย นั่นก็คือไอ้เจ้าทรงผมบนหัวของเหล่าศิลปินพวกนี้นี่แหละครับ แม่งถ้ามันไม่ทำไฮไลท์มันก็จะย้อมเป็นสีทองทั้งหัวจนกลายเป็นสีเหลืองไปเลยก็มีครับ เท่านั้นยังไม่พอครับม่างยังจะใส่สีอื่นแซมเข้าไปบนหัวของพวกมันอีก นี่หัวพวกมึงจะเอาไปรับจำนำหรือไงวะเฮ้ย จะทำส้นตีนอะไรทองอ๋อยซะขนาดนั้น (คำนี้เป็นการเอาคำว่าสีทองกับคำว่าเหลืองอ๋อยมาก ๆ มารวมกันจะได้เป็นคำนี้นะจ๊ะเด็ก ๆ เอ้าจดไว้ซะสิเดี๋ยวตีเลยยังไม่จดอีก) หรือว่ามึงจะเอาไปไว้กันโดนโจรปล้นเลยเอาให้หัวแม่งสว่างเว่อร์ ๆ เข้าไว้ยิ่งเหลืองโครตพ่อเลยได้ยิ่งดี เวลาโดนแดดส่องผมพวกโจรม่างจะได้ตาบอดกันให้หมดเวลามาเล่นหลังกู อย่างนั้นน่ะเหรอ ส้นตีนเถอะครับพี่น้องมึงเป็นคนเอเชียนะเฮ้ยผมมึงดำอยู่ดี ๆ ก็ดีอยู่แล้ว อยากเป็นแบบชาวตะวันตกรึยังไงสาด มึงจะทองไปไหนครับถ้าทำแล้วเส้นผมมึงมีราคาเพิ่มขึ้นเท่าทองคำมันก็น่าทำอยู่หรอก แต่กูเห็นทำไปแม่งก็เหมือนเดิมนั่นแหละหัวเดิม ๆ ผมก็ผมสีเดิม ๆ อาจจะได้ของสมน้ำหน้าคุณมาอีกหน่อย ก็คือความทุเรศที่มีมายิ่งกว่าเดิมไงครับพี่น้องเหอะ ๆ
อันดับ 1
เอาล่ะครับมาถึงอันดับหนึ่งที่ทุกคนรอคอยกับความแตกต่างของสามก๊กนี้ และก็แน่นอนครับว่าคงจะหนีไม่พ้นชาตินี้นั่นก็คือเกาหลีใต้นั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นในด้านฟุตบอลหรือแม้กระทั่งในด้านของดนตรีและศิลปิน ชาตินี้ก็กินขาดทั้งสองข้ออย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ แต่ถึงจะยังไงก็ตามกูก็ยังคงไม่ค่อยสบอารมณ์กับกระแสเกาหลี Fever อยู่ดีนั่นแหละ คือกูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมมึงต้องเกาหลีฟะเฮ้ย (อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมไปอ่านได้ในสองเรื่องก่อนหน้านี้ที่ผมได้เขียนเอาไว้เกี่ยวกับเกาหลีละกันเน้อ) รายละเอียดในก๊กนี้ผมจะไม่ขอลงไปมากนะครับเดี๋ยวกูหาทางขึ้นไม่เจอนะเออ เพราะมันจะลงไปได้เรื่อย ๆ นั่นแหละกับเรื่องของก๊กนี้ และผมก็เชื่อว่าหลายคนก็คงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับชาตินี้มาได้สักพักแล้วแหละ เพราะถ้าใครไม่รู้นี่กูก็ไม่รู้ว่าพวกมึงเกิดมาจากไหนแล้วแหละ ขนาดเด็กตัวเล็ก ๆ แถวบ้านผมแม่งยังรู้ข้อมูลเยอะกว่ากูเลยสาด เราจะมาคุยที่จุดเด่นของก๊กนี้กันเลยละกัน ซึ่งจุดเด่นของก๊กนี้ในทางกีฬาก็แน่นอนล่ะครับว่าต้องเป็นฟุตบอลอย่างแน่นอน เพราะพวกเราก็คงจะเห็นสปิริตทางด้านฝีเท้าของทีมชาติประเทศนี้ในบอลโลกมาแล้วแม้ว่าจะตกรอบไปแล้วก็ตาม แต่ผลที่ได้รับกลับมานั้นไม่ต่างกับวีรบุรุษที่กลับมาพร้อมกับแชมป์โลกนั่นแหละครับ เพราะเล่นได้เต็มที่สุด ๆ ไปเลยกับทีมชาติขวัญใจชาวเอเชียทั้งทวีปทีมนี้
กลับมาที่เรื่องเพลงเหมือนเดิมดีกว่าพูดต่อเดี๋ยวกูจะอินกับบอลโลกไปมากกว่านี้อีก ทางด้านเพลงนี้ก็ไม่แพ้ทางด้านกีฬาครับสำหรับเกาหลีใต้ ถ้าไม่ติดที่ม่างมีดีที่เสื้อผ้า (สีทึบ ๆ ดูเท่ ๆ) หน้า (ของปลอมที่แม่งสั่งทำโดยแพทย์มืออาชีพ กูล่ะอยากจะไปเป็นหมอศัลยกรรมที่นั่นจริงจริ๊ง คงจะรวยน่าดูเลยนะนั่น) ผม (ดำ ๆ เดิม ๆ ดูไม่เด่นเลยแต่มีเสน่ห์นะเออ) แล้วก็ท่าเต้นบ้า ๆ บอ ๆ แบบเดิม ๆ ที่กูเห็นอยู่ในหลาย ๆ MV ของศิลปินในประเทศนี้ แนวเพลงของเกาหลีนี้เท่าที่ผมเห็นมันมีอยู่แนวเดียวเท่านั้นแหละครับ แนวเดียวจริง ๆ นะเออ นั่นคือแนว Pop Dance ครับ ไม่ว่าจะเพลงช้าเพลงเร็วแม่งก็ขอให้กูได้เต้นอ่ะสาดไม่ขอเชี่ยอะไรมากมายแล้วอะไรประมาณนั้น ดูเป็นพวกสมถะดีเนอะพวกนี้ จะเพลงช้าจะเพลงเร็วขอให้กูได้เต้นไว้ก่อนละกัน อย่างอื่นกูไม่ขออะไรมากแล้วขนาดนั้นกันเลยทีเดียว ส่วนศิลปินก็มีอยู่อย่างเดียวอีกเหมือนกันนั่นแหละครับ มันคือศิลปินกลุ่มครับซึ่งมาถึงตรงนี้กูก็สงสัยอีกแล้วครับว่า ศิลปินเดี่ยวที่มันเคยดัง ๆ ในสมัยก่อนมันหายไปไหนกันหมดแล้วฟะ วัน ๆ กูเห็นมีแต่ศิลปินกลุ่มแถมมีมาแบบเดียวด้วยดิ กูก็ไม่เข้าใจว่ามึงจะอะไรนักหนากับนักร้องกลุ่มวะเฮ้ย แล้วกลุ่มนึงมึงก็ไม่ใช่มีน้อย ๆ เลยนะแม่งมีที 5 คน+ เงี้ยยิ่งศิลปินรุ่นหลัง ๆ ที่ออกมาใหม่ ๆ แม่งยิ่งหนักเลยสาด 6 คน+ งี้กูก็ไม่เข้าใจว่ามึงมีศิลปินกลุ่มอยู่แค่ 5 คนมันน้อยไปหรือยังไงวะเลยเพิ่มปริมาณกันมาเรื่อย ๆ แข่งกันร้องแข่งกันเต้น จนกูที่เป็นคนฟังหาตัวเจ้าของเสียงไม่เจอแล้วเนี่ย เพราะแม่งเดินไปเดินมาเบียดกันอยู่บนหน้ากล้องถ่าย MV จนพื้นที่ studio แม่งจะไม่พอเอาอ่ะสาด สรุปว่ามึงจะขายหน้าตาของนักร้องอย่างเดียวสินะเออเจริญเหอะสาดขออนุโมทนาบุญเผื่อกูด้วยนะเยดเข้ว ขอให้นักร้องกลุ่มในแต่ละค่ายของพวกมึงที่ปั้นกันมา จงป้วนเปี้ยนกันอยู่แค่แนวเพลงนี้จนชาวบ้านเค้าเบื่อมึงไปจนหมดละกันนะเออสาธุ ๆ
และนี่ก็เป็นความแตกต่างของทั้งสามก๊กที่ผมเห็นชัด ๆ ในการดู MV มาอ่ะนะครับใครที่มองเห็นความต่างอะไรอีกก็บอกกันได้นะครับ เพราะผมสังเกตคนเดียวอาจจะดูได้ไม่ทั่วพอ ก็แหงล่ะก็กูไม่ใช่พวกแฟนคลับเพลงเอเชียนี่หว่าสาดจะไปนั่งดูรายละเอียดก็คงไม่ใช่เรื่องที่กูจำเป็นเลยนะนั่น ในครั้งหน้าผมจะมาพร้อมกับเรื่องอะไรวันไหนก็อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะพี่น้องเอ้ย
เอรักทุกคนนะจ๊ะอ่ะจุ๊ฟมั๊วะกริ้วกร้าวว้าววู้ว
มาเปรียบเทียบความต่างของเพลงเอเชียเพื่อนบ้านของเรากันเถอะหนู ๆ
เขียนโดย
KerberoS
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
2 ก.ค. 53
749
2
ความคิดเห็น
ขอสมัครเป็นแฟนขับ น้ะ :')