ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกียรติคุณสุนทรภู่

    ลำดับตอนที่ #9 : ▣ นิราศสุพรรณ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 352
      0
      19 ม.ค. 57


    โคลงนิราศสุพรรณ แต่งเมื่อ พ.ศ.๒๓๘๔ เป็นนิราศเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลงสี่สุภาพ เรื่องนี้นอกจากจะมีความไพเราะซาบซึ้งและให้ความสนุกเพลิดเพลินตามท้องเรื่องแล้ว ยังทำให้ผู้อ่านได้ทราบรายละเอียดในเรื่องการเดินทางไปสุพรรณบุรีของสุนทรภู่ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาชีวประวัติของท่านเพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้ที่สำคัญก็คือ ได้ช่วยให้ผู้ที่หลงใหลในเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและหายาอายุวัฒนะซึ่งปัจุบันนี้ก็ยังมีผู้เชื่อว่ามี ได้ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ ดังสุนทรภู่ได้แถลงไว้ชัดเจนแล้วในตอนสุดท้ายของโคลงนิราศเรื่องนี้


    (๑) ๏ เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า
    จรูญจรัดรัศมีพราว
    ยามดึกนึกหนาวหนาว
    เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย

     
    ดาดาว
    พร่างพร้อย
    เขนยแนบ  แอบเอย
    เยือกฟ้าพาหนาว ๚
    (๒) ๏ มหานากฉวากวุ้ง
    ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง
    คุกคิดมิศหมายครอง
    กล้าตกรกเรื้อซ้ำ

     
    คุ้งคลอง
    ฝั่งน้ำ
    สัจสวาดิ ขาดเอย
    โศกทั้งหมางสมร ๚
    (๓) ๏ ขอฝากซากสวาดิสร้อย
    ไว้ที่ท่าสาคร
    ศาลาน่าวัดภร
    ใครที่พี่เป็นผี้

     
    สุรธร
    เขตนี้
    พี่ฝาก มากเอย
    พี่ให้อไภยเจริญ ๚
    (๔) ๏ จำร้างห่างน้องนึก
    สองฝ่ายชายหญิงยวน
    หวังชายฝ่ายหญิงชวน
    กลเช่นเล่นซักเสร้า

     
    น่าสวน
    ยั่วเย้า
    ชื่นเช่น เหนเอย
    เสพเผื้อนเฟือนเกษม ๚
    (๕) ๏ เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม
    กุฏศพนบมานดา
    เดชะพระกุศลภา
    เสวยศุกทุกค่ำเช้า

     
    คมลา
    เกิดเกล้า
    พ้นโลก โอกฆเอย
    ช่องชั้นสวรรยางค ๚
    (๖) ๏ เชิงเลนเปนตลาดสล้าง
    โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ
    หลีกล่องช่องเล็กเหลือ
    ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม

     
    หลักเรือ
    เกลื่อนกลุ้ม
    ลำบาก ยากแฮ
    ถี่ฆ้องสองยาม ๚
    (๗) ๏ แซ่เสียงเวียงราชก้อง
    หง่งหงั่งระฆังขาน
    สังแตรแซ่เสียงประสาร
    ยามดึกครึกครื้นก้อง

     
    กังสดาน
    แข่งฆ้อง
    สังขีด ดีดเอย
    ปี่แก้วแจ้วเสียง ๚
    (๘) ๏ วัดเลียบเงียบสงัดหน้า
    ขุกคิดเคยพญายาม
    รวยรินกลิ่นสไบทราม
    สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง

     
    อาราม
    แย่งน้อง
    สวาดร่วง ทรวงเอย
    เพราะเจ้าเบาใจ ๚
    (๙) ๏ เจริญบุญสุรธรไว้
    สืบสวัสสัฐาภร
    เชิญทราบกาพกลกลอน
    จำขาดชาตินี้แล้ว

     
    ให้สมร
    ผ่องแผ้ว
    กล่าวกลิ่น ถวินเอย
    คลาดน้องของสงวน ๚
    (๑๐) ๏ วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง
    เคยปกนกน้อยคอน
    เคยลอบตอบสารสมร
    จำจากพรากนุชน้อง

     
    เตียงนอน
    คู่พร้อง
    สมานสมัคร รักเอย
    นกน้อยลอยลม ๚
    (๑๑) ๏ สาวแก่แม่ม่ายแม้น
    ขอเดชะพระวรุณ
    ยามดึกนึกส่งบุญ
    วัดช่วยอวยสวัสดิขู้

     
    มีคุณ
    ราชรู้
    แบ่งฝาก มากเอย
    คิดพร้องสนองเพลง ๚
    (๑๒) ๏ ยนฉนวนหวนนึกน้ำ
    พระธินั่งบันลังทอง
    ชำระพระนิพนสนอง
    สริ้นแผ่นดินปกเกล้า

     
    เนตรนอง
    ที่เฝ้า
    เสด็จสนิด ชิดเอย
    กลับร้างห่างฉนวน ๚
    (๑๓) ๏ แบ่งบุญสุรธรเชื้อ
    สืบซ่างทางพุทพง
    ถวายพระหริรักทรง
    ลุโลกโมฆเมืองแก้ว

     
    ชิณวง
    ผ่องแผ้ว
    สารภิเศศ เสวตรเอย
    กิจร้ายหายสูร ๚
    (๑๔) ๏ อีกองมงกุฎิเกล้า
    สืบกษัตรขัติยบำรุง
    ถวายพระอนิสงพดุง
    สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น

     
    เขากรุง
    รอบแคว้น
    พเดชเฟื่อง กเดื่องเอย
    ขจัดผ้ายวายเขน ๚
    (๑๕) ๏ ท่าช้างหว่างค่ายล้อม
    ครั้งพระโกฎโปรฐประทาน
    เคยอยู่คู่สำราน
    เหนแต่ที่หมีได้

     
    แหล่งสถาน
    ที่ให้
    ร่วมเย่า เจ้าเอย
    ภบน้องครองสงวน ๚
    (๑๖) ๏ วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า
    เคยอยู่ชูชื่นเชย
    ยามนี้ที่เคยเลย
    ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า

     
    เจ้าเอย
    ค่ำเช้า
    ลืมภัก พี่แฮ
    คลาศแคล้วแล้วหนอ ๚
    (๑๗) ๏ คิดคำลำฦกไว้
    เคยรักเคยร่วมเรือน
    อย่าเคืองเรื่องเราเยือน
    ใครที่มีชู้ชู้

     
    ใคร่เตือน
    ร่วมรู้
    ยามแก่ แม่เอย
    ช่วยช้ำคำโคลง ๚
    (๑๘) ๏ เลี้ยวทางบางกอกน้อย
    บ้านเก่าเย่าเรือนแพ
    เงียบเหงาเปล่าอกแด
    ลำฦกนึกรักร้อง

     
    ลอยแล
    พวกพ้อง
    ดูแปลก แรกเอย
    เรียกน้องในใจ ๚
    (นาคบริพันธ์) 
    (๑๙) ๏ สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม

    ออมสนิทชิดกลิ่นหอม
    ไกลห่างว่างอกตรอม
    เลยอื่นขึ้นครองไว้

     

    อุ้มสนอม
    กล่อมให้
    ออมตรึก รฦกเอย
    ใคร่หว้าหน้าสวน ๚
    (๒๐) ๏ ยนย่านบ้านบุตั้ง
    ขุกคิดเคยชมจรร
    ยามยากหากปันกัน
    มีคู่ชูชื่นหน้า

     
    ตีขัน
    แจ่มฟ้า
    กินซีก ฉลีกแฮ
    นุชปลื้มลืมเดิม ๚
    (๒๑) ๏ เสียดายสายสวาดโอ้
    รักพี่มีโทษกร
    จำจากพรากพลัดสมร
    เสียนุชดุจทรวงต้อง

     
    อาวร
    กับน้อง
    เสมอชีพ เรียมเอย
    แตกฟ้าผ่าสลาย ๚
    (นาคบริพันธ์) 
    (๒๒) ๏ เคราะกำจำห่างน้อง

    หวนนึกดึกเคยวอน
    คิดไว้ไม่ห่างจร
    หากจิตรมิศหลายหน้า

     

    ห้องนอน
    ค่อนหว้า
    ห่อนจาก
    ล่าน้องหมองหมาง ๚
    (๒๓) ๏ เดือนตกนกร้องเร่ง
    เยี่ยมยอดยุคุนททรง
    เดือนดับลับโลกคง
    จันพี่นี้ลับหน้า

     
    สุริยง
    ส่องฟ้า
    คืนขึ้น อีกเอย
    นับสริ้นดินสวรร ๚
    (๒๔) ๏ วัดปขาวคราวรุ่นรู้
    ทำสุรทสอนเสมียน
    เดินรวางรวังเวียน
    เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย

     
    เรียนเขียน
    สมุทน้อย
    หว่างวัด ปขาวเอย
    สวาดิห้างกลางสวน ๚
    (๒๕) ๏ เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง
    โอ้อกอาดูรโดย
    ดูสวรป่วนจิตรโหย
    แลลับกลับชาติม้วย

     
    แรมโรย
    ทเวดด้วย
    หาดอก สร้อยเอย
    ไม่ได้ใกล้กลาย ๚
    (๒๖) ๏ บางบำรุบำรุงแก้ว
    แก้วเนตรเชษฐาชรา
    ถือบวดตรวจน้ำภา
    ชาตินี้พี่แคล้ว

     
    กานดา
    ร่างแล้ว
    ภพชาติ อื่นเอย
    คลาศค้างห่างสมร ๚
    (๒๗) ๏ บางรมาดมิ่งมิดครั้ง
    บอกบทบุญยังพยาน
    ประทุนประดิศถาน
    แหวนประดับกับผ้า

     
    คราวงาน
    พยักหน้า
    แทนฮ่อง หอเอย
    พี่อ้างรางวัน ๚
    (๒๘) ๏ สงสารสายเนตรน้อง
    ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน
    จวนรุ่งร่ำสอื้นจน
    คราวเคราะเพราะน้องต้อง

     
    นองชล
    เฟ่าน้อง
    จำจาก แจ่มเอย
    พยุกล้าสลาตัน ๚
    (๒๙) ๏ สวรหลวงแลสล่างล้วน
    เคยเสด็จวังหลังมา
    ข้าหลวงเล่นปิดตา
    เห็นแต่พลับกับสร้อย

     
    พฤกษา
    เมื่อน้อย
    ต้องอยู่ โยงเอย
    ซ่อนซุ้มคลุมโปง ๚
    (๓๐) ๏ วัดพิกุนกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง
    แรกรุ่นรวยมาไล
    เรียนร้อยค่อยสอดไหม
    ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น

     
    กลอยใจ
    ไส่เหล้น
    เหมือนแน่ และเอย
    นวดฟั้นท่านครู ๚
    (๓๑) ๏ บางขวางข้างเขตแคว้น
    สองฟากหมากมพร้าวผล
    หอมรื่นชื่นเช่นปน
    เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้

     
    แขวงนน
    พรรไม้
    แป้งประ ปรางเอย
    กลิ่นเนื้อเจือจรร ๚
    (๓๒) ๏ เชิงสวรล้วนรักน้ำ
    ลูกดกรกเรื้อไบ
    รักร้ายฝ่ายตนไกล
    เดจลูกถูกยางนิ้ว

     
    คล้ำไคล
    บิดพลิ้ว
    กลัวรัก นักเอย
    หนิดเนื้อเหลือดัน ๚
    (๓๓) ๏ บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง
    ส่งนิ่มนุชนิพพาน
    จำจากพรากพลัดสถาน
    เห็นแต่คลองน้องแคล้ว

     
    บุญทาน
    ผ่องแผ้ว
    ทิ้งพี่ หนีเอย
    คลาศเลื่อนเดือนปี ๚
    (๓๔) ๏ บางศรีทองคลองบ้านเก่า
    สีเพชผัวสีทอง
    เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง
    คลองคดลดเลี้ยวชี้

     
    เจ้าคลอง
    ถิ่นนี้
    สำเหนียก นามเอย
    เช่นไสร้ไสทอง ๚
    (๓๕) ๏ ล่วงทางบางบ้านเรียด
    สองฝั่งพรั่งพฤกษา
    ไม้ปลูกลูกดอกดา
    ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง

     
    ริมชลา
    สลับสล้าง
    ดกดาษ กลาดเอย
    ขอบคุ้งฟุ้งขจร ๚
    (๓๖) ๏ รอกแตแลลอดเลี้ยว
    นกหกจกจิกโจน
    ยางเจ่าเหล่ายางโทน
    โฉบฉาบคาบปลาได้

     
    โลดโผน
    จับไม้
    ท่องเที่ยว เหยี่ยวเอย
    ด่วนขึ้นกลืนกิน ๚
    (๓๗) ๏ บางกร่างข้างคุ้งค่าม
    บางขนุนขุนกอง
    ของสวนส่วนเจ้าของ
    สาวแก่แม่ม่ายบ้าง

     
    เขตคลอง
    ก่อสร้าง
    ขายน่า ท่าเอย
    บกน้ำลำเรือ ๚
    (๓๘) ๏ โรงหิบหนิบอ้อยออด
    สองข้างรางรองเรียง
    อ้อยไส่ไล่ควายเคียง
    อกพี่นี้ชอกช้ำ

     
    แอดเสียง
    รับน้ำ
    คู่วิ่ง เวียรเอย
    เช่นอ้อยย่อยรยำ ๚
    (๓๙) ๏ หีบหันนั้นและเหล้
    ขู่ข่มเหงหักหาร
    เข้าพวกคิดอ่านพาล
    กลหีบหนิบนิดเน้น

     
    กระลาการ
    ห่อนเว้น
    เอาผิด พ่อเอย
    นึกช้ำน้ำใจ ๚
    (๔๐) ๏ บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน
    เวียงชื่อศรีท้าวไท
    เวียงราชคลาดแคล้วไกล
    ยามยากจากเมืองทั้ง

     
    สวนไสว
    ท่านตั้ง
    กลับรฦก นึกเอย
    ถิ่นปลื้มลืมกเษม ๚
    (๔๑) ๏ บางม่วงทรวงเศร้าคิด
    ม่วงเกบมม่วงสวน
    ม่วงอื่นรื่นรันจวน
    ม่วงหม่อมหอมห่วนหน้า

     
    เคยชวน
    ศุกรย้า
    จิตไม่ ใคร่แฮ
    เสน่เนื้อเจือจรร ๚
    (๔๒) ๏ จันต้นผลห่ามให้
    แมลงภู่วู่เวียนตอม
    เพียงพี่ที่สุดถนอม
    พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า

     
    หวนหอม
    ไต่เคล้า
    เสน่ห์แจ่ม จรรเอย
    โศกร้างห่างจรร ๚
    (๔๓) ๏ ล่วงทางบางใหญ่บ้าน
    เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย
    สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย
    แลเหล่าชาวสวนหน้า

     
    ด่านคอย
    เลื่อนช้า
    เพลินชื่น ชมเอย
    เสน่ห์น้องคลองสนอม ๚
    (๔๔) ๏ คลองคดลดเลี้ยวล้วน
    เกะกะรเรือรอ
    คดคลองช่องแคบพอ
    คนคดลดเลี้ยวล้ำ

     
    หลักตอ
    ร่องน้ำ
    พายถ่อ พ่อเอย
    กว่าน้ำลำคลอง ๚
    (๔๕) ๏ ล่วงย่านบ้านวัดร้าง
    ตกทุ่งถึงคลองโยง
    วัดใหม่ธงทองโถง
    ควายลากฝากเชือกไขว้

     
    เรือนโรง
    หย่อมไม้
    ที่ติด ตื้นแฮ
    เคลื่อนคล้อยลอยเลน ๚
    (๔๖) ๏ คนขี่ตีต้อนเร่ง
    ถอนถีบกีบกอมตกาย
    เหนื่อยนักชักเชือกหงาย
    คนหวดปวดป่วนโอ้

     
    รันควาย
    โก่งโก้
    แหงนเบิ่ง เบือนแฮ
    สอึกเต้นเผ่นโผน ๚
    (๔๗) ๏ ทุกข์ใดในโลกล้น
    ไม่เท่าควายลากเรือ
    หอบฮักจักขุเจือ
    มนุษย์ดุจติดค้าง

     
    ล้ำเหลือ
    รับจ้าง
    เจิ่งชุ่ม ชลเอย
    เฆี่ยนเร้าเอาเงิน ๚
    (๔๘) ๏ สังเวชเหตุด้วยทรัพย์
    พาสัตว์วัตนสงสาร
    ตรวดน้ำร่ำศีลทาน
    จงสุขทุกค่ำเช้า

     
    ศฤงคาร
    โศกเศร้า
    ทั่วสัตว์ สวัสดิ์เอย
    ชาติพ้นชนมาน ๚
    (๔๙) ๏ ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย
    คาแฝกแซกเซียดแซม
    ในพุ่มกุ่มกกแกม
    นกหกวกเวียนหว้อน

     
    เฟือยแขม
    ซับซ้อน
    กอย่า รย้าแฮ
    วิ่งเต้นเผ่นโผน ๚
    (๕๐) ๏ นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง
    คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา
    ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา
    ศีรษะกระกรุมโล้ง

     
    ทุ่งนา
    ปากโง้ง
    เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ
    เล่ล้านบ้านเรา ๚
    (๕๑) ๏ นกกทุงฝูงใหญ่กลุ้ม
    ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง
    คิดเช่นเล่นลำคลอง
    สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า

     
    กลางหนอง
    คู่เคล้า
    คลอนุช น้อยเอย
    ฝึกน้องคล่องใจ ๚
    (๕๒) ๏ กาน้ำดำแหวกหว้าย
    คาบขยอกขแยงกิน
    เด็กโห่โผล่พลุนบิน
    ยางกรอกดอกบัวแซ่

     
    วาริน
    เก่งแท้
    บ่เปียก ปีกแฮ
    สนั่นร้องซ้องเสียง ๚
    (๕๓) ๏ กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน
    ร่อนร่ายหมายมัจฉา
    ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา
    โจมจับปรับไหมใช้

     
    เวหา
    โฉบได้
    กินสัตว์ สูเอย
    เช่นข้าด่าตี ๚
    (๕๔) ๏ ยางเจ่าเซาจับจ้อง
    กินเล่นเป็นภักษา
    กระลาการท่านศรัทธา
    บนทรัพกลับกลืนกล้ำ

     
    จิกปลา
    สุขล้ำ
    ถือสัตย์ สวัสดิ์แฮ
    กล่าวคล้ายฝ่ายยาง ๚
    (๕๕) ๏ ออกแควแม่น้ำปาก
    แตนด่านบ้านเรือนโรง
    ชื่อลานตากฟ้าโถง
    เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง

     
    คลองโยง
    เรียดคุ้ง
    ทุ่งรอบ  ขอบแฮ
    ฟากฟ้าสากล ๚
    (๕๖) ๏ ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง
    แต่ปากว่าตากฟ้า
    กว้างขวางทร่างวัดวา
    ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง

     
    ตากปลา
    เฟื่องฟุ้ง
    ไว้ช่อง  คลองแฮ
    ยอดแย้มแซมไสว ๚
    (๕๗) ๏ รอนรอนอ่อนอกโอ้
    เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง
    มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง
    เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า

     
    อัสดง
    ลับฟ้า
    พี่เปลี่ยว  เดียวเอย
    นึกคร้ามหวามถวิล ๚
    (๕๘) ๏ ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง
    ย่อมย่านบ้านกระจันจรร
    เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน
    จรรอื่นชื่นแต่หน้า

     
    เขตคัน
    กจ่างฟ้า
    โศกสอื้น  อกเอย
    ใช่เนื้อเจือจรร ๚
    (๕๙) ๏ ลำภูดูหิ่งห้อย
    เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย
    วับวับจับเนตรสาย
    วับเช่นเห็นหิ่งห้อย

     
    พรอยพราย
    รอบก้อย
    สวาดิสบ  เนตรเอย
    หับหม้านนานเห็น ๚
    (๖๐) ๏ ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม
    หมอเท่าเจ้าเล่ลวง
    ใช้เล่นเช่นกับดวง
    บ่วงรักดักพี่ต้อง

     
    โขลงหลวง
    ล่อคล้อง
    เนตรนุช  พี่เอย
    ติดให้ใช้แรง ๚
    (๖๑) ๏ ล่องทางบางบ้านส
    แปรชื่อครือจรรจร
    เรือนตั้งฝั่งสาคร
    บ้านไร่ใครหนอแกล้ง

     
    ศรีธร
    แจ่มแจ้ง
    คนเงียบ  เลียบแฮ
    กล่าวอ้างอย่างจรร ๚
    (๖๒) ๏ ยามดึกครึกครื้นลั่น
    ถึงย่านบ้านขโมยมล
    จรเข้เร่คำรน
    มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม

     
    ลมฝน
    มืดคลุ้ม
    ร้องฮุ่ม  ฮูมแฮ
    แข่งขู้ฟูลอย ๚
    (๖๓) ๏ ราตรีหนีตเข้เค่า
    เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย
    ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย
    ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย

     
    บ้านขโมย
    ด่วนพุ้ย
    ปรายสัต  สนัดแฮ
    มุ่งทุ่มกุมภา ๚
    (๖๔) ๏ น่ากลัวตัวตเค่ขู้
    ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง
    เคียงคู่สู่สมสอง
    ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย

     
    ฟูขนอง
    ฟ่องเฟื้อย
    สังวาด  สวาดแฮ
    เล่นน้ำปล้ำขนอง ๚
    (๖๕) ๏ เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง
    ว่าตเข้ขบกัน
    บูรานท่านว่าสัน-
    ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง

     
    มองมัน
    ปกับท้อง
    ดานสัตว์  กำหนัดแฮ
    ติดค้างนางเมีย ๚
    (๖๖) ๏ หนีศึกว่าปะซุ้ม
    ได้กับเราแล้วเหลือ
    หลบตเข้เค่าจอดเรือ
    บกก็เสือเรือซ้ำ

     
    เซิงเสือ
    หลากล้ำ
    ริมเขต  ขโมยแฮ
    สัตเข้เฉโก ๚
    (๖๗) ๏ รุ่งเช้าเบาอกสริ้น
    ลาย่านบ้านขโมยหมาย
    น้ำขึ้นรื่นลมชาย
    ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ

     
    โศรกสบาย
    มุ่งข้าม
    เฉื่อยส่ง  ตรงเอย
    สัตว์น้ำคล่ำขนอง ๚
    (๖๘) ๏ บางปลาตาบ้านอยู่
    สองฮ่องสองเรือนราย
    ชาวป่าน่านอนสบาย
    มีคู่อูเข้าด้วย

     
    หญิงชาย
    ร่ายกล้วย
    บ่ครั่น  ตวันเอย
    ดั่งนี้ที่สบาย ๚
    (๖๙) ๏ ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม
    สองฝั่งรังรำราม
    แพงพวยผักบุ้งงาม
    บนบกนกกับเนื้อ

     
    เซิงหนาม
    รกเรื้อ
    งอนทอด  ยอดเอย
    หว่างไม้ไผ่สลอน ๚
    (๗๐) ๏ บางปสีที่ถ่านตั้ง
    เผาไผ่ไม้ซากราย
    หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย
    ดำทมื่นทื่นหน้า

     
    ตวงซาย
    เรียดถ้า
    เช่นพูด  อูดเอย
    แนบน้องลองโลม ๚
    (๗๑) ๏ นาวาคลาเคลื่อนคล้อย
    ล่วงย่านบ้านบางรกำ
    สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ
    ปลาติดปลิดปลดได้

     
    ลอยลำ
    รกไม้
    แทงพวก  ฉมวกแฮ
    ดุกต้องช่อนชโด ๚
    (๗๒) ๏ บางยุงคุ้งลาดล้วน
    ลงปลักทลักทลาย
    ดำผุดฟูดฟาดหงาย
    ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ

     
    เหล่าควาย
    เล่นน้ำ
    แหงนเบิ่ง  เทิ่งแฮ
    ปล่อยห้อยอควาย ๚
    (๗๓) ๏ เขาควายรายร่องนิ้ว
    ว่าพญาพาลีทยาน
    ศีรษะกระบือกระบาน
    นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว

     
    นิทาน  นานเอย
    ยุดพลิ้ว
    บั่งบั่ง  ยังแฮ
    เหนี่ยวเน้นเห็นรอย ๚
    (๗๔) ๏ บ้านไซไซใหญ่ย้อย
    คิดเช่นเล่นต้นไซ
    ผูกกิ่งชิงช้าไกว
    เคยขี่พี่กับน้อง

     
    สร้อยไสว
    แซ่ซ้อง
    แกว่งชัก  เชือดเอย
    แนบเนื้อเจือใจ ๚
    (๗๕) ๏ เลยทางบางบ้านแห่ง
    เดิมว่าเตาเผาปูน
    อาภัพลับชื่อสูร
    อกพี่นี้และได้

     
    หินมูล
    ป่นไว้
    เสียเปล่า  เราเอย
    ดุจอ้างอย่างปูน ๚
    (๗๖) ๏ ถึงคลองร้องเรียกบ้าน
    ลำฦกนึกถึงดวง
    เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง
    อุ้มรักหนักอกถ้า

     
    บางหลวง
    ดอกฟ้า
    แสนเทวษ  ทุเรศเอย
    เทียบเถ้าเขาหลวง ๚
    (๗๗) ๏ บางน้อยพลอยนึกน้อย
    น้อยแนบแอบอกเคย
    เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย
    น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า

     
    น้องเอย
    คู่เคล้า
    เชือนชื่น  อื่นแม่
    จิตรน้อยลอยลม ๚
    (๗๘) ๏ บางหวายท้ายคุ้งช่อง
    แดนนครไชยศรี
    เข้าแดนสุพรรณบุรี
    ทุ่งท่าป่ายุงริ้น

     
    คลองมี
    สุดสริ้น
    รื้อเปลี่ยว  เดียวเอย
    รกเรื้อเบื่อชม ๚
    (๗๙) ๏ ชุมนักผักตบซ้อน
    บอนสุพรรณหั่นแกง
    บอนบางกอกดอกแสลง
    บอนปากยากจะแก้

     
    บอนแซง
    อร่อยแท้
    เหลือแหล่  แม่เอย
    ไม่สริ้นลิ้นบอน ๚
    (๘๐) ๏ บางสามศาลเจ้าทร่าง
    อารักศักดิ์สิทธิ์วัง
    สุขีที่ข้าหวัง
    กำจัดศัตรูแม้น

     
    ปางหลัง
    แว่นแคว้น
    วานช่วย  ด้วยแฮ
    มุ่งร้ายตายเอง ๚
    (๘๑) ๏ ถึงบ้านด่านดักตั้ง
    สองพี่น้องคลองแคว
    ตลิ่งตลิบโตล่งแล
    สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง

     
    ฝั่งกระแส
    ค่ามคุ้ง
    ตานสลับ  สล้างเอย
    ถิ่นอ้อกอแขม ๚
    (๘๒) ๏ ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง
    ลอยเล่นเห็นคนถลา
    สลิดสลาดสลับปลา
    กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น

     
    ธารา
    หลบสริ้น
    ช่อนดุก  พลุกแฮ
    กระโดดเหล้นเห็นตัว ๚
    (๘๓) ๏ นานาปลาว่ายเคล้า
    สีเสียดซิวกระโสงเสือ
    เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ
    กริมกระตรับนับร้อย

     
    คลอเรือ
    ซ่าสร้อย
    หลายหลาก  มากเอย
    เร่หว้ายรายเรียง ๚
    (๘๔) ๏ แก้มช้ำดำที่แก้ม
    ดูเคลื่อนเหมือนจนำ
    แรกรักปรักปรางประจำ
    ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง

     
    แต้มดำ
    แนะน้อง
    จุมพิต  นิดเอย
    แต่งแต้มแก้มสมร ๚
    (๘๕) ๏ เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ
    อ่อนแอบแนบอกอิง
    นวลจันนั่นนวลจริง
    นวลที่พี่กลืนกล้ำ

     
    น้องหญิง
    อุ่นล้ำ
    แต่ชื่อ  ฦาเอย
    กลิ่นเนื้อเหลือนวล ๚
    (๘๖) ๏ ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ
    ฮืดฮาดฟาดโผงผาง
    ปลาค้าวเหล่าสวายคาง
    กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ

     
    หวดหาง
    พ่นน้ำ
    เบือนบิด  เบี้ยวแฮ
    เคลื่อนคล้อยลอยแล ๚
    (๘๗) ๏ บางซอกอไผ่ล้อม
    บ้านบ่มีสีซอ
    เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ
    ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย

     
    หลายกอ
    สักน้อย
    พยุโยก  โชกแฮ
    เอื่อยอ้อซออินทร์ ๚
    (๘๘) ๏ ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้
    สองฝั่งฝ่ายวิหกา
    เร่ร่อนว่อนเวหา
    นกเถื่อนเหมือนจะร้อง

     
    อาทวา
    กู่ก้อง
    หาเหยื่อ
    เรียกให้คนชม ๚
    (๘๙) ๏ ถึงที่สีสนุกนั้น
    สนุกแต่ชาวบ้านเคย
    พวกพี่ที่จากเชย
    สนุกที่ดูสูเจ้า

     
    น้องเอย
    ค่ำเช้า
    ชวดสนุก  ทุกข์แม่ 
    สนุกเถ้านั้นเอง ๚
    (๙๐) ๏ ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย
    ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง
    ซ้อนซับทับถมทาง
    เรือขัดตัดฟันค้ำ

     
    เฟือยตวาง
    กลบน้ำ
    ที่แคบ
    ค่อยกว้างทางจร ๚
    (๙๑) ๏ แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้
    ถึงย่านบ้านตเภาทลาย
    เดิมที่นี่เป็นชาย
    เรือสัดพลัดมาต้อง

     
    ไรราย
    ทลุท้อง
    ทเลหาด  ลาดแฮ
    ติดเข้าตเภาทลาย ๚
    (๙๒) ๏ แลลิ่วทิวทุ่งต้น
    ลิบลิบลมปลิวปลาย
    เล่คนคัดปีกฉาย
    เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ

     
    ตานราย
    ไปล่แปล้
    เฉิบเช่น  เห็นแฮ
    พิศให้ใจเพลิน ๚
    (๙๓) ๏ บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ
    คนเหล่าเชาปมงมอง
    สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง
    เหม็นเน่าคาวปลาร้า

     
    ลำคลอง
    มุ่งข้า
    ปิดเรือก  เฝือกแฮ
    เรียดคุ้งคลุ้งโขลง ๚
    (๙๔) ๏ ริมน้ำทำทีขึ้น
    เกล็ดติดตัวตีนตา
    คิดคู่สู่เสน่หา
    โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม

     
    ขอดปลา
    ตมูกแก้ม
    หอมชื่น  รรื่นเอย
    ติดเนื้อเหลือหอม ๚
    (๙๕) ๏ บางสแกแลสล่างงิ้ว
    เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย
    งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย
    งิ้วพี่ที่แน่งน้อย

     
    ทิวราย
    แช่มช้อย
    สวาดิเช่น  เห็นเอย
    นึกหน้าอาไลย ๚
    (๙๖) ๏ ยามยลต้นงิ้วป่า
    นึกบาปวาบวับหวาม
    คงจะปะงิ้วทราม
    งิ้วกับพี่หมีแคล้ว

     
    หนาหนาม
    วุ่นแล้ว
    สวาดิเมื่อ  ม้วยแฮ
    คึ่นงิ้วลิ่วสูง ๚
    (๙๗) ๏ ถึงบ้านคันชั่งแท้
    เพียงพี่ที่ดำรง
    เคยคู่ซู่ซื่อตรง
    ยามยากจากพวกพ้อง

     
    เที่ยงตรง
    รักน้อง
    สัจคิด  สนิทเอย
    พี่ให้ใจหาย ๚
    (๙๘) ๏ เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย
    พงไผ่ไม้รำไร
    แลขวาป่าแฝกไฟ
    ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง

     
    เฟือยไสว
    รอบคุ้ง
    ฟอนเรียน  เกรียนแฮ
    ถิ่นกว้างวางเวง ๚
    (๙๙) ๏ ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม
    วัดเก่าเศร้าโทรมแรม
    ผู้ใดไม่ซ่อมแซม
    เพียงพี่ที่อ้างว้าง

     
    ตามแหลม
    รกร้าง
    สร้างวัด  สวัสดิ์เอย
    ทเวทให้ใจหาย ๚
    (๑๐๐) ๏ ลมตกนกว้าว่อน
    โฉบฉาบคาบปลากิน
    ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน
    ถิบถ่อกรอปีกจ้อง

     
    ร่อนบิน
    กู่ก้อง
    เดินซ่อง  มองแฮ
    จ่อมน้ำปล้ำปลา ๚
    (๑๐๑) ๏ ถึงบางนางแม่หม้าย
    เปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองมัว
    คราวใครใคร่ฝากตัว
    พร้อมจิตคิดจะได้

     
    ไร้ผัว
    หม่นไหม้
    ต่อม่าย  หมายเอย
    ดับหม้ายกลายมี ๚
    (๑๐๒) ๏ ตวันออจรเข้ฟู่
    ยาวใหญ่ไล่เรือเรียง
    เด็กตวาดผาดแผดเสียง
    มันบ่หยุดผุดหว้าย

     
    คู่เคียง
    เราะท้าย
    แซ่สุ่ม  ขยุมเอย
    วู่คว้างขวางเรือ ๚
    (๑๐๓) ๏ เดชะพระพุทธิเจ้า
    เคยชนะพญามาร
    รฦกถึงจึ่งบันดาน
    จรเค่เหห่างแคล้ว

     
    เข้าฌาน
    แม่นแล้ว
    ดุจเช่น เห็นแฮ
    คลาดคล้อยถอยหนี ๚
    (๑๐๔) ๏ ถึงช่องคลองน้ำชื่อ
    เข้าตอกออกดอกตำรา
    คิดสบพบถ้ำมหา
    นึกจะปลงคงได้

     
    กฤษณา
    ว่าไว้
    สนุกแน่  แม่เอย
    กระดากเจ้าเฝ้าหวง ๚
    (๑๐๕) ๏ บางเลนเป็นที่หลุ้ม
    แปลงปลักคลักคงคา
    ไทเจ๊กเดอใหญ่พา
    บุญส่งจงหลีกพ้น

     
    แหล่งปลา
    ขุ่นข้น
    พวกซ่อน  ช้อนเอย
    ทุกถั้วตัวปลา ๚
    (๑๐๖) ๏ บางบัวบ้านชื่อพร้อง
    นึกเช่นเห็นบัวคำ
    เค่าเหนียวเกี่ยวมาทำ
    คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้อง

     
    สนองนำ
    คู่พร้อง
    แทนเค่า  เจ้าเอย
    ขัดค้างขวางเชิง ๚
    (๑๐๗) ๏ ลมเรื่อยเฉื่อยชื่นใช้
    ถึงย่านบ้านดารา
    สองเรือนเพื่อนพูดจา
    คิดใคร่ได้ชิดเชื้อ

     
    ใบดลา
    รกเรื้อ
    เจ่านั่ง  รวังเอย
    ช่วยเฝ้าเหย้าเรือน ๚
    (๑๐๘) ๏ ใบร่มลมเรื่อยแหล้น
    เหล่าหนุ่มชุ่มชื่นพา
    อิเหนาเค่ามลกา
    ฟังเสนาะเพราะพร้อง

     
    ลีลา
    เพื่อนร้อง
    กลเม็ด  มากแฮ
    พรักพร้อมซ้อมเสียง ๚
    (๑๐๙) ๏ ถึงชีปขาวย่านบ้าน
    ชีไม่เห็นกาดำ
    เชาบ้านย่านนั้นทำ
    ซางแต่คำพร่ำพร้อง

     
    โบรำ
    ตื่นร้อง
    แทงพวก  ฉมวกแฮ
    ชื่อนี้ชีปขาว ๚
    (๑๑๐) ๏ ขาวอื่นหมื่นสิ่งล้วน
    แพรพ่าฟ้าดินดาว
    ขาวดูครู่เดียวคราว
    ขาวบ่เบื่อเนื้อน้อง

     
    นวลขาว
    ดุจพร้อง
    หนึ่งเบื่อ  เหลือแฮ
    น่วมนิ้วผิวขาว ๚
    (๑๑๑) ๏ คุ้งขวางบางบ้านชื่อ
    ทางทิศทุกตำบล
    อยู่กลางหว่างมณฑล
    คนเปลี่ยนเพี้ยนชื่อแย้ง

     
    ชี้หล
    บอกแจ้ง
    ทางร่วม  รวมแฮ
    ย่านนี้ยีหน ๚
    (๑๑๒) ๏ บางปลาม้าป่าอ้อ
    ไม้ไผ่ใหญ่สลวยลำ
    ชาวบ้านย่านนั้นทำ
    ปลูกผักฟักแฟงเลื้อย

     
    กอรกำ
    สล่างเฟื้อย
    ที่ไร่  ไว้แฮ
    ลูกห้อยย้อยไสว ๚
    (๑๑๓) ๏ ถึงคุ้งโพกระก้ม
    โพอยู่บูรานนาน
    ชื่นชุ่มพุ่มพิศดาร
    ขออย่าให้ไภยแผ้ว

     
    กราบกราน
    เนิ่นแล้ว
    เดชะ  พระเอย
    ผ่องพ้นกลโกง ๚
    (๑๑๔) ๏ โคกครามนามที่บ้าน
    เขียวชุ่มฉอุ่มงาม
    เหมือนสีที่นุชทราม
    เห็นแต่ครามนามบ้าน

     
    หิว่านคราม
    กิ่งก้าน
    สวาดิฮุ่ม  พุ่มเอย
    ไสบเจ้าเศร้าสูน ๚
    (๑๑๕) ๏ สวนหงส์วงวัดพร้อม
    รื่นรอบขอบบริเวณ
    เคกเยาเล่ากนเกน
    ใช่ที่มีสวนสอ้าน

     
    พระเณร
    หว่างบ้าน
    ก้องที่  กฎีแฮ
    ชื่ออ้างปางหลัง ๚
    (๑๑๖) ๏ ตลาดแก้วแถวถิ่นตเข้
    ตลิ่งตลาดแต่ล้วนหนาม
    แก้วอื่นหมื่นแสนทราม
    รักแต่แก้วแววฟ้า

     
    ตนขาม
    สนับหญ้า
    สู้สละ  ปละเอย
    จะเฝ้าเคล้าสนอม ๚
    (๑๑๗) ๏ ถึงวังตาเพชอ้าง
    ไผ่พุ่มซุ้มเซิงรัง
    ตาเพชเหตุใดวัง
    ฤาว่าตาเพชเชื้อ

     
    ปางหลัง
    รกเรื้อ
    มีเล่า  เจ้าเอย
    ชาติท้าวเจ้าเมือง ๚
    (๑๑๘) ๏ สวนขิงตลิ่งแต่ล้วน
    พริกเทศเม็ดอร่ามเหลือ
    กล้วยปลูกสุกห่ามเครือ
    คิดคู่อยู่สวนได้

     
    สวนมเขือ
    เรื่อไหร้
    ครบซ่ม  มยมเอย
    แต่งต้มซ่มตำ ๚
    (๑๑๙) ๏ บ้านยอดยอดไม้สะพรั่ง
    ยอดยื่นชื่อช่อผกา
    ยอดอื่นหมื่นแสนดา
    ยอดรักจักหาบ้าง

     
    ฝั่งชลา
    กิ่งคว้าง
    ดาษทอด  ยอดแฮ
    บ่ได้ใจหาย ๚
    (๑๒๐) ๏ ลุดลชนบทบ้าน
    โรงเจ๊กตั้งริมตีน
    นั่งนับทรัพย์สิ่งสิน
    เมียช่างสางสลวยล้ำ

     
    ขนมจีน
    ท่าน้ำ
    สยายเพ่า  เล่าแฮ
    สลับผู้หูหนาง ๚
    (๑๒๑) ๏ โพคอยโพขึ้นอยู่
    ปากช่องคลองชลาเฉลียง
    บ้านตั้งฝั่งน้ำเรียง
    แลรอบขอบแหลมคุ้ง

     
    คู่เคียง
    ลัดถุ้ง
    รายอยู่  หมู่แฮ
    เขตบ้านตาลราย ๚
    (๑๒๒) ๏ ถึงหน้าท่าน้ำวัด
    ฦาเลื่องเบื้องบูราน
    หวานอื่นคลื่นไส้นาน
    หวานแต่น้ำคำน้อง

     
    มนาวหวาน
    ร่ำพร้อง
    นักเบื่อ  เหลือแม่
    เสนาะน้ำคำหวาน ๚
    (๑๒๓) ๏ ทับขี้เหล็กเด็กว่าต้ม
    ครั้นแต่งแกงต้มเกลือ
    พริกขิงสิ่งใส่เจือ
    ขมขื่นคลื่นไส้นั้น

     
    ขมเหลือ
    กลบคั้น
    จิบอร่อย  น้อยฤา
    แต่น้ำคำขม ๚
    (๑๒๔) ๏ วัดฝางอ้างชื่อไว้
    ฝางย่อมย้อมแพรยาง
    แดงสุกถูกแดดหมาง
    อกพี่ที่แค้นขั้ง

     
    ใช่ฝาง
    ยิ่งขรั้ง
    หมองคร่ำ  ดำแฮ
    ขู่คร้ำน้ำฝาง ๚
    (๑๒๕) ๏ ท่าระหัดพัดน้ำท่วม
    หันกลับขับคงคา
    ใคร่จ้างช่างรหัดหา
    อกพี่ที่ร้อนให้

     
    ท้องนา
    คึ่นได้
    ห่อนพบ  หลบเอย
    รหัดน้ำพร่ำพรม ๚
    (๑๒๖) ๏ ถึงบางนางสุกน้อง
    สุขพี่ที่ร่วมเรือน
    ยามสุขทุกปีเดือน
    ยามทุกสุขกาหล้อน

     
    นามเหมือน
    เพื่อนร้อน
    ได้อยู่  คู่เอย
    หล่นเหน้าเปล่าดาย ๚
    (๑๒๗) ๏ ถึงย่านยายท้าวที่
    ฦาข่าวเจ้าสิงทรง
    คิดใคร่ไถ่ถามองค์
    แม่ม่ายหมายเคียงขู้

     
    ผีลง
    สอดรู้
    อารักษ์  ประจักษ์เอย
    คบเผื้อนเชือนไฉน ๚
    (๑๒๘) ๏ ท่าโขลงโขลงช้างค่าม
    พลอยถูกผูกกูบโยง
    ลืมเถื่อนเพื่อนร่วมโรง
    พี่เที่ยวเดียวโดดคล้าย

     
    ตามโขลง
    แย่ท้าย
    รักยศ  หมดแฮ
    คชร้างห่างโขลง ๚
    (๑๒๙) ๏ บ้านตั้งฝั่งน้ำที่
    ลาวอยู่รู้เสียงสนอง
    ปลูกผักหักฟืนตอง
    หูเจาะเหมาะแต่หน้า

     
    กฎีทอง
    เหน่อช้า
    ตามเถื่อน  เพื่อนแฮ
    แน่งน้อยกลอยใจ ๚
    (๑๓๐) ๏ โคกม่อก่ออิฐตั้ง
    เผาม่อก่อไฟเริง
    ม่อมีที่พะเพิง
    อกพี่ที่ร้อนเถ้า

     
    เตาเพลิง
    เร่งเร้า
    เพื่อนเหล่า  เผาแฮ
    ถ่านกลุ้มรุมแรง ๚
    (๑๓๑) ๏ ถึงรยะสระโปยชหญ้าน
    ผ้านุ่งถุงทบยาว
    กลีบกลับวับแวมวาว
    เด็กว่าฟ้าแลบชม้าย

     
    บ้านลาว
    ย่างย้าย
    แวบแวบ  แทบแฮ
    มุ่งค้อนงอนงาม ๚
    (๑๓๒) ๏ ถึงท้ายชายน้ำตก
    ที่ลุ่มขุมรางรอง
    หน้าแล้งแฮ่งนาหนอง
    ชลเนตรเชษฐาผร้ำ

     
    รกคลอง
    รับน้ำ
    น้ำตก  ซกแฮ
    เช่นน้ำตกบาง ๚
    (๑๓๓) ๏ ควันเย็นเห็นหาดหน้า
    เมืองสุพรรณบุรี
    ศาลตั้งฝั่งนที
    โรงเล่าเขาต้มค้าง

     
    ท่ามี
    รกร้าง
    ที่หาด  ลาดแฮ
    ขอบคุ้งหุงสุรา ๚
    (๑๓๔) ๏ ผู้รั้งตั้งรั้วรอบ
    เป็นหมู่ดูงัวควาย
    สาวสาวเหล่านุ่งลาย
    จ้ำม่ำลำสันสอ้าน

     
    ขอบราย
    ไขว่บ้าน
    แล้วหม่อม  มอมเอย
    อาบน้ำปล้ำปลา ๚
    (๑๓๕) ๏ กรมการบ้านตั้งตลอด
    ต่างต่อล้อเลื่อนเกียร
    เรือริมหาดดาษเดียร
    ของเหล่าเชาสวนใต้

     
    ตลิ่งเตียน
    เก็บไว้
    รดะปัก  หลักแฮ
    แต่งตั้งนั่งขาย ๚
    (๑๓๖) ๏ ฝั่งซ้ายฝ่ายฟากโพ้น
    มีวัดพระรูปบูราณ
    ที่ถัดวัดประตูสาร
    หย่อมย่านบ้านขุนช้าง

     
    พิศดาร
    ท่านสร้าง
    สงฆ์สู่  อยู่เอย
    ชิดข้างสวนบันลัง ๚
    (๑๓๗) ๏วัดกระไกรใกล้บ้านที่
    ถามเหล่าชาวสุพรรณ
    ทองประศรีที่สำคัญ
    เดิมสนุกทุกวันนี้

     
    ศรีประจัน
    เพื่อนชี้
    ข้างวัด  แคแฮ
    รกเรื้อเสือคนอง ๚
    (๑๓๘) ๏ ประทับหน้าท่าสิบเบี้ย
    หว่างวัดฝาโถสถาน
    มหาโพทโบสถ์วิหาร
    พิมพิลาไลยสร้าง

     
    บูราณ
    ถิ่นร้าง
    หักทับ  ยับเอย
    สืบขู้สูพรรณ ๚
    (๑๓๙) ๏ สงสารบ้านวัดร้าง
    เสียงแต่นกหกโหย
    อกพี่ทีเดียวโดย
    เข้าเรื่องเมืองร้างเศร้า

     
    แรมโรย
    ค่ำเช้า
    ด้วยแก่  แม่เอย
    โศกซ้ำรำจวน ๚
    (๑๔๐) ๏ นอนค้างข้างคุ้งถัด
    ครั้นรุ่งมุ่งเดินไพร
    ไหว้พระป่าเรไร
    ริมรอบขอบเขื่อนล้อม

     
    วัดกระไกร
    พรั่งพร้อม
    ร่มรรื่น  ชื่นเอย
    สะล่างไม้ไพรพนม ๚
    (๑๔๑) ๏ น้อยน้อยพลอยชื่นชี้
    ครึมครึกพฤกษาไสว
    ผลิดอกออกผลใบ
    รอกกระแตแลแหล้น

     
    ชมไพร
    แว่นแคว้น
    รบัดชื่น  รื่นเอย
    โลดเต้นเผ่นผยอง ๚
    (สระล้วน) 
    (๑๔๒) ๏ แจ้วแจ้วจักกระจั่นจ้า

    หริ่งหริ่งเรื่อยเรไร
    แซงแซวส่งเสียงใส
    แหนงนิ่งนึกนุชน้อง

     

    จับใจ
    ร่ำร้อง
    ทราบโสต
    นิ่มเนื้อนวลนาง ๚
    (๑๔๓) ๏ พิกุนบุนนากแก้ว
    หอมชื่นรื่นลำดวนดง
    สาวหยุดพุทธิชาดทรง
    หนุ่มหนุ่มรุมเก็บหน้า

     
    กาหลง
    ดอกรย้า
    เสาวรส  สดเอย
    สนุกโน้มโถมชิง ๚
    (๑๔๔) ๏ เด็กได้ไส้ห่อผ้า
    เห็นไก่ไล่ลัดเฉลียง
    ล้มลุกสนุกสำเนียง
    หน้าผากฝากบวมเบี้ยว

     
    พับเฉียง
    ลดเลี้ยว
    สนั่นโห่  โร่เอย
    บ่เว้นเผ่นผยอง ๚
    (๑๔๕) ๏ นกร้องก้องกิ่งไม้
    แลลับกรับเสียงวัง
    ค้อนทองป่องเป๋งดัง
    กอไผ่ไก่ขันแจ้ว

     
    ใบบัง
    เวกแหว้ว
    ดุจเคาะ  ฆ้อนแฮ
    แจ่มเจื้อยเฉื่อยเสียง ๚
    (๑๔๖) ๏ ขึ้นโขดโบสถ์เก่าก้ม
    พระป่าเรไรยล
    ยอกรหย่อนบาทบน
    ปลั่งเปล่งเพ่งพิศพริ้ม

     
    กราบยุคล
    อย่างยิ้ม
    บงกช  แก้วเอย
    พระหนั้งดังองค์ ๚
    (๑๔๗) ๏ เทียนธูปบุพชาติบ้าง
    นึกพระเสด็จมา
    ลิงเผือกเลือกสมอพวา
    ช้างเผือกเลือกผึ้งทั้ง

     
    บูชา
    ยับยั้ง
    ถวายไว่  ใกล้แฮ
    กิ่งไม้ไหว้ถวาย ๚
    (๑๔๘) ๏ ขอเดชะพระพุทธิเจ้า
    อตส่าห์มาเช้าเย็น
    ปรารถนาว่าจะเป็น
    บุญช่วยด้วยให้ได้

     
    จงเห็น
    ยากไร้
    ปเจกพุท ธะภูมิเอย
    ดุจข้าอาวรณ์ ๚
    (๑๔๙) ๏ ยังไปไม่พ้นภพ
    ขอปะพระศรีอาร
    กราบถึงซึ่งพระนิพาน
    ขอสุขทุกข์โศกเศร้า

     
    สงสาร
    อีกเหล้า
    ผ่ายภาก  หน้าเอย
    สิ่งร้ายหายสูญ ๚
    (๑๕๐) ๏ อนึ่งเจ้าเหล่าเล็กล้วน
    หมายมั่งดังพิศถาน
    ขอให้ใส่นามขนาน
    กลั่นชุบอุประถำล้วน

     
    ลูกหลาน
    ถี่ถ้วน
    ตาบพัด สวัดิเอย
    ลูกเลี้ยงเที่ยงธรรม์ ๚
    (๑๕๑) ๏ เย็นรอนอ่อนเกศก้ม
    จากวัดตัดตรงมา
    ค้างคืนตื่นเช้าคลา
    ติดแก่งแข็งข้อค้ำ

     
    กราบลา
    แม่น้ำ
    คลาดเคลื่อน  เรือเอย
    ขัดข้องต้องเข็น ๚
    (๑๕๒) ๏ เลี้ยวหนึ่งถึงบ้านชื่อ
    โพใหญ่ไม้บูราณ
    สองฝั่งพรั่งพฤกษตาล
    ท่าลาดหาดทรายตื้น

     
    โพคลาน
    ร่มชื้น
    โตนดพุ่ง  สูงเอย
    ตลิ่งล้วนสวนมเขือ ๚
    (๑๕๓) ๏ ศีรษะเวียงเสียงแซ่ล้วน
    แก่หนุ่มสุ่มปลาฉาว
    ผ้าบ่นุ่งพุงขาว
    เด็กด่วนชวนเพื่อนค้ำ

     
    พวนลาว
    แช่น้ำ
    ขวยจิต  รอิดเอย
    ค่ามให้ไกลลาว ๚
    (๑๕๔) ๏ โพหลวงห้วงน้ำฦก
    ปะแต่ลาวเปล่าเปลือย
    อาบน้ำคล่ำริมเฟือย
    เด็กเกลียดเบียดเบือนหน้า

     
    ไหลเนือย
    ปลอดผ้า
    ฝูงหนุ่ม  กลุ้มแฮ
    นิ่วร้องสยองแสยง ๚
    (๑๕๕) ๏ สำประทิวงิ้วง้าวสล่าง
    ถิ่นท่าป่ารำไร
    เจ๊กอยู่หมู่มอญไทย
    ปลูกผักฟักกล้วยกล้าย

     
    กร่างไกร
    ไร่ฝ้าย
    ทำถั่ว  รั้วเอย
    เกลื่อนข้างทางจร ๚
    (๑๕๖) ๏ ถึงย่านบ้านรัดช้าง
    ข้างถูกผูกรึงรัง
    พลัดพรากจากฝูงพัง
    เพียงพี่ที่ทุเรศไร้

     
    ปางหลัง
    รัดไว้
    พวกเพื่อน  เถื่อนเอย
    นิราศร้างห่างสมร ๚
    (๑๕๗) ๏ บ้านตั้งฝั่งฟากน้ำ
    วัดทร่างปางก่อนสูญ
    ขอบเขื่อนเกลื่อนอิฐปูน
    โบสถ์ยับทับพระเจ้า

     
    ธรรมกูล
    สงัดเศร้า
    เปื่อยเปล่า  เจ้าเอย
    เจิ่งน้ำกรำฝน ๚
    (๑๕๘) ๏ ยลย่านบ้านหนึ่งนั้น
    วัดสว่างอารมอาราม
    สว่างแต่ที่พี่ยาม
    ห่อนสว่างอย่างไว้

     
    แนะนาม
    รื่นไม้
    มืดมิด  จิตรเอย
    ชื่ออ้างสว่างอารม ๚
    (๑๕๙) ๏ โพพระระยะหญ้าน
    โพชื่นรื่นร่มใบ
    โปรดด้วยช่วยคุ้มไภย
    โพพระอนุเคราะห์ข้า

     
    หญ่อมไพร
    โบกรย้า
    พยัฆพยศ  คดเอย
    พระเจ้าคราวเข็น ๚
    (๑๖๐) ๏ โพพญาท่าตลิ่งล้วน
    โพไผ่ไม้เต็งตเคียน
    ซิกซากกระบากกระเบียน
    เสลาสลอดสลับสล้าง

     
    ฬ้อเกวียร
    ตขบบ้าง
    กระเบากระแบก กระบกแฮ
    เหล่าไม้ใกล้กระสิน ๚
    (๑๖๑) ๏ บ้านซ่องช่องชวากเวิ้ง
    เหล่าที่หนีมุนนาย
    ซ่องสุมซุ่มเรือนราย
    ใครจับกลับรุมข้า

     
    เซิงหวาย
    เนิ่นช้า
    ริมกับ  เกรี่ยงแฮ
    ขัดข้องซ่องหลวง ๚
    (๑๖๒) ๏ บางมดแดงแขวงเขตคุ้ง
    ถิ่นเถื่อนเรือนรำไร
    นึกมดอดสูใจ
    เพียงพี่หมีมอดม้วย

     
    ทุ่งไพร
    ไร่กล้วย
    จงมม่วง  หวงแฮ
    ไม่สริ้นถวิลหวัง ๚
    (๑๖๓) ๏ วังยางค่างคุ้งสะล่าง
    โตล่งตลิ่งยิ่งยูงสูง
    นกแลแต่ลฝูงลฝูง
    ร่มรื่นชื่นชายน้ำ

     
    ยางยูง
    ฉโงกง้ำ
    ฟุบสพั่ง  รังเอย
    นั่งเหล้นเย็นสบาย ๚
    (๑๖๔) ๏ ถึงบ้านตาลเสี้ยนร่ำ
    ไต่ผโองโหญ่งโย่ทยาน
    หน้าหัวเราะเพราะรักหวาน
    เพียงพี่นี้แฝงเฝ้า

     
    ทำตาล
    ย่างเก้า
    หวังใคร่  ได้ฤา
    ใฝ่น้ำคำหวาน ๚
    (๑๖๕) ๏ ว่างบ้านย่านน้ำเปลี่ยว
    ตลิ่งสูงฝูงรอกแต
    กรวยกร่างค่างเคียมแค
    ลมป่วนหวนหอมให้

     
    เหลียวแล
    ไต่ไม้
    ข่อยกทุ่ม  กุ่มเอย
    ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงา ๚
    (๑๖๖) ๏ จวบจนชนบทบ้าน
    ท่าลาดหาดเกิดกัน
    เรือนตั้งฝั่งเรียงรัน
    คนภู่ดูครึกครื้น

     
    ศรีจัน
    แก่งตื้น
    โรงเหล็ก  เจ๊กเอย
    ค่ามช้างต่างเกวียน ๚
    (๑๖๗) ๏ จวนเย็นเห็นแห่งบ้าน
    หาดใหญ่ไทยเจ๊กมอญ
    จอดเรือเมื่อเย็นรอน
    ร้องว่าอาศัยร้าน

     
    ด่านขนอน
    มี่บ้าน
    ริมหาด  สอาดเอย
    ร่มไม้ใกล้เรือ ๚
    (๑๖๘) ๏ เจ้าของร้องรับให้
    หนุ่มหนุ่มชุ่มชื่นบาน
    ขึ้นฝั่งนั่งสำราญ
    สาวรุ่นวุ่นเวียนเฝ้า

     
    ได้การ
    บ่เศร้า
    ร้านใต้  ไทรเอย
    ฝั่งน้ำชำเลือง ๚
    (๑๖๙) ๏ ลูกเอยเฉยเช่นปั้น
    สาวเพ่งเล็งหลบสาว
    ปะเป็นเช่นพ่อคราว
    ตายราบลาภไม่แคล้ว

     
    ปูนขาว
    สิ้นแล้ว
    ครั้งหนุ่ม  ชุ่มฤา
    คลาดช้านาที ๚
    (๑๗๐) ๏ ลูกลาวสาวรุ่นน้อง
    เรือพี่มีสิ่งขาย
    ลูกเราเหล่าหนุ่มอาย
    สอนกระสาบตาบให้

     
    ทักทาย
    ค่อยไหว้
    แอบเด็ก  เล็กแฮ
    ว่าซื้อหรือจำ ๚
    (๑๗๑) ๏ หนูพัดพลัดพลอดล้อ
    มีหมากอยากสู่สาว
    ป่านเจ้าเค่าเหนียวขาว
    ตาบฮ่ามถามหาแห้ว

     
    เลียนสาว
    ซิ่นแล้ว
    ขายมั่ง  กระมังแม่
    แห่งนี้มีฤา ๚
    (๑๗๒) ๏ ลาวไปไทยพี่น้อง
    มืดค่ำทำร่ายเรียง
    กลั่นชุบอุบอิบเอียง
    ขอหมากปากสั่นสท้าน

     
    มองเมียง
    เราะร้าน
    กแอมแอบ  แยบเอย
    ทดท้อย่อหญิง ๚
    (๑๗๓) ๏ ราตรีพี่น้องอ่อน
    ขันใหญ่ใส่หมากพลู
    แห้วเลือกเผือกถั่วภู
    จสั่งมั่งไม่ได้

     
    เอนดู
    นาบให้
    พัดรับ กลับแฮ
    เดือดหน้าด่าตี ๚
    (๑๗๔) ๏ ดึกลาวสาวรุ่นกล้า
    ให้กระเช้าเข้าเหนียว
    ถอยหลีกอีกบ่อเหลียว
    กลั่นรับกลับจุดไต้

     
    มาเดียว
    นั่งใกล้
    เลยลูก กูเอย
    ตอบโต้โมทนา ๚
    (๑๗๕) ๏ บูราณท่านว่าเลี้ยง
    มันมักหักรั้วฉาว
    หนุ่มชายฝ่ายรุ่นราว
    ลูกโง่โซแสบท้อง

     
    ลูกสาว
    เช่นพร้อง
    รักขะยั่น พรั่นแฮ
    บ่อรู้สู่สาว ๚
    (๑๗๖) ๏ ครั้นช้าวสาวสบหน้า
    จากขนอนอ่อนหนาว
    คราวได้ไม่โลมลาว
    ครั้นลับกลับรฤกเหล้า

     
    ลาสาว
    หนุ่มเศร้า
    ลองซู่ ดูแฮ
    ลูกโหง้โซสาว ๚
    (๑๗๗) ๏ เอนดูหนูพี่น้อง
    คิดใคร่ได้เลี้ยงลาว
    แต่ลูกผูกรักชาว
    จเจ็บเล็บเขาไว้

     
    สองสาว
    ลูกสไภ้
    วังเล่า เจ้าเอย
    ข่วนร้ายคล้ายเสือ ๚
    (๑๗๘) ๏ บางกระพุ้งคุ้งน้ำเปลี่ยว
    บนบกนกซอแซ
    เห็นนกกกคู่แด
    เหมือนอยู่คู่เคียงน้อง

     
    เหลียวแล
    แซ่ซ้อง
    ดานลฦก นึกเอย
    แนบเนื้อเหลือสนอม ๚
    (๑๗๙) ๏ บ้านใหม่ไร่ฝ่ายสพรั่ง
    ฟ่ายออกดอกขาวดา
    เนื้อนุชสุดโสภา
    ชมฟ่ายคล้ายผิวสร้อย

     
    ฝั่งชลา
    เด่นช้อย
    เพียงฟ่าย ไร่เอย
    สวาดิเนื้อเหลือนวล ๚
    (๑๘๐) ๏ ถึงย่านบ้านกร่างเวิ้ง
    เกิดแก่งแหล่งเหวหิน
    ปล่องน้ำท่ำกุมภิน
    ยามเปลี่ยวเสียวทรวงสดุ้ง

     
    วาริน
    ฮ่วงคุ้ง
    พวกเงือก เลือกแฮ
    ด่วนพ้นวลวัง ๚
    (๑๘๑) ๏ บ้านไร่ไทเจ๊กตั้ง
    กล้วยไข่ไร่เรียงราย
    ตกเครือเรื่อเรืองปลาย
    เฟื้องหนึ่งถึงสี่มื้อ

     
    ทั้งทวาย
    เรียกซื้อ
    ปลีสลับ ปกับแฮ
    หมดรื้อซื้อเสมอ ๚
    (๑๘๒) ๏ วังปรานบ้านเว้นว่าง
    สองฝั่งวังเสือเกรง
    นายรอดทอดท้ายเพลง
    ป่าใหญ่ไม้ชื่นช้อย

     
    วางเวง
    เกรียบฉม้อย
    พลอยหนุ่ม ชุ่มเอย
    ชุ่มฉ้อออรชร ๚
    (๑๘๓) ๏ บางม่วงห้วงหาดตื้น
    ทรายเกลี่ยเรี่ยรอยเสือ
    ซึ้งซึกพฤกษครุมเครือ
    โปรยแต่ใบไม้หว้อน

     
    ติดเรือ
    ซับซ้อน
    ค่างโครก โฮกแฮ
    วิ่งร้องพองขน ๚
    (๑๘๔) ๏ ลูกค่างอย่างย้อมชาติ
    เหลืองอ่อนโอ้เอนดู
    แม่อุ้มชุ่มชื่นชู
    กอดแอบแนบอกห้อย

     
    ชมภู
    เด็กน้อย
    ชมลูบ จูบเอย
    หกโน้มโถมทยาน ๚
    (๑๘๕) ๏ ย่านซื่อชื่อว่าบ้าน
    เหนแต่ชุมนุมลาว
    ลากอวนส่วนหนุ่มสาว
    เท่าแก่แลโล้งโต้ง

     
    ย่านยาว
    ล่อนโล้ง
    เสียงแซ่ แม่เอย
    ต่างหล้อนห่อนอาย ๚
    (๑๘๖) ๏ อ้างว้างกลางน้ำร่ม
    ลิงค่างครางครวนโหย
    กระเบาออกดอกร่วงโรย
    หึ่งหึ่งพึ่งเพียงฆ้อง

     
    ลมโชย
    โห่ร้อง
    รศรื่น ชื่นเอย
    ย่ำเถี้ยงเสียงกระหึม ๚
    (๑๘๗) ๏ ยนย่านศารปู่เจ้า
    ปลาคล่ำน้ำซึ้งใส
    งูเหลือมเลื่อมเลือกไคล
    โตเท่าเสาเรือนกว้าน

     
    จอมไพร
    สอาดสอ้าน
    คลานกลิ่ง ตลิ่งแฮ
    กวาดน้ำดำปลา ๚
    (๑๘๘) ๏ ติดตื้นขืนถ่อค้ำ
    บนบกรกรังเสือ
    นำงูฟู่เลื้อยเหลือ
    ศักครู่ดูควันกลุ้ม

     
    เขนเรือ
    ซอกซุ้ม
    หลีกยาก หลากแฮ
    กลบข้างทางจร ๚
    (๑๘๙) ๏ เดกเหนเช่นมนุษหนั้ง
    แวววับคลับคลายฟู
    รู้ชัดจัดหมากพลู
    งูกระเพื่อมเลื่อมเลื้อย

     
    หลังงู
    ฟ่องเฟื้อย
    พลีปู่ เจ้าเอย
    หลีกคล้ายหายสูร ๚
    (๑๙๐) ๏ เรือคล่องล่องเลี้ยวเลื่อน
    ถึงย่านบ้านกลวยเวลา
    กล้วยไข่ไร่รื่นรดา
    หล่างแห่งแปลงปลูกอ้อย

     
    เคลื่อนคลา
    บ่ายคล้อย
    ดกเรื่อ เครือเอย
    แอบกล้วยสลวยลำ ๚
    (๑๙๑) ๏ ถึงช่องคลองน้ำซับ
    เกิดแร่แง่งอกครื
    ผู้เท่าเล่าเลื่องฦา
    ครึคระระเรือต้อง

     
    ซ้ายมือ
    ครืดท้อง
    เหล็กที่ ดีเอย
    ติดตื้นขืนเขน ๚
    (๑๙๒) ๏ บ้านว่าขวาซ้ายค่าง
    หินแร่แลสลับสลอน
    เรือนตั้งฝั่งสาคร
    ปลาคล่ำน้ำไหลอึ้ง

     
    ทางจร
    ฦกซึ้ง
    คนเงียบ เสียบเอย
    แอบคุ้งมุ่งทาง ๚
    (๑๙๓) ๏ วังหินถิ่นเถื่อนกว้าง
    สมอแสมสารสูง
    หว่างไผ่ไก่เถื่อนฝูง
    เด็กใคร่ได้ไก่อุ้ม

     
    ยางยูง
    สดฉุ้ม
    ฟุบเขี่ย เรี่ยเอย
    แอบขึ้นครึนราย ๚
    (๑๙๔) ๏ ไก่เถื่อนเหมือนจฬ้อ
    เด็กย่องด่องดีดมือ
    เข้าใกล้ไก่เปรียวปรื๋
    เด็กโดดโลดไล่คว้า

     
    ก้อกพือ
    มุ่งหน้า
    ปร๋อร่อน ว่อนแฮ
    ไคว่ขว้ำขะมำมอม ๚
    (๑๙๕) ๏ ลงเรือเหื่ออาบหน้า
    อย่าไล่ไก่เลยเชย
    ดอกดวงร่วงรื่นรเหย
    เก็บศักห่อพ่อได้

     
    หนูเอย
    ช่อไม้
    หอมกลิ่น รรินแฮ
    เด็จร้อยสร้อยสน ๚
    (๑๙๖) ๏ ย่านยาวลาวตั้งกลาด
    แล่ผ่าปลาฉแวงสวาย
    ย่างไฟใส่ซ่าราย
    พวกหนุ่มสุ่มเรือร้อง

     
    หาดทราย
    แหวะท้อง
    เรียงนั่ง สพรั่งเอย
    เจียรน้อฬ้อลาว ๚
    (๑๙๗) ๏ ถึงวนก้นหวดห้วง
    แร่เกลื่อนเหมือนซิงแขง
    ตำราว่าทองแดง
    พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง

     
    หินแลง
    ค่างคุ้ง
    เดกต่อย ย่อยแฮ
    รอดชี้ที่แถลง ๚
    (๑๙๘) ๏ ตวันเยนเหนพยัฆด้อม
    โห่ขับกลับโฮกคน
    ขึ้นตลิ่งวิ่งคำรน
    ทังขู่ภู่เมียโขร้ง

     
    ดื่มชล
    เคี่ยวโง้ง
    เราะไล่ ใกล้แฮ
    คร่างร้องก้องกระหึม ๚
    (๑๙๙) ๏ นายรอดสอดรู้เท่า
    มักกัดสัตกินเหลือ
    มันหวงล่วงไล่เรือ
    หนูหนุ่มกุมมีดไม้

     
    เหล่าเสือ
    ละไว้
    รอดแนะ แวะแฮ
    มุ่งแย้งแทงเสือ ๚
    (๒๐๐) ๏ โห่ร้องซ้องแส้ป่า
    เสือวิ่งยิ่งทเยอทยาน
    ตามทางห่างฝั่งประมาณ
    ได้แต่เนื้อเหลือทั้ง

     
    กล้าหาน
    หยักรั้ง
    สองเซ่น เหนแฮ
    ท่อนท้ายชายโครง ๚
    (๒๐๑) ๏ รอดรัดมัดเชือกกลุ้ม
    ถึงที่เรือเสือตาม
    จากท่าป่าเปลี่ยวขาม
    ถ่อถี่หนีเสือพ้น

     
    หนุ่มหาม
    ติดก้น
    ขยาดพยัฆ นักพ่อ
    พี่ให้ใจหาย ๚
    (๒๐๒) ๏ บูรานท่านว่าล้วง
    เหล่าลูกถูกตำราเหลือ
    เช่นพ่อก็กลืนเกลือ
    ชิงเหยื่อเสือต่อหน้า

     
    คอเสือ
    เหล็กกล้า
    กลั้วเค่า เจ้าเอย
    นึกคร้ามขามแขยง ๚
    (๒๐๓) ๏ วังฉลามยามสูริยเยื้อง
    เสียงสุนัขไนหอน
    ลิงค่างต่างโหวยวอน
    เผาะเผาะเราะรกเรื้อ

     
    เย็นรอน
    เห่าเนื้อ
    วิเวกวาบ สาบเอย
    เรียดข้างทางจร ๚
    (๒๐๔) ๏ มืดค่ำจำจอดค้าง
    หนุ่มหนุ่มสุมฟืนไฟ
    เนื้อย่างค่างเครื่องใน
    เนื้อสดรสอร่อยล้ำ

     
    หว่างไพร
    ฝั่งน้ำ
    หมูแบ่ง แกงแฮ
    กระหลบฟุ้งคุ้งแหลม ๚
    (๒๐๕) ๏ นอนค้างกลางหาดตื้น
    นิ่งนั่งฟั่งฟานฝูง
    เงาไม้ใหญ่ยางยูง
    เผาะเผาะเราะป่าต้อง

     
    ตลิ่งสูง
    มฤคฆร้อง
    เยนเยียบ เงียบเอย
    ตวาดซ้ำร่ำไป ๚
    (๒๐๖) ๏ เกือบหลับกรับเกรียบไม้
    คุ่มคุ่มดุ่มตามเรือ
    ปลุกหนุ่มรุมโห่เสือ
    เด็กด่าคว้าฟืนขว้าง

     
    ไต้เหนือ
    รอบข้าง
    สวบโขยด โดดแฮ
    ก่อให้ไฟโพลง ๚
    (๒๐๗) ๏ เสือชุมหนุ่มแน่นหนั้ง
    ดึกยิ่งวิ่งเวียรไว
    จำเปนเซนพระไพร
    ตัดตับกับเนื้อพร้อม

     
    รวังไฟ
    แวดล้อม
    เพราะเหญื่อ เสือแฮ
    พร่ำตั้งสังเวย ๚
    (๒๐๘) ๏ เยนเยียบเงียบสงัดเงื้อม
    อารักศักสิทพึม
    ทิ้งทูตพูดงึมงึม
    จังหรีดกรีดกริ่งให้

     
    เงาครึม
    พุ่มไม้
    เงี่ยง่วง ทรวงเอย
    ลเหี่ยเศร้าหาวนอน ๚
    (๒๐๙) ๏ ดึกดื่นฝืนเนตรหนั้ง
    แม่ม่ายลองไนเรียง
    รฦกแต่แม่ม่ายเวียง
    เปนม่ายร้ายนักน้อง

     
    ฟังเสียง
    แหร่ร้อง
    สวาดิว่าง ค้างเอย
    จต้องลองไน ๚
    (๒๑๐) ๏ หนุ่มหลับคลับคล้ายเลื่อม
    เจ้าป่าหน้าปากเปน
    ขี่แรดแผดเสียงเยน
    ร้องว่าลาแล้วคล้าย

     
    แลเหน
    พยัฆร้าย
    ขยอกเหยื่อ เนื้อเอย
    เคลือบเข้าเงาหาย ๚
    (๒๑๑) ๏ ยามสามยามสงัดไม้
    พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม
    เยนเยียบเงียบสงัดลม
    ไม่นิ่งกิ่งก้านช้อย

     
    ไพรพนม
    พร่างพร้อย
    แลตล่ง ดงเอย
    ชื่นฉุ้มพุ่มพกา ๚
    (๒๑๒) ๏ ค่อนรุ่งฝุงไก่แจ้
    เอ๊กเอื่อยเฉื่อยสำเนียง
    เรไรร่ายร้องเรียง
    เพียงรนาดพาดฆ้อง

     
    แจ้วเสียง
    เนื่องซ้อง
    รับแซ่ แม่เอย
    แข่งเจ้งเพลงจีน ๚
    (๒๑๓) ๏ เกือบรุ่งฟุ้งกลิ่นเกลี้ยง
    หึ่งหึ่งพึ่งเวียรวล
    มาลีคลี่กลีบบน
    ยิ่งรุ่งฟุ้งหอมเร้า

     
    เพียงสุคน
    ว่อนเคล้า
    บานกลิ่น รรินเอย
    เร่งให้ใจเจริญ ๚
    (๒๑๔) ๏ รื่นรื่นชื่นเช่นน้ำ
    หวนจิตคิดเคยสนอม
    เจือจรรกลั่นกลิ่นรอม
    เคยชื่นรื่นรศต้อง

     
    อบหอม
    แนบน้อง
    รวยรรื่น ชื่นเอย
    ตกไร้ไกลสมร ๚
    (๒๑๕) ๏ เรืองรุ่งฝูงนกร้อง
    เรียกเร่งรถสูริยง
    ล่าป่าท่าน้ำจง
    จากฝั่งพรั่งพร้อมหน้า

     
    ก้องดง
    เยี่ยมฟ้า
    เจริญศุข รุกขเอย
    หนุ่มน้อยพลอยเพลิน ๚
    (๒๑๖) ๏ ล่วงทางบางขวากคุ้ง
    เหนแต่แร่รกไคล
    ซ้ายขวาป่าสูงไสว
    เด็กใคร่ไปปลายน้ำ

     
    เขดไพร
    เคลือบคล้ำ
    ว่างย่าน บ้านเอย
    สนุกแท้แควเหนือ ๚
    (๒๑๗) ๏ นึกนามสามชุกถ้า
    เกรี่ยงไร่ได้ฟ่ายลง
    เรือค้าท่านั้นคง
    รายจอดทอดท่าน้ำ

     
    ป่าดง
    แลกล้ำ
    คอยเกรี่ยง เรียงเอย
    นับฝ้ายขายของ ๚
    (๒๑๘) ๏ นางเกรี่ยงเสียงเพราะพร้อง
    สาวผูกลูกปัดแดง
    คิ้วตาน่านวลแตง
    แค่งทู่หูยานย้อย

     
    กหนองกแหนง
    ประดับพร้อย
    ตลหม่อม จอมเอย
    อย่างลว้าพาคลาย ๚
    (๒๑๙) ๏ สามเพงเลงสะล่างไม้
    ป่าใหญ่ใช่เขดคน
    ร่มรื่นชื่นชมชล
    ปลาว่ายสายสินสอ้าน

     
    ไพรสน
    ขาดบ้าน
    ซุ่มแต่ แร่เอย
    สอาดตื้นพื้นทราย ๚
    (๒๒๐) ๏ ปลาชนางคว้างแคว้งว่าย
    เลื่อมเลื่อมเล่ตุกแก
    ไข่ฉะนางอย่างฝักแค
    สร้อยซ่ากากดเพลี้ย

     
    ลายแล
    กดิบกเดี้ย
    เขียวฉอุ่ม ชุ่มเอย
    พล่านน้ำคล่ำทาง ๚
    (๒๒๑) ๏ ไอ้บ้าอ้าปากกว้าง
    ซิวสูบสีเสียดแซง
    กรีมกรายว่ายเวียรรแวง
    ฝักดาบปลาบเปลือยหล้อน

     
    หางแดง
    แซกซ้อน
    รวังม่าย หมายเอย
    แฉลบหว้ายสายสินธุ์ ๚
    (๒๒๒) ๏ ปลาตเพียนเวียรว่ายเคล้า
    เกล็จเคลือบเหลือบเหลืองเหลือ
    ปลาเสือมุ่งเหมือนเสือ
    หางไก่ใช่หางช้อย

     
    คลอเรือ
    เลื่อมพร้อย
    ส่ายโบก กโชกแฮ
    ชแล่มหว้ายร่ายเรียง ๚
    (๒๒๓) ๏ นานาปลาน้ำถิ่น
    ชมเล่นเหนปลาดหลาย
    ทางเปลี่ยวเที่ยวถึงปลาย
    บนบกนกกระเตนกระต้อย

     
    หินทราย
    เล็กน้อย
    น้ำเล่า เจ้าเอย
    ต้องร้องซ้องเสียง ๚
    (๒๒๔) ๏ ถึงรวางว่างบ้านชื่อ
    หอนประดู่ปรูพยอม
    ดอกกระดึงพึ่งแตนตอม
    นกพริกจิกจับห้อย

     
    ชัดหอม
    ยื่นย้อย
    ต่อร่อน ว่อนแฮ
    หกหิ้วพลิ้วแพลง ๚
    (๒๒๕) ๏ ถึงแก่งแห่งท้ายย่าน
    หินแร่แก่เก่าตรึง
    ลงเข็นเล่นน้ำอึง
    เยนสบายหายร้อน

     
    บ้านทึง
    กรวดก้อน
    อาบชุ่ม หนุ่มเอย
    เรื่อยร้องลองลำ ๚
    (๒๒๖) ๏ เอนหลังฟังดอกสร้อย
    ร้องรับขับเสภา
    ลำนำคร่ำครวนหา
    ผอยหลับรับเสียงซ้อม

     
    สักระวา
    เพื่อนพร้อม
    หวนเอก วิเวกเอย
    เสนาะน้ำคำครวน ๚
    (๒๒๗) ๏ หยุดเรือเหนือวัดเงื้อม
    รื่นร่มรมยศุกโข
    วัดมีที่พระอุโบ
    เหนพระศรทาหมุ้ง

     
    เงาโพ
    ค่างคุ้ง
    สดที่ กุดีแฮ
    มั่นสร้างทางบุญ ๚
    (๒๒๘) ๏ จัดแจงแต่งตบะเหลื้อม
    เทียรทูบท่วยแก้วรอง
    ลูกพลับกับกระเทียมดอง
    ย่ามร่มสมภารได้

     
    ลายทอง
    ดอกไม้
    ถวายคนะ พระเอย
    รับพร้อมน้อมถวาย ๚
    (๒๒๙) ๏ ตวันเยนเหบพระพร้อม
    ตีปะเตะตะกร้อตรง
    สมภารท่านก็ลง
    เข่าค่างต่างอวดโอ้

     
    ล้อมวง
    คู่โต้
    เล่นสนุก ขลุกแฮ
    อกให้ใจหาย ๚
    (๒๓๐) ๏ อยุดกระกร้อฬ่อไก่ตั้ง
    ผ้าพาดบาดเหล็กพนัน
    ไก่แพ้แร่ขบฟัน
    เจ้าวัดตัดเรือตั้ง

     
    ตีอัน
    เหน็บรั้ง
    ฟัดอุบ ทุบเอย
    แต่งเหล้นเยนใจ ๚
    (๒๓๑) ๏ เสียเทียรเสียทูบซ้ำ
    เสียที่มีกระมลมา
    เสียดายฝ่ายศาสนา
    เสียน่าตาหูพร้อม

     
    เสียสัทา
    โนศน้อม
    สัมนะ พระเอย
    เพราะรู้ดูเหน
    (๒๓๒) ๏ จวนค่ำจำค้างย่าน
    ถอยหนีที่วัดอึง
    ตรวดน้ำร่ำรำพึง
    ให้เหล่าเจ้าป่าถุ้ง

     
    บ้านทึง
    แอบคุ้ง
    แผ่ทั่ว ตัวเอย
    เทพสริ้นดินสวรร ๚
    (๒๓๓) ๏ เหมือนรู้ผู่เถ้าท่าน
    เมียนากนามผัวทอง
    มาหาพ่าขาวของ
    ท่านช่วยอวยภรแล้ว

     
    ทังสอง
    ผ่องแผ้ว
    คำนับ รับเอย
    เล่ารู้บูราณ
    (๒๓๔) ๏ ฝ่ายตาอายุร้อย
    ยายสิบแปดปีแกม
    ตามองช่องเขมแหลม
    ฟันปากหมากเฆี้ยวจ้อย

     
    ญี่สิบแถม
    กับร้อย
    ตลอดแน่ แม่เอย
    แจ่มอ้วนนวลขาว ๚
    (๒๓๕) ๏ ผู้เถ้าเล่าเรื่องอย้าน
    ท้าวอู่ทองมาถึง
    แวะขอเชือกหนังขึง
    สาปย่านบ้านเขดคุ้ง

     
    บ้านทึง
    ถิ่นถุ้ง
    เขาไม่ ให้แฮ
    คี่ทึ้งทึงแปลง ๚
    (๒๓๖) ๏ วัดทร่างข้างคุ้งย่าน
    ชื่อชัดวัดคี่ทึ้ง
    ผู่เถ้าเล่าเรื่องจึง
    ท่านนั่งสั่งสอนพร้อง

     
    บ้านทึง
    ถูกต้อง
    จะแจ้ง แสดงเอย
    พร่ำไว้ไม้ตรี ๚
    (๒๓๗) ๏ ได้ครูผู่เท่าทั้ง
    สมมุติดุจะเทวดา
    ทายทักลักขณะรา
    จอดน่าท่าผู่เถ้า

     
    ยายตา
    บอกเหล้า
    ศรีทั่ว ตัวเอย
    ท่วนห้าราตรี ๚
    (๒๓๘) ๏ ตวันเที่ยงเสียงวิ่งแหร้
    เสือตบขบภิขุสอง
    ต่อไก่ไล่นกคนอง
    เสือฟัดกัดกินด้วย

     
    แซ่สนอง
    รูปม้วย
    นามเทศ เกดแฮ
    บาปซ้ำกรรมหนา ๚
    (๒๓๙) ๏ ต่อนกยกพเนียดตั้ง
    เสือฉีกซีกโครงทลาย
    กินตับกับตโพกหาย
    ภิขุทุศีลต้อง

     
    บังกาย
    ทลักท้อง
    เหนน่า ขาเอย
    โทษนั้นทันตา ๚
    (๒๔๐) ๏ ต่อไก่ไม่สู้ฟาด
    ที่อยู่ปู่เจ้าไป
    เสือกินซิ่นตับไต
    สังเวทเหตุผู่เถ้า

     
    ขาดใจ
    หลับเหล้า
    ตีนน่อง ท้องแฮ
    ทักแท้แน่จริง ๚
    (๒๔๑) ๏ สำเรจรู้ผู่เถ้าช่วย
    สิบประการประกอบกลอน
    ขอสวัดสัฐาวอร
    สองเท่าเฝ้าร้องไห้

     
    อวยภร
    กล่าวไว้
    ไว้ว่า ลาเอย
    ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงา ๚
    (๒๔๒) ๏ สงสารท่านสอื้นโอ้
    พลั่งพลั่งหลั่งน้ำตา
    หนูหนุ่มชุ่มชลนา
    ร่ำว่าท่าไม่ม้วย

     
    โศกา
    ตกด้วย
    นั่งเจ่า เหงาเอย
    ไม่สริ้นถวินหวัง ๚
    (๒๔๓) ๏ เรือออกนอกท่าบ้าน
    ย่อไว่ไห้สอื้นฟาย
    เชาบ้านท่านทังหลาย
    ไห้มั่งทังใหญ่น้อย

     
    ท่านยาย
    มูกย้อย
    แลสลด หมดเอย
    นั่งผร้ำน้ำตา ๚
    (๒๔๔) ๏ แลลับกลับกลั้นโศก
    หนุ่มน่อยพลอยรำคาร
    ทังหลายฝ่ายบูราณ
    เราพรากจากผู่เถ้า

     
    สงสาร
    คิดเศร้า
    รักขู่ ชู้เอย
    ทุกร้อนห่อนเสบย ๚
    (๒๔๕) ๏ ถึงย่านบ้านกระตั้วเหล่า
    โกนจุกลูกสาวทรง
    เชิญด้วยช่วยแต่งมง
    โกนจุกลูกเชาบ้าน

     
    เชาดง
    สอาดสอ้าน
    คนเกริก ฤกษเอย
    อยู่ค้างกลางคืน ๚
    (๒๔๖) ๏ ฟังติปี่พาดฆ้อง
    เพลงไทยใส่กลองโยน
    เด็กโดดโลดเล่นโขน
    ร้องขับรับอ้อแอ้

     
    กลองตโภน
    ยุ่งแท้
    แขนคอก ออกเอย
    อุบเหล้าเมามาย ๚
    (๒๔๗) ๏ เสียงซออออ่ออ้อ
    จับปี่เตร๋งเต้งเตง
    คลุยตรุ๋ยตรุ่ยตรุ้ยเหนง
    ฆ้องหน่องหนองน่องหน้อง

     
    เอื่อยเพลง
    เต่งต้อง
    เหน่งเน่ง รนาดแฮ
    ผรึ่งพรึ้งพรึ่งตโภน ๚
    (๒๔๘) ๏ สาวสาวเหล่าเลี้ยงเล่น
    ซองหมากฝากหนุ่มนำ
    โกนจุกลูกเล็กทำ
    เนตรซู่หนูหนุ่มน้อย

     
    เต้นรำ
    เนตรชม้อย
    ขวันเล่า เจ้าเอย
    นั่งปลื้มลืมนอน ๚
    (๒๔๙) ๏ บ่วงรักดักเด็กต้อง
    เปิดปากฝากคำลา
    ลงเรือเมื่อจะคลา
    แก่เท่าสาวส่งซ้อง

     
    สองตา
    เหล่าน้อง
    คลอเนตร ทเวทเอย
    แซ่หน้าอาไลย ๚
    (๒๕๐) ๏ บ่วงผูกลูกรักแล้ว
    ดักพ่อท้อที่กาย
    ห่อนอยู่ซู่สมรหมาย
    แต่เหล่าเจ้าลูกแก้ว

     
    แร้วราย
    แก่แล้ว
    มัติโมฆ โอขเอย
    (๒๕๑) ๏ หมากพลูบูหรี่ส้ม
    สาวหนุ่มรุมการุญ
    ผูกมิตรคิดขอบคุณ
    ทุกโศกโรคอย่าได้

     
    ขนมขนุน
    รักให้
    คนเท่า สาวเอย
    เดือดร้อนนอนสบาย ๚
    (๒๕๒) ๏ จากย่านบ้านกระตั้วแต่
    ศรรักปักทรวงหนู
    รักป่าน่าชื่นชู
    ดูถูกลูกปลายน้ำ

     
    แลดู
    เหน็บช้ำ
    ชมเล่า เจ้าเอย
    หนุ่มต้องหมองหมาง ๚
    (๒๕๓) ๏ น้อยน้อยพลอยว่าน้ำ
    สาวแก่แลคมสัน
    ดูมากว่าสิบวัน
    ไรจุกทุกทุกบ้าน

     
    ลำสุพรรณ
    สะคร้าน
    ตลอดแว่น แคว้นเอย
    บ่อเว้นเห็นสาว ๚
    (๒๕๔) ๏ บูราณท่านว่าน้ำ
    ป่าต้นคนสุพรรณ
    แดนดินถิ่นที่สูพรรณ
    ผิวจึ่งเกลี้ยงเสียงแจ้ว

     
    สำคัน
    ผ่องแผ้ว
    ธรรมชาด มาศเอย
    แจ่มน้ำคำสนอง ๚
    (๒๕๕) ๏ ถึงถิ่นสริ้นบ้านป่า
    เรือติดคิดขยาดแสยง
    สวบสวบยวบไม้แฝง
    สองฝั่งทั้งขวาซ้าย

     
    โป่งแดง
    พยัฆร้าย
    ฟุ้งสาบ วาบแฮ
    สัตร้องซ้องเสียง ๚
    (๒๕๖) ๏ คลองกระเสียวเปลี่ยวป่ากว้าง
    เคยถิ่นกินโป่งโทง
    ขามช้างต่างจัดโจง
    เก็บกรวดอวดกันเหล้น

     
    ทางโขลง
    เที่ยวเร้น
    กระเบนกระบิด ตี๊ดแฮ
    ตลอดน้ำลำทาง ๚
    (๒๕๗) ๏ คุ้งขวางบางแวกตื้น
    กรวดกระจ่างพร่างพรายลาย
    เหมือนเม็จเพชรัตราย
    ฉุนว่าแววแก้วก้อย

     
    พื้นทราย
    เลื่อมพร้อย
    แอร่มอร่าม งามเอย
    นพเก้าวาวแหวน ๚
    (๒๕๘) ๏ กระเบาออกดอกรยับย้อย
    พึ่งหมู่แมงภู่ตอม
    ว่าสุกลูกงามงอน
    กระทุ่มกระถินกลิ่นเร้า

     
    ห้อยหอม
    ไต่เคล้า
    เงาะป่า พวาเอย
    รื่นข้างทางจร ๚
    (๒๕๙) ๏ รินรินกลิ่นเฟื่องฟุ้ง
    ป่านอกดอกสำโรง
    เหล่าลูกผูกเรือฉโลง
    เหมนเช่นเหมนชื่ออ้าง

     
    คลุ้งโขลง
    ร่วงค้าง
    ลากวิ่ง จริงแฮ
    อีกล้ำสำโรง ๚
    (๒๖๐) ๏ ถึงหว่างยางพี่น้อง
    เก่าแก่แต่ก่อนปาง
    เกิดแร่แง่งอกขวาง
    ถูกปวดรวดเร้าล้น

     
    สองยาง
    ป่าต้น
    ขวากระ รกะแฮ
    สะล่างแหร้แง่สลอน ๚
    (๒๖๑) ๏ ปลายน้ำลำคุ้งแขบ
    ขดค่องต้องติดพเอิญ
    จอดสองพี่น้องเพลิน
    ชื่นชุ่มพุ่มพฤกษครื้น

     
    โขดเขิน
    แอ่งตื้น
    พลองสะล่าง ยางเอย
    คร่อมน้ำลำลหาล ๚
    (๒๖๒) ๏ ปลาดเหลือเรือหนุ่มน้อย
    ถึงหว่างต้นยางตาย
    ช่วยฉุดสุดชีพทลาย
    เมียแม่แซ่มาปล้ำ

     
    ลอยพาย
    ตกน้ำ
    ทลักเลือด เฝือดแฮ
    ปลุกร้องซ้องเสียง ๚
    (๒๖๓) ๏ ถามเขาเล่าว่าอ้าย
    ตีแม่แร่ลงเรือน
    เจ้าสองพี่น้องเหมือน
    โพล่งผลักหักคออ้าย

     
    ฟักเฟือน
    ร่านร้าย
    มุ่งปราบ บาปแฮ
    ฝักม้วยด้วยกรรม ๚
    (๒๖๔) ๏ ชาวป่าภาศภเศร้า
    เราเปลี่ยวเหลียวเหนศาล
    อารักศักสิทชาน
    โป่งป่าอย่าแผ้วพ้อง

     
    สู่สถาน
    สองพี่น้อง
    เชี่ยวช่วย ด้วยเอย
    พวกข้าอาไศรย ๚
    (๒๖๕) ๏ สรวงจ้าวพร้าวอ่อนกล้วย
    เชิญพี่น้องสองเสวย
    แรกมาอย่าถือเลย
    ขอแร่แม่เก็จก้อน

     
    ด้วยเอย
    สว่างร้อน
    ลุกระโทษ โปรดพ่อ
    กับเต้าเจ้ายาง ๚
    (๒๖๖) ๏ หนูน้อยพลอยร้องบ่วง
    เสียงฉ่ำน้ำนมหวาน
    เบิกป่าท่าเทวถาน
    หนุ่มรับสรัพเสียงซ้อง

     
    สรวงศาร
    แววก้อง
    ถูกท่วน ขบวนเอย
    เสนาะซ้อนกลอนใน ๚
    (๒๖๗) ๏ เทียรจุดขุดแร่หลั้น
    พลุ่งพลุ่งมุ่งดูประเดียว
    หนุ่มเหนเช่นลิงเหลียว
    ฟุ้งพิศฤทธิแร่ร้าย

     
    ควันเขียว
    ดุ่มคล้าย
    เลื่อนกลับ ลับแฮ
    รู้เถ้าเจ้าหวง ๚
    (๒๖๘) ๏ เหมือนครูผู่เท่าแจ้ง
    รอขุดจุดเทียรไชย
    ดับพิศฤทธิพระไพร
    เดี๋ยวหนึ่งอึ่งอู้อู้

     
    แหนงใจ
    เช่นรู้
    พรมสมุท อยุดแฮ
    อ่อนไม้ใหญ่รเนน ๚
    (๒๖๙) ๏ ลมลั่นครั่นครึกฟ้า
    ซู่ซู่หนูวิ่งวน
    เทียรดับกลับมืดมน
    จวนค่ำจำอยุดค้าง

     
    หนาฝน
    ว่าช้าง
    เหมนเบื่อ เสือเอย
    คิดแก้แร่โพรง ๚
    (๒๗๐) ๏ ขอนเรือเหนือน้ำนึก
    คราวเคราะเพราะพระไพร
    ขัดพระจเชิญไฟ
    ทุ่งท่าป่าจะต้อง

     
    น้อยใจ
    พี่น้อง
    ฟอนซู่ รู้ฤๅ
    โตล่งสริ้นถิ่นสถาน ๚
    (๒๗๑) ๏ เราถือซื่อสัจสร้าง
    แล่งล่าฟ้าดินพญาน
    หวังแร่แต่บูราณ
    จ้าวคิดปิดของขู้

     
    ศีลทาน
    ย่อมรู้
    ระงับโศก โลกเอย
    มนุษนั้นฉันใด ๚
    (๒๗๒) ๏ ดึกสงัดสัตสงบคลุ้ม
    เยนรย่อบริเวณวง
    เคลิ้มหลับคลับคล้ายองค์
    เหนสพรั่งนั่งไหว้

     
    พุ่มพง
    หว่างไว้
    อารัก ทักแฮ
    ว่าฬ้อขอสะมา ๚
    (๒๗๓) ๏ รูปจ้าวสาวหนุ่มล้วน
    สองพี่มีเป็นสาม
    เรียกสองพี่น้องนาม
    สามแน่แต่คำพร้อง

     
    นวลงาม
    ทั่งน้อง
    น้องพี่ มีเอย
    พี่น้องสองชาย ๚
    (๒๗๔) ๏ เล่าความตามเรื่องแหร้
    ใช่คิดบิดเบือนบัง
    ขัดเคราะเพราะยุกยัง
    กายสิทพิศกล้าแกล้ง

     
    แต่หลัง
    บอกแจ้ง
    อยู่อย่า มาเลย
    กลบกลุ้มคลุ้มควัน ๚
    (๒๗๕) ๏ รู้ศึกนึกเรื่องเจ้า
    ทราบหมดจดหมายตาม
    โออกตกอับยาม
    บุญบวดกรวดกระสินให้

     
    เล่าความ
    แต่งไว้
    ยุกยาก มากเอย
    แห่งเจ้าเล่าความ ๚
    (๒๗๖) ๏ เหมือนรู้ผู่เถ้าเล่า
    สามอย่างต่างลายแทง
    ใคร่เหนเช่นชี้แจง
    ค้างย่านศารพี่น้อง

     
    จ้าวแถลง
    ถูกต้อง
    เจ้าบอก ดอกแฮ
    พนัศร้ายหายสูร ๚
    (๒๗๗) ๏ รุ่งเช้าเข้าป่ากว้าง
    คลองเก่าเท่าลำกระโดง
    ซ้ายขวาป่าสมอโมง
    กระแบกกระเบาเสลาสล้าง

     
    ทางโขลง
    โป่งช้าง
    ไม้อุโลก โมกเอย
    สลับต้นคนทา ๚
    (๒๗๘) ๏ ตามร่องคลองที่เจ้า
    เด็ดดอดลอดลัดตาม
    เลี้ยวลดปลดปลิดหนาม
    เสียงแต่เนื้อเสือร้าย

     
    เล่าความ
    ติดท้าย
    หน่อคลอก ออกแฮ
    ร่านร้องก้องกระหึม ๚
    (๒๗๙) ๏ สุดคลองหนองหนึ่งกว้าง
    ที่ถิ่นดินดาดแดง
    สังเกตเขดขอบแขวง
    ขึ้นค่างทางขวาท้อง

     
    อย่างแถลง
    ดุจพร้อง
    ความที่ ชี้เอย
    ทุ่งช้างวางเวง ๚
    (๒๘๐) ๏ ภบถ่อบ่อแร่น้ำ
    เหมือนหมึกปึกปะดิน
    ปะแต่แร่ปรอดกิน
    เนื้อมั่งยังขยี้หยุ้ย

     
    ดำนิล
    เดกคุ้ย
    แก่นเท่า เจ้าเอย
    ยกไว้ไปแสวง ๚
    (๒๘๑) ๏ ตัดทางหว่างต้นโตนด
    เนื้อแยกแตกตื่นฝูง
    แฝงดูหมู่นกยูง
    พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง

     
    โขดสูง
    ฝุ่นฟุ้ง
    ยอบย่อง มองเอย
    อร่ามเพี้ยนเขียนซน ๚
    (๒๘๒) ๏ รำแพนแอ่นอกฉะแง้
    หันร่ายฝ่ายฝูงนาง
    ตัวผู่อยู่กลางกาง
    ก้อกรีดขีดเขี่ยเท้า

     
    แผ่หาง
    นกเคล้า
    กลมปีก หลีกเอย
    ท่าฟ้อนอ่อนเอียง ๚
    (๒๘๓) ๏ ด้อมดูหมู่มยุรย้าย
    เยี่ยงย่างนางรบำทำ
    เคยดูคู่เคียงรบำ
    เหนแต่ฝูงยูงคล้าย

     
    ร่ายรำ
    ท่าฉะม้าย
    รเบงกลับ ลับเอย
    นุชฟ้อนงอนงาม ๚
    (๒๘๔) ๏ ฝ่ายฝูงยูงบ่อรู้
    สังวาดชาติเช่นพรม
    ตัวภู่ฟู่ฟองกลม
    เกิดไข่ได้พวกพ้อง

     
    สู่สม
    พระพร้อง
    เมียชื่น กลืนแฮ
    เพื่อส้องฟองกสิน ๚
    (๒๘๕) ๏ หนุ่มหนูพรูไล่พร้อม
    ปีกกระพือฮือฝูง
    ตานโดดโขดทรายสูง
    เหนรอบขอบเขดหน้า

     
    ล้อมยูง
    ฟ่องฟ้า
    สมเล่า เจ้าเอย
    สนุกแท้แลเพลิน ๚
    (สรล้วน) 
    (๒๘๖) ๏ เขาเขียวโขดคุ่มขึ้น
    ร่มรื่นรุกขรังเรียง
    โหมหัดหิ่งหายเหียง
    ย่างใหญ่ยอดยื่นย้อย

     

    เคียงเคียง
    เรียบร้อย
    หัดหาด แฮ่วแฮ
    โยกโย้โยนเยน ๚
    (๒๘๗) ๏ เลี้ยวทางหว่างช่องไม้
    ปะแต่แร่กรัดเรือง
    ย่องเหยียบเลียบลำเหมือง
    หอมกระถินกลิ่นฟุ้ง

     
    ไผ่เหลือง
    ร่วงรุ้ง
    ไม้ชื่น รรื่นเอย
    เฟื่องฟื้นชื่นใจ ๚
    (๒๘๘) ๏ สุดเหมืองเยืองขึ้นค่าง
    ล้วนแร่แก่เก่าเกิน
    พลวงเหล็กเด็กสดุดเดิน
    ชมเล่นเหนเกลื่อนกลิ้ง

     
    หว่างเนิน
    เก็บทิ้ง
    กระโดดค่าม ตามแฮ
    กลาดสล้างอย่างฝัน ๚
    (๒๘๙) ๏ ลงเนินเดินป่ากว้าง
    ลมลั่นครั่นครืนเครง
    ควายเถื่อนเกลื่อนกลุ้มเกรง
    ป่าใหญ่ไม้ร่มชื้น

     
    วังเวง
    ครึกครื้น
    เกรียวโห่ โร่แฮ
    ช่อช้อยย้อยไสว ๚
    (๒๙๐) ๏ พิศพวงดวงดอกไม้
    รยับรย้าน่าชม
    ม่วงโมกโศกสุกกรม
    ดอกดกนกน้อยน้อย

     
    ไพรพนม
    แช่มช้อย
    กรวยกร่าง สล้างเอย
    เหนี่ยวไซ้ไส้เพกา ๚
    (๒๙๑) ๏ ดูเดียวเปลี่ยวอกอ้าง
    คิดใคร่ได้คนเคย
    คลอเคล้าเฟ่าชื่นเชย
    ถามไถ่ได้กระจู้กระจี้

     
    ว้างเอย
    คู่ชี้
    ชมนก หกแฮ
    กระแจะแต้มแก้มหอม ๚
    (ราชสีห์เทียมรถ) 
    (๒๙๒) ๏ ยนโศกยามเศร้ายิ่ง
    คิดสุดขัดแสนเขน
    หวนหนาวหากนึกเหน
    ดวงจิตเด็จจากได้

     

    ทรวงเยน
    โศกไข้
    หน้าแห่ง น้องแฮ
    จึ่งดิ้นจำโดย ๚
    (๒๙๓) ๏ เสลาสลอดสลับสล้าง
    สอึกสอะสอมสไอ
    มแฝ่มฟาบมเฟืองมไฟ
    ตขบตขาบตเคียนตคร้าน

     
    สลัดได
    สอาดสอ้าน
    มแฟบมฝ่อ พ่อเอย
    ตคร้อตไคร้ตเคราตครอง ๚
    (๒๙๔) ๏ ถึงธารบ้านเกรี่ยงร้าง
    ไร่ฟ่ายหมายมั่นคง
    รอนรอนอ่อนอัศดง
    ภักผ่อนนอนเรือนห้าง

     
    กลางดง
    คิดค้าง
    แดดพยับ ลับเอย
    ก่อให้ไฟโพลง ๚
    (๒๙๕) ๏ เหล่าลูกถูกส้มทับ
    หักฮ่างต่างหัดปีน
    เหนื่อยนอนอ่อนมือตีน
    ดึกดื่นฟื้นฟังแหว้ว

     
    พลับจีน
    คล่องแขล้ว
    ต่างรงับ หลับเอย
    วิเวกวิ้วหวีวโหวย ๚
    (สกัดแคร่) 
    (๒๙๖) ๏ หนาวลมห่มผ้าห่อน
    ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว
    เด่นเดือนเกลื่อนกลาศดาว
    ใจเปล่าเศร้าซบหน้า

     

    หายหนาว
    พร่างฟ้า
    ดวงเด่น
    นึกน้องหมองใจ ๚
    (๒๙๗) ๏ ไร่เกรี่ยงเสียงหลอดโหร้
    โหว่งโหว่งโรงรายเรียง
    หว่างไม้ไก่ขันเคียง
    ยามดึกนึกนุชน้อง

     
    โหร่เสียง
    รับพร้อง
    เสียงเอ่ก อี๋เอ้กเอย
    นิ่งเศร้าเปล่าทรวง ๚
    (๒๙๘) ๏ จังหรีดกรีดกริ่งร้อง
    แหร่แหร่แม่ม่ายเรียง
    จักกจั่นสนั่นสำเนียง
    ผี่ผิวหวิ่วโหวกร้อง

     
    ซ้องเสียง
    รับซ้อง
    เสนาะเรื่อย เฉื่อยเอย
    รอบข้างวางเวง ๚
    (๒๙๙) ๏ ค่อนคืนดืนดึกแท้
    เกรี่ยงไร่กระไรเลย
    ด่องด่องย่องเหยาะเงย
    ปลุกหนุ่มกุมขวานเงื้อ

     
    แม่เอย
    ล่าเนื้อ
    ฉโงกฉะงัก ทักแฮ
    ผงะร้องซ้องเสียง ๚
    (๓๐๐) ๏ ถามไถ่ใช่เหล่าร้าย
    พูดเล่นเป็นคนชรา
    ถามชี้ที่ว่านยา
    ชื่อกวั่งสั่งซ้ำให้

     
    กรายมา
    รักใขร้
    รยะย่าน บ้านเอย
    แวะเข้าเย่าเรือน ๚
    (๓๐๐) ๏ ถามไถ่ใช่เหล่าร้าย
    พูดเล่นเป็นคนชรา
    ถามชี้ที่ว่านยา
    ชื่อกวั่งสั่งซ้ำให้

     
    กรายมา
    รักใขร้
    รยะย่าน บ้านเอย
    แวะเข้าเย่าเรือน ๚
    (๓๐๑) ๏ ลูกปัดตัดให้สี่
    เกรี่ยงชอบยอบยิ้มละไม
    หมากพลูสู่สมใจา
    ถามกวั่งนั่งพูดจ้อ

     
    สิบใบ
    ใส่ข้อ
    จันอับ พลับเอย
    จวบแจ้งแสงสูร ๚
    (๓๐๒) ๏ รุ่งเช้าเข้าบ้านเกรี่ยง
    แกงฟักผักพริกมะเขือ
    อึ่งแย้แช่เขมเกลือ
    เด็กบ่อชอบลอบทิ้ง

     
    เลี้ยงเหลือ
    ค่างปิ้ง
    เกลียดขะยั่น กลั้นแฮ
    ท่วยขว้ำซ้ำแสยง ๚
    (๓๐๓) ๏ หญิงชายฝ่ายเกรี่ยงล้อม
    รักหนุ่มอุ้มแอบเคียง
    สาวแก่แม่ม่ายเมียง
    ทักเพรียกเรียกพี่น้อง

     
    พร้อมเพรียง
    ใคร่พร้อง
    มุ่งขยิ่ม ยิ้มแฮ
    นั่งเฝ้าเคล้าเคลีย ๚
    (๓๐๔) ๏ น้อยน้อยคอยหลีกเหลี้ยง
    หญิงฉุดยุดหยอกเอิญ
    ผลักไสไล่เล่นเพลิน
    รุมรักชักชวนค้าง

     
    เมียงเมิน
    แอบข้าง
    พลอยรรื่น ชื่นเอย
    คิดหน้าอาไลย ๚
    (๓๐๕) ๏ ลูกปัดตัดแจกถั้ว
    หมดย่ามตามยากจน
    ลาจากหยากตามปรน
    ตากวั่งซั่งบุเรได้

     
    ตัวคน
    จัดให้
    นิบัดหนุ่ม อุ้มเอย
    เพื่อนด้วยช่วยนำ ๚
    (๓๐๖) ๏ ตามเกรี่ยงเลี่ยงเลี้ยวลัด
    หนาวไหน่ไม่มีรคาง
    คงยาป่า ฝิ่นฝาง
    ต่างต่างย่างทรายเปล้า

     
    ตัดทาง
    ค่างเท้า
    ฟุ้งรศ โอสถเอย
    โปร่งฟ้าชาเกลือ ๚
    (๓๐๗) ๏ ปรายปรูปู่เจ้าเจด
    ลักกระจั่นขันใชศรี
    ใครเครือเดื่อดีหมี
    เขามวกรวกรกฟ้า

     
    ตพังคี
    แซ่ม้า
    มื้อเหลกเดกเอย
    ฝิ่นต้นคนจาม ๚
    (๓๐๘) ๏ กทกรกกกกนากน้ำ
    ราชดัตสลัดได
    พิษนาดพาดไฉน
    สอึกสอมซมเช้า

     
    ใจใคร
    ไข่เหน้า
    นากกภด กรดเอย
    ชิ่งช้าชาลี ๚
    (๓๐๙) ๏ มหาสดำคำไก่ต้น
    หางตะเค่เนระภูศรี
    ชาเลือดเหมือดคนมี
    ลมป่วนหวนหอมฟุ้ง

     
    ทนดี
    ซ่มกุ้ง
    สมอภิเภก เอกเอย
    เปลือกไม้ใบยา ๚
    (๓๑๐) ๏ กำยานก้านกิ่งช้อย
    คิดใคร่ได้สำอาง
    ยามไร้ไม่มีนาง
    สรี้นกลิ่นสรี้นศุขซ้ำ

     
    ย้อยยาง
    อบน้ำ
    เสน่หพี่ นี้เอย
    โศกเศร้าเช้าเยน ๚
    (๓๑๑) ๏ ฉลูดโลดโกฎเก้าค่า
    มเดื่อดินขมิ้นเครือ
    กรั่นเกราเค่าเยนเหนือ
    หวายตมอยข่อยคล้า

     
    ตาเสือ
    ครอบฟ้า
    หนอนตยากซากเอย
    ขลู่ขล้อสมอไทย ๚
    (๓๑๒) ๏ หนามหันสันพร้าพัก
    สหัศคุนสมุลแวง
    สลอดเสลาเหล่ากระเจี้ยงแจง
    หนุ่มอยุดขุดครบเขรื้อง

     
    แพวแดง
    สวาดเอื้อง
    กำจัด อัดเอย
    ห่อผ้าลว้าศพาย ๚
    (๓๑๓) ๏ เกรี่ยงนำตำแหน่งแหร้
    ทุบแหลกแตกเนื้อพราย
    เหมือนรู้ผู่เท่าทาย
    ชมเล่นเยนบ่ายคล้อย

     
    แลหลาย
    พร่างพร้อย
    ถิ่นแร่ แม่เอย
    คล่ำเนื้อเสือขะนอง ๚
    (๓๑๔) ๏ หวังปะพระปรอดรื้อ
    พลอยกวั่งสังบูเรเพลิน
    หลีกหนามข้ามโขดเขิน
    ลำฦกนึกขนิด

     
    ดื้อเดิน
    พลอดพร้อง
    พนัศรื่น ครื้นเอย
    เสน่หเต้าเคล้าคลอ ๚
    (๓๑๕) ๏ ดงมเกลือเหลือดกล้ำ
    เล่หม่อมย้อมมเกลือ
    ใจหม่อมย่อมเหมือนเกลือ
    ดำเทือกเปลือกแก่นไสร้

     
    ดำเหลือ
    กแจะให้
    กลิ่นร่ำ ดำเอย
    ซิ่นต้นผลดำ
    (๓๑๖) ๏ เดินดงวงหว่างเวิ้ง
    รื่นร่มชมฉมันฝูง
    เนินไม้ใหญ่ยางยูง
    ชุ่มชื่นกลืนกล้ำเกลือ

     
    เซิงสูง
    ฝ่านเนื้อ
    พยอมย่อม หอมเอย
    กลิ่นเกลี้ยงเพียงสุคน
    (๓๑๗) ๏ ค่ามป่งลงฮ่วงน้ำ
    ปะแต่หมอต่อกเตน
    หมอตายฝ่ายนกเปน
    ย่ามพ่าพร้ากะทอทิ้ง

     
    ค่ำเยน
    ตกกลิ้ง
    ปล่อยโปรด โทษเอย
    ไท่เซ้ายาวนาน ๚
    (๓๑๘) ๏ สิ่งของต้องแต่งตั้ง
    ปลงพระอศุภบุญ
    กรวดน้ำร่ำการุญ
    เถ้ากวั่งสังบุเรได้

     
    บังสกุน
    แบ่งให้
    เกรียงกราบ ราบเอย
    ดาบหญ้ามตามประสง ๚
    (๓๑๙) ๏ จากสภพลบค่ำคลุ้ม
    ป่าว่านย่านหย่อมดง
    ตามเกรี่ยงเลี่ยงลัดลง
    หักฮ่างค้างที่ถ้า

     
    พุ่มพง
    แด่นลว้า
    แหล่งฮ่วยกวยแฮ
    ถิ่นน้ำลำธาร ๚
    (๓๒๐) ๏ เกรี่ยงสองกองกิ่งไม้
    โพลงพลุ่งฟุ้งฟอนเซิง
    กวางปีบถีบป่ากเจิง
    ดงว่านกำยานรย้า

     
    ใส่เพลิง
    สว่างฟ้า
    กจัดถิ่น สิ้นแฮ
    ระเยือกข้างหว่างเซา ๚
    (๓๒๑) ๏ เหล่าเกรี่ยงเลี้ยงหนุ่มน้อย
    มันเผือกเลือกจัดแจง
    เดือนหนึ่งพึ่งรวงแสวง
    เอมอิ่มยิ้มแย้มได้

     
    อ้อยแตง
    จุดใต้
    หวานฉ่ำ ล้ำเอย
    เกรี่ยงด้วยช่วยรวัง ๚
    (๓๒๒) ๏ เหล่าลูกผูกฮ่างห้อย
    ไกวเล่นเจรจาโขน
    ชักเชือกเยือกยวบโอน
    กล่อมเห่เรไรซ้อง

     
    ย้อยโยน
    ขับร้อง
    อ่อยสบัด กวัดเอย
    แซ่เหรื้อยเฉื่อยเสียง ๚
    (๓๒๓) ๏ เกรี่ยงว่าป่าว่านร้าย
    เสือบ่อกล้ามากลัว
    เข้าชิดพิศมืดมัว
    ต้องย่างค้างไฟร้าน

     
    ควายงัว
    กลิ่นหว้าน
    เมาซบ สลบแฮ
    รอดได้ไม่ตาย ๚
    (๓๒๔) ๏ เหมือนรู้ดูหว้านสว่าง
    เลื่อมลุกทุกที่ตรง
    ยืดยืดมืดสว่างวง
    คิดใครไปเที่ยวค้น

     
    กลางดง
    เกิดต้น
    ว่านชื่อ กระสือแฮ
    ขุดบ้างกลางคืน ๚
    (๓๒๕) ๏ เกรี่ยงห้ามยามหว้านลุก
    แก่อย่างไรไม่คลาย
    จำอยุดสุดเสียดาย
    ริ่มห่างหว่างซอกซุ้ม

     
    ถูกตาย
    คลั่งคลุ้ม
    ดูอร่าม วามเอย
    ขสว่างหว้านด่านดง ๚
    (๓๒๖) ๏ ดึกดื่นชื่นชุ่มไม้
    พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม
    กลิ่นว่านซ่านส่งลม
    ยิ่งมืดครืดสว่างกล้า

     
    ไพรพนม
    พร่างฟ้า
    กระหลบกรุ่น อุ่นเอย
    กลิ่นกล้มคลุ้มเมา ๚
    (๓๒๗) ๏ หากครูรู้แก้ว่าน
    เศกขะมิ่นกินจึ่งนอน
    เกรี่ยงเมาเหล่าลูกถอน
    เมาส่างต่างกราบไหว้

     
    ท่านสอน
    นั่นได้
    ให้ขะมิ่น กินแฮ 
    ว่าขมิ้นกินหาย ๚
    (๓๒๘) ๏ ยามสามยามพิศหว้าน
    เพลิงดับกรับเสียงกระหึม
    ว่านคนบ่นพึมพำ
    กบเขียดเอียดอึงอื้อ

     
    ซานซึม
    เห่าหื้อ
    พูดค่างห้างแฮ
    อึ่งร้องซ้องเสียง ๚
    (๓๒๙) ๏ กาแกแต่แว่วแหว้ว
    ไก่กุกลูกเจี๊ยบเรียง
    หนุ่มฟังนั่งมองเมียง
    เกรี่ยงใส่ไฟค่างหล้าง

     
    เเจ้วเสียง
    รอบห้าง
    หมายไก่ ใกล้แฮ
    ดับสิ้นกลิ่นยา ๚
    (๓๓๐) ๏ เกรี่ยงชวนจวนสว่างหว้าน
    ต่อแดดแผดแสงแขง
    อยู่ชิดพิศร้ายแรง
    หนีออกนอกดงเข้า

     
    ซ่านเเสลง
    ค่อยเศร้า
    ร้อนทั่ว ตัวเอย
    เขดลว้าพาเดิน ๚
    (๓๓๑) ๏ สามยามตามเกรี่ยงอย้อง
    เดือนแหว่งแสงรางราง
    เกรี่ยงเราเป่าหลอดพลาง
    ออกจากปากดงได้

     
    มองทาง
    เรี่ยไม้
    เพลิงชุด จุดแฮ
    แด่นลหว้าป่าสูง ๚
    (๓๓๒) ๏ หึ่งหึ่งพึ่งเรียกร้อง
    หมีบ่นด้นดุ่มพึม
    เย็นเยียบเงียบเงางึม
    ฟ้าพร่ำน้ำค้างไห้

     
    ก้องกหึม
    พุ่มไม้
    สงบสงัด สัดเอย
    รเยือกเนื้อเหลือหนาว ๚
    (๓๓๓) ๏ จวนรุ่งฟุ้งดอกไม้
    รื่นรื่นชื่นอารม
    ร่วงหล่นบนเผ้าผม
    ลมผ่าวหนาวดอกงิ้ว

     
    ไพรพนม
    เรื่อยริ้ว
    ผอยถูก ตมูกเอย
    ง่วงเศร้าเหงาหงิม ๚
    (๓๓๔) ๏ หนาวลมห่มผ้าแก้
    หนาวที่ใจใครเลย
    ยามรุ่นอุ่นอกเคย
    ยามเท่าเปล่าทรวงแท้

     
    แม่เอย
    จแก้
    เคียงคู่ อยู่แฮ 
    เที่ยวค้างกลางดง ๚
    (๓๓๕) ๏ เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหล้ง
    สำเหนี่ยกเรียกรว้าฟัง
    ข้างเวาเป่ารับระวัง
    รู้ชัดลัดเข้าหญ้าน

     
    โหว่งดัง
    ฝ่ายบ้าน
    วิเวกโร่ โหร่แฮ 
    หย่อมลว้ามาคอย
    (๓๓๖) ๏ เกรี่ยงปะละว้ารับ
    พาเค่าเย่าเรืองครื
    โหมไฟใส่ฟืนฮือ
    เช้าเพื่อนเกลื่อนมาพร้อง

     
    นับถือ
    พี่น้อง
    ให้นั่ง อังเอย 
    พรักพร้อมล้อมสลอน ๚
    (๓๓๗) ๏ ลว้าเถือเนื้อสดให้
    หนุ่มแต่งแกงเผ็ดปรุง
    กินเค่าเหล่าเกรี่ยงมุม
    เสจสับกับเกรี่ยงล้อม

     
    ไส่กระบุง
    เปราะพร้อม
    มองปาก อยากแฮ 
    กทะลิ้มชิมแกง
    (๓๓๘) ๏ ร้องอร่อยพลอยซดกลุ้ม
    แม่ลูกมูกฟูมยาว
    มดเนื้อเหื่อโทรมพราว
    กอดหนุ่มอุ้มหนูน้อย

     
    หนุ่มสาว
    ยืดย้อย
    พร่ำอร่อย น้อยฤา 
    น่าได้ไว้ผัว ๚
    (๓๓๙) ๏ วานแกงแต่งพรีกพร้อม
    ครกใหญ่ใส่โขลกครู
    กวางป่าฮ่ากระทะหุ
    อิ่มอกยกมือไหว้

     
    ล้อมดู
    ครอบให้
    ห้อมซด หมดแฮ 
    แวดล้อมพร้อมเพรียง ๚
    (๓๔๐) ๏ สาวสาวเหล่าลูกลว้า
    ยิ้มย่องผ่องผิวผม
    คิ้วตาน่านวลสม
    แค่งทู่หูเจาะเจ้า

     
    น่าชม
    ผูกเกล้า
    เสมอฮ่ามงามเอย 
    จึ่งต้องหมองศรี ๚
    (๓๔๑) ๏ น้อยน้อยพลอยว่าลว้า
    ยุทหยอกนอกเสื้อสวน
    สาวสาวเหล่าลว้ากวน
    ปล่ำเล่นเช่นพี่น้อง

     
    หน้านวล
    แซ่ซ้อง
    กอดหนุ่ม อุ้มเอย 
    นึกหน้าปรานี ๚
    (๓๔๒) ๏ ตาลวดยวดยิ่งลว้า
    เคยปะพระเจดีเดียว
    ลาสาวเหล่าลว้าเกรียว
    เกรี่ยงเลือกเผือกมันกล้อวย

     
    ป่าเซียว
    เที่ยวด้วย
    กรูส่ง ดงเอย 
    แบกบ้างทางไกล ๚
    (๓๔๓) ๏ ลวดลว้าพาเลี้ยวลัด
    ไผ่ป่าหนาหนามกลาง
    พ้นไผ่ไม้ยูงยาง
    ลูกร่อนว่อนเวียรเหลี้ยง

     
    ตัดทาง
    กลับเกลี้ยง
    ยามหล่น ผลเอย 
    หลีกต้นหล่นไกล ๚
    (๓๔๔) ๏ ลูกยางอย่างลูกน้อย
    ไม่รักศักศรีกระกุน
    ครูสอนห่อนเหนคุน
    ปลื้นปลอกหลอกหลอนเพ้อ

     
    ถ่อยสถุน
    เก่งก้อ
    คิดออก นอกเอย 
    เล่ต้นผลยาง
    (๓๔๕) ๏ เยนชื่นรื่นร่มไม้
    เปนป่ากฤศนาลง
    โกร๋นเกราะเผาะผุะผง
    กฤศนาว่าครืไสร้

     
    ไพรรหง
    สลับไม้
    ผุยล่อน กร่อนเอย 
    พุะไม้ใหญ่พยูง ๚
    (๓๔๖) ๏ ขึ้นเนินเดินใกล้ชิด
    หอมรื่นชื่นนาสา
    สมมุดดุจดังทา
    ใครไม่ได้ให้น้ำ

     
    กฤศนา
    สูดซ้ำ
    แป้งกแจะ และเอย 
    กุหลาบกุหล้อยน้อยใจ ๚
    (๓๔๗) ๏ ซาดขะมิ่นสริ้นแม่เลี้ยง
    สารภีพ่อเคย
    บุญนากยากไร้เชย
    ถึงไม่เหลืองเรืองเหรื้อ

     
    ลูกเอย
    ขัดเนื้อ
    เช่นกลิ่น ขมิ้นเอย 
    ร่ำง้อซอหญิง ๚
    (๓๔๘) ๏ หนุ่มหนูรู้อบผ้า
    ดอกไม้ไส่ห่อสนอม
    ซาดแป้งแต่งตัวมอม
    ต่างฝูกลูกนอนได้

     
    หาหอม
    แนบไว้
    มีดอก ไม้เอย 
    นุ่มเนื้อเจือหอม ๚
    (๓๔๙) ๏ อกเอยเคยขู้พลอด
    ตกเถื่อนเพื่อนกับเกรี่ยง
    ยามมีที่รักเคียง
    ยามยากบากเบือนหน้า

     
    ฉอดเสียง
    รว้า
    ค่างค่าน ฉออนเอย 
    นึกน้องสยองแสยง ๚
    (๓๕๐) ๏ ทางร่มลมรื่นเหรื้อย
    หอมสุกกรมยมโดย
    ผิละพวงร่วงกลิ่นโรย
    ตูมตาดกลาดหล่นใกล้

     
    เชื่อยโชย
    ดอกไม้
    รริกร่อน ว่อนเอย 
    เกลื่อนข้างทางเดิน ๚
    (๓๕๑) ๏ ตวันเที่ยงเลี่ยงเลียบน้ำ
    ภบที่ศีลาลาน
    อยุดยั้งนั่งสำราญ
    ชื่นฉ่ำน้ำอ่อนอึ้ง

     
    ลำธาร
    ฦกซึ้ง
    ร่มโศก ฉโงกเอย 
    อาบเหล้นเยนสบาย ๚
    (๓๕๒) ๏ หนูหนุ่มทุ่มท่องน้ำ
    ฟุ้งฟาดสาดสายสนาน
    ลวดกวั่งชั่งบูเรบูราน
    เด็กอ่อนสอนเกรี่ยงลว้า

     
    ลำลหาน
    สนุกบ้า
    เรียนหนุ่ม กระทุ่มเอย 
    ว่ายน้ำสำราน ๚
    (๓๕๓) ๏ เกรี่ยงเลือกเชือกชิ่งช้า
    หนุ่มหนุ่มรุมไกวแสน
    เจรจาว่าถวายแหวน
    วันซาดพลาดโพล่งน้ำ

     
    ช่วยแขวน
    สนุกล้ำ
    หวังเหาะ เคราะแฮ 
    สนั่นร้องซ้องเสียง ๚
    (๓๕๔) ๏ น้ำใสไหลเลื่อนช้า
    กระกรับเกราะเราะเรียงริม
    ศรีศะตะกั่วพิม
    ปักเป่าเหล่าหลดไหล้

     
    ปลากริม
    ร่มไม้
    พาตพากมากเอย 
    แฉลบเลี้ยวเที่ยวสลอน ๚
    (๓๕๕) ๏ แห่งตื่นพื้นกรวดแก้ว
    วาบวับจับพฤกษาพร้าว
    นิลบ้างหล่างเหลืองขาว
    ช้อนคื่นมึนมัวคล้ำ

     
    แวววาว
    พร่างน้ำ
    เซียวแข่ง แดงเอย 
    เคลือบคล้ายสลายสลัว ๚
    (๓๕๖) ๏ กลางน้ำคล่ำดอกไม้
    เหล่าหนุ่มสุ่มว่ายคอย
    เด็จกลีบจีบเรือพลอย
    เกรี่ยงว่ายได้ลว้า

     
    ไหลลอย
    แข่งคว้า
    เพลินเล่น เยนเอย 
    ว่ายไหม้ไคร่เปน ๚
    (๓๕๗) ๏ ชุ่มชื่นขึ้นจากน้ำ
    ลว้าเกรี่ยงเลี้ยงอ้อยตาล
    เงาะป่าว่าหวายหวาน
    อิ่มชื่นรื่นเริงร้อง

     
    สำราน
    มตาดมต้อง
    วางต่าง ต่างเอย 
    รับช้าลาธาร ๚
    (๓๕๘) ๏ ตะวันบ่ายหายเลื่อยล้า
    ค่ามโป่งดงเหลกไหล
    ภบเตาเก่าก่อไฟ
    ตายแน่เเร่กินสริ้น

     
    คลาไคล
    แล่งขมิ้น
    ผ้าพาด บาตแฮ
    ซากเนื้อเหลือของ ๚
    (๓๕๙) ๏ สงสารท่านที่ม้วย
    กระดูกยังบังสกุน
    ย่ามบาตขาดเป็นจุน
    ตายเปล่าเจ้ากูบ้า

     
    อวยบุญ
    เก็บผ้า
    จุดใส่ ไฟเอย
    บ่อรู้ครูสอน ๚
    (๓๖๐) ๏ เหล็กไหลได้แต่บ้า
    ถูกแร่แม่สารแสดง
    หลอมถลุงพลุ่งเพลิงแรง
    ควันพิสฤทธสารร้อย

     
    หาแสวง
    เหล็กคล้าย
    ราวรศ กรดเอย
    ร่ำไซ้ไสร้สูร ๚
    (๓๖๑) ๏ เดินทางหว่างไม้ชัด
    ลมตกนกสนั่นเสียง
    ร่ายไม้ไต่มองเมียง
    เพรียกพลอดฉอดเสียงซ้อง

     
    ลัดเฉลียง
    แซ่ซ้อง
    เหมือนจัก ทักเอย
    แว่จ้อซอแซ ๚
    (๓๖๒) ๏ นกตะซาบคาบตขบเต้น
    บ้ารบุ่นขุนแผนโผน
    เหล่านกหกหิ้วโหน
    ไก่เถื่อนเกลื่อนไก่ฟ้า

     
    เผ่นโจร
    ผ่านหน้า
    ห้อยไต่ ไม้แฮ
    ฟุบไม้ไซ้ขน ๚
    (๓๖๓) ๏ คู่ล่าโห่โหรโร่โห้ร
    โภระโดกโหวกวิเวกโหวย
    ยามยินยิ่งดิ้นโดย
    เฆ้ากู่กู๋กู่ก้อง

     
    โห่โหย
    แว่วซ้อง
    เดินหว่าง ทางเอย
    ไก่แก้วแจ้วเสียง ๚
    (๓๖๔) ๏ แซ้งแซวแว่วแหว้วพลอด
    หวีดหว่อจ้อจับเคียง
    นึกเหมือนเพื่อนรักเรียง
    อายนกอกใจเศร้า

     
    ฉอดเสียง
    คู่เคล้า
    ร่ำพลอด ฉอดเอย
    โศกสอื้นฝืนเดิน ๚
    (๓๖๕) ๏ ผงกผงกนกอีแอ้น
    กวักเกว่าเหล่ากางเขน
    ตัวภู่จู่โจมเจน
    ขะมิ่นอ่อนนอนเเนบเคล้า

     
    กระแวนกระเวน
    แขกเต้า
    กโจมจับ ทับแฮ
    คู่ป้อนสลอนเหลือง ๚
    (๓๖๖) ๏ หนุ่มหนูดูขมิ้นอ่อน
    ใครช่วยทามาหนอ
    เหลืองอ่อนหล่อนลองซอ
    ขมิ้นที่ของน้องสิ้น

     
    นอนคลอ
    นกขมิ้น
    ขมิ้นนก ขมิ้นเอย
    แซ่งฉอ้อนวอนซอ ๚
    (๓๖๗) ๏ รวังไพรร่ายร้องกร่อ
    แอ้แอ่แอ้แอ๊อุลอ
    พญาลอล่อล้อคลอ
    กะหรอดกรอดกร๊อดกร๋อกร้อง

     
    กร๋อกรอ
    เลียบร้อง
    เคล้าคู่ อยู่แฮ
    กะรอกเต้นเล่นกระเเต ๚
    (๓๖๘) ๏ ต้อยตี๋วิศชิศ
    ตวิ๋ตตวิ๋ดติ๋ดเตียวเตียว
    ตามทักปักหน้าเจียว
    เด็กรักทักถามกต้อย

     
    โฉบร้อง ก้องเกรียว
    เจี่ยวจ้อย
    เจ้าติ๋วิด กระจิ๋ดเอย
    กเตาะเต้นเผ่นหนี ๚
    (๓๖๙) ๏ กต่ายตุ่นวุ่นวิ่งข้าง
    เด็กโดดโลดไล่เฉวียร
    ทักกระทอล่อเลี้ยวเวียร
    ล้มลุกคุกข่างหน้า

     
    ทางเตียน
    ฉวัดคว้า
    วิ่งลัด สกัดแฮ
    นิ่วต้องย่องเดิน ๚
    (๓๗๐) ๏ ตวันเยนเหนโขดตขุ้ม
    สูงสุดจุดกลีบเกลียว
    เสือกวางต่างกระเกริงเกรียว
    เดชะพระเจ้าคุ้ม

     
    เซาเซียว
    เมฆคลุ้ม
    เกริ่นป่า มาแฮ
    คชร้ายควายเสือ ๚
    (๓๗๑) ๏ ถึงถิ่นหินเงื้อมงอก
    หินหลักปักสองเสา
    ลอดเลี้ยวเหนี่ยวหน่วงเถา
    ลงภุปรุะน้ำพร้อย

     
    กรอกเซา
    ซอกน้อย
    ลัดาช่วยด้วยแฮ
    พร่างคล้ายสายฝน ๚
    (๓๗๒) ๏ พระเจดีที่ค่างถ้ำ
    สูงสักหกสอกประมาณ
    ปตูมีที่ช่องดาน
    ปูนเพชรเขตเซาล้อม

     
    บุรำบุราน
    ลม่อมป้อม
    ดันปิด สนิดแฮ
    แล่งไว้ใบลาน ๚
    (๓๗๓) ๏ หนูหนุ่มรุมเข้าผลัก
    ปิดห่องของท่านผู่
    ต่างมองซ่องดานดู
    สมาบาปกราบกรานไหว้

     
    ปักกตู
    ภิเศศไว้
    แวววับ ลับแฮ
    หวังผึ้งจึ่งมา ๚
    (๓๗๔) ๏ จัดแจงแต่งตั้งธูป
    เข้าตอกดอกไม้ราย
    สงพระประสุคนปราย
    กราบพระประนศน้อม

     
    เทียรถวาย
    รอบล้อม
    ปรุงรศ สดเอย
    นั่งไต้ ไทรทอง ๚
    (๓๗๔) ๏ จัดแจงแต่งตั้งธูป
    เข้าตอกดอกไม้ราย
    สงพระประสุคนปราย
    กราบพระประนศน้อม

     
    เทียรถวาย
    รอบล้อม
    ปรุงรศ สดเอย
    นั่งไต้ ไทรทอง ๚
    (๓๗๕) ๏ จุดเทียรเวียรสว่างเวิ้ง
    น้ำภุทลุศีลา
    ห้วงห้องปล่องคงคา
    ชื่นชุ่มภูมิภาคพื้น

     
    เพิงผา
    ลั่นครื้น
    ขังเปี่ยม เปรี่ยมเอย
    ภิฦกหน้าอาไศรย ๚
    (๓๗๖) ๏ หาถ้ำค่ำมืดไหม้
    สงัดเงียบเยียบเยือกเยน
    ภบแท่นแผ่นผาเปน
    ที่อยู่ผู่ภิเศศไว้

     
    ใคร่เหน
    หย่อมไม้
    ปูนเพช สำเรจเอย
    ฉวากเวิ้งเพิงเซา
    (๓๗๗) ๏ อาไสในเงื้อมฉโงก
    ที่แท่นแผ่นศีลา
    เทียรธูปบุพบูชา
    กราบพระอธิถานแล้ว

     
    โกรกผา
    เลื่อมแก้ว
    เชิญช่วย ด้วยเอย
    ลูกน้อยพลอยนอน ๚
    (๓๗๘) ๏ เกรี่ยงกวั่งทังลวดว้า
    ฟืนไส่ไฟโพลงแสง
    หุงเค่าเต่าต้มแกง
    นั่งเล่นเยนเยือกฟ้า

     
    กล้าแขง
    สว่างหน้า
    กินเสจสำเรจแฮ
    พร่ำพร้อยฝอยฝน ๚
    (๓๗๙) ๏ ลวดว่าป่าปู่เจ้า
    ที่อยู่หมู่ช้างโขลง
    เยนเช้าเหล่าช้างโยง
    มาปลอดยอดดีด้อม

     
    เซาโพรง
    คล่ำล้อม
    ฝูงเที่ยว เกรียวแฮ
    ดอดเข้าเซาสบาย ๚
    (๓๘๐) ๏ ใต้เหนือเสือช้างรอบ
    อยู่แต่นอกสอกเสา
    โกรกกรอกซอกแซกเรา
    สัตอื่นหมื่นแสนต้อง

     
    ขอบเซา
    แซ่ซ้อง
    ทลุโตล่ง โว่งเอย
    เติ่งค้างข้างเซา ๚
    (๓๘๑) ๏ เกรี่ยงลว้าป่าปู่เจ้า
    อยู่แต่นอกกรอกหวัว
    แสกเส้าเค่ามามัว
    เด็กใหญ่ไม่รู้ฉ้อง

     
    เขากลัว
    ไว่ซ้อง
    มืดน่า ตาแฮ
    ฉวากโว้งโพรงเซา ๚
    (๓๘๒) ๏ ตาลวดอวดอ้างเริ่ม
    โขลงไล่ไพล่ผลุนหนี
    เหนปล่องช่องแลกมี
    จึ่งปะพระเจดีได้

     
    เดิมที
    เหนี่ยวไม้
    มุดลอด ตลอดแฮ
    สลับต้นหนหลัง ๚
    (๓๘๓) ๏ ฟังผร่ำตำเรื่องรู้
    ศักสิทพิศฎานชาญ
    ตรวดน้ำร่ำอธิถาน
    ขอปะพระปรอดแก้

     
    บูราน
    เชี่ยวแท้
    เทพช่วย ด้วยเอย
    สดวกได้ใบลาน ๚
    (๓๘๔) ๏ น้ำพึ่งครึ่งจอกตั้ง
    เชิญพระปรอดเสวย
    บุบผาบุชาเอย
    ซออ่านลานทองได้

     
    สังเวย
    หว่างไม้
    ช่วยชัก สลักแฮ
    ดุจข้าอาวร ๚
    (๓๘๕) ๏ หนึ่งครูผู่ภิเศศส้าง
    เชิญช่วยอวยสวัดิหวัง
    ประโญดโปรดสัตสัง
    จึ่งจิตสิทธิแก่เกล้า

     
    ปางหลัง
    ไว่เท้า
    สารวัดสวัดิเอย 
    กม่อมหมั้นกตันยู ๚
    (๓๘๖) ๏ อัพิวาทราตนหนั้ง
    หวิดหวิดชิดเฉียดไฟ
    เทียรดับกลับจุดไฟ
    สธุสพระปรอดขรึ้ง

     
    ตั้งใจ
    ฟอดผึ้ง
    ส่องขเม่นเหนแฮ
    จอกแก้วแพรววาว ๚
    (๓๘๗) ๏ หญิบขึ้นลื่นหลุดเหล้
    ไสเหน่งเปล่งปลอดเปลว
    ห่อนเหนเช่นองคเอว
    หญิบหลุดปลุดปลิ้นปล้อน

     
    ปรอดเหลว
    ปลอบช้อน
    เล็ดฟ่ายคล้ายแฮ 
    เปล่าคล้ายหายสูร ๚
    (๓๘๘) ๏ น้ำพึ่งครึ่งกระบอกตั้ง
    ฟอดฟอดปรอดกิน
    ควักขึ้นลื่นตกหิน
    หนุ่มห่อ....อยู่ซ้อง

     
    หวังริน
    กบปล้อง
    หายเปล่า เล่าแฮ
    เปล่าคล้ายหายสูร ๚
    (๓๘๙) ๏ เกรี่ยงลว้าผ้าขอดเข้า
    ใส่สลักหนักมือหมาย
    กลับลอดปลอดเปล่าดาย
    ลื่นหลุดสุดกลแก้

     
    เปล่าหาย
    มั่นแท้
    เดกกโดโครทเอย
    เปล่าคล้ายหายสูร ๚
    (๓๙๐) ๏ หายลื่นคืนเข้ากบอก
    รุ่มร่ำน้ำพึ่งสูน
    ปรอดหายฝ่ายกองกูล
    เทียรท่อยพลอยหมดด้วย

     
    ออกถูน
    ซิ่นม้วย
    ก่อกลับ ดับแฮ
    เด็กจ้องส่องแสวง ๚
    (๓๙๑) ๏ ดึกสามยามสงัดครึ้ม
    เยนเยียบเงียบขอบเขา
    มืดคลุ้มพุ่มกระแบกกระเบา
    แวบวับลับแลเหลื้อม

     
    งึมเงา
    โขดเงื้อม
    บังปิด มิดเอย
    ปรอดหร้อนว่อนเวียร ๚
    (๓๙๒) ๏ เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่
    กรวดป่ามาเเกร๋นแกร๋น
    ฮูมฮูมอู่มอึงแสน
    คึกคึกทึกเสทือนสท้าน

     
    แปร๋แปร๋น
    เกริ่นหย้าน
    สนั่นรอบ ขอบแฮ
    ถิ่นไม้ไพรพนม ๚
    (๓๙๓) ๏ ต่างตื่นฟื้นสติตั้ง
    ครื้นครั่นลั่นผึงโผง
    เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหวง
    ช้างสงัดบัดเดี๋ยวซ้อง

     
    ฟังโขลง
    แผดร้อง
    โหว่งโว่ โร่แฮ
    แซ่เข้าเสาหิน ๚
    (๓๙๔) ๏ อึกกทึกครึกครื้นนอก
    หักค่นต้นยูงยาง
    เหมือนรู้ว่าอยู่กลาง
    จนรุ่งฝูงช้างร้น

     
    กรอกทาง
    ย่ำค้น
    กลีบช่อง ปล่องแฮ
    รุกร้องซ้องเสียง ๚
    (๓๙๕) ๏ เกรี่ยงลว้าพาขึ้นฉโงก
    แลค่างล่างช้างฝูง
    กลิ่นใกล้ไล่โยกยูง
    เขย่งคึ้นยึ่นงวงเหญ้อ

     
    โกรกสูง
    ฟูดฉเง้อ
    ยางค่นต้นแฮ
    ยุดไม้ไต่เขา ๚
    (๓๙๖) ๏ ดูเล่นเหนสนุกหน้า
    ตรงกรอกซอกเสาเนิน
    ช้างยิ่งวิ่งพล่านเพลิน
    ช้างแล่นแปร๋นฮูมห้อม

     
    ผาเผิน
    นั่งพร้อม
    พลอยคว่างช้างแฮ
    หืดฮื้ออื้ออึง ๚
    (๓๙๗) ๏ หนุ่มหนุ่มรุมโห่ขว้าง
    มันขเม่นเหนคนโขยง
    ตามุ่งพลุ่งพลามโพลง
    ฮูมเค่าเสาหินไง้

     
    ช้างโขลง
    เย่อไม้
    พลั่งพลั่ง ปลั่งแฮ
    งัดง้างสล้างสลอน ๚
    (๓๙๘) ๏ แลดูหมู่ช้างเถื่อน
    ลุยป่ามาผางโผง
    ยัดเยียดเสียดแซกโยง
    แหงนน่างาเงยซ้อง

     
    เกลื่อนโขลง
    พวกพ้อง
    ยาวยืด มืดแฮ
    สลับสล้างค่างเขา ๚
    (๓๙๙) ๏ ช้างบ้างาใหญ่เฟื้อย
    ทลวงทลึ่งถึงแทงเสา
    งากระเด่นเผ่นท้าวเทา
    บ้าเลือดเดือดดุนช้าง

     
    เปลือยเปลา
    สวบง้าง
    แทงอีก ฉลีกเอย
    อื่นร้องซ้องเสียง ๚
    (๔๐๐) ๏ เพลินดูหมู่ช้างคล่ำ
    เตี้ยค่อมปลอมแปลกฝูง
    ขุดขัดงัดยางยูง
    จนเที่ยงเสียงเซงแส้

     
    ต่ำสุด
    เฟ่าฉแง้
    ยับทับ สลับแฮ
    แสบท้องต้องถอย ๚
    (๔๐๑) ๏ เกรี่ยงลว้าปลาเค่าน้ำ
    ติดย่ามตามทำนอง
    พรีกเกลือเมื่อขาดของ
    อร่อยอิ่มยิ้มแย้มได้

     
    สำรอง
    น่าไม้
    คิดคู่ หมูเอย
    เด็กน้อยพลอยเพลิน ๚
    (๔๐๒) ๏ เลียบเดินเนินไม้รอบ
    รื่นร่มชมฉลูดเสลา
    มสังมทรางกร่างกรันเกรา
    เคี่ยมข่อยสร้อยฟ้าเฟื้อย

     
    ขอบเขา
    สลับเลื้อย
    กรวยกระทุ่ม ฉอุ่มเอย
    เฟื่องฟุ้งจรุงรวย ๚
    (๔๐๓) ๏ มไฟมเฟืองเหลืองอร่ามต้น
    แมงคุดลมุดษีดา
    บูราณท่านปลูกมา
    ไม้งอกซอกเหวห้วย

     
    ผลพวา
    ดกด้วย
    มีพืด ยืดเอย
    ดอกห้อยย้อยไสว ๚
    (๔๐๔) ๏ มตูมมตาดกลาศกลิ้งหล่น
    เดกใคร่ได้ไส่เรือ
    เหมือนปลูกลูกดอกเฝือ
    อยากอยู่ดูสนุกหน้า

     
    ล้นเหลือ
    ร่ำค้า
    ฟุ้งตลบ อบเอย
    นั่งเหล้นเยนใจ ๚
    (๔๐๕) ๏ เลียบรอบขอบเขตซ้ำ
    มาที่เจดีเหน
    น้ำภุประซ่านเซน
    ต่อนั่งหลังรับน้ำ

     
    ย่ำเยน
    แห่งถ้ำ
    สาดปิด มิดแฮ
    ภุไว้ได้เหน ๚
    (๔๐๖) ๏ อยากดูซูเปียกน้ำ
    มืดขเม่นเหนแวววาว
    ภุน้ำพร่ำพรมพราว
    ต่างต่างคางสั่นสท้าน

     
    ตรำหนาว
    สว่างหว้าน
    หนาวสุด อยุดแฮ
    สทึกสท้อนถอนใจ ๚
    (๔๐๗) ๏ หนาวน้ำซ้ำเปียกผ้า
    สุมใส่ไฟโพลงพลอย
    เพลิงแรงแฮ่งแล้วคอย
    พร้อมพรั่งทังเกรี่ยงลว้า

     
    หน้าจ๋อย
    ผึ่งผ้า
    ขึงอื่น ผืนแฮ
    ไว่ตั้งสังเวย ๚
    (๔๐๘) ๏ บุบผาสารพัดพร้อม
    บำบ่วงสรวงสังเวย
    ผลักดูปตุเผย
    แย้มช่องสองนิ้วได้

     
    หอมรเหย
    สวัดิให้
    ภอขเยื่อน เคลื่อนแฮ
    เด็กด้วยช่วยดุน ๚
    (๔๐๙) ๏ ในห้องมองมืดกลุ้ม
    หอมรื่นชื่นกลิ่นจรร
    ผลักอีกกริกกลอนดัน
    ปตุกลับหับกึงก้อง

     
    คลุ้มควัน
    จากห้อง
    ดุนผลัก หนักแฮ
    ปกับแหน้นแผ่นผนัง ๚
    (๔๑๐) ๏ โยกคลอนห่อนจได้
    รู้เท่าเจ้าบิดเบือน
    เยนย่ำค่ำคิดเฟือน
    ไกลถิ่นสริ้นเทียรไต้

     
    ไหวสเทือน
    บ่อให้
    ไฟไส่ ไว้แฮ
    ต่างต้องกองเพลิง ๚
    (๔๑๑) ๏ เหมือนรู้ครูเถ้าเล่า
    ถ้ำที่เจดีเปน
    เบิกสลักผลักกระดอนกระเดน
    หมดเลี่ยนเทียรน้ำผึ้ง

     
    เราเหน
    ป่าซึ้ง
    กระดากกลับ หับแฮ
    ผักส้าปลายำ ๚
    (๔๑๒) ๏ คิดกลับหลับอ่อนสอื้น
    กรีดกริ่งหริ่งเรไร
    แจ้วแจ้วแว่วเสียงไส
    เรื่อยเรื่อยเฉื่อยเสียงซ้อง

     
    ตื้นใจ
    เรื่อยร้อง
    ซอรับ ขับเอย
    เสนาะน้ำคำครวน ๚
    (๔๑๓) ๏ เสียวทราบวาบสว่างเวิ้ง
    เพียงพระโรงโถงฝา
    สี่นางค่างเคียงพญา
    ไว้จุกลูกเล็กจ้าว

     
    เผิงผา
    เฟ่าท้าว
    ยอดยิ่ง หญิงเอย
    แจ่มหน้าสง่างาม ๚
    (๔๑๔) ๏ ท้าทับจับปี่จ้อง
    พร้อมพรั่งนั่งเรียงรอ
    กระษัตรหัฐจบขอ
    ยินชื่อฦาเลื่องถ้อย

     
    ลองซอ
    เรียบร้อย
    คำขับ สดับแฮ
    เทพท้าวกล่าวยอ ๚
    (๔๑๕) ๏ จำรับขับกล่อมท้าว
    ชมพระศะศริทร
    ดาวประดับกับจรรจร
    เพียงราชนาฎนวลหน้า

     
    กล่าวกลอน
    ถ่องฟ้า
    แจ่มเมฆ วิเวกเอย
    นอบน้อมล้อมสลอน ๚
    (๔๑๖) ๏ ท้าวชอบตอบเหล้าเรื่อง
    ปราสาทราชวังสถาน
    เขารอบขอบปรากาล
    เปนเถื่อนเกลื่อนโขลงช้าง

     
    เบื้องบุราณ
    ท่านส้าง
    เกิดห่า มาแฮ
    ช่วยเฝ้าเข้าของ ๚
    (๔๑๗) ๏ เจดีที่อยู่ห้อง
    ปรอดเร็จเพชปูนปสม
    สำหรับกับถั่วนม
    ของลูกจุกจได้

     
    ทองพทม
    ใส่ไว้
    เนื้อแผด แปดแฮ
    เกิดสร้างปรางทอง ๚
    (๔๑๘) ๏ ใช่ยาอายุร้อย
    ทั่วล่าหาห่อนมี
    ปรอดฟอดรัศมี
    ใช่พระปรอดแพร้ว

     
    แสนปี
    แม่นแล้ว
    เสมอเม็จเพชเอย
    พระไหว้ใช่การ ๚
    (๔๑๙) ๏ หนึ่งคว่างช้างเจ้าป่า
    โป่งป่ามาคอยเขน
    สมเคราะเพราะเหตุเหน
    นอนหลับทับที่แถ้น

     
    งากระเดน
    เคียดแค้น
    ให้สวัดิ กษัตรเอย
    ท่านอ้างทางบุญ ๚
    (๔๒๐) ๏ ห้ามอย่าหาปรอดแหร้
    สืบทร่างทางบุญเบือน
    มายืนหมื่นปีเฟื่อน
    อย่าอยู่จู่หนีช้าง

     
    แชเชือน
    แบ่งบ้าง
    ฝ่ายว่า บ้าแฮ
    ช่วยให้ไปดี ๚
    (๔๒๑) ๏ ปลาดหลากฝากบุตรไว้
    กลอนกล่าวท้าวลัศเตียน
    ลูกวานอ่านรามเกียร
    ช้างไล่ได้พาพ้น

     
    ให้เรียน
    แต่ต้น
    เกิดยุกสนุกแฮ
    พูดอ้อนวอนวาน ๚
    (๔๒๒) ๏ สว่างตื่นขึ้นเก้าค่ำ
    จาฤกเรื่องเมืองสุพรรณ
    เคลิ้มเหนเช่นไฝ่ฝัน
    ลูกเล็กเด็กจได้

     
    สำคัน
    ผูกไว้
    ฟังเจ้า เล่าเอย
    สดับห้ามสามสถาน ๚
    (๔๒๓) ๏ เลยลาป่าปู่เจ้า
    ออกจากปากปล่องหมาย
    เหนเกลื่อนเถื่อนพังพลาย
    ล้อมรอบขอบเซาข้าง

     
    เช้าสาย
    มุ่งช้าง
    พล่านสกัด อัดเอย
    เขดเข้าเสาหิน ๚
    (๔๒๔) ๏ ใจหายหมายดุจเจ้า
    โป่งป่ามาสกัดกัน
    โห่ขับกลับกลุ่มถลัน
    อยู่จค่ำจำแก้

     
    เข้าฝัน
    เก่งแท้
    ทลวงไล่ ใกล้แฮ
    ก่อให้ไฟโพลง ๚
    (๔๒๕) ๏ เกรี่ยงลว้ากล้าไล่ช้าง
    คบแกว่งแสงเพลิงโพลง
    ช้างตื่นครื้นเครงโยง
    เซงแซ่แปร๋แปร๋นซ้อง

     
    กลางโขลง
    พล่านร้อง
    เหยียดป่า ล่าแฮ
    สนั่นหน้าป่าเปิง ๚
    (๔๒๖) ๏ ฮูมฮูมอูมอื้ออึก
    ป่าแหลกแตกผางโผง
    ฝุ่นฟุ้งพลุ่งควันโขมง
    สเทือนสทึกกึกก้อง

     
    กทึกโขลง
    แผดร้อง
    มืดล่าฟ้าแฮ
    เกือบเถี้ยงเสียงอึง ๚
    (๔๒๗) ๏ เหนเงียบเลียบเลี้ยวออก
    งาหักดักเดินขวาง
    ไม้ไล่ก่ายกีดกาง
    เหนจะไปไม่พ้น

     
    กรอกทาง
    ไขว่ค้น
    เกะกะ ผงะแฮ
    ผ่อนเข้าเสาหิน ๚
    (๔๒๘) ๏ บัดเดี๋ยวเกรียวตรวดแส้
    ขวักไขว่ไปมาเเทน
    ฬ้อเล่นเช่นผัดแพน
    มันไล่ไพล่ผลุนเลี้ยว

     
    แกร๋แกร๋น
    ท่องเถี้ยว
    พวกเดก เลกเอย
    ลอดเข้าเสาหิน ๚
    (๔๒๙) ๏ จุดไฟไล่แล้วค่อย
    เพลิงดับกลับเวียรรไว
    หลอดเป่าเท่าไรไร
    ดุจว่าฆ่าศึกห้อม

     
    ถอยไป
    แวดล้อม
    ไม่ว่าง ช้างเอย
    ฮุ่มไว้ใจหาย ๚
    (๔๓๐) ๏ กรี่ยงลว้าหน้าไม้ส่อง
    ยิงแสกแปรกหน้าปั่ง
    งาหักปักขมับฉมัง
    ฝูงเถื่อนเพื่อนพยุงซ้อง

     
    ย่องบัง
    ป่วนร้อง
    หมุนป่วน ซวนแฮ
    แซกแซ่แปร๋แปร๋น ๚
    (๔๓๑) ๏ ยางน่องต้องช้างคลั่งปดัง
    เพื่อนหน่วงงวงประคองเคียง
    ต่างห่างต่างมุ่งเมียง
    เหลือจลี้หนีได้

     
    เสียง
    เค่าไม้
    ฉม้ายม่าย หมายแฮ
    เด้กน้อยหง่อยเหงา ๚

     
    (๔๓๒) ๏ เกรี่ยงลว้าว่าไวเจ้า
    ช่วยขู่หมู่ช้างโขลง
    ไปถึงจึ่งรำโรง
    จวนค่ำร่ำว่าแล?้ว

     
    เขาโพรง
    คลาศแคล้ว
    รินเล่าเจ้าเอย
    หลอดเร้าเป่าถวาย ๚

     
    (๔๓๓) ๏ บัดเจ้าเข้าหนุ่มหนั้ง
    ลุกคึ่นยืนโซเซ
    ยุดมือฮื่อหันเห
    เหนผิดคิดขันจ้าน

     
    สังบุเร
    ซั่นสท้าน
    ฮืดฮัด สบัดแฮ
    จับไข้ใช่เชิง ๚

     
    (๔๓๔) ๏ รู้ที่ผีวิ่งเข้า
    มาแต่ไหนไขความ
    พลิกผลักซักถึงสาม
    ไอ้ลว้าฆ่าช้าง

     
    เดาถาม
    บอกบ้าง
    หนตคอกออกแฮ
    ฉุดไว้ใช้แทน ๚

     
    (๔๓๕) ๏ ลวดลว้าว่าไห้ช่วย
    สังบุเรเซเลย
    แก้ไขไม่ฟื้นเลย
    จนค่ำจำจนแท้

     
    ด้วยเอย
    สลบแหน้
    ฉุนคิด ผิดแฮ
    ทุกท้อรย่อแสยง ๚

     
    (๔๓๖) ๏ หวังยุดพุทธิเจ้าพระ
    โปรดปราบราพรางควาน
    เดชะพระกุศลชาน
    เคลิ้มเช่นเหนพระพร้อม

     
    ชนะมาร
    ไขว่ล้อม
    เชินช่วย ด้วยเอย
    สพรั่งคล้ายหลายหน ๚

     
    (๔๓๗) ๏ เกรี่ยงจามสามฉาดฟื้น
    หัววร่องององัน
    สองเท่าเค่าถามผัน
    พยักน่าว่าเมื่อซ้ำ

     
    ยืนหัน
    ง่วงง้ำ
    ผินขีกอีกแฮ
    ขับน้อยคอยฟัง ๚

     
    (๔๓๘) ๏ สังบุเรเซซุดหนั้ง
    ถามว่าตามันวาว
    หวัวจุกลูกเลกขาว
    ว่าพ่อขอบบุญจ้าง

     
    ยังหาว
    วิ่งคว้าง
    เขาช่วย ด้วยแฮ
    จให้ไปตาม ๚

     
    (๔๓๙) ๏ เหมือนฝันขันน้ำตรวจ
    พ้นทุกศุกขีศุกขี
    โขมดโขลงโป่งป่าผี
    อย่าหน่วงหวงห้ามช้า

     
    สวดสัภี
    คึ่นฟ้า
    ผาศุข สนุกเอย
    ช่วยสร้างทางกุศล ๚

     
    (๔๔๐) ๏ แว่วเสียงเพียงรนาดฆ้อง
    จวนค่ำซ้ำวังเวง
    ฤาเจ้าเฟ่าฟังเพลง
    แนะหนุ่มรุมร้องไหว้

     
    หนองเหนง
    หว่างไม้
    พลอยบ่วง สวงเอย
    สวัดิเจ้าเขาเขิน ๚

     
    (๔๔๑) ๏ ขับข้อยอยศท้าว
    สิงสู่อยู่สิงขร
    พร้อมภักอักษรสมร
    ขับกล่อมน้อมแนบเฝ้า

     
    กล่าวกลอน
    ห่อนเศร้า
    เสมอกษัตร สวัดิเอย
    ฟุบเฟี้ยมเสงี่ยมงาม ๚

     
    (๔๔๒) ๏ สองข้อยอยศหญิ้ง
    เสวยสุขทุกภุทันดร
    ไม้งอกออกอรชร
    ชุ่มชื้นพื้นพฤกสล้าง

     
    สิงขร
    ห่อนร้าง
    ฉัดสพรั่ง บังเอย
    สลับล้อมพร้อมไสว ๚

     
    (๔๔๓) ๏ สามข้อยอยศไม้
    ชื่นชุ่มภุมิภากสถาน
    ผลดอกออกอวยทาน
    แขนงหน่อกอกาบสล้าง

     
    ไพรศาร
    เถื่อนกว้าง
    อุทิศทั่ว ตัวเอย
    เลิศลำจำเริญ ๚

     
    (๔๔๔) ๏ สี่ข้อยอยศสริ้น
    เทพทุกรุกขโรงศาร
    เชิญอยู่สู่สำราน
    กั่นโป่งโหงห่าช้าง

     
    ถิ่นถาน
    ท่านส้าง
    วานช่วย ด้วยเอย
    ช่วยให้ไปสบาย ๚

     
    (๔๔๕) ๏ อยุดขับตรับเกรียบไม้
    เหนเยียบเงียบสงัดวง
    รอนรอนอ่อนอัศดง
    แล่งล่าป่าเหนือไต้

     
    ไพรหง
    หว่างไม้
    แดดดับ พยับเอย
    เงียบสริ้นถิ่นสถาน ๚

     
    (๔๔๖) ๏ เกรี่ยงเหนเปนเด็กน้อย
    ไว้จุกลูกจ้าวจำ
    วู้วู้กู่สมคำ
    ออกจากปากดงได้

     
    คอยนำ
    จุดไต้
    คิดเช่น เหนแฮ
    ดุ่มด้อมด่อมเดิน ๚

     
    (๔๔๗) ๏ ตามลว้าพาอ้อมออก
    มืดขเม่นเหนรางราง
    ไม้ล่ายถ่ายกิดขวางขวาง
    เด้กดอดลอดลัดเลี้ยว

     
    นอกทาง
    รกเรี้ยว
    ขวันพี่ หนีเอย
    ล่วงหน้ากล้าหาน ๚

     
    (๔๔๘) ๏ ออกเลมาะเหยาะเหย่าอย้อง
    ตาเฟ่าดูหูฟัง
    เคลิ้มเหมือนเพื่อนหน้าหลัง
    ยามหนึ่งถึงดงสล้าง

     
    มองรวัง
    ฝ่ายช้าง
    เลื่อมสว่าง ทางเอย
    แหล่งไม้ใหญ่สูง ๚

     
    (๔๔๙) ๏ เกรี่ยงลว้าว่าพ้นทุ่ง
    ตามไล่ไส่เพลิงโพลง
    รั้งรอก่อไฟโขมง
    พ้นเถื่อนเดือนขึ้นด้วย

     
    ฝูงโขลง
    พลอกม้วย
    มึนเมื่อย เหนื่อยเอย
    สดวกได้ไคลคลา ๚

     
    (๔๕๐) ๏ แปร๋นแปร๋แหวแว่วช้าง
    เหนเหตุเดชบุญบัง
    เกรี่ยงหน้าลว้ารวัง
    ร่มรื่นพื้นกรวดแก้ว

     
    ข้างหลัง
    บาปแคล้ว
    หลังพลอด ฉอดเอย
    กจ่างพร้อยพรอยพราย ๚

     
    (๔๕๑) ๏ พร่ำพร่ำน้ำค้างพร่าง
    ผอยเผาะเหยาะเยนใจ
    แน่นิ่งกิ่งก้านใบ
    ด้าวเคลื่อนเดือนบ่ายคล้อย

     
    กลางไพร
    แจ่มพร้อย
    บ่อดิกริกเอย
    เคลือบคลุ้มพุ่มพง ๚

     
    (๔๕๒) ๏ เดือนเอยเคยคู่เเก้ว
    เกือบตกอกอาทวา
    โปรดด้วยช่วยรอรา
    อย่าเลื่อนเคลื่อนคล้อยแคล้ว

     
    แววตา
    ว่างแล้ว
    รถสว่าง ทางเอย
    คลาดข้าอาไลย ๚

     
    (๔๕๓) ๏ เอยดูหนูหนุ่มน้อย
    เกรี่ยงเลือกเผือกมันเผา
    เลี้ยวลงโป่งป่ากระเบา
    เสือคุ่มดุ่มเดินใกล้

     
    หง่อยเหงา
    ผ่าให้
    บึงสนัด สกัดแฮ
    กลอกหน้าตาวาว ๚

     
    (๔๕๔) ๏ เด็กเหนเปนหิ่งห้อย
    มืดหน้าตาเสือสอง
    กวั่งเกรี่ยงเควี่ยงพยักฆ์ผยอง
    กรวบกราบสาบสูนแล้ว

     
    คอยมอง
    สว่างแก้ว
    พยศฮืด มืดแฮ
    หลอดโหร้โห่เสือ ๚

     
    (๔๕๕) ๏ บูราณท่านนเทียบแท้
    มืดค่ำคลำศีศะเสือ
    ซึ้งซึกพฤกษครุมเครือ
    ย่องย่ำคลำเสือคล้าย

     
    แน่เหลือ
    สุดราย
    ครึมทั่ว มัวเอย
    ท่านอ้างปางหลัง ๚

     
    (๔๕๖) ๏ เกรี่ยงลว้าบ่าแบกอุ้ม
    ถ้าผูกลูกเลกสพาย
    งุมหงุดดุจดังควาย
    ไก่เถื่อนเตือนขันก้อง

     
    หนุ่มสบาย
    ผากคล้อง
    ความรัก หนักเอย
    กิ่งไม้ใสเสียง ๚

     
    (๔๕๗) ๏ เที่ยวสนุกทุกสนัดแท้
    เร่ร่อนนอนป่าเขา
    หลงเลี้ยวเที่ยวเดินเดา
    หาพระปรอดได้

     
    แต่เรา
    เค่าไม้
    ดึกดื่น สอื้นเอย
    เดือนร้อนอ่อนหู ๚

     
    (๔๕๘) ๏ เช้าตรู่พรูพร้อยพร่าง
    หวานฉ่ำน้ำทศกอน
    ขูดได้ไส่กระบอกคอน
    เปลี่ยวอกตกยากไร้

     
    ทางจร
    เกาะไม้
    ค่อยชื่น ขึ้นเเฮ
    ร่อนเหร้รเหรหน ๚

     
    (๔๕๙) ๏ วันครึ่งถึงไร่ลว้า
    ลากวั่งสังบุเรเคย
    ลงสองพี่น้องสังเวย
    รุ่งเรื่อเรือล่องแหล้น

     
    ลาเลย
    เขดแคว้น
    สวัดิว่า ลาพ่อ
    ทลุถลึ้งถึงสนาม ๚

     
    (๔๖๐) ๏ โคลงแทนแผนที่ข้าง
    เที่ยวเล่นเปนสำคัน
    ไร้นาป่าปลายจรร
    เขาท่ำลำธารถุ้ง

     
    ทางสุพรรณ
    เขดคุ้ง
    ทประเทศ ทุเรศเอย
    ถิ่นลว้าป่าโขลง ๚

     
    (๔๖๑) ๏ หวังไว้ให้ลูกเต้า
    รู้เรื่องเปลืองป่วยการ
    อายุวันชนะขนาน
    แร่ปรอดยอดยากข้อน

     
    เหล่าหลาน
    เกิดร้อง
    นี้พ่อ ขอเอย
    คิดไว้ให้จำ ๚

     
    (๔๖๒) ๏ โคลงไว้ใช้ชื่ออ้าง
    นากคปริพันตาม
    สรล้วนส่วนอักษรสยาม
    ซ้อนดอกบอกบ่อเว้น

     
    ต่างนาม
    กบเต้น
    สกัดแคร่ แม่นา
    ว่าไว้ให้ฟัง ๚


     



    ริ่

    นำ


    เราจะได้รู้ถึงความเป็นมาของนิราศสุพรรณของสุนทรภู่
    หากขาดตกบกพร่อกแต่ประการใด ทางเราขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคะ

    ★ten tativo

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×