SSS สงครามวัตถุวิญญาณ - นิยาย SSS สงครามวัตถุวิญญาณ : Dek-D.com - Writer
×

    SSS สงครามวัตถุวิญญาณ

    นิยายแอ็คชั่นแฟนตาซีแนวใหม่ ไม่ซ้ำใครในบอร์ด การันตีความมันส์ด้วยรางวัลรองชนะเลิศการประกวด Enter Books Episode 1 และผ่านการพิจารณาจาก สนพ.มีดีส์!! ไม่สนุกให้เหยียบ!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    308,927

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    551

    ผู้เข้าชมรวม


    308.92K

    ความคิดเห็น


    3.38K

    คนติดตาม


    1.36K
    จำนวนตอน : 138 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 ต.ค. 65 / 00:37 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    SSS สงครามวัตถุวิญญาณ
    สนพ. : มีดีส์ พับลิชชิ่ง
    รางวัล : รองชนะเลิศ EBA1




       
    ชี้แจงนิดนึงนะครับ
    1. นอกจากบน Wall แล้ว ผมตอบทุกคอมเมนท์ผ่านทางข้อความลับนะครับ
    2. ผมใจดี  เลี้ยงง่าย  ไม่กัด  พูดคุยปรึกษาหยอกล้อได้ทุกเรื่องครับ
    3. เรื่องนี้มี Fan Page ใน Facebook ด้วยนะครับ  ในชื่อ "SSS สงครามวัตถุวิญญาณ"  ใครติดตามอยู่แอดกันด้วยเน้ออออ

     

    เรื่องย่อ : เมื่อโบราณวัตถุสำคัญจากทั่วทุกมุมโลกถูกจารกรรมด้วยกองโจรปริศนาที่ได้รับขนานนามว่า 'เงารัตติกาล'  เหล่าผู้เชื่อมต่อผู้มีคลื่นวิญญาณตรงกับบุคคลสำคัญของโลกต้องเดินทางเพื่อต่อสู้  ค้นหาความจริง และตามหาความลับดำมืดที่ซ่อนอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ
    มิตรภาพและความรักจะถูกถ่ายทอดผ่านการต่อสู้สุดมันส์ด้วยพลังพิเศษอลังการ  โดยมีฉากหลังคือสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก...


    Character
    <Image by Giftcg>




    เรแพน โนเวน : ชายหนุ่มขี้วิตกผู้ถูกลากเข้าสู่การผจญภัยโดยไม่รู้ตัว
    จิตวิญญาณที่เชื่อมต่อ : จอห์น เนเปียร์ 
    พลังพิเศษ :
    Napier Bone สร้างตารางแสงเพื่อเปลี่ยนแปลงค่าต่าง ๆ ของสิ่งที่เคลื่อนผ่านตาราง

    คาซี มีอา : ลูกชายของหัวหน้ากองโจรเงารัตติกาล ผู้รวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อโค่นล้มผู้ทรยศต่อบิดา
    จิตวิญญาณที่เชื่อมต่อ : ไอแซก นิวตัน
    พลังพิเศษ : Newton's Gravity
    สร้างแรงโน้มถ่วงเพื่อกดทับหรือยกลอย

    เน็กเธอร์ เมริว ดาร์น็อค : เจ้าของโรงแรมหรูที่มีเครือข่ายหลายประเทศทั่วโลก เป็นคนเจ้าชู้และฉลาดแกมโกง
    จิตวิญญาณที่เชื่อมต่อ : วิลเฮล์ม คอนราด เรินต์เกน
    พลังพิเศษ : X-Ray
    มองทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง หรือทำให้สิ่งที่สัมผัสโปร่งใสคล้ายภาพเอกซเรย์จนทะลุผ่านได้

    ซูอัล แอทนัส : ชายหนุ่มแสนดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อนอยู่เสมอ
    จิตวิญญาณที่เชื่อมต่อ : นักบุญนิโคลัส (ซานตาครอส)
    พลังพิเศษ : X'Mas Gift
    สร้างกล่องของขวัญที่สุ่มของด้านใน โดยแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่

    เซราห์ ทริเบอร์ นิวราด : สัตวแพทย์สาวผู้สามารถสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิด แต่เป็นโรคกลัวผู้ชาย
    จิตวิญญาณที่เชื่อมต่อ : ชาร์ล ดาร์วิน
    พลังพิเศษ : Evolution
    เมื่อสัมผัสสิ่งมีชีวิตหรือชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิต (ยกเว้นมนุษย์) จะสามารถใช้ความสามารถของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ได้

    แดเนียล อินนิวา : รองหัวหน้าเงารัตติกาลผู้มีประวัติความเป็นมาเป็นปริศนา มีปืนคู่เป็นอาวุธ
    จิตวิญญาณที่เชื่อมต่อ :
    1. ดร.ริชาร์ด บี เคิร์ชเนอร์ 
    2. ดร.เออร์วิง แลงเมียร์
    พลังพิเศษ :
    1. GPS
    กระสุนที่ยิงจากกระบอกปืนจะติดตามเป้าหมายอัตโนมัติ
    2. Absorption ดูดกลืนธาตุและพลังพิเศษ (ยกเว้นวัตถุ) เข้าสู่ปืนสองกระบอก และปลดปล่อยออกมาในรูปกระสุนปืน


    ถ้าอ่านแล้วมันส์!!!  อย่าลืม Add Fav. ด้วยน้าาาา!!
     
    Visual Novel
    SSS สงครามวัตถุวิญญาณ Part 0
    Kaze no Ouji : เจ้าชายแห่งสายลม



      
    แฟนอาร์ตล่าสุด 
    เรแพนและคาซีฝีมือน้องนินา  เป็นแฟนอาร์ตในรูปแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น
    อลังการล้านแปดทีเดียวเชียว

     
     


        แบนเนอร์ของเรื่องนี้
       
     
    แบนเนอร์เพื่อนบ้านที่ผมเป็นแฟนคลับอยู่  แนะนำให้อ่านครับ
     
         

       

         

       
     
     

     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "พลังพิเศษของตัวเองต้องค้นหาด้วยตัวของคุณเอง"

    (แจ้งลบ)

    นับว่าเปิดประเด็นของเรื่องได้ดึงดูดความสนใจดีในระดับหนึ่ง พลังพิเศษที่มีใช้ในเรื่องนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรื่องเลยทีเดียว ตัวเอกของเราเริ่มต้นด้วยความอ่อนแอ ไม่เก่งอะไรสักอย่างแถมเป็นพวกไม่เอาไหน ไม่เด่นไม่หล่อพิเศษอะไร เหมือนคนธรรมดาที่อ่อนแอหาได้ทั่วไป จุดนี้ละที่น่าสนใจที่ไรเตอร์จะเขียนบทเส้นทางเดินตัวเอกยังไง ที่จะให้ตัวเอกได้พัฒนาตัวเองให้เก ... อ่านเพิ่มเติม

    นับว่าเปิดประเด็นของเรื่องได้ดึงดูดความสนใจดีในระดับหนึ่ง พลังพิเศษที่มีใช้ในเรื่องนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรื่องเลยทีเดียว ตัวเอกของเราเริ่มต้นด้วยความอ่อนแอ ไม่เก่งอะไรสักอย่างแถมเป็นพวกไม่เอาไหน ไม่เด่นไม่หล่อพิเศษอะไร เหมือนคนธรรมดาที่อ่อนแอหาได้ทั่วไป จุดนี้ละที่น่าสนใจที่ไรเตอร์จะเขียนบทเส้นทางเดินตัวเอกยังไง ที่จะให้ตัวเอกได้พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น อยู่รอดด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งคนอื่นอีก ต้องคอยติดตามชมกันต่อไปเพื่อพิสูจน์ความสนุกของเรื่องนี้จะไปถึงไหน เหล่านักอ่านช่วยกัน Comment ให้ไรเตอร์มีกำลังใจแต่งต่อจนจบกันด้วยนะ   อ่านน้อยลง

    manima | 28 ต.ค. 54

    • 47

    • 2

    "วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon"

    (แจ้งลบ)

    อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ บทความบทที่ 1 – 7 ได้ทำการวิจารณ์ไว้ล่วงหน้าวันที่ 25 Nov ครับ ถ้าผู้เขียนมีการรีไรท์หลังจากช่วงนี้ขออภัยด้วย ( ... อ่านเพิ่มเติม

    อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ บทความบทที่ 1 – 7 ได้ทำการวิจารณ์ไว้ล่วงหน้าวันที่ 25 Nov ครับ ถ้าผู้เขียนมีการรีไรท์หลังจากช่วงนี้ขออภัยด้วย (ผมขอตัดสิ่งที่วิจารณ์บางอย่างออกไปในนี้นะครับ เพราะทั้งหมดนั้นได้แจ้งรายละเอียดให้กับผู้เขียนเรียบร้อยแล้ว) จุดขัดแย้งของบทที่สองที่ผมเจอ เมื่อเคซีบอกว่า ถ้าใช้พลังไม่ได้ เพราะจะทำให้เครื่องบินตก เพราะฉะนั้น พลังของเคซีน่าจะเป็นการโน้มน้ำหนักลง (ตามความเข้าใจของตัวเคซีเอง) แต่พอเครื่องบินจะตก เขากลับใช้พลังงานในรูปแบบของการถ่วงน้ำหนักให้ลงสู่พื้นช้าลง (ผมไม่รู้ว่ามันเรียกอะไรนะ เพราะฟิสิกส์ผมไม่ค่อยรู้สักเท่าไหร่ แต่ผมก็พอจะมองภาพออก) เพราะฉะนั้น ผมว่า คุณน่าจะเปลี่ยนบทจากที่เคซีพูดว่า ใช้ไม่ได้ กลับมาเป็น ใช้ได้แต่ไม่ใช้เพราะเขาอยากเห็นพลังของเรแพนมากกว่านะครับ เพราะเคซีถือพลังมานานพอตัว เขาน่าจะเข้าใจพลังตัวเองได้เยอะกว่า แต่ถ้าผู้เขียนเสนอแนวคิดที่ว่า เคซีเพิ่งเข้าใจว่าพลังสามารถปรับเปลี่ยนได้ เหมือนกับของ เรแพน ก็น่าจะมีช่วงให้เคซีหยุดคิดทำความเข้าใจกับพลังตัวเองสักแปปแล้วจึงเริ่มใช้พลังตอนเครื่องบินจะตก (ได้รับคำอธิบายเรียบร้อยแล้ว) อีกเรื่อง ในเมื่อเคซีพาร่างทุกคนมาถึงฝั่งบอลติกได้ แต่ทำไมข้าวของถึงจมทะเล ถ้าเคซีถือพลังแรงโน้มถ่วงจริง ผมว่า สิ่งของก็น่าจะอยู่ใต้อาณัติพลังนี้นะครับ เพราะฉะนั้นข้าวของทั้งหมดไม่น่าจะจมทะเล (ถ้าจะบอกว่า พลังของเคซีมีขอบเขตที่จำกัด ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวของหรือผู้คนก็ต้องกระจัดกระจายไปไกลตามแรงเหวี่ยง เท่าๆ กัน เพราะฉะนั้น เคซีจะไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ครับ (ผลของเรื่องนี้กระทบเหตุการณ์ในบทที่ 3) (ได้รับคำอธิบายเรียบร้อยแล้ว) ผมเสียดายจริงๆ เลยเพราะบทที่ 2 คุณเพิ่งใช้คำว่า ล่ำลา ไป พอมาบทนี้น่าจะลืม เขียนเป็น ร่ำลา ซะได้ จริงๆ แล้วในเยอรมัน ตามป้ายต่างๆ จะไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะครับ (แต่คนยังพูดภาษาอังกฤษได้) พวกเขายังมีความเป็นชาตินิยมหลงเหลืออยู่แม้ฮิตเลอร์จะตายไปแล้ว ถ้าพระเอกมาจาก อเมริกา เพราะฉะนั้น เขาน่าจะอ่านภาษาเยอรมันไม่ออก (เด็กเมกัน ส่วนใหญ่เลือกภาษาสเปนเรียนเป็นภาษาที่สองมากกว่า) ผมว่าลองให้สภาพแวดล้อมบอกตัวพระเอกดีกว่าว่านั่นคือ สุสาน เพราะสุสานทุกที่ก็เหมือนกัน ตอนแรก ผมคิดว่า แอชชีย์น่าจะเป็นพรรคพวกของพระเอก แต่หลังจากที่จบตอนที่ 3 ผมเดาว่า เน็กเธอร์น่าจะเป็น สมาชิกคนที่สามไปซะงั้น ไม่รู้ทำไม แต่บุคลิกมันได้ครับ ดูจากสถานการณ์แล้ว เขาไม่ใช่คนชั่วมากนัก อารมณ์น่าจะเอาแต่ใจตัวเอง ผมยังไม่ได้อ่านบทต่อไป เขียนคำวิจารณ์ขึ้นมาก่อน จะได้รู้ว่า วิธีเดินเรื่องของผม เหมือนกับผู้เขียนหรือเปล่า บทที่สาม ทำให้ผมคิดถึงเรื่อง X-Men ใช้พลังของแต่ละคนต่อสู้กัน - - คือแบบนี้มันต้องใช้ไหวพริบกันเลยทีเดียว สืบเนื่องมากจากบทที่ 2 พอผมอ่านจบ ผมก็รู้ว่าผมเดาถูกด้วย - - แต่กว่าจะเดาถูกก็ลุ้นน่าดูเลยนะ กลัวแอชชีย์ จะเป็นสมาชิกเสียแทน แต่พอเห็น เรแพนวิ่งไปปุ๊บ ก็คิดว่าใช่ทันที เพราะถ้าเป็นผมเขียน ผมก็จะให้ น.ม.ด. เนี่ยละครับเป็นสมาชิกคนที่ 3 และอาจจะต้องพา แอชชีย์ไปด้วย แบบนี้ก็จะทำให้การเดินเรื่องสนุกขึ้น เพราะ เคซีและ น.ม.ด. เคยต่อสู้กัน มันก็น่าจะต้องมีบทที่ต้องขัดใจกันบ้าง (เผลอๆ จะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวด้วยหรือเปล่า เพราะแอชชีย์ น่าจะชอบผู้ชายสไตล์ คาซี ) ผมช็อกจริงๆ ที่หลวงพ่อเป็น - - - เอิ่ม...จริงๆ มันเป็นการหักมุมที่ดีมากเลยครับ และถ้ามีเวลาลำดับตัวละครสักหน่อย หลวงพ่อ ก็จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจพอตัว พอมาถึงฉากที่พระเอกสู้กับหลวงพ่อ เรแพนใช้พลังจากตัวเลข เป็นเรื่องที่ดีมากครับและผมมองว่าถ้าเรแพนรู้วิธีการใช้มากกว่านี้ จะหาคนสู้ได้น้อยมากเพราะตัวเลขถูกแทนไว้กับทุกๆ สิ่งที่มนุษย์จะคิดได้ เพราะฉะนั้นถ้าค่าเปลี่ยนแปลงไป โอกาสที่พระเอกจะใช้พลังหลากหลายก็ย่อมมี แต่ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มกลัวเกี่ยวกับพลังเรแพนนั่นก็คือ พลังของตนเองทำร้ายตนเองและเรแพนจะกลายเป็นคนที่ไม่เก่งเลย เหตุผลตรงนี้ขอละไว้ครับ มันเป็นข้อมูลที่ผมส่งต่อให้ผู้เขียนโดยตรง เผื่อไอเดียเล็กๆ น้อย จะเข้าไปอยู่ในนั้น มันจะได้ไม่ทำลายความอัศจรรย์ที่เรื่องได้ดำเนินมาตลอด ปล ตอนที่สาม - - เสียดาย แอชชีย์ไม่ได้ไปด้วย การเล่าเรื่องที่ผมเห็นแล้วขัดแย้งมากที่สุดก็เห็นจะเป็น บทที่ 5 ครับ มันสลับไปมาระหว่าง การเล่าเรื่องของผู้เขียนและการเล่าเรื่องจากตัวละครหลัก อย่างที่คุณเข้าใจ การเล่าเรื่องจากตัวละครหลักผ่านเรแพน แบบที่คุณทำอยู่ มันเป็นการมองภาพเพียงมุมเดียว (มุมที่เรแพนเห็นและคิด) เพราะฉะนั้น การเล่าเรื่องแบบนี้มันเลยยาก ดังนั้น นักเขียนโดยส่วนใหญ่ เลยเลือกที่จะเสริมการบรรยายไปด้วย คราวนี้ความยากก็คือ ถ้าเราจัดช่วงของการนำเสนอไม่ดี ผู้อ่านจะรู้สึกว่า เอ๊ะ กลับไป กลับมา อีกแล้ว 4 บทแรก ผมชอบการจัดบทของคุณนะครับ แต่พอมาบทที่ 5 ทุกคนนั่งเรือมาที่อิตาลี เจอผู้ร้ายและจัดการ แล้วจู่ๆ ก็ตัดมาที่อียิปต์ และก็เข้าสู่แผนการร้ายและวกกลับมาอิตาลีอีกครั้ง มันเลยดูไม่ค่อยเป็นลำดับที่ดีนัก แต่ไม่ใช่ว่าผมมองไม่ออกนะครับ ผมเข้าใจที่คุณยกตอนของอียิปต์มาเพราะว่าจะสื่อให้คนอ่านเข้าใจว่า ในช่วงเวลานั้น มีเหตุการณ์ที่เกี่ยงข้องกับ SSS ในอียิปต์ แต่ถึงแม้คุณจะเอาช่วงนี้ไปลงไว้ที่บทแรกของการไปอียิปต์ ช่วงเวลาของเหตุการณ์ก็ไม่ได้บิดเบือนสักเท่าไหร่เพราะว่า ยังไง คนอ่านก็กะเวลาที่แน่นอนไม่ได้หรอกครับสำหรับในนิยาย ผมกำลังมองว่า นี่มันคล้ายๆ บทภาพยนตร์ของหนังผีของไทยเรื่องหนึ่ง ที่ไล่เหตุการณ์ตามลำดับเวลาจนทำให้คนดูเกิดอาการงงๆ เล็กน้อย (แต่นิยายไม่เหมือนหนังผีครับ คนอ่านยังเข้าใจอยู่เพราะถ้าไม่รู้เรื่องก็กลับไปอ่านใหม่ได้ แต่ถ้าดูในโรง พลาดแล้วต้องรอดีวีดีกันเลยทีเดียว) ผมไม่เคยไปอิตาลีนะครับ เลยมองไม่ออกว่าที่ไหนเป็นที่ไหน แต่ผมเชื่อว่า ผู้เขียนน่าจะมีผังเมืองของที่นั่นเลยสามารถกะที่ตั้งของสถานที่ได้ แต่ถ้าผู้เขียนเคยไป ก็จะง่ายขึ้น (ตรงนี้ผมไม่อยากให้มองข้ามไป เพราะมันจะทำให้นิยายเราสมจริงมากยิ่งขึ้น) ผมเห็นซูรัลวิ่งเข้าไปสถานเด็กกำพร้ารู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก - - ผู้เขียนสร้างคาแร็คเตอร์ของตัวละครได้ดีจริงๆ ครับ เหตุการณ์ที่มีการเสพยาแล้วเพื่อบ้านแจ้งตำรวจจับ ดูเป็นไทยไปหน่อยนะครับ วัฒนธรรมตะวันตก โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของใคร บทที่ 6 ผมว่า เมื่อต่อสู้เสร็จ ทั้งสองคนน่าจะออกตามหาเพื่อนที่กำลังถูกรุมมากกว่า ที่จะเล่าประสบการณ์ชีวิตนะครับ อิอิอิ ราแพนลืมง่ายจริง ตรงนี้ สับสนน่าดูนะครับ ระวังหน่อย มันมีสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระวัง เน็กเธอร์ ซึ่งเจอ คาซีตัวปลอม และ คาซี ซึ่งเจอราแพนตัวปลอม แบบนี้ผมว่าควรขั้นด้วยคำบรรยายสักนิดเพื่อให้ผู้อ่านตามทันจะดีกว่า เพราะตัวผมเอง วนอ่าน สามรอบเลย เพราะผมไม่รู้ว่า “แม้กระแสน้ำจะไหลเอื่อย แต่เรือลำนั้นกลับพุ่งเร็วเข้าใส่เรือของเน็กเธอร์ราวติดจรวด” จะเป็นประโยคจบ แล้วต่อด้วยเหตุการณ์ที่คาซี เจอ เรแพน อย่าลืมว่า สองเหตุการณ์นี้ มี คาซี เป็นตัวละครซ้อนกันครับ ที่อเมริกา เอาแรงเลยนะครับ ผมว่า งดชื่อประธานาธิบดี ดีกว่า แค่บอกว่า ประธานาธิบดีคนที่ 44 ทุกคนก็พอเข้าใจ หรือประธานาธิบดีผิวสีคนแรก อะไรประมาณนี้ ผมจะได้ไม่ดูส่อมากไป เพราะตอนนี้ โอบามา ยัง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำอยู่ ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาตายหรือว่า ลงจากตำแหน่งแล้ว ผมว่า นั่นก็เป็นอีกเรื่อง บทที่ เจ็ด ไม่มีอะไรนอกจากคำว่า สนุก - - อยากได้ X-Ray บ้างจัง จะได้ส่องสาวๆ *-* บทที่แปด มันจะเป็นไปได้ไหมถ้าจะปรับเปลี่ยนเรื่องของเรแพนระหว่างพ่อ อาจจะไม่ใช่สายเลือดกันแบบที่เห็น อาจจะเป็นอาหรือลุงที่เอามาเลี้ยงโดยหวังแค่เงินที่ครอบครัวเรแพนทิ้งไว้ให้และเมื่อเรแพนจะออกจากบ้านก็ไม่ยอม จนคาซีต้องยื่นมือเข้ามาช่วยถึงได้ปล่อยไป - - ผมมองแบบนี้นะ ถึงเรแพนจะสนิทกับเน็กเธอร์หรือคาซีหรือซูอัลก็ตาม แต่คำว่า พ่อ ก็น่าจะมีความสำคัญพอตัวอยู่นะครับ เหตุผลที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันและไม่ได้เจอหน้ากัน มันยังไม่ดีพอที่จะทำให้วิญญานของทั้งสามมาแทนที่พ่อบังเกิดเกล้าได้ ผมเข้าใจว่าอยากดำเนินเรื่องต่อเพราะตอนแรกคุณอาจจะไม่ได้แพลนรายละเอียดมากมายไว้แบบนี้ น่าจะมีพล็อตหนึ่งและเสริมสิ่งที่อยากได้เข้าไปเพื่อให้สนุก เพราะตอนนี้ก็กระโดดมาไกลจากตอนแรกเยอะ แต่ตอนที่รีไรท์ส่งนิยายออกพิมพ์ หวังว่าจะชนะ อยากให้เก็บตรงนี้เอาไปคิดเล็กน้อย อย่างน้อยความสำคัญของคนในครอบครัวน่าจะมีมากกว่าเพื่อน (อยากเห็นเรแพนอ่อนโยนเหมือนซูอัล คนเก่งไม่จำเป็นต้องแข็งกระด้างเสมอไป) โดยเฉพาะ พ่อและแม่ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วนิยายเรื่องนี้จะไปไกลสักแค่ไหน ถ้ามีนักแปลเก่งๆ สักหนึ่งคน เอาไปแปล ผมว่าน่าจับตามองนะครับเพราะฮอลลีวู๊ดยังไม่มีฮีโร่แบบนี้ - - ได้ทั้งความสนุกและรู้ประวัติศาสตร์ แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ - - จริงๆ แล้วยังไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร แต่ผมคิดว่า ชีวิตจริงๆ ของเขาน่าจะเหมือนคาจนะครับ (เคยดูรายการต่างประเทศในยูทูบที่ตามรอยแจ็ค เขาก็สันนิษฐานแบบนี้) น่าจะเป็นลูกจากโสเภณีในลอนดอนเพราะคนที่เขาฆ่าตายส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น ผมกำลังจะบอกว่า ผู้เขียนโยงเรื่องนี้เขากับคาจได้ค่อนข้างเยี่ยม เพราะทั้งตัว SSS และตัวคาจมีบางสิ่งที่เหมือนกัน มันเลยซิงโครกันได้ (ผมเลยอยากให้ผู้เขียนคิดความเหมือนของการเชื่อมต่อมาอีกสักข้อ อย่างพระเอกเก่งคำนวณ มันก็เลยทำให้เขาได้นาเปียร์โบนส์ แต่มันน่าจะมีความสัมพันธ์ในเชิงลึกมากกว่านี้ เพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดความมหัศจรรย์เข้าไปอีก) ผมมองภาพโคลอสเซี่ยมหนามหินไม่ออกอ่ะครับ ผมจำได้แค่ภาพจากหนังเรื่อง จัมเปอร์ - - อันนี้ผู้เขียนจินตานาการมาเองใช่ไหมครับหรือว่ามีจริงๆ ผมไม่ได้ยึดหลักความจริงมากไปนะ แค่สงสัยเฉยๆ เสียดายโคลอสเซียม - - พังซะล่ะ สงสัยจะมีพีระมิดจะโดนเหมือนกัน แฮะๆๆ ก่อนจบบทที่แปด ผู้นำสหรัฐให้เหรียญกล้าหาญไปเลย - - ตอนจบ จริงๆ แล้วไฟบนรันเวย์มันจะเปิดตลอดรึเปล่าครับเพราะมันเป็นแนวของการจอดเพราะถ้าวิสัยทัศน์ไม่ดี จะมีคนไปยืนโบกไฟ เพื่อเป็นสัญญานว่าอีกกี่ฟิตจะถึงพื้น นักบินจะได้รู้ทันท่วงทีและปรับมุมของระดับการลงเพราะปกติ เครื่องบินจะมีเซนเซอร์วัดระยะพื้นและองศาแต่นักบินก็จะถูกฝึกมาให้ดูสัญญานไฟจากด้านล่างเช่นกัน (ไม่รู้ผมเดาเอานะ เคยเห็นมาจากหนังอะไรสักอย่างที่เขามองไม่เห็นวิสัยทัศน์ข้างล่าง และผู้บังคับการบินก็ให้ไปโบกไฟ แต่ไม่ทัน เครื่องบินโหม่งโลกก่อน) ไปจีน ไม่มาไทยเลยนะ - - ผมทำงานอยู่กับคนจีน เบื่อมาก ฮ่าาาาา (นอกเรื่อง อยากเล่า ประเทศจีนเจริญมากจริงๆ ทุกอย่างยิ่งใหญ่หมด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เขาสร้างได้ยิ่งใหญ่มากถึงมากจริงๆ (โดยส่วนตัวผมไม่ชอบคนจีนสักเท่าไหร่ เห็นแก่ตัวอ่ะ แต่ก็ต้องเข้าใจประเทศเขามีคนเยอะมันเลยต้องแข่งขันกัน แบบว่าเวลาโรงงานไหนเปิดรับคนงาน เขาจะไปสมัครงานกันตีสี่ตีห้าอ่ะครับ ไม่เหมือนไทย เปิดเช้า มาสมัครเที่ยง) แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ ถนน เวลาผ่านภูเขา จีนไม่เสียเวลามาอ้อมรอบภูเขาอย่างบ้านเราหรอก เขาเจาะอุโมงค์ลอดภูเขาเป็นเส้นตรงเลย แต่ถ้าเราขึ้นมาแม่ฮ่องสอน อยากจะบอกว่า คุณอาจตายได้ทุกเมื่อ ผมไม่เคยไปปักกิ่ง เคยไปที่ยูหนาน สิ่งเดียวที่ผมไม่ประทับใจคือการใช้ห้องน้ำของคนที่นั่น แม้แต่ เคเอฟซี คนเขายังขึ้นนั่งย่องๆ บนชักโครก (อันนี้สอบถามมานะครับ) ทำให้สิ่งต่างๆ ที่หลุดมาจากตัว เปรอะเปื้อนไปหมด ประเทศน่าเที่ยวและน่าอยู่ถ้าคุณรับเรื่องห้องน้ำได้ ไม่รู้ว่าปักกิ่งหรือที่อื่นๆ เป็นอย่างไร แต่ที่ที่ผมไป ห้องน้ำค่อนข้างน่าหดหู่และเป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ อีกนิด เรื่องการขับรถของคนจีน ถ้าเป็นคนไทยเวลามีคนปาดหน้า อาจจะถือปืนลงไปยิง แต่ที่นั่น เรื่องปกติแบบสุดๆ ผมไม่รู้ว่าที่ไหนดีนะ ที่จีนหรือบ้านเรา แต่ผู้คนไม่สนใจเรื่องของคนอื่น เขาถือว่า ฉันอยากทำก็ทำ แกอย่างทำแบบนั้นก็เรื่องของแก เสียงบีบแตรดังระงมเลยล่ะ) เรื่องกำแพงเมืองจีน ผมขอเสริมนะ เพราะผู้เขียนบอกถูกแล้วในแง่ของการเปรียบเทียบ แต่สิ่งที่เราจะเห็นเมื่อไปยืนบนดวงจันทร์แล้วมองมายังที่โลกได้ในความเป็นจริงไม่มีเลยครับ แม้แต่พื้นทวีปก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากถ้ามองด้วยตาเปล่า ขอยกความรู้นี้มาจากหนังสือเรื่อง ลบเหลี่ยมไอน์สไตน์เล่มหนึ่งหน้าที่ 36 – 37 ครับ (ครั้งหนึ่งในชีวิตเราต้องไปที่นั่นให้ได้ครับ ไปไม่ยากและไม่เสียตังเยอะ เพราะของที่นั่นถูกถ้ารู้แหล่งและคนเขาก็ไม่โกงด้วย บอกราคาเท่าไหนคือเท่านั้น ต่อไม่ได้นะ อิอิ เดี๋ยวเจอไล่ออกมา) ผมกำลังจะติว่า ทำไมใช้คำว่าจงอยปากกับคน อยู่เลย แต่ตอนนี้เข้าใจและ - - ปาท๋องโก๋ประเทศจีนอร่อยกว่าไทยและน้ำมันก็เยอะกว่าด้วย กินไปอาจตายไวขึ้น โดยปกติเวลางูชนิดเดียวกันกัดกัน พิษไม่สามารถฆ่ากันและกันได้ นอกจากกัดคอขาด และงูบางชนิดก็สามารถภูมิกันพิษของงูชนิดอื่นด้วย อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าในสถานที่นั่น น่าจะมีงูหลายชนิด แต่กว่าพิษงูจะแล่นเข้าไปก็ใช้เวลานานอยู่ ยังไม่ตายทันทีนอกจากมันกัดโดนจุดสำคัญ กัดเสร็จปุ๊บตัวแพ้ก็จะโดนงาบทันที ต้องขอบอกว่า ผู้เขียนตัดสินใจเด็ดขาดมากครับที่เริ่มฆ่าตัวละครฝ่ายดี เพราะลำพังจะเอาไปเก็บไว้ที่อื่น มันก็จะลำบากเราตอนจบ แต่ผมอยากเห็นใครตายสักคน ที่ไม่ใช่คนที่ผู้เขียนเพิ่งสร้างขึ้น เอาหนักๆ เลย อิอิ ไม่ใช่เพราะผมโรคจิตนะ แต่ผมมองว่า สงคราม มันต้องมีคนดีที่ตายบ้าง ไม่ใช่คนชั่วเสมอไป ผมขอเปลี่ยนจากคำว่าพระพุทธรูปมาเป็นรูปปั้นได้ไหมครับ ผมรู้ว่ารูปปั้นบางรูปก็ไม่ได้หน้านิ่งและสงบเหมือนพระพุทธรูปแต่ต้องเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าเป็นตัวแทนแห่งความดีแล้วอีกอย่างคนที่เราเปรียบเทียบด้วยมันก็เป็นคนชั่ว เลยรู้สึกไม่ค่อยดีกับตรงนี้เล็กน้อย - - ตรงนี้ต้องชมว่าผู้เขียนสุดยอดแห่งความเยี่ยมเลยครับ ลำพังธรรมดาคนอ่านอาจนึกไม่ถึงว่า ดาบ จะเป็นเครื่องมือในการจบชีวิตของจางลี่ เพราะผมก็ใจจดใจจ่อกับของชิ้นที่สามของซูอัล ว่ามันจะเป็นอะไร และพอออกมาก็ใจแป้วเหมือนกัน เพราะของชิ้นสุดท้ายของซูอัล มักจะช่วยให้หลุดพ้นจากอันตรายได้ทุกครั้ง ผมเลยมองไม่ออกว่า ซูอัลจะชนะได้อย่างไร เลยคิดไปถึง SSS เซร่าห์โน้นแหละที่จะช่วยทั้งสองคน แต่อย่างที่ผู้เขียนเคยบอกผมว่าเรื่องนี้สามารถหักหลังคนอ่านได้อยู่เสมอ และครั้งนี้ มันเป็นการหักความคิดผมได้เป็นอย่างดีครับ ผมจึงต้องบอกว่า ผู้เขียนนำคนอ่านไปหนึ่งก้าวเสมอ ผมรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยเมื่อบทที่ 12 เพราะการต่อสู้ในบทก่อนค่อนข้างเยอะจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน และก็มีศัตรูออกมาไม่หยุดไม่หย่อน แบบว่าลุ้นจนเหนื่อยเลยครับ นี่อ่านได้แค่บท 12 เองนะ ผมไม่แน่ใจนี่เป็นความตั้งใจของนักเขียนหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะการกะระยะของเรื่องที่ผู้เขียนอาจจะยังไม่ได้ปรับอะไรมากนัก นิยายเรื่องนี้สนุกครับ แต่ถ้ามันต้องลุ้นทุกลมหายใจ อาจจะเหนื่อยได้ ทั้งคนอ่านและตัวละคร ปล่อยๆ เขาให้เดินทางสงบๆ สักครั้งก็ดี แม้ว่าการต่อสู้จะเป็นประสบการณ์ที่เขาอาจจะได้ใช้ในตอนจบ ผมฮาซูอัลสำหรับการห่มผ้าไฟฟ้า คนที่มีจิตใจดี โชคมักเข้าข้างเสมอนะครับ - - ตลอดเวลาที่ผมอ่านนิยายเรื่องนี้มา พยายามหาว่าใครจะมาเป็นฮีโร่ในใจของผม และตอนนี้ผมคิดว่าผมเจอแล้ว บทที่สิบห้ามีฝาแฝดอินจันด้วยเหรอครับ อย่างไรก็ตามตอนนี้ทำให้ผมสิ่งที่ผมคิดมาตลอดว่าน่าจะมีอีกกลุ่มหนึ่งเกิดขึ้นและมันก็เข้าใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกที เพราะดูท่าคนแต่งคงไม่ยอมให้เรื่องมันจบง่ายๆ แบบนี้หรอกครับ เพราะเท่าที่อ่าน มันไม่ค่อยมีปมอะไรมากมายเลย ส่วนมากปมที่มีมันก็จะถูกไขไม่เกินสองตอน อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ประมาทอยู่ดี หวังว่าผู้เขียนจะปล่อยอะไรเด็ดๆ ให้ผมตะลึงนะครับ กระเป๋าแพทย์ต้องมีมอร์ฟีนด้วยเหรอครับ แฮะๆ ผมแค่สงสัยเฉยๆ นะ จะมีก็ได้เพราะจริงๆ แล้วการเป็นหมอต้องเตรียมพร้อมแต่ผมคิดว่า เซร่าห์น่าจะหาซื้อของพวกนี้ได้สบายๆ ในซุปเปอร์มาเกต เพราะน่าจะดัดแปลงได้ (ดูหนังสายลับบ่อย) แต่มอร์ฟีนคงหายากหน่อย แต่รัสเซียเป็นเมืองมืดอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ ผมอ่านมาถึงตอนนี้ สงสัยเล็กน้อยว่ารองหัวหน้ามีกี่คนกันแน่ คงจะมีเยอะใช่ไหมครับ ว่างๆ ก็ร่างชาร์ตใครเป็นใครให้ดูหน่อยนะครับ ผมเริ่มชักจะงง (มารู้บทสุดท้ายแล้ว ไม่ต้องร่างแล้ว) แล้วจริงๆ แดนรู้ได้ไงว่าพ่อของคาซี เป็นคนระเบิดเรือนั่น การระเบิดเรือนั่นน่าจะเป็นจุดแตกระหว่างหัวหน้ากองโจรคนเก่ากับคนใหม่ก็ได้ ผมคิดว่า วาร์ดน่าจะจัดฉากหรือปล่า น่าลุ้นนะครับ ผมเชื่อว่า แดนเนียลต้องเป็นคนดี และอาจตาย 555 (ผมหวังว่าผู้เขียนจะหาสมาชิกคนที่ 6 ได้นะครับ พระเจ้าสร้างโลกและสรรพสิ่งโดยใช้เวลาหกวันถึงเสร็จสมบูรณ์ มันเลยเป็นตัวเลขที่สร้างสรรค์และเสร็จได้โดยสมบูรณ์ นักเขียนสมัยก่อนจึงนิยมใช้เลขหกและเลขเจ็ดเป็นจุดเริ่มและจบของนิยาย เหมือนเจเคที่ใช้เลขเจ็ดครับ ส่วนเลขห้า มันคือรอยแผลของพระคริสต์ตอนตรึงไม้กางเขน) ฉากหนีตายของแดเนียลที่ริมน้ำ คิดถึงเรื่อง เจสันบอร์นที่มอสโคเลยครับ มันละทีนี้ เชื่อมต่อได้คนละสองอัน เอ๊???? หญิงแก่ที่สวิซจะเป็นคนชั่วหรือเปล่านะ ชักสงสัย ไม่ได้จะสปอยเรื่องนะครับ แต่ผมมองว่าถ้าหญิงคนนั้นวางแผนให้ทั้งหมดสู้กันและท้ายสุดตนเองเป็นคนที่เชื่อมต่อ SSS ได้ทุกอัน มันหยดอีกรอบ (จินตนาการล้ำไป) ให้เน็กเธอร์ได้ตุ๊ดสักทีเถอะ ตอนผมเขียนนิยายแล้วฆ่าคนๆ หนึ่งไป พี่ที่ทำงานที่เขาอ่าน เขาบอกว่า พี่รู้สึกเสียใจที่คนคนนี้ตาย แต่เมื่อแลกกับสิ่งยิ่งใหญ่ที่จะตามมา ดวงวิญญาณนั้นคงยิ้มอยู่บนสวรรค์ และผมก็คิดว่า คุณตาคุณยายทั้งสอง คงยิ้มให้ซูอัล บนสวรรค์เช่นกัน สู้ๆ ซูอัล ฮีโร่ยอดกตัญญู เขาล้วง เอิ่ม หล่อนก็ได้มั้งครับ บทหลังๆ ผมเริ่มมีสมาธิไม่ดีกับการวิจารณ์แล้วครับ เพราะมันเริ่มเข้มข้นเหมือนปลาช่อนหม้อไฟ แต่กระนั้นก็อย่าได้กังวลไปว่าผมจะละเลยหน้าที่ ไม่น่าเชื่อว่าโพไซดอนกับน้องชายจะจับมือสู้กันนะครับเพราะทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นอีกมุมของโพไซดอนที่ร้องลั่นว่า น้องข้า มันค่อนข้างฮาเล็กน้อย จริงๆ ร่างเทพเนี่ยใหญ่มากเลยนะครับ แต่อาจจะเป็นเพราะคนที่มาต่อสู้ก็คือ รูปปั้นก็ได้ มันเลยทำให้ผมมองร่างกายของทั้งสองเทพนี้เท่ากันแรแพนและซูอัล สิ่งที่ผมสงสัยมาตลอดทั้งเรื่องก็คือ เวลาสู้กัน มีคนอื่นเห็นไหมครับ เพราะอย่างน้อยก็น่าจะมีคนตกใจกับสิ่งที่เกิดบ้างนะครับอย่างบนเรือของตอนนี้ ผมนึกว่าขีดจำกัดของซูอัลเปิดมาจะเป็นมเหสีของโพไซดอน ไม่ต้องบอกนะครับว่าทำไม ผมนึกสภาพของของเด็กชายสี่ขวบที่ถูก เอิ่ม ทำแบบนั้นไม่ได้เลย มันคงดูแย่มากนะครับ สรุป ทั้งยี่สิบสามบทที่ผู้แต่งได้เขียนขึ้น รวมๆ แล้วมากกว่า สามร้อยหน้า จะเป็นนิยายที่ผมกล้ารับประกันได้ว่า คนอ่านไม่มีทางเดาตอนจบของเรื่องได้ ผู้ร้ายอาจจะชนะ หรือจะเหลือเพียงคนเดียวที่ได้ SSS ทั้งหมดและเขาไม่ได้ใช้มัน แม้แต่ตัวเอกของเรื่องเป็นใคร ก็ไม่มีทางรู้ และอย่าคิดจะเดาให้ยาก เพราะอย่างที่ผมบอก ผู้เขียนนำคุณไปแล้วหนึ่งก้าว และหนึ่งก้าวนี่มันก็เหมือนกับแสงครับ คุณไม่มีวันที่จะตามทัน เพราะแสงไม่เคยแพ้ใคร ปล หวังว่าผมจะได้เจอไอน์สไตน์นะครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชื่อมในรูปแบบของตัวเลขหรือผู้เชื่อมต่ออีกคนก็ได้ ผมอยากให้มีเขาเป็นส่วนหนึ่งในนิยายเรื่องยอดเรื่องนี้เพราะเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาการใหม่ๆ และเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ด้วยเหมือนกัน (ถึงแม้ไอน์สไตน์จะเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีแต่เขาก็เริ่มเรียนคณิตศาสตร์เป็นวิชาแรกและเป็นคนเชื่องช้าอีกด้วย) สุดท้าย ผมหวังว่า เรแพนของเราจะปลดปล่อยพลังของตัวเลขออกมาได้ถึงขีดสุดและจะเจอคู่ต่อสู้ได้เฉียบที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น เพียงเสี้ยวนาทียังช้าไปสำหรับไวพริบ ไม่ว่าผลของเอ็นเทอร์จะออกมาเป็นอย่างไง นี่จะเป็นนิยายแฟนตาซีที่คุ้มค่าเรื่องหนึ่ง เพราะนอกจากคนอ่านจะคลุ้มคลั่งกับการลุ้นในต่อสู้ที่มันหยดแล้ว สิ่งที่เขาซึมซับเข้าไปช้าๆ โดยที่ไม่รู้ตัวก็คือ วิชาประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่ ดาวที่ผมให้ ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะให้นิยายเรื่องไหนเลยครับ แต่ที่ผมให้เรื่องนี้เพราะผมรู้ว่า ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ได้ซิงโครกับ SSS ของเซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ เรียบร้อยแล้ว ปล ผมเขียนคำวิจารณ์นี้หกหน้าพอดีเป๊ะ   อ่านน้อยลง

    MrPoseidonSon | 19 ธ.ค. 54

    • 32

    • 0

    ดูทั้งหมด

    คำนิยมล่าสุด

    "Flower Girl รับวิจารณ์นิยาย"

    (แจ้งลบ)

    ชื่อเรื่อง: SSS สงครามวัตถุวิญญาณ นามปากกา: MiYU นักวิจารณ์: อิ๋งอิ๋ง 1.ชื่อเรื่อง (10/10) : 10 เข้ากับเนื้อเรื่องดี อ่านง่าย จำได้ จำแค่ SSS สามตัวก็ได้ เหมาะสำหรับคนขี้ลืมโดยแท้ 2.พล๊อตเรื่อง (20/20) : 20 ได้ถึงขั้นตีพิมพ์แล้วต้องการคำวิจารณ์อีกเหรอ? นั้นก็หมายความว่าสนุกแล้วนี่ โดยส่วนตัวแล้ว เรามักจะอ่านบทความที่ไม่เคยเข ... อ่านเพิ่มเติม

    ชื่อเรื่อง: SSS สงครามวัตถุวิญญาณ นามปากกา: MiYU นักวิจารณ์: อิ๋งอิ๋ง 1.ชื่อเรื่อง (10/10) : 10 เข้ากับเนื้อเรื่องดี อ่านง่าย จำได้ จำแค่ SSS สามตัวก็ได้ เหมาะสำหรับคนขี้ลืมโดยแท้ 2.พล๊อตเรื่อง (20/20) : 20 ได้ถึงขั้นตีพิมพ์แล้วต้องการคำวิจารณ์อีกเหรอ? นั้นก็หมายความว่าสนุกแล้วนี่ โดยส่วนตัวแล้ว เรามักจะอ่านบทความที่ไม่เคยเข้ามาก่อนสัก 1 ตอน นั้นคือบทนำ แต่ถ้าวิจารณ์เรามักจะอ่านสัก 3 ตอนก่อน เข้าเรื่องเถอะ พล๊อตเรื่องอยู่ในขั้นดีมาก ทำให้น่าสนใจ ชวนให้อ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ น่าติดตามตรงเนื้อเรื่องและพล๊อตเรื่อฃ ขนาดเราที่ชอบอ่านแค่ไม่กี่ตอน รู้สึกว่าต้องอ่านตอนต่อไปทันที 3.การบรรยาย/เนื้อเรื่อง/การเกริ่นเรื่อง (30/30) : 30 การบรรยายอยู่ในระดับดี เพราะในบางส่วนไม่เห็นบรรยายสถานที่ เลยคิดไม่ออกว่าสถานที่นั้นเป็นแบบไหน ถึงจะบอกว่าที่นั้นคือสถาที่ในในโลกนี้ อย่างที่นั้นคือเยอนมนีก็เถอะ เราไม่เคยไป เราไม่เคยเห็นเราจะไปรู้ได้ยังไง นอกนั้นถือว่าดีมาก ในส่วนเนื้อเรื่องสนุกมีการเชื่อมต่อกันอย่างดี ในการเกริ่นเรื่องช่างชวนให้อ่าน แต่ในบางส่วนของสมองเรารู้สึกปวดหัวยังไงก็ไม่รู้ คงเพราะมันดูเป็นนิยายความรู้อยู่ด้วย (เกี่ยว?) เนื้อเรื่อง คือสนุก อ่านง่ายลื่นไหล อ่านสบายดำเนินเรื่องได้อย่างสวยงาม ดูแปลกใหม่(สำหรับที่มีความรู้ด้วย เนื่องจากเรามักเห็นแต่แฟนตาซีเวทย์มนต์บ้วนๆ) 4.ตัวละคร (10/10) : 9 ตัวละครแต่ละตัวมีนิสัยที่ชัดเจนของแต่ละคน ดูมีเอกลักษณ์ จำง่าย ได้ว่าใครเป็นใคร แต่สำหรับคนขี้ลืม(แบบเรา) จำไม่ได้ว่าพระเอกชื่ออะไร ในตอน 2-3 ตอนแรกๆยังไม่ค่อยพูดชื่อเท่าไร แต่ยังไงนั้นก็เป็นเรื่องปกติ เวลาที่เราอ่านนิยายบางเรื่องไรท์เตอร์คงจะกลัวว่าเราจะจำชื่อไม่ได้ จึงพูดชื่อบ่อยๆ จนเกินไป ดังนั้น ถือว่าไม่แปลกถ้าไม่ค่อยพูดถึงชื่อ 5.การตกแต่งบทความ (10/10) : 8 บอกตามตรง เราไม่สนหรอกว่าธีมหรือการตกแต่งจะเป็นยังไง มันขึ้นอยู่กับเนื้อหามากกว่า บางทีเราชอบนิยายมือใหม่ที่ไม่รู้จักคำว่าธีมมากกว่าอีก นอกเรื่องอีกแล้ว ธีมดูดีใช้ได้เข้ากับเนื้อหา การตกแต่งหน้าบทความถือว่าดูดี 6.การใช้ภาษา (10/10) : 10 อยู่ในขั้นดีมาก แบบนิยายทั่วไปตามชั้นหนังสือ เรียกได้ว่าเหมือนอ่านนิยายที่ขายตามร้านหนังสือดีๆ แต่เรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์แล้วนี่ คงไม่ต่่างกันหรอก 7.แบนเนอร์ (10/10) : 10 บอกตามตรงอีกรอบ เราไม่สนแบนเนอร์สักเท่าไร แต่ก็ไม่สนลิ้งบทความทั่วไปเหมือนกัน ถ้าดูจากแบนเนอร์แล้ว ถือว่าสวย ดี เหมาะกับเรื่อง คะแนนรวม = 97   อ่านน้อยลง

    mind malody | 9 พ.ค. 56

    • 8

    • 0

    "Fruit Juice :' วิจารณ์บ้าๆ ตามประสาน้ำผลไม้ XD"

    (แจ้งลบ)

    (//ย่องเข้ามาเงียบๆ) ขนม # SSS สงครามวัตถุวิญญาณ สวัสดีค่ะ คุณมิว ^^ ขออ่านสามตอนแรกและตอนจบของภาคหนึ่งกับเนื้อเรื่องทั้งสองภาคละกันนะคะ ถือซะว่าทวนความหลังละกัน ^^ ป.ล. คะแนนที่ให้คือ น้ำขิง นะคะ ทั้งหมด 50 แก้วค่ะ หัวข้อละ 5 แก้ว ชื่อเรื่อง [น้ำขิง 5 แก้ว] จากชื่อ SSS สงครามวัตถุวิญญาณ ถ้าในแง่ของชื่อจริงๆ โดยไม่สนใจเนื้อเรื่องแล้ว ฌามส์ ... อ่านเพิ่มเติม

    (//ย่องเข้ามาเงียบๆ) ขนม # SSS สงครามวัตถุวิญญาณ สวัสดีค่ะ คุณมิว ^^ ขออ่านสามตอนแรกและตอนจบของภาคหนึ่งกับเนื้อเรื่องทั้งสองภาคละกันนะคะ ถือซะว่าทวนความหลังละกัน ^^ ป.ล. คะแนนที่ให้คือ น้ำขิง นะคะ ทั้งหมด 50 แก้วค่ะ หัวข้อละ 5 แก้ว ชื่อเรื่อง [น้ำขิง 5 แก้ว] จากชื่อ SSS สงครามวัตถุวิญญาณ ถ้าในแง่ของชื่อจริงๆ โดยไม่สนใจเนื้อเรื่องแล้ว ฌามส์ว่ามันยังไม่น่าดึงดูดเท่าไรค่ะ ยังไงดีล่ะ ดึงดูดสำหรับฌามส์มันเป็นอะไรที่แปลกแหวแนว(หลุดโลก) เพราะฉะนั้นมันก็ปกตินั่นแหละค่ะ #อะไรกันแน่ แต่ถ้าเอาเนื้อเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง นับเป็นอะไรที่น่าสนใจ ตั้งแต่ SSS คนที่เห็นจะสงสัยว่ามันย่อมาจากอะไร แล้วคำว่า วัตถุวิญญาณล่ะ มันคืออะไร? ทำไมเป็นวัตถุ? แล้วทำไมถึงเกี่ยวข้องกับวิญญาณ โครงเรื่อง [น้ำขิง 5 แก้ว] โครงเรื่องของเรื่องนี้นับว่ามีความแปลกจากนิยายเรื่องอื่นๆ ที่ฌามส์เคยเห็นและเคยอ่าน เริ่มตั้งแต่การมีจิตเชื่อมต่อกับวัตถุมันก็แปลกและแตกต่างแล้วค่ะ แล้วทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่ออนไลน์ ไม่วายเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่กลับสนุกและโดดเด่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ นับว่าสุดยอดจริงๆ ค่ะ อีกจุดหนึ่งคือการที่คุณมิวสามารถ “หักหลัง” คนอ่านได้ตลอดเวลา (//ทำหน้าโหดๆ) จนคนอ่านมีความรู้สึกประมาณว่า อะไรกัน ไม่ใช่อย่างนี้หรอกเหรอ? อ้าว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ซะล่ะ? ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้คนอ่านสนใจเหมือนกัน เพราะต้องคอยลุ้นและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่อยากเตือนว่าน่าจะตามใจคนอ่านอย่างฌามส์ (//ทำหน้าเหมือนลูกแมวน้อย) บ้างนะคะ เช่นปล่อยให้เป็นไปตามคาดบ้างอะไรบ้าง อะไรที่คนอ่านเขาคาดหวังไว้สูงก็ทำให้เขาสมหวังด้วยจะดีนะคะ 555 (ไม่อยากบอกว่าคนอ่านที่ว่านี้คือฌามส์เอง) การใช้ภาษา [น้ำขิง 4.5 แก้ว] การบรรยายลื่นไหล เห็นภาพได้ดีมากค่ะ แต่คิดว่าในฉากต่อสู้...อืม ยังไงดีล่ะ คือเหมือนกับว่าเห็นภาพเกินไป คือประมาณว่าคุณมิวใส่ใจกับการบรรยายรายละเอียดให้เป๊ะ ให้คนอ่านรู้ชัดเจน จนมันเสียความเร็ว หมายถึงความรวดเร็วและจังหวะในการต่อสู้ไปน่ะค่ะ ทำให้ฉากบู๊ค่อนข้างช้าไปนิดหนึ่ง ประมาณนั้น ตัวละคร [น้ำขิง 4.5 แก้ว] จากการที่ฌามส์อ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ที่มีพระเอกเป็นผู้บรรยายมา ทำให้มั่นใจได้เลยว่า 99.99% ที่พระเอกของเรื่องนั้นจะเป็นเคะ จะจืดจาง แล้วมันก็จริง 555 หนูเรแพนเคะมากแต่น่ารักและจืดจางมากค่ะ จนดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มคาซีจะเป็นเมะ และเป็นพระเอกที่ต้องการขย้ำนายเอกเรแพน =w= #ยิ้มแบบสาววาย เน็กเธอร์ก็เท่นะคะ ถึงจะเท่แบบเจ้าชู้ก็เถอะ ส่วนพ่อพระซูอัลก็น่ารักและอบอุ่น โดยนิสัยแล้วน่าจะเป็นเคะมาก แต่เพราะรูปร่างและจิตใจที่เข้มแข็งทำให้เขาเหมาะจะเป็นเมะค่ะ ^^ #เอ๊ะ เดี๋ยวๆ ? #มันใช่เวลามาสรุปว่าใครเคะใครเมะไหมเนี่ย 555 ส่วนหนูเซราห์...ฌามส์ไม่เคยเจอนิยายเรื่องไหนที่ผู้หญิงจะกลัวผู้ชายได้ ‘หนัก’ ขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ 555 ขี้อายแต่ก็น่ารักดีน่าเอ็นดูดี แต่โดยรวม ฌามส์ว่าตัวละครแต่ละตัวยังมี...อะไรดีล่ะ นิสัย? เอกลักษณ์? อะไรทำนองนั้นที่มันยังมีอยู่แค่ด้านเดียวค่ะ เช่นว่า เจ้าชู้, ใจดีและอบอุ่น, กลัวผู้ชายและอ่อนโยน มันน่าจะมีอะไรที่มาค้านกันบ้างนะคะ เพื่อให้ตัวละครมีความสมดุลมากขึ้นค่ะ บทสนทนา [น้ำขิง 5 แก้ว] คิดว่าไม่มีอะไรนะคะในส่วนนี้ สามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์ของตัวละครออกมาได้ดีในบทสนทนาค่ะ การดำเนินเรื่อง [น้ำขิง 4.5 แก้ว] 1. พอได้อ่านเริ่มใหม่อีกครั้ง มันทำให้ฌามส์สงสัยว่า ใครคือคนที่ขโมยอุกกาบาตจากนาซ่า? แล้วเขามีพลังอะไร? เอาอุกกาบาตไปทำอะไร? 555 คิดเล่นๆ ค่ะ ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากบอกว่าเปิดเรื่องได้น่าสนใจมาก :D แล้วก็เหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาว่าพระเอกมีแต่พ่อรึเปล่าคะ? แต่ครั้งนี้รีไรท์ให้มีลุงกับป้า? #หรือจำผิดไปเอง 2. ในบทที่สอง กับสี่บรรทัดบนสุด ฮาอ่ะค่ะ 555 (เหมือนจะจำไม่ค่อยได้ว่าตอนอ่านครั้งที่แล้วมีอันนี้รึเปล่า) แต่อยากบอกว่าดีมากเลยค่ะ ที่ใส่มุกลงไปในเรื่องด้วย เพราะส่วนใหญ่มันจะบู๊เครียดๆ อยู่เรื่อย 3. แอบสงสัยนิดๆ ว่าตัวเอกอาศัยอยู่ที่ประเทศอะไร และตลอดเวลาที่เดินทางข้ามโลกมานี่พูดภาษาอังกฤษตลอดเลยหรือเปล่า? #สงสัยเล่นๆ ค่ะ 4. ลุงกับป้าของเรแพน ทำให้นึกถึงลุงกับป้าของแฮร์รี่ พอตเตอร์เลยค่ะ 555 5. ในตอนที่สาม จำได้ว่าคาซีไม่ให้แกะด้ายของผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ตาและปาก แต่หูคงได้ยินใช่มั้ยคะ? แล้วก็พอทุกคนลงบนหาดทรายแล้ว พวกนั้นก็คงแกะด้ายกันเองสินะคะ =O= //จินตนาการไปเรื่อย 5555 ฌามส์ว่าคุณมิวน่าจะบรรยายในจุดนี้ด้วยนะคะ (แล้วแต่วิจารณญาณค่ะ) 6. (ข้ามไปอ่านบทจบของภาคแรก เพราะครบสามตอนที่บอกไว้แล้ว) ทิ้งท้ายได้น่าสนใจมากค่ะ ทำเอาคนอ่านใจหายเพราะคาซีไปตามๆ กันเลย ฮือๆ 7. พออ่านบทแรกของภาคสอง แล้วอ่านคอมเม้นท์ ทุกคนมีความรู้สึกตกใจกันทั้งนั้นเลยค่ะ 555 คงเพราะคุณมิวหักมุมอีกแล้วมั้ง อยู่ๆ ชายผู้จืดจางและอ่อนปวกเปียกกลับแข็งแกร่งและเท่มาก กับชายที่เคยเป็นคนดีและอยู่ฝั่งตัวเอกกลับกลายเป็นพวกที่ต้องการสังหารตัวเอก(ซึ่งเป็นเพื่อนของตัวเอง)ซะนี่ :O สรุปโดยรวม ทุกอย่างออกมาดี ไม่มีที่ติ แต่ยังมีจุดขัดแย้งที่เล็กน้อยมากๆ อยู่ค่ะ ซึ่งคนขี้สงสัยเท่านั้นถึงจะสังเกตเห็น 555 (ไฮไลท์เป็นตัวอักษรสีเขียวแล้วนะคะ) องค์ประกอบทางตัวอักษร [น้ำขิง 4.5 แก้ว] 1. ขนาดตัวหนังสือใหญ่มากค่ะ อ่านง่ายสบายตาดี 2. คำผิดค่ะ มีน้อยแต่ก็ยังมีอยู่ - ในบทที่ 1 :: พวกมันมองหน้ากันอย่างเลิกลั่กและพยายามดึงขาขึ้นจากพื้น :: รู้สึกว่าจะเป็น เลิ่กลั่ก มากกว่านะคะ - ถ้าประโยคเมื่อกี๊แทนการกระทำได้ :: เมื่อกี้ ค่ะ ถึงความจริงเวลาพูดจะออกเสียงว่า กี๊ ก็ตาม (อ้างอิงจากพจนานุกรมค่ะ) - ฉันพกแซนด์วิชมาด้วย กินด้วยกันมั๊ยจะคาซี ชั้นรู้จักร้านหนึ่งอร่อยมากเลย :: มั้ย, จ๊ะ ฌามส์ว่ามันควรจะใช้ว่า ฉัน มากกว่านะคะ ถึงแม้เราจะออกเสียงว่า ชั้น ก็เถอะ (แล้วแต่จักรยานวิจารณญาณนะคะ) - วันนี้คงเป็นวันซวยของผมจริงๆ นั่นแหล่ะ :: แหละ - จากสีหน้าที่เคยวิปริต กลับยิ่งดูวิปลาตมากยิ่งขึ้น :: วิปลาส - เตี้ยตะแมะแคะแบบนี้น่ะเหรอ :: ตะแหมะแขะ ความจริงสมัยนี้ฌามส์ไม่เคยเจอนักเขียนสมัยใหม่เขาใช้คำนี้กันแล้วนะคะ มาเจอคุณมิวใช้นี่ตกใจไปเลย (นิยายเรื่องเดียวที่ฌามส์เคยเจอและใช้คำนี้คือเรื่อง อุบัติเหตุ ของ กนกเรขา(ทมยันตี) ค่ะ เคยอ่านไหมคะ :D) - ร่างผมแห้งดีดตัวผึงจาเก้าอี้ :: ผอม ป่ะคะ? - บทที่ 3 ช่วงผู้หญิงเย็บผ้า(?) :: มือเงื้อมขึ้นด้านบน :: ฌามส์ว่าน่าจะเป็น เอื้อม มากกว่านะคะ เพราะไม่เคยเห็นกิริยาอาการแบบนี้ที่เรียกว่า เงื้อมเลย เคยเจอแต่เงื้อมมือเท่านั้น (พจนานุกรมบอกว่า เงื้อม น. สิ่งที่สูงยื่นง้ำออกมา เช่น เงื้อมผา.) - สายตาคมปลาบกลับแววโรจน์ขึ้นจนน่ากลัว :: เคยเจอแต่ วาวโรจน์ ค่ะ ความสม่ำเสมอของการอัพงาน [น้ำขิง 5 แก้ว] อยู่ในเกณฑ์กำลังดีค่ะ ไม่เร็ว ไม่ช้าเกินไป และยังมีการรีไรท์ด้วย :D ความสวยงามและการตกแต่ง [น้ำขิง 4.5 แก้ว] อืม...เป็นธีมแบบที่ไม่เหมือนนิยายเรื่องอื่นเลยค่ะ ที่ใช้ธีมแบบนี้คงเพราะอยากให้คนอ่านไม่ปวดตากับสีธีมและตัวอักษรเหมือนธีมแบบที่ใช้สีทั้งหมดใช่มั้ยคะ (เข้าใจไหมเนี่ย?) ในเรื่องของการตกแต่งหน้าแรก คิดว่ามันยาวไปค่ะ คือกว่าจะเลื่อนลงมาเจอตอนต่างๆ นี่ก็ช้าหน่อย ถ้าแบ่งบทความเป็นสองคอลัมน์น่าจะสวยงามและไม่ยาวไปนะคะ ภาพรวม [น้ำขิง 4.5 แก้ว] โครงเรื่องแตกต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ ตัวเอก(ในภาคแรก)ค่อนข้างจืดจาง การใช้ภาษาลื่นไหลดีค่ะ คำผิดมีเล็กน้อย มีจุดขัดแย้งที่เล็กจิ๋วมากๆ ในการดำเนินเรื่องสองสามจุด การอัพกำลังพอดีเลยค่ะ แต่หน้าแรกของบทความ(นิยาย)ค่อนข้างยาวทำให้ช้าเล็กน้อยกว่าจะเลื่อนมาเจอตอนของนิยายนะคะ แว้กกกก =[ ]= (#ตกใจกับคะแนนรวม) ได้สูงมากเลยค่ะ สูงที่สุดเลย ยินดีด้วยค่ะ ฮู้เร่ๆ ^^ รวมน้ำ 47 แก้ว อยู่ในเกณฑ์ดีมาก(ๆๆๆ) (//โบกมือลาด้วยสีหน้าแบบเซราห์)   อ่านน้อยลง

    ฌามส์ | 30 เม.ย. 56

    • 7

    • 0

    ดูทั้งหมด

    ความคิดเห็น