Lumiel S. Waneriar
ดู Blog ทั้งหมด

เห็นแก่ที่เคยคิดว่า พูดรู้เรื่อง

เขียนโดย Lumiel S. Waneriar
  ค่ะๆ  พี่จัดเต็มมาเลย   ที่พี่บอกว่าไปพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้วล่ะ   ตอบอย่างเดียวเลยค่ะว่า   นี่ครั้งแรก

แล้วที่พี่ว่าว่าหนูปัญญาอ่อน  ยอมรับค่ะว่าหนูปัญญาอ่อนแค่ในนี้   แล้วก็ตามตื้อด้วย   แต่ในชีวิตจริงหนูมีเพื่อนที่จริงใจน้อย    แล้วก็นิสัยไม่ดีเยอะ   หนูถึงไม่อยากเสียเพื่อนในนี้มากนัก   แล้วชีวิตจริงหนูก็ไม่ค่อยมีคนชอบมากนัก  เพราะหนูด่าเก่ง   จะว่าที่สุดในร.ร.เลยก็ได้    หนูเป็นประธานนี่จะมาหน่อมแน๊มได้ไง    หนูถึงได้มาทำตัวอินโนเซ็นท์ในนี้ไงคะ   มันเก็บกดมากนะที่ต้องทำตัวให้เข้มแข็งเป็นผู้นำคนอื่นตลอดเวลาน่ะ

อืมน่าเสียดายที่มาเห็นข้อความนี้ช้าไป

 

แน่ใจเหรอว่าแค่ปัญญาอ่อนในนี้หืม?

แม่หนูปัญญาแข็ง แข็งจนทึบ ไม่ยอมรับรู้ว่าตัวเองกระทำอะไรลงไป

ที่ชีวิตจริงหนูมีเพื่อนที่จริงใจน้อย

เพราะว่าหนูไม่มีความจริงใจกับคนอื่นเขาก่อนน่ะสิครับ

น้องพูดแบบนี้เหมือนน้องจะพูดบอกเป็นนัยๆว่า

ทุกคนที่อยู่รอบตัวน้องเขาเป็นคนไม่ดีกันหมด

แล้วน้องเป็นคนที่นิสัยดีคนเดียวในโลกนี้

น้องครับ..

น้องพูดแบนี้น้องถึงได้ไม่มีใครจริงใจกับน้องในชีวิตจริงไงล่ะครับ?

แล้วพี่ขอโทษนะ

น้องไม่อยากเสียเพื่อนในนี้ แล้วที่น้องมาทำตัวแบบนี้

เขาเรียกว่าอะไรหรือครับ?

คนเป็นเพื่อนกันเขาจะมีความจริงใจให้แก่กัน

ไม่มาแก้ตัวเอาว่า ที่ทำไปเนี่ยแค่เล่นๆหรอกนะครับ

แล้วจะบอกให้นะ

คำด่าน่ะคนด่าเก่งน่ะเพื่อนเยอะก็มีเยอะแยะถมไป

แต่ขึ้นอยู่กับว่า เนื้อหาสาระในคำด่าน่ะ มันเป็นยังไง

ถ้ามันด่าแล้วช่วยเตือนสติคนไม่ใช่สักแต่ด่าพร่ำเพรื่อล่ะก็..

มันก็เพื่อนเยอะทั้งนั้นล่ะครับ

น้องครับ พี่รู้สึกเสียดายตำแหน่งประธานของน้องมากๆเลยจริงๆ

ที่พี่กล้าพูดแบบนี้เพราะพี่ก็เคยเป็นประธาน และ เป็นเพื่อนกับคนที่เป็นประธาน

พี่ถึงรู้ความรู้สึกของทุกหน้าที่

น้องครับ ประธานน่ะเป็นที่พึ่งของทุกคนนะครับ ประธานต้องรู้จักยืดหยุ่น ว่าตอนไหนยอมหัก

ตอนไหนที่ยอมงอ รู้จักอ่านสถานการณ์ถ้าประธานที่เคร่งเกินไป ก็ไม่มีใครชอบหรอก

แถมเขาจะไม่อยากได้อีกด้วยซ้ำ ประธานที่ใจดีน่ะ มันก็ดี แต่ว่านานๆไปมันจะเสีย

เพราะฉะ นั้น ประธานต้องรูจักที่จะเป็นคนดี และ คนเลว ในสถานการณ์ที่ต่างกัน

เพราะประธานน่ะต้องรับภาระความหวังจกาคนอื่นๆ

แล้วที่น้องมาทำตัวอินโนเซ้นท์แบบนี้น่ะ..มันไม่ผิดหรอก

แต่ที่น้องทำมันยิ่งกว่าอินโนเซ้นท์อีก มันคือความไม่รู้ การไร้ความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง

คำว่าอินโนเซ้นท์น่ะ ความหมายมันคือ ใสซื่อ บริสุทธิ์

แต่น้องน่ะ..เจตนาของน้องคือแค่เล่นๆ ไม่ได้สนใจความรู้สึกใครเลย

แล้วน้องครับ

พี่ก็เก็บกดเหมือนน้องนั่นล่ะครับแต่ทำไมพี่ถึงไม่ทำแบบน้อง..เพราะพี่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์เลย

แน่ใจเหรอครับ ว่าน้องเข้มแข็ง..คนเข้มแข็งเขาไม่ทำตัวแบบน้องหรอก

เขาทำอะไรแล้วเขากล้ารับ กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะรับรู้ผลของมัน

แต่ที่น้องทำมันคือการกระทำของคนขี้ขลาดที่แสร้งทำเป็นเก่ง

การกระทำของน้องมันคือการหนีปัญหา

พี่ไม่ปฏิเสธว่าตัวเองก็ขี้ขลาดเหมือนกัน..พี่ไม่เคยยอมรับกับใครว่าพี่เข้มแข็ง

เพราะมันเหมือนกับเป็นการผูกมัดตัวเอง

ผู้นำน่ะไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งเสมอไปหรอกนะ

แล้วไม่อย่างนั้นมันจะมีลูกน้องไปทำไม

ลูกน้องคือผู้ที่แบ่งเบาภาระผู้นำ….

ยิ่งน้องทำเป็นเหมือนว่าโลกเป็นของฉันคนเดียว..

มันไม่มีใครหรอกนะครับ..ที่จะเข้าใจว่าน้องทำอะไร

ทำไมน้องไม่บอกเขาไปล่ะ

ว่าเหนื่อยแล้ว ช่วยหน่อยได้มั้ย?

ยังไงๆเขาก็ต้องช่วยนั่นล่ะ ถ้าเขาไม่ช่วยมันก็ถือว่าเขาผิด

เพราะเราขอร้องเขาแล้ว แต่ถ้าน้องยังทำตัวแบบนี้ไม่บอกใครเขา

แล้วมาทำตัวแบบนี้ที่นี่

น้องก็จะเป็นคนผิดอยู่ดีแหละครับ..

ในมุมมองของรองประธาน ขาอยากช่วยประธานใจจะขาดนะครับ

แต่ถ้าประธานไม่สั่ง ไม่บอก ไม่ขอร้อง

แล้วเกิดเขาตัดสินใจทำเอง แล้วมันผิดพลาดมา คนที่ผิดก็คือเขา

ทำไมเขาถึงเรียกคณะกรรมการนักเรียนล่ะ

เพราะ มันคือการบริหารงานเป็นหมู่คณะ ใช่ว่าจะทำด้วยคนเดียวได้ที่ไหน

ประธานคือผู้ตัดสินใจและทำงานที่คนอื่นทำไม่ได้

รองประธานคือผู้ที่คอยแบ่งเบาภาระประธานกรณีประธานไม่ไหวแล้วจริงๆ

เลขานุการ คือผู้ที่คอยช่วยเช็กความเรียบร้อยของงานต่างๆ

กรรมการ คือผู้ที่คอยช่วยงานขอทุกฝ่าย ทำหน้าที่จิปาถะ

มันขาดใครไม่ได้หรอกนะครับ

ทุกตำแหน่งสำคัญหมด….

แล้วที่โอ ได้เป็นประธานเพราะทุกคนเขาเชื่อใจว่าโอ ทำได้

แต่ไม่ใช่ให้ฝืนทำ ทำแบบนั้นมันยิ่งจะเป็นการทรยศต่อความไว้ใจของทุกคน

มันทำให้เขายิ่งรู้สึกติดลบกับน้องมากขึ้น

แล้วยิ่งน้องมาทำตัวเล่นๆแบบนี้ที่นี่อีก

น้องคิดว่าที่นี่ไม่มีความจริงใจให้กันเลยเหรอ

ถึงมาทำตัวแบบนี้แล้วพอเรื่องมันแย่ขึ้น ก็มาบอกว่า เล่นๆเอง

น้องครับ

ทุกคนเขาจริงจังกันหมดนั่นล่ะ..เพราะเขาก็ผิดหวังจากชีวิตจริงมาเหมือนกัน

แล้วยิ่งน้องมาทำแบบนี้มันเหมือนกับเป็นการประกาศนัยๆอีกว่า

โลกต้องหมุนรอบฉันคนเดียว

ต้องทำตามที่ฉันสั่ง ฉันไม่แคร์อะไรมาก เพราะฉันแค่เล่นๆ

ฉันเครียดกับชีวิตจริงมาแล้ว ฉันจะเล่นๆก็พอ

น้องลองเอาเวลาไปนั่งนึกๆดูนะครับ

ว่าการกระทำตลอดที่ผ่านมาของน้องน่ะ

มันใช้ได้แล้วหรือ

มันเหมาะสมกับคนที่เป็นประธานนักเรียน

สอบได้ที่ 1ตลอดแล้วหรือ?

น้องคงไม่อยากโดดเดี่ยวตลอดหรอกนะ

ถ้าน้องทำตัวแบบนี้อีก ต่อไปภายภาคหน้า น้องอาจเจอเพื่อนของน้องที่อื่นอีก

เอาง่ายๆ เกิดไปเรียนต่อ แล้วเจอกัน

เขาก็จะบอกกับคนอื่นว่า

เนี่ย ยัยคนนี้น่ะตอนที่เราเรียนด้วยสมัยก่อนน่ะ นิสัยแย่มาก อย่าไปคบล่ะ

หรือถ้ามันแรงกว่านั้น เกิดไปทำงานที่เดียวกัน

แล้วเขาเป็นหัวหน้าของโอ คิดเหรอว่าชีวิตมันจะง่าย

โลกมันกลมนะ

กลมกว่าที่เราคิดเยอะ

ไม่แน่ชีวิตจริงน้องอาจจะเจอพี่โดยบังเอิญ แล้วน้องอาจจะซวยก็ได้ เพราะตอนนั้นเราก็โตๆกันแล้ว

พี่ก็คงไม่มานั่งเตือนน้อง สอนน้องหรอกนะ

หรืออาจไปเจอกับคนอื่นที่หนักกว่าพี่

ตอนนี้น้องอาจจะแค่สนุก เล่นๆ เพราะความที่น้องเป็นเด็ก มันก็เหมือนเป็นเกราะป้องกันน้องไปในตัว

แต่ถ้าน้องโตแล้ว

มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ

พี่จะให้น้องเอาไปคิดดีๆ

เพราะพี่อารมณ์เย็นแล้ว พี่ถึงได้ตาสว่างว่าไม่ควรเอามาตรการแบบนั้นมาพูดกับน้อง

เพราะมันจะยิ่งแย่กว่าเดิม

เข้าใจนะครับ?

แล้วก็ที่อยากฝากอีกเรื่องคือ

เรื่องภาษาของน้อง

เราคนไทยนะครับ….

ภาษาช่วยอย่าวิบัติเลย มันทำคนที่มาเห็นสียความรู้สึก

ยิ่งมาเห็นโปรไฟล์ของน้อง ที่บอกว่าได้ที่ 1ตลอด

เขาจะยิ่งคิดว่า ที่ 1ของน้องมันไม่สมราคาคุยเลย

น้องควรจะทำตัวให้สมกับดีกรีที่ 1สิครับ

มันถึงจะภาคภูมิใจ

แต่ถ้าน้องคิดว่ามันไม่สำคัญ พี่ก็จนปัญญาจะพูดอะไรแล้ว เพราะมันตัวน้องเอง

แล้วพี่ก็ไม่ได้เห็นแก่น้องเหมือนเมือ่ก่อนแล้ว

ยอมรับว่าความรู้สึกพี่ติดลบกับน้องจนกู้กลับมาไม่ติดแล้วล่ะครับ

ที่พี่มาพิมพ์บอกแบบนี้คือ เห็นแก่ที่พี่เคยคิดว่า น้องรู้เรื่อง

คุยกันได้..รับฟังได้

ก็เท่านั้นล่ะครับ

 

 

ความคิดเห็น

sakunojang
sakunojang 7 ส.ค. 54 / 13:48
 แต่ผมเห็นโซนทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็มีแต่คนเกลียดโอโซนอยู่ดีนะครับ   โดยเฉพาะผู้หญิงน่ะ  แล้วมีอยู่ช่วงนึงที่ยัยโซนเหงามากถึงขนาดมาเตะบอลกับพวกผมเลยนะครับ