คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Enigma wish(1) (Part7)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 7/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตำนานแต่โบราณกาล
กล่าวไว้ว่ามีสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่งที่กว่าจะได้มานั้นแสนยากเย็น...
แต่สมบัติชิ้นนั้นจะนำมาซึ่งความปรารถนาที่เป็นจริงของผู้ถือครอง...
สมบัติที่เปี่ยมไปด้วยความน่าหลงไหลและน่าอัศจรรย์ใจ
สมบัติชิ้นนั้นที่ผู้คนต่างหมายปอง คือสิ่งใดกันแน่...?
“ ร้อนนนนน!! ”
เสียงเล็กโวยวายเมื่อพื้นเรียบใต้เท้าของตนเกิดเพิ่มอุณหภูมิขึ้นมากระทันหัน
ตั้งแต่ถูกแสงสีเขียวๆนั่นกลืนไป
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเสียดสีของอะไรบางอย่างที่บาดแก้วหูเหลือเกิน
หลังจากนั้นพื้นก็ร้อนจนไม่อาจจะยืนนิ่งอยู่เฉยๆได้
นี่มันอะไรกันเนี่ย...
ลูฟี่ทำได้แค่กระโดดโหยงเหยงไปมา
เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่ใด รอบข้างถึงได้มีแต่กำแพงล้อมรอบ
แต่ถ้าลองสังเกตดีๆก็จะเห็นรูเล็กๆเหมือนกับหน้าต่างอยู่เหนือศีรษะของเขาไปมากโข... เอาล่ะ ทีนี้จะปีนขึ้นไปยังไงดี
ภูตวิเศษเอย... จงตอบรับคำร้องขอของข้า...
ภูติวิเศษเอย... หากท่านมีตัวตนอยู่จริง
ขอจงปรากฏแก่ข้า...
เสียงหนึ่งดังกังวานอยู่ในหัวไม่หยุดหย่อน
เป็นเสียงทุ้มของผู้ชายที่ฟังแล้วกลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ดวงตากลมโตกวาดมองบริเวณโดยรอบ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ
จนกระทั่งสัมผัสเย็นวาบจะตีเข้ามาท่ามกลางความร้อนระอุของพื้น
ลมเย็นๆนี่พัดมาจากไหนอีกล่ะเนี่ย...
“ เหวอออออ!! ” พาลลำไส้ก็พากันปั่นป่วนไปหมด
เมื่อร่างทั้งร่างล่องลอยตรงไปยังช่องว่างบนกำแพงสูงที่มองเห็นมาตั้งแต่เมื่อครู่
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่... อยู่ๆปลายเท้าก็สูงขึ้นจากพื้นมากขึ้นทุกที
ไหนจะสายลมแปลกๆที่ไม่รู้จุดหมายว่าจะนำพาเขาไปที่ไหนกันแน่.... ถ้าไม่ฝันอยู่ ลูฟี่คิดว่าตัวเองคงเผลอกินอะไรแปลกๆเข้าไปแน่
ถึงได้เห็นภาพหลอนบ่อยเกินไปขนาดนี้
โครม!!
สิ่งนั้นเหมือนจะช่วยย้ำเตือนว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่ฝัน
ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนกับหลุดเข้ามาอยู่ในอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่รู้จัก
ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะแลนดิ้งลงกับสิ่งที่เหมือนกับพื้นดินได้ไม่ค่อยสวยงามเท่าไรนัก...
“ เจ็บๆๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ” ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆหลังใช้เป็นอวัยวะแรกที่สัมผัสพื้น
กลิ่นของความชื้นจากบรรยากาศภายนอกตีเข้าสู่จมูกและผิวหนัง
เหมือนกับถ้ำมืดๆที่มีเชิงเทียนคอยให้แสงสว่างอยู่เป็นระยะ
เพชรนิลจินดาและข้าวของเครื่องใช้วางเกลื่อนกลาดอยู่รอบตัว
ดูท่าแล้วคงจะเป็นถ้ำที่มากไปด้วยสมบัติซึ่งลูฟี่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร
ก่อนที่ดวงตาสีนิลคู่นั้นจะต้องเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
เมื่อพบร่างของใครอีกคนยืนอยู่ใกล้ๆกัน
“ ในที่สุดก็พบแล้ว... ” น้ำเสียงทุ้มที่คล้ายกับเสียงที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้น
ในคามมืดสลัวๆของถ้ำ มีแสงจากเชิงเทียนคอยให้ความสว่างเพียงเล็กน้อย
แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้มองเห็นรายละเอียดของชายหนุ่มตรงหน้าได้ชัดเจน
ใบหน้าคมจัดเรียงด้วยองค์ประกอบที่เข้าที่
ดวงตาที่เหมือนกับคนเบื่อหน่ายทั้งโลกในเวลานี้กลับพราวระยับยามจ้องมองมายังเด็กหนุ่มร่างเล็ก
ริมฝีปากอิ่มเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากน้อยๆ
ไรหนวดบริเวณคางน้อยๆที่ส่งให้ใบหน้านั้นดูน่าดึงดูดมากขึ้น ผมสีทองที่จัดเรียงอยู่บนศีรษะชี้อย่างไม่เป็นทรง
ชวนให้รู้สึกเหมือนกับสับปะรดยังไงชอบกล
ร่างกายท่อนบนสวมใส่เสื้อแขนกุดที่ไม่ได้ติดกระดุมใดๆ
เผยให้เห็นแขนที่กำยำสมส่วนกับหน้าท้องที่ขึ้นมัดกล้ามเหมือนคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ท่อนล่างสวมกางเกงที่บริเวณขาพองออกทั้งสองข้าง พันรอบเอวด้วยผ้าไหมโปร่งบาง
และรองเท้าพื้นเรียบเป็นด้ายสานพันรอบข้อเท้า
แต่งตัวประหลาดชะมัด... นั่นคือสิ่งที่เด็กหนุ่มคิด
“ นายเป็นใคร ” ลูฟี่เอ่ยถามออกไป
ก่อนที่จะได้รับรอยยิ้มจากคนตรงหน้ามาเป็นคำตอบ
“ ข้าคือผู้ที่จะมาทวงพรสามประการจากเจ้า...
”
“ หือ...? ”
เขาไม่เข้าใจความหมายนั้น... แต่ด้วยความไม่คิดอะไรจึงหันมองซ้ายมองขวาก่อนเดินออกมา
ผู้คนที่นี่มักพูดเหมือนกับเขาเป็นตัวอะไรซักอย่างอยู่เสมอ
ปลายเท้าข้างหนึ่งสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนเกือบจะล้มหน้าคะมำ
ทำให้ได้สังเกตเห็นบางสิ่งบริเวณข้อเท้าที่กำลังส่องแสงแวววับยามต้องกับแสงของเชิงเทียน
กำไลข้อเท้า...แถมยังทั้งสองข้าง?
ดวงตากลมโตก้มลงมองชุดที่สวมใส่อยู่ด้วยความสับสน
เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้แต่งตัวแตกต่างไปจากผู้ชายคนนั้นเลย ต่างออกไปก็ตรงร่างกายบอบบางเกินกว่าผู้ชายปกติ
กับผิวขาวเนียนละเอียดน่าสัมผัสที่ชวนให้ไม่อยากละสายตาออกไปนี้เท่านั้น
ได้ยังไงกัน... ตั้งแต่เมื่อไร
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังใส่กระโปรงขาดๆอยู่แท้ๆ
กึก...
ท่อนแขนแข็งแกร่งผ่านใบหน้าของร่างนั้นไปสู่กำแพงด้านข้างแทบจะทันที
รู้สึกตัวอีกที ลูฟี่ก็อยู่ในอาณาเขตของอ้อมแขนที่ร่างนั้นกักเอาไว้
มืออีกข้างชูตะเกียงลวดลายวิจิตรในมือให้เห็น
ใบหน้าคมก้มลงมาพูดกับคนที่ส่วนสูงน้อยกว่าจนระยะห่างเหลือไม่ถึงคืบ คนตัวเล็กมองตามอย่างไม่เข้าใจนัก
ตะเกียงนี่มีอะไรหรือเปล่า...
“ ประการแรก ขอให้ข้า
มัลโก้ผู้นี้ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ บัดนี้เลย... ” น้ำเสียงนั้นถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับแววตาพราวระยับ
ยิ่งส่งให้ลูฟี่สับสนมากกว่าเดิม คนๆนี้กำลังต้องการอะไรจากเขา... หรือคำขอนี่จะถูกส่งมาถึงตัวเอง ?
“ มัลโก้...? ของแบบนั้นฉันให้นายไม่ได้หรอก
”
ใบหน้าหวานเคลือบไปด้วยความงุนงง
เขาไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรแบบนั้นซักหน่อย...
แต่อีกฝ่ายกลับเผยรอยยิ้มประหลาดๆกลับมา
หลังจากนั้นร่างนั้นจึงค่อยๆผละออกไป
“ จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ... ”
“ ...ฉันอยากออกไปจากที่นี่แล้ว ” เขาขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่เข้าใจ
ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ไม่รู้เหตุผลว่าโล่งใจด้วยเรื่องอะไรเหมือนกัน... เหมือนคนที่ไม่ฟังอีกฝ่ายพูด
แต่ความจริงแล้วเขาแค่กำลังไม่เข้าใจต่างหากว่าคนตัวสูงกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่
“ งั้นก็เดินตามข้ามาก็แล้วกัน... ”
ประโยคสนทนาทั้งหมดถูกจบลงที่ประโยคนั้น
ลูฟี่ได้แต่เดินตามคนที่สูงกว่าออกไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นแสงสว่างจากภายนอก
นอกจากถ้ำหินมืดๆนี่ ทางออกก็ยังติดต่อกับเมืองเก่าๆที่มีต้นไม้รกทึบ ...เมื่อไรกันนะที่เขาจะได้กลับไปสู่ที่ที่จากมาเสียที
เรื่องเก่ายังไม่ทันได้เข้าใจ เรื่องใหม่ก็ประดังเข้ามาอีกครั้ง
เมื่อเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่กำลังตรงมาที่เด็กหนุ่มและชายผมทองที่เดินนำหน้า
กลุ่มของผู้ชายที่สวมใส่ชุดเกราะ ในมือมีดาบและโล่ห์เป็นของตัวเอง
สายตาทุกคู่นั้นจ้องตรงมายังชายตัวสูงในเสื้อแขนกุด พลันวินาทีนั้น
ดวงตาของลูฟี่เหลือบไปเห็นมือเรียวที่รีบนำตะเกียงลายวิจิตรใบเก่าซ่อนเอาไว้ในย่ามที่เพิ่งหยิบติดตัวมาเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
ก่อนจะตั้งท่าป้องกัน
“ ท่านนักเดินทาง โปรดเอ่ยนามของท่านมา ” คนในชุดเกราะเอ่ยขึ้น ดวงตาเช่นคนเบื่อโลกของผู้ถือครองตะเกียงหรี่ลงเล็กน้อยเหมือนต้องการระแวงระวัง
ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะคว้าร่างเล็กของเด็กหนุ่มข้างๆกันมายืนด้านหลัง
ตัดสินใจเอ่ยชื่อออกไป แต่ก็ยังไร้ซึ่งความไว้วางใจ
“ ...มัลโก้ ”
พลันท่าทางของผู้ชายจำนวนมากมายตรงหน้าก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาโค้งตัวให้ความเคารพแก่มัลโก้ดั่งผู้สูงศักดิ์
ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผู้ฟังต้องตกใจไปตามๆกัน
“ เรียนท่านมัลโก้... ขณะนี้ท่านได้รับแต่งตั้งจากองค์ราชาให้เป็นอุปราชแล้วขอรับ
”
“ หา...? ”
ทุกอย่างดูง่ายดายดั่งถูกจับวาง ลาภยศอันยิ่งใหญ่ถูกส่งต่อมายังชายผู้เว้าวอนขอพรกับตะเกียงวิเศษ
ในเวลานี้คำขอนั้นได้สัมฤทธิ์ผล จะเป็นความบังเอิญหรืออะไรก็ช่าง... แต่ภูตในร่างเด็กหนุ่มคนนั้นได้ประทานพรแก่เขาอย่างแท้จริง
เหตุผลเป็นเพราะเขาได้มาพบเจอกับถ้ำสมบัติที่ราชาของเมืองนี้ตามหามาทั้งชีวิต.... อะไรจะโชคดีขนาดนี้
สายตาคมคู่นั้นไปหยุดที่ร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไป
โต๊ะตรงหน้าจัดวางไปด้วยจานอาหารจำนวนมากมายและเด็กหนุ่มที่กำลังรับประทานอาหารด้วยใบหน้าสุขใจ
เพราะเหตุใดคนๆนั้นจึงต้องคอยปฏิเสธเขากันว่าตนนั้นไม่มีพรวิเศษอยู่เสมอกัน...
เหมือนร่างนั้นจะรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่
ใบหน้าน่ารักนั้นจึงหันกลับมามอง
เจ้าของตำแหน่งอุปราชเพียงแค่ขยิบตาให้ครั้งหนึ่งเหมือนต้องการทักทาย
ส่งให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
แต่ก็ยังอุตส่าห์หันกลับไปสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ
ถึงจะน่าเสียดายที่เขายึดสมบัตินั่นไว้ในนามของตัวเอง
แต่ในบทบาทของอุปราช เขาย่อมมีสิทธิ์ในสมบัตินั้นอยู่ดี มันก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก...
มือของเขาหยิบเอาตะเกียงที่ตนเก็บซ่อนเอาไว้ในย่ามขึ้นมามองอย่างพิจารณา
ตะเกียงเครื่องหอมที่มีรูปร่างแปลกตา เนื้อของมันทำด้วยทองเหลืองทั้งอัน และลวดลายโดยรอบถูกตกแต่งด้วยเพชรพลอยนานาชนิดที่ส่งให้ดูงดงามอย่างหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้
สมบัติที่ผู้คนต่างปรารถนา
สมบัติที่จะนำมาซึ่งความปรารถนาที่เป็นจริง
ไม่มีใครเคยรู้ว่าสิ่งนั้นจะมาในรูปแบบใด
เป็นเพียงแค่ภูตวิเศษที่สถิตย์อยู่ในสิ่งของล้ำค่าบางสิ่งเท่านั้น ...เขาเองก็เฝ้าเดินทางตามหาสิ่งนี้มานานแสนนาน
วินาทีที่ภูตน้อยออกมาจากปากของตะเกียงวิเศษนี้
อดทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อย สมบัติชิ้นนี้น่าหลงไหล ทั้งในนัยของพรที่ปรารถนา
และภูติเศษที่ดึงดูดสายตาจนไม่อาจละไปได้
รู้ตัวอีกทีความรู้สึกหลงไหลก็แล่นเข้ามาในจิตใจเสียแล้ว...
เวลาได้ล่วงเลยไปเกือบสองวัน
หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งอันยิ่งใหญ่นี้
ภูตตนนั้นดูจะกระวนกระวายกับการอยู่ที่นี่ไม่น้อย เขาไม่ค่อยเข้าใจนักกลับคำว่า'กลับบ้าน'ของเด็กหนุ่มคนนั้น
หลายครั้งที่ร่างเล็กพยายามเว้าวอนให้พาเขาหาทางออกไปจากที่นี่เพื่อกลับบ้านของตน
แต่เขามักจะใช้เหตุผลเดิมๆในการรั้งให้คนๆนั้นยังคงอยู่
'เจ้ายังให้พรข้าไม่ครบสามประการ'
หลังจากนั้นใบหน้าหวานก็จะมุ่ยเข้าหากันเสมอ
เร่งเร้าให้เขาขอพรให้ครบทั้งสามประการ
และมักจะบ่นกระปอดกระแปดว่าเขากำลังเข้าใจว่าเด็กหนุ่มเป็นตัวอะไรแปลกๆเข้าไปซะแล้ว
ใช่แล้ว... ลูฟี่กำลังคิดจะหนีออกไปจากที่นี่
แต่ตัวเองก็ดันเผลอกินอาหารไปซะเยอะและเผลอหลับไป
รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เป็นเช้าวันใหม่ของอีกวันเสียแล้ว
เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าหากกลับไปยังโลกเดิมที่เขาจากมาแล้วจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
และเขาอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้วกันแน่...
ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์อะไรนัก... แต่ก็พอจะเดาๆได้ว่า
สิ่งที่รั้งให้เขาไปไหนไม่ได้ก็คือพรอะไรซักอย่างจากผู้ชายคนเดิม
ถึงจะพยายามปฏิเสธไปซักกี่ครั้งว่าไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรทำนองนั้น
ไม่ไหวแล้วสิ... อยากกลับบ้านจังเลย
หลังจากที่ร่างสูงก้าวเท้าออกไปจากห้องเพราะติดธุระอะไรบางอย่าง
ลูฟี่ก็รีบคว้าเอาอาหารที่มีคนเข้ายกมาวางให้ทุกมื้อโกยใส่ผ้าห่มผืนใหญ่ในห้องก่อนมัดเป็นปม
โดยพื้นฐานแล้ว ก่อนการเริ่มต้นทำอะไรซักอย่างของเด็กหนุ่ม
กระเพาะนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
แต่นั่นก็นานพอจะทำให้เจ้าของห้องนั้นเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
ร่างสูงมองการกระทำของเด็กหนุ่มอย่างไม่เข้าใจนัก
แต่ร่างเล็กก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจใดๆ ยังคงคว้าเอาอาหารที่มียัดใส่ย่ามชั่วคราวต่อไป
แม้อีกคนจะมายืนอยู่ข้างหลังเขาเรียบร้อยแล้ว
“ เจ้ากำลังทำอะไรงั้นหรือ ” มัลโก้เอ่ยถามขึ้น ได้ยินเสียงเล็กตอบกลับมาโดยที่ใบหน้าหวานไม่ได้หันกลับมามอง
“ ฉันก็กำลังตุนอาหารไว้กินตอนเดินทางน่ะสิ “
คราวที่แล้วตอนออกมาจากปราสาทของเจ้าเสือนั่นไม่ได้ถืออะไรติดมือกลับมาเลย
เล่นเอาหิวแทบแย่ แต่จะไม่มีทางบอกไปเด็ดขาดว่าเขากำลังจะหนีไปในอีกไม่ช้านี้
ท้องฟ้าภายนอกเริ่มมืดลง หลังจากที่ลูฟี่นั่งรอให้ผู้ชายคนนี้ขอพรข้อที่สองมานานแสนนาน
ตัดสินใจแล้วว่าจะหนีออกไป...
“ แล้วเจ้าจะทำเช่นนั้นทำไม... ”
ดวงตาคมหรี่มองอย่างนึกสงสัย ยกมือขึ้นกอดอกพิจารณา
ภารกิจในวังพอมีให้เขาทำอยู่บ้าง ถึงแม้จะน้อยนิด
แต่ก็ทำให้ยุ่งพอที่จะไม่ได้สังเกตว่าภูตน้อยตนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่... หรือว่าคิดจะหนีออกไปจากที่นี่
“ ฉันก็จะออกไปจากที่นี่น่ะสิ ” ใบหน้าใสซื่อตอบกลับมาอย่างไม่คิดอะไร
ในที่สุดเจ้าตัวก็เผลอหลุดจุดประสงค์ออกมาจนได้
ริมฝีปากได้รูปเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างรู้ทัน
ก่อนเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มของตน
เสียใจด้วยพ่อหนุ่มน้อย... ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าหนีไปจากข้าแน่นอน...
ความคิดเห็น