ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silent's words ♥ เกิดอาการ "ปิ๊ง" เมื่อใกล้เธอ

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5 : ก็ผมอาศัยอยู่ในห้องนี้คนเดียวนี่ครับ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.16K
      4
      6 มี.ค. 54

     

    5

     

     

     

              หา!! นายบอกว่าอะไรนะ? อะไรพิเศษ?”

                เปล่าครับ ไม่มีอะไร

               

                นั่นคือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

     

    หลังจากที่คุณพ่อของฉันรู้ว่าฉันไปตกลงกับไซเลนท์ว่าจะหมั้นด้วย เขาก็ดีใจเหมือนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แต่คุณพ่อไม่มีทางรู้หรอกว่ายัยลูกสาวคนนี้ยอมหมั้นกับหมอนั่นเพราะอะไร ฉันอาจจะดูเหมือนคนประสาทที่สามารถเอานิสัยบ้าๆ ไปแลกกับความเป็นความตาย (เหรอ? -_-;) ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต

    ฉันคิดว่ามันไม่ตลกเอาเสียเลยพอมานั่งคิดไตร่ตรองดีๆ หลังจากนั้น ฉันไม่น่าหลุดปากออกไปว่าจะหมั้นกับเขา เพราะนั่นมันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบเท่านั้น มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมันทำให้ฉันลืมตัว T_T และฉันเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่าการหมั้นในครั้งนี้เป็นเพียงพันธะสัญญาที่คุณพ่อให้ไว้กับเสี่ยก่วงก๊วงเรื่องธุรกิจ พวกเราจึงไม่ต้องจัดงานอะไรให้ใหญ่โต เพียงแค่เซ็นรับรองในใบที่เสี่ยกวงเป็นคนจัดทำขึ้นมาเท่านั้น

    แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ

    ฉันต้องไปอยู่บ้านเดียวกับไซเลนท์ในฐานะ ภรรยาที่ดีในอนาคต T^T ฉันเกลียดคำๆ นี้เสียจริง ความจริงแล้วมันไม่จำเป็นสักหน่อยว่าฉันจะต้องไปอาศัยร่วมชายคากับหมอนั่น แต่พอฉันพยายามปฏิเสธออกไปก็จะโดนคุณพ่อเอ็ดกลับมาทุกครั้ง TOT ทำให้ฉันยอมแพ้ราบคาบ

    แต่ช่างปะไร ยังไงฉันก็ไม่ได้รักเขา แล้วอย่าลืมว่าฉันเคยบอกกับตัวเองไว้ว่าถึงพวกเราจะหมั้นกันเรียบร้อยแล้ว ฉันก็จะเฮฮาไปตามเดิม และหลังจากนั้นฉันจะขอตีตัวออกห่างเขาเอง

    ข่าวใหญ่ก็คือวันเปิดเทอมใหม่นี้หมอนั่นจะย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกับฉัน =_=* มันเป็นอะไรที่น่าเกลียดสิ้นดี จะให้ฉันห่างจากมันสักวันนึงไม่ได้เลยเหรอไง กลับบ้านก็ต้องเจอกัน มาโรงเรียนก็ต้องเจอกัน

     

    วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณพ่อเรียกฉันให้เข้าไปพบในห้องทำงาน

    เชียร์รู้ใช่มั้ยว่าลูกต้องออกไปอยู่กับเลน

    ฉันพยักหน้าหงึกหงัก

    งั้นลูกก็เตรียมตัวเก็บของได้เลย เพราะวันนี้ลูกจะต้องออกไปอยู่กับเขาแล้ว

    ฉันได้แต่ยืนอึ้ง หา! อะไรกันอีกล่ะ? ไม่เห็นจะมีใครบอกฉันสักคนเลยว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ที่บ้านหลังนี้

    แต่ในที่สุดฉันก็โดนคุณพ่อตะเพิดออกมานอกห้อง T_T และฉันโดนไล่ต้อนให้ขึ้นไปเก็บของ เมื่อเก็บจนเสร็จแล้วคุณพ่อก็ขึ้นมาตามฉันและบอกว่ามีรถมารับแล้ว

    รถลีมูซีนสีดำคันใหญ่จอดรออยู่หน้าบ้านฉัน =_=; คงจะเป็นรถของเสี่ยก่วงก๊วงอะไรนั่นล่ะสิ เกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกนี่ล่ะนายจ๋า

    ไปดีมาดีนะลูก         

    -_-; คุณพ่อส่งยิ้มให้ฉัน ไม่นานนักคุณแม่กับไอ้ชาร์ปน้องชายตัวแสบก็ออกมาส่งฉัน (หรือขับไล่ไสส่งกันแน่เนี่ย T^T)

    อย่าลืมโทรมาหาแม่บ่อยๆ ด้วยนะเชียร์

    ไอ้พี่บ๊อง! ไปดีมาดีนะพี่ อย่าตื่นสาย อย่ากินจนอ้วนล่ะ!” น้องชายของฉันตะโกนขึ้นจนแม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทนไม่ได้เลยเอามือตบหัวเขาไปหนึ่งที สะใจริงๆ -.,-^

    โอ๊ย! แม่ทำอะไรผมเนี่ย เจ็บนะ!”

    หยุดพูดจาแบบนั้นใส่พี่เค้าได้แล้ว

    ฉันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ไอ้ชาร์ปแล้วถือกระเป๋าเดินทางไปหน้าบ้าน คนขับรถรีบลุกออกมาช่วยฉันถือสัมภาระทั้งหมด เขาใส่มันไว้ในกระโปรงหลังรถ

    นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่พร้อมตาพร้อมตากับคุณพ่อคุณแม่และไอ้น้องชายตัวแสบ

    พร้อมรึยังครับคนขับรถถามฉัน

    ขอเวลาเดี๋ยวนะคะ

    ฉันยืนโบกมือลาครอบครัวและเดินขึ้นรถไป ภาพที่เห็นครั้งสุดท้ายก็คือฉันโดนไอ้น้องชายตัวแสบชูนิ้วกลางใส่ แต่ก็โดนคุณแม่เขกหัวไปอีกสองสามที -_-;^

    นั่งให้สบายนะครับ คงอีกนานกว่าจะถึงที่พัก

    ค่ะ ขอบคุณมาก

                นี่ฉันจะต้องไปอยู่กับหมอนั่นแล้วเหรอเนี่ย! ไม่มีทางเป็นอันขาด!

                นั่นคือความคิดสุดท้ายที่ฉันนึกขึ้นได้ก่อนจะง่วงและผล็อยหลับไป

     

              คุณหนูครับๆ ตื่นได้แล้วครับ ถึงที่พักแล้ว

              ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของคนขับรถร้องเรียกและเดินออกมาจากรถด้วยความงัวเงีย ง่วงก็ง่วง หัวก็ยุ่ง ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว -_-;

                ผมเอาของลงมาให้แล้วนะครับ

                คนรับรถพูดขึ้นอีกรอบ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันใส่ใจฟังเขาเลยสักนิดเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี่ต่างหากที่ทำให้ฉันตกใจและดึงดูดความสนใจเอามากๆ

                นี่มันอะไรกัน! มันไม่ใช่บ้านของหมอนั่นอย่างแน่นอน มันคือมันคือคอนโดมีเนียม!

                ตึกสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าฉันเฉลี่ยแล้วคงจะมีประมาณสี่สิบชั้น ตัวตึกเป็นสีขาว มีห้องรับรองอยู่ด้านล่างพร้อมพนักงานที่เคาน์เตอร์

                ช่วยบอกฉันทีว่านี่มันคืออะไร =_=^

                ลุงคะ ที่นี่ใช่สถานที่ๆ หนูต้องมาจริงๆเหรอคะ ฉันหันไปถามคนขับรถที่ยืนอยู่ข้างๆ

                ใช่ครับ คุณท่านสั่งให้ผมพาคุณหนูมาที่นี่

                -_-^ อย่าบอกว่าบ้านของหมอนี่เป็นคอนโดมีเนียมหรูหราใจกลางเมือง

                แล้วหนูต้องขึ้นไปถึงชั้นไหนล่ะคะเนี่ย

                คุณลุงคนขับรีบหยิบแผ่นกระดาษยับๆ ใบหนึ่งที่ยื่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขาคลี่ออกมา ในนั้นมีตัวอักษรเขียนไว้มากมาย

                คุณหนูต้องขึ้นไปชั้นสิบแปดครับ ห้องสามสี่หนึ่ง

                โอ้นี่ฉันต้องลากสังขารขึ้นไปถึงชั้นสิบแปดเลยเหรอเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องขึ้นไปถึงชั้นที่สามสิบ -_-;

                ฉันบอกลาคุณลุงคนขับรถและเดินลากกระเป๋าเดินทางใบโตเข้าไปในตัวอาคาร ยัยพนักงานต้อนรับรีบเข้ามาขวางทางทันทีเมื่อหล่อนเห็นว่าฉันมีท่าทีจะเดินขึ้นลิฟต์ไปโดยไม่บอกกล่าว =_=^

                ขอประทานโทษค่ะ ไม่ทราบว่ามาพบใครคะ

                -_-; ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอใช่มั้ย

                ย้ายมาอยู่ที่นี่วันแรก

                ไม่ทราบว่าย้ายมาอยู่ห้องไหนคะ

                ห้องที่ว่าที่สามีในอนาคตของฉันอาศัยอยู่

                คำตอบของฉันทำเอายัยพนักงานต้อนรับหน้าเหวอไปเลยทีเดียว ก็ยัยนี่อยากเรื่องมากซักถามคนอย่างฉันก่อนเองนี่นา

                ฉันเดินไปกดลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิดออกก็รีบยกกระเป๋าที่มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่ายี่สิบกิโลเข้าไปด้วยความยากลำบาก ฉันไล่สายตาไปตามปุ่มกดเลือกชั้นและกดลงบนเลขสิบแปด แล้วทำไมสาวน้อยผู้น่ารักและแสนร่าเริงอย่างฉันต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในสถานการณ์อันโหลยโท่ยแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ =_= แต่ฉันจะโทษคนอื่นไม่ได้หรอกเพราะว่าตัวเองเป็นคนหลุดปากไปว่าจะหมั้นกับหมอนี่ T^T

                ติ๊ง!

                เสียงลิฟต์ดังขึ้น ฉันรีบกดปุ่มเปิดและใช้ขาถีบกระเป๋าเดินทางอันแสนหนักอึ้งให้ออกไปนอกลิฟต์ มันดูเหมือนว่าเป็นการกระทำที่อุบาทว์สิ้นดี แต่ฉันจำเป็นต้องทำมันจริงๆ นะ T_T

                ห้องสามสี่หนึ่งสามสี่หนึ่ง

                ฉันเดินลากกระเป๋าเดินทางไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดงเลือดนก จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าห้องพักที่สามสี่หนึ่ง

                ครืด

                กระเป๋าเดินทางใบเท่าช้างแมมมอธถูกลากลงไปกับพื้น ฉันหยุดยืนหน้าห้องและเริ่มกดกริ่งด้านนอก

                กริ๊งงงง

                ไม่มีคนออกมาเปิดให้ฉันสักคนเดียว =_=^

                กริ๊งงงงงงงงงง

                ฉันเริ่มกดนานขึ้น

                กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

                ไม่มีคนออกมาเปิดให้ฉันอยู่ดี

                หน็อย…! ไอ้ครอบครัวนี้มันอะไรกันนักกันหนา มีกันอยู่กี่คนจะออกมาเปิดให้ฉันหน่อยไม่ได้เลยรึไง!

                กริ๊งกริ๊งกริ๊ง…~~~~

                ฉันรู้สึกรำคาญจึงเริ่มกดกริ่งเป็นเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ไอ้คนข้างในห้องน่ะ ไม่ออกมาเปิดก็ให้มันรู้ไป!

                ก็ยังไม่มีคนออกมาเปิดให้ฉันอยู่ดี! ฉันจะนับหนึ่งถึงสามแล้วกัน ถ้าไม่มีคนออกมาเปิดให้ฉันอีก ฉันจะถล่มประตูเข้าไป!

                ฉันยกขาขวาขึ้น ตั้งท่าถีบประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับนับเป็นจังหวะในใจ

                หนึ่ง

                สอง

                สาม

                ย้ากกกกกกกกกกกกกกก…!!!!! ระวังไว้ให้ดี! หญิงเหล็กมาแล้วววว…!!”

                แกร๊ก! แอ๊ดดด

                กรี๊ดดดดดดดดด…!!!!!”

                เฮ้ย…!!!”

                โครมมมมมมม!

                พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! นี่มันอะไรกันเนี่ย เจ็บชะมัด T^T

                ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด และรู้ตัวว่าตัวเองล้มลงไปกองกับพื้น แต่ทำไมมันไม่รู้สึกเจ็บล่ะเนี่ย -_-;

                ช่วยลุกออกไปทีครับ

                เสียงอะไร -_-

                ช่วยลุกออกไปจากตัวผมทีครับ

                ฉันค่อยๆ มองเหล่ลงไปข้างล่าง และต้องพบว่าฉันกำลังทับอยู่บนตัวหมอนั่น!!

                “*&%!@&!$@%^$!%*(“

                “…”

                และเขาใส่แค่ผ้าเตี่ยวผืนเดียว O.,O! (ความคิดแกอุบาทว์จริงๆ ความจริงมันเป็นผ้าเช็ดตัว)

                ไม่สิ! ในเวลานี้ผู้หญิงอย่างฉันควรจะกรี๊ดด้วยความตกใจและเสียสายตามากกว่าที่จะมานั่งชื่นชมลายของผ้าเตี่ยว =[]=^

                ทำไมนายถึงไม่ใส่เสื้อผ้า! แล้วทำไมถึงใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวล่ะเนี่ย!”

                เขาจ้องมายังใบหน้าของฉัน

                ก่อนอื่นช่วยลุกออกไปจากตัวผมก่อนดีกว่านะ

                =_=^ ลืมไปเสียสนิท

                ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือไปจับที่ถือกระเป๋าเดินทางไว้

                ทำไมนายถึงไม่ใส่เสื้อผ้า แล้วทำไมถึงออกมาเปิดประตูให้ฉันช้าขนาดนี้ ทั้งบ้านมีตั้งกี่คน ไม่ออกมาเปิดให้ฉันสักคนนึงล่ะฉันพูดพล่ามออกไปอย่างรวดเร็ว

                เขายืนเกาหัวแกรกๆ แล้วมองฉันที่ยืนอยู่นอกห้องพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต

                อ้าว? ก็ผมอาศัยอยู่ในห้องนี้คนเดียวนี่ครับ

     

     

    ___________________________________________

     

     

    อิอิ จบไปอีกตอนนึงแล้ว

     

     

     

    Loma_ p

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×