[S.Fic KHR] Please Teach me , What love is? (1896) - [S.Fic KHR] Please Teach me , What love is? (1896) นิยาย [S.Fic KHR] Please Teach me , What love is? (1896) : Dek-D.com - Writer

    [S.Fic KHR] Please Teach me , What love is? (1896)

    โดย Kaze no ken

    ความรัก? แท้จริงแล้วมันคืออะไร ได้โปรดสอนฉันทีเถอะค่ะ...(1896 ♥)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,597

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    2.59K

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    35
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 พ.ค. 55 / 12:27 น.

    แท็กนิยาย

    1896 ฮิบาริ โคลม KHR



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


     

    [++Talk++]

    ไรเตอร์เกิดอาการห่อเหี่ยวขึ้นมาหลังจากที่อ่านรีบอร์นตอนที่ 383 จบ แม่ยก 1896 หลายคนคงเข้าใจนะคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น
    โคลมจังพูดอะไรไว้? ในเมื่อเป็นแบบนั้น ตอนนี้ไรเตอร์จึงต้องแต่ง 1896 ขึ้นมาสนองเสี้ยนของตัวเอง
    ใครหลงเข้ามาก็เม้นทีนะคะ
    T^T



    http://image.free.in.th/z/ib/3ment.gif

    อันนี้ห้ามก๊อปนะคะ พี่สาวให้ยืมมา ใครก๊อปมีเฮ! =_=+ (//โดนเสย)
    เครดิต :: Ms. Ani Amoeba (พี่สาวสุดที่รักของข้าน้อย)
    My.ID ของพี่สาว >> จิ้มค่ะ >>>


    มาโปรโมตกรุ๊ปค่ะ ^^
    http://upic.me/i/6h/7fssf.gif








    + +

    Thx.
    Free...Theme+Mouse...Click!!
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ท่านมุคุโร่...เสียงหวานเอ่ยขึ้นในความเงียบ พลางสาวเท้ายาวๆเพื่อวิ่งตามชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นผู้มอบชีวิตใหม่ให้กับเธอ และในตอนนี้กำลังเดินห่างไกลออกไปทุกทีๆ

       

      “ลาก่อนนะครับ...โคลม” ร่างสูงหันกลับมาและส่งรอยยิ้มให้กับเธอ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป โดยมีลูกน้องที่เหลืออีกสามคนตามไปด้วย

       

      “ทำไมล่ะคะ ท่านมุคุโร่ รอฉันด้วย!!!” ว่าจบร่างบางก็ออกตัววิ่งทันที มือบางเอื้อมออกไปหวังจะคว้าแผ่นหลังที่กำลังห่างไกลออกไปทุกทีๆ

       

      เพียะ!!!!!

       

      ใบหน้าหวานหันไปตามแรงตบ เจ้าของเรือนผมสั้นสีแดงหรือเอ็มเอ็มยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าของเธอและใช้มือจิกผมของร่างบางขึ้นมาพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม

       

      “ไม่เข้าใจรึไงยัยโง่!!! เธอน่ะหมดประโยชน์แล้ว มุคุโร่จังน่ะไม่ต้องการเธออีกแล้ว จำให้หัวสมองโง่ๆของหล่อนไว้ซะด้วย!!!” พูดจบเอ็มเอ็มก็ปล่อยมือออกและตามจิคุสะ เคน กับมุคุโร่ออกไป...

       

      แผ่นหลังของทั้งสามค่อยๆห่างไกลออกไปทุกทีๆ...

       

      จนในที่สุดมันก็หายลับตาไปและไม่มีวันหวนย้อนกลับมาอีก....

       

      หยาดพิรุณสีใสค่อยๆไหลออกมาจากอเมทิสต์คู่งามและอาบไปทั่วแก้มนวล ความเจ็บปวดมากมายค่อยๆไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมกับน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้...

       

      โคลม โดคุโร่

       

      นั่นคือชื่อของเธอ...




      นับจากวันนั้นมา....วันที่ถูกมุคุโร่ทอดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ตอนนี้ก็ผ่านมาได้หลายวันแล้ว...

       

      ร่างกายของโคลมทรุดลงไปมาก.. เธอนอนไม่หลับมาหลายคืนและไม่ยอมทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะเมื่อใดที่ดวงตาสีอเมทิสต์ถูกปิดลง คำพูดเดิมๆ และใบหน้าของเขาคนนั้นก็จะลอยเข้ามาในหัวสมองทุกครั้งไป...

       

      โคลม...

       

      โคลมที่น่ารักของผม...

       

      ไม่ว่าเมื่อไหร่...ผมก็จะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ...

       

      คำคำเดิมยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ริมฝีปากบางเผยยิ้มอย่างเจ็บปวดพร้อมกับพึมพำอยู่คนเดียว “ที่พูดมาทั้งหมดนั่น...โกหกสินะคะ..” ว่าจบน้ำตาก็พาลไหลออกมาอีกจนได้ ร่างบางใช้หลังมือปาดน้ำตาออกไปและสั่นศีรษะเบาๆเพื่อไล่ความคิดบ้าๆออกไปจากหัว

       

      “เพราะอ่อนแอแบบนี้ ถึงได้ถูกเขาทิ้งเอาน่ะสิ ยัยสัตว์กินพืช!!” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นเบื้องหน้า ร่างเล็กรีบเงยหน้าขึ้นไปหาต้นเสียง และพบว่าบุคคลที่มาใหม่คือ...

       

      ฮิบาริ เคียวยะเมฆาของวองโกเล่.....แต่เขามาทำอะไรที่โกคุโยแลนด์นี่กันล่ะ!!!!!

       

      “คุณเมฆา...”

       

      “ลุกขึ้นมา” ชายหนุ่มไม่คิดจะตอบคำถามของโคลม แถมยังมีหน้ามาออกคำสั่งกันดื้อๆอีกด้วย

       

      “หา!?

       

      “ผมบอกให้ลุกขึ้นมาไงล่ะ!!! เร็วเข้า เดี๋ยวเจ้าปลาทูน่าตากแห้งก็บ่นอีก” ที่เขาพูดถึงคงจะเป็น ซาวาดะ สึนะโยชิบอสวองโกเล่รุ่นที่สิบ เขาได้รับข่าวของโคลมจากรีบอร์น(ผู้รู้ไปซะทุกเรื่อง)เลยขอร้องแกมบังคับฮิบาริให้มารับตัวโคลมไปที่คฤหาสน์วองโกเล่

       

      “บอส..น่ะเหรอคะ…?”โคลมเอียงคอถามพร้อมกับพูดอย่างแปลกใจ

       

      “ก็ใช่น่ะสิ จะแปลกใจอะไรล่ะ” พูดจบมือหนาก็คว้าแขนร่างบางให้ไปด้วยกัน และเมื่อทั้งสองขึ้นมาอยู่บนรถของฮิบาริแล้ว คนขับก็มุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์วองโกเล่ทันที..

       

      ที่ฉันแปลกใจคือทำไมคุณยอมทำตามคำขอของบอสต่างหากล่ะ...!!



      [Special :: Chrome Talk]

       

      ตอนนี้คุณเมฆาพาฉันมาที่คฤหาสน์วองโกเล่แล้ว บอส คุณโกคุเดระ คุณยามาโมโตะ พี่ชายของเคียวโกะจัง แรมโบ้จัง เคียวโกะจัง ฮารุจัง คุณเบียงกี้ แล้วก็อี้ผิงจัง ทุกคนมายืนรวมกันอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ และพอฉันลงมาจากรถพวกเคียวโกะจังก็รีบวิ่งเข้ามาหา พวกเธอกุมมือของฉันไว้และพยายามพูดให้ฉันรู้สึกดี....

       

      ว่าแต่ทำไมพวกเธอถึงรู้ได้ล่ะว่าฉันโดนท่านมุคุโร่ทิ้งไปแล้ว...?

       

      “ฮารุรู้เรื่องแล้วนะคะ โคลมจังไม่ต้องไปร้องไห้เพื่อผู้ชายพรรค์นั้นหรอกค่ะ” ฮารุจังพูดพร้อมกับตีสีหน้าเหมือนกับว่าเธอจะไปขย้ำหัวท่านมุคุโร่(?)ถึงที่ข้อหาที่ปล่อยฉันไว้คนเดียว

       

      “นั่นสิจ๊ะ ฮารุจังพูดถูกแล้ว โคลมจังยังมีพวกเราที่รักโคลมจังนะ ^^” เคียวโกะจังพูดพร้อมกับเข้ามากุมมือที่สั่นเทาของฉันไว้

       

      “ใช่แล้วค่ะ อี้ผิงเองก็ชอบโคลมจัง อยากให้โคลมจังมาอยู่ด้วยนะคะ”

       

      “ก็อย่างนั้นแหละ เธอเองก็อย่าทำหน้าเศร้าให้มันมากนักสิ” คุณเบียงกี้ตามมาสมทบพร้อมกับใช้นิ้วดีดหน้าผากฉัน โอ๊ย~!! คุณเบียงกี้ทำไมแรงเยอะแบบนี้นะ เจ็บอ่ะ TxT

       

      โคลมจังไม่ต้องไปร้องไห้เพื่อผู้ชายพรรค์นั้นหรอกค่ะ….

       

      โคลมจังยังมีพวกเราที่รักโคลมจังนะ ^^…

       

      อี้ผิงเองก็ชอบโคลมจัง อยากให้โคลมจังมาอยู่ด้วยนะคะ

       

      คำพูดแต่ละคำของทุกคน...

       

      มันหมายถึงพวกเธอกำลังบอกฉันว่าพวกเธอรักฉันสินะ...?

       

      พวกเธอ..จะไม่มีวันหลอกฉันเหมือนกับที่ท่านมุคุโร่ทำใช่มั้ย..??

       

      รัก..? แท้จริงแล้วมันคืออะไร....มันสวยงามไหม..??? หรือว่ามันจะจบลงด้วยน้ำตา แบบที่ฉันกำลงเผชิญอยู่หรือเปล่านะ...

       

      “โคลม ต่อไปเธอห้ามกลับไปที่โกคุโยแลนด์อีกนะ เข้าใจมั้ย” เสียงของบอสดึงฉันให้หลุดออกจากภวังค์ ถึงตอนแรกฉันจะเหม่อลอยอยู่ แต่ฉันก็ยังพอจับใจความได้ว่า ห้ามกลับไปที่โกคุโยแลนด์อีก

       

      “ว่าไงนะคะ แล้วบอสจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ฉันโพล่งออกไปเสียงดัง ใช่แล้ว...ถ้าไม่ให้กลับโกคุโยอีก แล้วบอสจะให้ฉันไปนอนในกล่องเป็นแมวข้างถนนหรือไงนะ T_T

       

      “ใจเย็นนะจ๊ะโคลมจัง ปล่อยมือก่อนเถอะนะ ซือคุงจะตายแล้วนั่น ^^;;;” เคียวโกะจังเดินเข้ามาจับมือฉันออกจากคอเสื้อของบอส เอ่อ...ว่าแต่ฉันไปกำคอเสื้อเขาตอนไหนเนี่ย =__=;;;

       

      “คือคนที่โคลมจังต้องไปอยู่ด้วยน่ะ คือคนที่ยืนอยู่ข้างๆโคลมจังนั่นแหละค่ะ ^_^๔” อี้ผิงจังพูดพลางชี้ไปที่คุณเมฆา...

       

      “อะ..หา!!! อย่าพูดเล่นสิคะ อี้ผิงจัง =[]=;;;

       

      “อี้ผิงไม่ได้ล้อเล่นนะคะ โคลมจังต้องไปอยู่กับคุณฮิบาริจริงๆ ^^

       

      “เข้าใจแล้วก็ไปเก็บข้าวของซะ ผมจะขับรถไปส่ง = =” พูดจบคุณเมฆำก็ลากฉันกลับไปเอาข้าวของส่วนตัวที่โกคุโยแลนด์ และให้ฉันกลับมาทานอาหารเย็นที่คฤหาสน์วองโกเล่

       

      จากนั้นก็จัดการฉุดกระชากลากถูฉันไปโน่นมานี่ทั้งวัน (สงสัยคุณท่านเขาเห็นฉันเป็นกระเป๋าเดินทางล่ะมั้ง) และสุดท้ายก็มาหยุดลงที่หน้าบ้านสไตล์ญี่ปุ่นของคุณเมฆา  

       

      “เข้าไปได้แล้ว ยืนเอ๋ออะไรอยู่ ยัยสัตว์กินพืช” จากนั้นคุณเมฆาก็ลากฉันเข้าไปในตัวบ้าน โดยมีคุณคุซาคาเบะเดินตามหลังมาติดๆ

       

      ไม่เอานะ ฉันยังไม่อยากโดนขย้ำตายตอนนี้!!!!!!  =[ ]=!!


      [Special :: Hibari Talk]

       

      ตอนนี้ผมจัดการให้ยัยสายหมอกเข้าไปนอนในห้องที่ผมจัดไว้แล้ว ตอนแรกก็กะจะให้นอนในห้องเก็บของนั่นแหละ แต่คุซาคาเบะค้านซะงั้น (ขอบคุณคุณคุซาคาเบะมากค่ะ!! // FC 96) ผมเลยต้องเสียเวลามาจัดห้องให้ยัยบ้านั่นเป็นชั่วโมงๆ

       

      “ถ้าคุณฮิบาริรำคาญที่ต้องมาจัดห้องให้คุณโดคุโร แล้วทำไมไม่ให้แม่บ้านมาทำแทนล่ะครับ =_=^” คุซาคาเบะพูดดักคอผมราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

       

      “หืม..” ผมไม่ตอบอะไร แต่ตวัดสายตาคมกริบใส่คุซาคาเบะแทน ประมาณว่า...ถ้าถามมากกว่านี้แกโดนขย้ำแน่....

       

      “ครับๆ ถ้าข้าวเย็นพร้อมแล้วผมจะมาเรียกนะครับ” คุซาคาเบะรีบออกไปจากห้องของผมอย่างเร็ว ผมชักจะสงสัยแล้วสิว่าเจ้าลูกน้องคนนี้มีญาณทิพย์หรือยังไง ถึงเป็นรู้หมดว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ = =

       

      จากนั้นผมหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องของผมมาอ่านฆ่าเวลาไปพลางๆ แต่ระหว่างที่อ่านๆไปก็เริ่มจะฟุ้งซ่าน เพราะเสียงของยัยสายหมอกดันลอยเข้ามาในหัวซะได้...

       

      ฮึก...ท่านมุคุโร่...

       

      เสียงร้องไห้...ใบหน้าเปื้อนน้ำตา...เสียงร้องไห้...ใบหน้าเปื้อนน้ำตา.....ระหว่างนั้นสมองผมก็ประมวลผลกับไอ้คำสองคำนี้ไปด้วย และสุดท้ายก็เพิ่งนึกออกว่า...

       

      “ยัยสายหมอก!!!” ชัดเลย ผมไม่ได้คิดไปเองแล้ว นี่มันเสียงของยัยบ้านั่นจริงๆ!!!!!!!!

       

      ผมรีบสาวเท้าไปที่ห้องของยัยสายหมอก และทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ผมก็พบกับร่างบางที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆเตียง มือบางกำสามง่ามที่เป็นอาวุธของตัวเองไว้แน่น ราวกับว่าสิ่งนี่เป็นสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ

       

      “คุณ...เมฆา..!?” โคลมที่เห็นผมเปิดประตูเข้ามาใช้หลังมือปาดน้ำตาก่อนจะพยายามฝืนยิ้มให้ผม

       

      “ร้องไห้ทำไม” ผมเองไม่คิดจะสนใจว่าเธอกำลังเรียกชื่อผมอยู่หรือเปล่า ผมตรงเข้าไปหาเธอ พร้อมกับถามย้ำกับเธออีกครั้ง “ผมถามว่าเธอร้องไห้ทำไม..”

       

      “ฉัน..ไม่ได้ร้อง...”

       

      “แล้วนี่มันอะไร” ผมใช้มือประครองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของยัยสายหมอก “ผมจะถามเธออีกครั้ง เธอร้องไห้ทำไม”

       

      ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนเหยียดเป็นเส้นตรง น้ำตาที่ปริ่มๆอยู่ขอบตาก็ค่อยๆไหลลงมาช้าๆ ก่อนที่ร่างบางจะโผเข้ามากอดผมอย่างไร้ที่พึ่งพิง...

       

      “ฉัน...ฮึก...ฉันลืมท่านมุคุโร่ไม่ได้จริงๆ...”

       

      อึก

       

      เจ็บ...

       

      ทำไมถึงได้เจ็บใจแบบนี้.....

       

      แค่ยัยนั่นพูดถึงเจ้าสัปปะรดนั่น ทำไมผมถึงได้เจ็บใจแบบนี้ อยู่ๆทำไมผมถึงอยากให้เธอเรียกชื่อผมแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น จะเรียกคุณเมฆาก็ได้...

       

      แต่ขอแค่อย่าเรียกชื่อเจ้านั่นออกมา...

       

      “...” ผมไม่พูดอะไร แต่ค่อยๆกอดยัยสายหมอกตอบและปล่อยให้ยัยนั่นร้องไห้ให้พอใจ

      ผ่านไปสักพักหนึ่ง.....

       

      “พอใจแล้วใช่มั้ย..” ผมปล่อยตัวยัยสายหมอกออกจากอ้อมกอด ก่อนจะชี้ไปที่สูทของตัวเองแล้วปั้นหน้าขรึมตามเดิม “กว่าจะหยุดได้ เธอทำเสื้อสูทผมเปียกไปหมดเลยนะ!!!

       

      “หวาๆ ขอโทษค่ะ ไว้ฉันจะซักคืนให้นะคะ”

       

      “ล้อเล่นน่ะ...” ผมพูดพร้อมกันแค่นหัวเราะเบาๆ

       

      “ล้อ..ล้อเล่นเนี่ยนะคะ!?

       

      “โคลม”

       

      “คะ?”

       

      “คนที่เธอรักเขาน่ะ..ใครกัน” ผมถามออกไปทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

       

      “ท่านมุคุโร่ล่ะมั้งคะ เขาเป็นผู้มอบชีวิตใหม่ให้กับฉัน เขาคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันแล้วล่ะค่ะ” โคลมพูดพร้อมกับหน้าขึ้นสีแดงจางๆ

       

      “แม้เขาจะหลอกใช้เธอก็ตามน่ะเหรอ...”

       

      “ค่ะ...ฉันรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่เขาต้องจากฉันไป ^^” ฉันนั่นพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆ เหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       

      ตุบ!!!

       

       “อย่าพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดจะได้มั้ย” ผมจัดการกดร่างเล็กลงกับพื้นและคร่อมร่างนั้นไว้

       

      “..มันไม่มีอะไรจริงๆนี่คะ” ดวงตาสีอเมทิสต์ที่สบตากับผมเมื่อสักครู่เบือนสายตาไปทางอื่น... “ฉันไม่รู้ว่าที่จริงฉันรักท่านมุคุโร่เป็นแบบไหน แล้วก็ไม่รู้ว่ารักน่ะ แท้จริงมันเป็นยังไงกันแน่”

       

      “...ยัยบ้าเอ๊ย” ผมหลุบตาต่ำลง จากนั้นก็ค่อยเคลื่อนริมฝีปากหนาเข้าใกล้ริมฝีปากเรียวบาง ก่อนจะค่อยๆประทับจูบลงไปช้าๆ...

       

      ยัยบ้า..เธอไม่รู้จริงๆน่ะเหรอ...

       

      นี่ไงล่ะ..คนที่รักเธอ...คอยมองเธออยู่ตลอด.....

       

      ฉันรักเธอ..โคลม โดคุโร...

       

      ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออก “หวังว่าการกระทำเมื่อกี้..เธอคงจะเข้าใจนะ...” พูดจบผมก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องของยัยสายหมอกไป...

       

      และคำที่ลอยออกมาจากปากของยัยนั่น ทำเอาผมยิ้มไม่หุบเลย...

       

      “ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะคะ”

       

      “...”

       

      Kimi ga suki dayo…Hibari-san

       

       

      จบแบบซึนๆค่ะ ใครจะจิ้นต่อจากนี้ไปก็ได้นะคะ ฮี่ๆ =w= (//โดนรุมตบ)

      ว้า เสียดายจังเลย~ แต่สำหรับตอนนี้คงพูดมากไม่ได้ ขอไปปั่นอีกเรื่องก่อนเน้ออออ T^T (//ฟิ้วววว)

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×