เรื่อง : Momypedia
ดู จากเวลาแล้วหลายคนคิดว่าไกลตัวเหลือเกินว่าจะถึงปีนั้น ดีไม่ดีอาจจะอยู่ไม่ถึงวันนั้นก็เป็นได้ แต่อย่าชะล่าใจเชียวค่ะเพราะนั่นเป็นเพียงการคาดการณ์และคำนวณแบบรักษาน้ำใจ ชาวโลกเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงถ้าเรายังใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันแบบไม่คิด ยังสร้างมลพิษไปทั่วโลก ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเราอาจจะเจอภาวะขาดแคลนอาหารไปทั่วโลกก่อนปี 2050
เรื่อง นี้ถูกเสนอขึ้นโดยศาสตราจารย์ Julian Cribb ผู้ซึ่งเชื่อว่าเพราะภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงทางอากาศไปทั่วโลกจะทำให้ มนุษย์ขาดแคลนอาหารหรืออาหารหมดโลกในปี 2050โดยเขาได้เรียกร้องให้ ผู้นำ 193 ประเทศทั่วโลกที่กำลังจะมาประชุมเรื่องสภาพอาการเปลี่ยนแปลงที่เมืองแคนคูน สหรัฐอเมริกา ได้เอาปัญหานี้ไปถกกันในที่ประชุมเพื่อหาทางป้องกัน แก้ไข และจัดการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ในขณะนี้ให้เหมาะสมเพื่อเตรียมตัวรับกับ วิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
เขา กล่าวว่าในช่วงกลางศตวรรษที่ 21 หรือประมาณปี 2050 (พ.ศ. 2593) ประชากรโลกจะพุ่งสูงถึง 9.2 พันล้านคน ทำให้เกิดความต้องการอาหารมากกว่าปัจจุบันถึงสองเท่า ในขณะเดียวกันสภาพอากาศก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้วจนพื้นที่เพาะปลูกไม่ เหมาะและไม่สามารถปลูกพืชพันธุ์อะไรได้เลย หรือสภาพอากาศทำให้ผลผลิตที่ได้เสีย ราคาอาหารก็จะถีบตัวสูงขึ้นหลายเท่าตัว สุดท้ายก็จะนำไปสู่สงครามแย่งชิงอาหารไปทั่วโลก
ยก ตัวอย่างเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาในตอนนี้อย่างประเทศอิตาลี สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในแถบเมดิเตอร์เรเนียนทำให้การปลูกข้าวสาลีไม่ได้ ผลอย่างที่ต้องการ ซึ่งเป็นไปว่าอิตาลีจะต้องสั่งซื้อข้าวสาลีจากต่างประเทศเพื่อนำมาผลิตพาส ต้าบริโภคกันในประเทศ หรืออย่างอากาศที่ร้อนขึ้นในประเทศฝรั่งเศสทำให้ไวน์ชั้นดีมีรสเปลี่ยนไปจน อีกหน่อยฝรั่งเศสจะไม่ใช่ประเทศที่มีไวน์รสเลิศที่สุดในโลกอีกต่อไปแล้ว หรือใกล้ตัวเข้ามาหน่อยอย่างประเทศเวียดนามที่ส่งออกข้าวราย ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตอนนี้ข้าวที่ถูกส่งออกก็โดนตีกลับมาเกินครึ่งเนื่องจากคุณภาพ ของข้าว ไม่ ได้มาตรฐานอันเนื่องมาจากน้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้นจนเข้ามารวมกับแหล่งน้ำเพื่อ การเพาะปลูกคือแม่น้ำโขงและแม่น้ำแดงทำให้ข้าวไม่มีคุณภาพตามที่ตลาดโลกต้อง การและมีผลผลิตน้อยลงทุกปี
และ ไม่ใช่แค่ศาสตราจารย์ Julian เท่านั้นที่มีความคิดเช่นนี้ องค์กรที่เฝ้าสังเกตการณ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลกก็มีรายงานออกมาเช่นกันว่ามลพิษ ที่มากขึ้น โลกที่ร้อนขึ้นส่งผลให้สภาพอากาศทั่วโลกวิปริต พื้นที่ที่เคยอุดมสมบูรณ์เกิดความแห้งแล้งจนไม่สามารถเพาะปลูกได้ หรือได้ผลผลิตไม่ดี แหล่งน้ำธรรมชาติเหือดแห้ง รวมไปถึงจุดต่างๆ ในมหาสมุทรจะเกิดการขาดออกซิเจนทำให้สิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้นเช่น ปลา พืชทะเล หรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ พากันตายหมด
แม้ จะเป็นเพียงการพยากรณ์ล่วงหน้าที่ยังใช้เวลาอีกนานกว่าจะรู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ก็อย่านอนใจไปนะคะ เพราะตอนนี้เราก็พอจะเห็นบ้างแล้วว่าราคาอาหารแพงขึ้น พืชผลในบางพื้นที่ที่เคยปลูกได้ก็กลับปลูกไม่ได้เหมือนเดิม ดังนั้นถ้าเราจะฝากความหวังไว้แค่เพียงผู้นำ 193 ประเทศทั่วโลกให้หามาตรการมาช่วยปกป้องโลกก็อาจจะช้าเกินไป ดังนั้นในตอนนี้เราอาจจะต้องเริ่มช่วยโลกและลูกหลานของเราในอนาคตกันตั้งแต่ ตอนนี้ค่ะ เริ่มง่ายๆ ด้วยการลดมลพิษและสร้างพื้นที่สีเขียวให้เยอะๆ เช่น งดใช้ถุงพลาสติก ไม่ใช่รถยนต์ส่วนตัวมากเกินไป ใช้น้ำใช้ไฟอย่างประหยัด รวมไปถึงการช่วยกันปลูกป่า ทำความสะอาดแม่น้ำลำคลอง แม้จะดูเป็นจุดเล็กๆ แต่ถ้าทำกันทั่วโลกมันก็จะรวมกันเป็นจุดใหญ่และอาจจะทำให้เรารอดพ้นจากวิกฤต อาหารหมดโลกก็เป็นได้ ไปได้สูงมากที่อาหารและพืชภัณฑ์ต่างๆ จะหายไปจากโลก
ความคิดเห็น
โอ๊ะ น่ากัวเนอะ 0.0
555
ขำๆ คงอยุ่ไม่ถึงหรอมมั้งคะ
อุณหภูมิสูงจนอยู่ไม่ได้ จากดาวสีฟ้าก็จะกลายเป็นดาวแดง โอ้ว ไม่นะ !!
ช่วยกันดูแลซักนิด ..
เราก็จะอยู่ได้จนเลย 2050 (:
......