ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมคนพิฆาตบู๊ลิ้ม

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทเริ่มต้นหวังว่าน่าจะจบลงเพียงเท่านี้(มีการแก้ไขนิดหน่อย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.31K
      50
      30 พ.ค. 52

     ดาวเคลื่อนเดือนคล้อย สายลมพัดผ่านเรียดยอดหญ้า ต้นไม้โบราณสูงใหญ่ บึงน้ำใสเขียวขจี หมอกขาวลอยสร่างครอบคลุมขุนเขา มวลหมู่สรรพสัตว์น้อยใหญ่ เป็นทัศนียภาพที่เปรียบดังท่องไปอยู่บนสวรรค์ ปราศจากวี่แววของมนุษย์โดยสิ้นเชิง

    ที่นี่คือป่าสนโบราณที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีกำแพงธรรมชาติ เป็นภูเขาหินปิดล้อมไว้อยู่ตรงกลาง ยากนักที่จะมีใครผ่านเข้ามาได้

    แต่มุมหนึ่งของภูเขาหิน ที่เอียงลาดลงประดุจผนังผา กับมีถ้ำตามธรรมชาติอยู่แห่งหนึ่ง ที่ถูกซุ่มซ่อนไว้ด้วยชะแง่งหินและพุ่มไม้ที่ยื่นออกมา ถ้าท่านไม่ได้ปีนลงไปก็ยากนักที่จะได้พบเห็น

    ณ ที่นั้นกลับยืนด้วยตัวประหลาดผู้หนึ่ง มันผมหงอกขาวทั้งศีรษะ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยรอยแผลดาบขนาดใหญ่ พาดเฉียงจากครึ่งซีกหน้าหนึ่งไปอีกครึ่งซีกหน้าหนึ่ง ควักดวงตาของมันหายไปข้าง ริมฝีปากของมันก็ถูกตัดเฉือนออกไป ทำให้รูปปากบิดเบี้ยวจนไม่เป็นสภาพ แขนข้างซ้ายของมันก็ถูกฟันขาดเสมอศอก ส่วนแขนข้างขวาก็หลงเหลือนิ้วมือเพียงแค่สามนิ้วเท่านั้น ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือเท้าทั้งสองข้างของมันกลับจัดสร้างจากไม้

    ในสถานที่ที่ทิวทัศน์เปรียบประดุจดั่งทิพย์วิมานแห่งนี้ กลับปรากฏตัวประหลาดผู้หนึ่งขึ้น นับว่าเป็นสภาพที่ขัดกันยิ่งนัก หรือว่าสถานที่นี้จะไม่ใช่โลกมนุษย์จะเป็นพิภพของภูตเทพจริงๆ

    ตัวประหลาดผู้นั้นกลับใช้ดวงตาที่เหลืออยู่เพียงแค่ข้างเดียวของมัน จับจ้องเข้าไปภายในถ้ำศิลา ภายในถ้ำลึกที่มืดมิดปราศจากแสงอาทิตย์สาดส่องถึงนั้น กลับปรากฏแสงไฟส่องสว่างขึ้นจากภายในถ้ำ แสงไฟจากคบเพลิงสาดส่องให้เห็นสภาพภายในถ้ำ ภายในถ้ำที่ไม่น่าจะมีสิ่งใดอยู่นั้น กลับปรากฏเงาร่างของผู้คน

    ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินที่ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางถ้ำ ใบหน้ามันปรากฏหยาดเหงื่อรินไหล บนกระหม่อนก็ปรากฏควันขาวลอยออกมา แสดงว่าโคจรกำลังภายในอยู่ในสภาวะคับขัน ที่แทบเท้าของมันกลับกองสุมด้วยซากของสัตว์มีพิษจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นแมงมุมแม่ม่ายดำ แมงป่องแดง คางคกเหลือง งูหงอนเขียว สัตว์มีพิษจำนวนมากเหล่านี้ต่างมีสภาพเหี่ยวแห้งตาย สภาพศพเหมือนกับว่าถูกดูดกลืนของเหลวออกจากร่าง

    สำเร็จแล้วตัวประหลาดที่ยืนอยู่หน้าถ้ำ โห่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี

    เสียงกู่พลันดังขึ้นกึกก้องทั่วฟ้า ภูเขาหินตลอดแนวถึงกับสั่นสะเทือนสะท้านหวั่นไหว สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างหนีตายกันจ้าละหวั่น ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ในรัศมียี่สิบวา ใบไม้ต่างล่วงหลุดจากต้นจนหมดเกลี้ยง

    หลังจากการเปล่งเสียงกู่สิ้นสุดลง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่กลางถ้ำก็ลืมตาขึ้น ประกายตาของมันส่องสว่างวาววับแสดงได้ถึงพละกำลังภายในที่กล้าแข็งสมบูรณ์ ก่อนจะพลันกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว

    มันค่อยๆลุกขึ้นก้าวลงมาจากก้อนหิน ทันทีที่เท้าทั้งสองข้างของมันสัมผัสถึงพื้น ก้อนหินขนาดใหญ่ที่มันเคยใช้นั่งอยู่นั้น ก็พังทลายลงเป็นเศษผงธุลี ไม่ทราบว่าสายลมพัดพามาจากไหนกลับพัดพาสิ่งที่เดิมเคยเป็นก้อนหินนั้นพลันหายสาบสูญไป

    ฮา ฮา ฮา ระยะเวลากว่าสิบปีมานี้นับว่าไม่เสียแรงเปล่าจริงๆตัวประหลาดผู้นั้นก้าวเข้ามายืนเบื้องหน้าชายหนุ่ม

    เฮ็กงู้(วัวดำ) ในที่สุดเจ้าก็ฝึกยอดวิชาย้อนวิถีฟ้าได้สำเร็จแล้ว ซึ่งในประวัติศาสตร์ยุทธภพยังไม่เคยมีใครฝึกสำเร็จมาก่อน ฮาฮาฮาเสียงหัวเราะของตัวประหลาดดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งหุบเขา

    อึกไม่ทราบว่าตัวประหลาดผู้นั้นพลุ่งพล่านยินดีมากเกินไปหรือไร จนกระทบกระเทือนถึงอาการบาดเจ็บ สุดท้ายแล้วจึงกระอักโลหิตสีดำออกมา

    ซือแป๋(อาจารย์)เฮ็กงู้รีบตรงเข้าไปประคองซือแป๋ของมันไว้ทันที ที่แท้ตัวประหลาดผู้นั้นกลับเป็นอาจารย์ของบุรุษหนุ่มที่ถูกเรียกขานว่าเฮ็กงู้นี่เอง

    ไม่เป็นไร มาๆพวกเราไปฉลองกันตัวประหลาดผู้นั้นกุมมือเฮ็กงู้อย่างสนิทสนม ชักนำมันก้าวเท้าออกจากถ้ำ มุ่งหน้าเดินนำมันเข้าไปในป่า

    ภายในป่าที่ต้นไม้ที่เล็กที่สุดยังมีขนาดใหญ่กว่าสองคนโอบ กลับเว้นที่ว่างไว้ปลูกสร้างกระท่อมไว้หลังหนึ่ง ด้านนอกกระท่อมยังจัดตั้งโต๊ะไม้ บนโต๊ะนั้นจัดวางไว้ด้วยถ้วยชามอาหารที่ส่งกลิ่นหอมลอยกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นกระท่อม โต๊ะหรือถ้วยชามที่พวกมันใช้ ล้วนเป็นของที่พวกมันจัดสร้างขึ้นเองทั้งสิ้น

    มาๆเฮ็กงู้เจ้านั่งลงก่อนมันหลังจากชักนำให้เฮ้กงู้นั่งลงแล้ว มันก็หายตัวเข้าไปในกระท่อม ก่อนจะแบกไหเหล้าไหหนึ่งติดมือออกมาด้วย

    ซือแป๋นั่นมันสุราต่วนตึ้ง(ลำไส้ขาด)ที่ท่านหวงแหนนี่

    ฮา ฮา ฮา วันนี้นับว่าลาภปากของเจ้าแล้วมันปาดดินที่ปากไหทิ้ง กลิ่นที่หอมหวานชวนเคลิบเคลิ้ม แฝงความมัวเมาสี่ส่วน ความลุ่มหลงสามส่วน ความคะนึงหาสามส่วน ก็พลุ่งกระจายขึ้นมา

    ซือแป๋ ข้าเองดีกว่าเฮ็กงู้ กลัวว่าซือแป๋ของมันที่หลงเหลือแขนเพียงข้างเดียวจะไม่สะดวก จึงตรงเข้าไปแย่งไหที่ซือแป๋ถือไว้ นำมารินใส่ชามของท่านและก็ชามของตนเอง

    ดื่มพวกมันทั้งสองดื่มเหล้าทั้งชามหมดในรวดเดียว

    สุราต่วนตึ้งนั้น เป็นสุราที่หมักดองจากดอกต่วนตึ้งฮวย(ดอกไม้ลำไส้ขาด) ที่มีพิษรุนแรงมาก เพียงแค่หยดเดียวก็สามารถพรากวิญญาณผู้คนออกจากร่างได้หลายพันคน มีจอมยุทธ์ผู้กล้ามากมายเคยต้องตายด้วยพิษชนิดนี้มาแล้ว แต่พวกมันสองศิษย์อาจารย์กลับทำเหมือนกับว่าสุราที่หมักดองจากดอกไม้พิษชนิดนี้เป็นของวิเศษล้ำค่า กลับดื่มรวดเดียวหมดทั้งชาม

    แต่เดิมเฮ็กงู้เองก็ไม่ชื่นชอบสุราชนิดนี้นัก มันยังจำได้เมื่อครั้งในอดีต ตอนที่ซือแป๋มันนำเหล้าชนิดนี้มาให้มันดื่ม มันเพียงแค่สัมผัสแตะปลายลิ้นเท่านั้น ก็ทำให้มันล้มป่วยลุกไม่ขึ้นไปทั้งเดือน พอมันหายป่วยก็ถูกซือแป๋บังคับจับให้มันต้องดื่มอีกครั้ง ทำให้มันต้องกลับไปล้มป่วยอีกคราว เป็นเช่นนี้อยู่นานหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่งมันพลันค้นพบว่าสุราต่วนตึ้งนั้น หาได้มีความน่ากลัวอย่างที่ตนคิดไว้ไม่ กลับมีรสชาติที่หอมหวานยิ่งนัก เพียงแค่คิดก็รู้สึกคะนึงหายากพรากจาก

    ยิ่งดื่มยิ่งรู้สึกว่ามีพลังความร้อนขุมหนึ่งไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ทำให้อุ่นสบายยิ่งนัก มาภายหลังแม้ซือแป๋มันจะไม่ได้บังคับให้มันดื่มอีก มันกลับลักลอบขโมยดื่มเอง ทำให้อาจารย์มันต้องแอบเอาไปซุกซ่อนไว้ มาวันนี้มันถึงจะได้ลิ้มรสสุราชนิดนี้อีกครั้ง

    หลังจากสุราผ่านไปจนหมดชาม ท่าทางซือแป๋(อาจารย์)ก็เปลี่ยนแปลงไป บรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนเป็นเคร่งครึมสำรวมขึ้นทันที

    เฮ้กงู้ที่สังเกตได้เช่นนั้น รับรู้ได้ตามสัญชาตญาณ ว่าซือแป๋มีวาจาคิดจะบอกกล่าว มันจึงต้องตัดใจที่จะดื่มสุราชามที่สองต่อไป วางชามสุราลงกับพื้นโต๊ะ รอคอยวาจาที่ซือแป๋มันจะกล่าวต่อไป

    เฮ็กงู้ เจ้าเมื่อสำเร็จยอดวิชา เจ้าก็สมควรออกจากหุบเขาไปได้แล้ววาจาเปล่งจากปาก คล้ายอสุนีบาตฟาดลงกลางศีรษะ

    ซือแป๋!?”เฮ็กงู้ต้องอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก

    เจ้าอายุยังเยาว์ไม่สมควรมาเก็บตัวอยู่ที่นี่

    แต่อาการป่วยของท่าน

    เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าอยู่มาได้นานปานนี้ ไม่ตายจากไปง่ายๆหรอก

    แต่ข้า

    เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าเหรอ เป็นลูกผู้ชาย ไยพร่ำพิไรราวอิสตรีอาจารย์ตบโต๊ะดังปัง แววตาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวน่าเกรงขามขึ้น

    น้อมรับคำสั่งซือแป๋เฮ็กงู้ ทำได้แต่ก้มหน้ายอมรับเพียงเท่านั้น

    ดี เจ้ากลับไปเตรียมตัว ตอนนี้เย็นมากแล้วพรุ่งนี้เช้าออกเดินทางได้ทันทีอาจารย์มันพอกล่าววาจาจบก็หลังหันเดินเข้ากระท่อมทันที ตอนรายทางไม่ชำเลืองกลับมามองมันแม้เพียงหางตา

    เฮ็กงู้ที่เห็นเช่นนั้น ก็ก้มหน้าลุกขึ้นแล้วก็หันกลับไปห้องด้านข้างของกระท่อม ที่เป็นที่พักของมัน ด้วยความรู้สึกที่รันทดหดหู่ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่า ตลอดรายทางที่อาจารย์ของมันเดินกลับไป ปรากฏรอยเลือดสีดำหยดลงเป็นด่างดวง ด้านหลังประตูกระท่อมมีเงาร่างหนึ่งทรุดลงบนพื้นกระท่อมกระอักโลหิตเป็นการใหญ่

    ******************************************************************************************************************************************

    บันทึกช่วยจำลงครั้งแรกเมื่อ 15/12/51


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×