[บทนำ]Group CG & Paint

ไม่มีเวลา(มันก็แค่ข้ออ้างหล่ะมั้ง)

     ก็เลยพยามลบล้างข้ออ้างหันมาใส่ใจความสุขเล็กๆน้อยๆ ในชีวิตบ้างจะดีกว่าหน่ะครับก็เลย ว่าจะหัดทำหนังสือการ์ตูนหรืองาน กราฟิก อนิเมชั่น หรือ อื่นๆ ในอนาคต ซึ่งก็ต้องพยามแบ่งเวลาให้บ้างหล่ะมั้งครับแต่เอาหน่า ก็ใจมันรักไปแล้วนี่ครับ เดิมทีแรกเริ่มเลย คุณรู้มั๊ยครับว่าการ์ตูนกำเนิดครั้งแรกที่ไหน เราก็ต้องมารู้ประวัติคร่าวๆ กันก่อนเนอะ ว่าป่ะ

     ผมก็เลยต้องถามน้องกุ๊ก(เกิ้ล) ไปว่า เดิมทีแล้วการ์ตูนมันเกิดที่ไหน ผลจากการทะลึ่งถามก็คือ

 นาย goomake "การ์ตูนมันเกิดขึ้นที่ไหนเหรอ"

น้องกุ๊ก(เกิ้ล) "การ์ตูนไม่ได้เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นแต่เป็นแถวยุโรปยุคเรอเนสซองค์"

นาย goomake "งานเข้าเลยแหะต้องไปหายุคนั่นอีก"

ผลสุดท้ายได้ข้อสรุปคือ เป็นการวาดสีน้ำมันที่ชื่อว่า เฟรสโก้ ครับ
แล้วยุคนั้นเรียกง่ายๆ ว่าเป็นยุคที่เฟื่องฟูมากๆ ในเรื่องของงานศิลป์ครับ
ส่วนคำว่า cartoon ก็มาจากคำในภาษาอิตาเลียน catone "กระดาษผืนใหญ่"

     จากนั้นการ์ตูนก็ได้มาพัฒนามาเป็น รูปแบบการ์ตูนช่องเอย จนเดี๋ยวนี้ก็เรียกว่า งาน คอมมิก ไปซะแล้วส่วนการ์ตูนสมัยนั้นที่บูมในยุคสงครามโลก ก็จะเป็น พวก ยอดมนุษย์ฮีโร่ หล่ะครับ แหมม แก่ๆ ทั้งนั้น แปดสิบปีแล้วหล่ะมั้งเนิ๊ยะ

นาย goomake "แล้วการ์ตูนเรื่องแรกที่ตีพิมพ์หล่ะ"

น้องกุ๊ก(เกิ้ล) "พิมพ์ครั้งแรกที่อังกฤษโดย John leech 1843"

เป็นการ์ตูนที่เขียนล้อเลียนการเมืองหล่ะครับ

ส่วนนิตยสารการ์ตูนเล่มแรกก็ชื่อว่า



ally Sloper's Half Holiday พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 1884


นาย goomake "แล้วการ์ตูนความเป็นมาของการ์ตูนญี่ปุ่นหล่ะ"

น้องกุ๊ก(เกิ้ล) "การ์ตูนญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากยุโรป"

นาย goomake "???"

น้องกุ๊ก(เกิ้ล) "จากนั้นญี่ปุ่นก็ผสมผสานจนกลายเป็น มังงะ manga"


manga(มังงะ) จริงๆแล้วถ้าตามหลักฐานจริงๆนะครับ มังงะเนิ๊ยะก็เหมือนภาพตลกโบราณ
ของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "ภาพกิกกะ" หล่ะครับ


นาย goomake "แล้วการ์ตูนเข้ามาในเมืองไทยเมื่องไหร่"

น้องกุ๊ก(เกิ้ล) "ปี พ.ศ. 2519"

ถ้าถามน้อง วิกิ จะได้คำตอบอีกอย่างนึงนะครับตั้งแต่ 2520-2525 แต่ไม่ได้เป็นการ์ตูน
ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์

     เอาหล่ะครับก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นกันไปก่อนเอาหล่ะเราลองมารู้จัก กับพื้นฐานเรื่องงานการ์ตูนกันเลยดีกว่านะครับ

 

การจะวาดรูปมาหนึ่งรูปได้นั้นเราจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ใช่หรือเปล่าครับ บางคนก็ต้องวาดใน

กระดาษแล้วเอาไปสแกนถึงจะตกแต่งหรือบางคนก็วาดกับคอมไปเลย ก็เลยอยากจะแนะนำเรื่องอุปกรณ์เนอะหวังว่าคงไม่น่าเบื่อไปมั้งเนิ๊ยะ

1.กระดาษ
  
กระดาษถ่ายเอกสาร 80 แกรม เหมาะสำหรับ วาดแล้วแสกนลงคอมตัดเส้น
         ข้อดี ผิวเรียบราคาถูกเหมาะกับงานจำนวนมากๆ
         ข้อเสีย ลบมากไม่ได้เนื้อกระดาษบาง ยุ่ย
  
กระดาษอาร์ตด้าน เหมาะสำหรับการตัดเส้นด้วยปากกา จีเพนท์ (จะได้เส้นที่คม)
         ข้อดี ผิวลื่นเรียบตัดเส้นด้วยจีเพนท์คมมาก แต่ทำให้ร่างด้วยดินสอ ติดยาก
         ข้อเสีย หมีกแห้งยาก เลอะง่าย

กระดาษอาร์ตมัน ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดวาด
         ข้อดี ตัดเส้นได้คมมากสวย
         ข้อเสีย ราคาแพงเลอะง่าย

กระดาษสำหรับเขียนการ์ตูนโดยเฉพาะ
         ข้อดี มีความหนาของกระดาษความลื่นและการดูดซึมหมึกเหมาะกับงานเขียนการ์ตูนมาก
         ข้อเสีย ราคาแพงและหาซื้อในไทยยากพอควร

กระดาษ 100 ปอนด์
         ข้อดี มีให้เลือกหลายเกรด
         ข้อเสีย เกรดราคาสูงไม่เหมาะกับเงินในกระเป๋านักเขียน อ่อไม่เหมาะกับงานการ์ตูนด้วย

***แทรกคำศัพท์***
     ตัดเส้น-การใช้หมึกดำวาดทับเส้นดินสอที่ร่างไว้เพื่อให้ภาพคมชัดขึ้น
     เส้นแตก-หมึกซึมลงเนื้อกระดาษทำให้เส้นแตกไม่มีความคมของเส้น
     ถมดำ-ระบายหมึกสีดำในพื้นที่ที่ต้องการให้เป็นสีดำ
     แต่งขาว-ใช้น้ำยาลบคำผิดหรือสีโปสเตอร์เพื่อตกแต่งเป็นสีขาวในต้นฉบับ
     ต้นฉบับ-ผลงานที่พร้อมส่งไปตีพิมพ์
     ตัดตก-ตัดส่วนที่ตกขอบนอกกระดาษ ใช้กับงาน คอมมิก มากกว่า พวกวาดภาพประกอบ
(เจอบ่อย คำนี้ ตัด ตก)

2.ปากกา

ปากกาที่มีหมึกในตัว
         ก็พวก ซากุระ ปิ๊กม่า ปากกาเขียนแบบ เห็นว่าตอนนี้มีแบบ จีเพนมีหมึกในตัวแล้วนะครับน่าจะของ School G pen Tachikawa แท่งร้อยกว่าบาท หมึกรีฟิลอีก ประมาณเจ็ดสิบ อืมเนอะสะดวกดีแหะ

ปากกาจีเพนจุ่มหมึก
         จีเพน หรือ ปากกาคอหัวแร้งสำหรับ คัดไทย เปลี่ยนหัวได้หน่ะครับถ้าไปซื้อแล้วหัวมันแปลกๆ จะใช้กับงานการ์ตูนหรือเปล่าก็ให้ดู ยี่ห้อนี้ หน่ะครับ พวก ซีบร้า นิโก้ ถ้ายังงงๆ มึนๆ อยู่ก็ให้ดู มันจะมีตัวพิมพ์นูนว่า "G"

***แชร์จากประสบการณ์การใช้ปากกา***
โดยความคิดผมแล้วถ้าจะให้มือใหม่หัดวาดลองตัดเส้นใจจริงอยากให้ลอง จีเพนแบบจุ่มหมึกนะครับเพราะจะได้ ควบคุมน้ำหนักมือได้ จะได้ไม่ประสบปัญหากับการคุมน้ำหนักมือไม่ได้หน่ะครับแรกๆ ก็ยอมรับ การใช้จีเพนแบบจุ่มหมึกนั้น อาจจะยากไปซักหน่อย แต่ถ้าเทียบกับการที่เราควบคุมน้ำหนักเส้นได้ โดยไม่ต้องไปซื้อปากกา ปิ๊กม่า หลายเบอร์ผมว่าคุ้มนะ เพราะ ปิ๊กม่าเนิ๊ยะ ใช้ๆ ไปหลายเบอร์ แถม ใช้บ่อยหัวพังอีก แล้วถ้าไป เจอะ ปากกาที่ร้านขายเครื่องเขียนเก็บไว้นานๆ เนิ๊ยะ หมึกหมดซะงั้น ใช่ป่าวครับ ไว้จะพิมพ์เรื่องดูแลรักษาปากกาจีเพน คราวหลังแล้วกันนะครับ

3.หมึกดำ (หมึกกันน้ำ ไม่กันน้ำ)

หมึกจีน
    หมึกไม่กันน้ำราคาถูก เลอะง่ายเหงื่อออกละก็เหอะๆ

หมึกอินเดีย
    หมึก ราคาถูกถ้าเก็บไว้นานหมึกไม่กันน้ำซะงั้นแห้งไวมากต้องทำความสะอาดหัวปากกาบ่อย

หมึกวาดการ์ตูน
     หมึกเหมาะกับงานก็จริงนะครับแต่เสียตรงราคาไม่ค่อยจะน่ารักซักเท่าไหร่เลยหมึกกันน้ำได้ระดับหนึ่งเท่านั้น

หมึกเขียนพู่กันญี่ปุ่น
     หมึกไม่กันน้ำเวลาตัดเส้นไปแล้วเรากลับมาลบเส้นร่าง ทำให้หมึกจางไปด้วย

ข้อดีของหมึกกันน้ำคือ สำหรับคนที่มีเหงื่อออกที่มือมากๆ มันจะทำให้ต้นฉบับไม่เลอะครับ ส่วนหมึกไม่กันน้ำก็คือ ตอนตัดเส้นมันจะลื่นกว่าแต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังไปด้วยแหะ ได้อย่างก็เสียอย่าง

พู่กันที่เหมาะกับงานให้ใช้หัวกลมนะครับ เอาไว้ถมดำ แล้ว แต่งขาว สองหัวนะครับเพราะหมึกดำมันจะซึมไป สีอื่นได้ง่ายใช้เสร็จควรทำความสะอาดเลยห้ามเอาแช่น้ำไม่งั้น ขนงอ ครับ

ดินสอ (ไม่จำเป็นต้องเป็นดินสอสีดำเสมอไปนะครับ จะใช้สีฟ้าก็ได้นะครับในการร่าง) ไม่ควรเหลาให้แหลมเพราะ มันจิกเนื้อกระดาษครับ ถ้าจะทดสอบความเข้มดินสอก็ลองร่างแล้วแสกนดูครับถ้าแสกนมีความเข้มมากเกินไปก็ให้เปลี่ยนให้เบอร์อ่อนลงครับ

ยางลบควรใช้ยางลบเนื้อนิ่มๆ ไม่ทำร้ายกระดาษครับ

ไม้บรรทัด(ยกขอบ) ลองไปถามหาร้านเครื่องเขียนนะครับไมบรรทัดยกขอบเนิ๊ยะ เวลาเราตัดเส้นมันจะไม่ทำให้หมึกมันเลอะหน่ะครับสะดวกดี

สีโปสเตอร์ขาว น้ำยาลบคำผิด
สีโปสเตอร์นั้น แห้งช้าเหมาะสำหรับระบายพื้นที่กว้างๆ
น้ำยาลบคำผิด แห้งเร็วเหมาะสำหรับจุดเล็ก แต่ควรเขย่าขวดให้ดีๆหล่ะครับ แล้วเวลาลบอย่าทาหนาไม่งั้นเป็นรอยนูนหลังเต่า ตัดเส้นยาก

ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ คราวหน้า เกี่ยวกับ คอมกราฟิก แหละ อิอิ สวัสดีขอพลังโอตาคุ จงอยู่กับท่าน ฮะๆๆ