ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #57 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Midnight bride(2) (Part16)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 211
      6
      5 ก.พ. 66

    Title: Candied dream : Midnight bride (2)
    Pairing: All x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 16/20

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


















     

    “ข้าบอกแล้วไงว่ามีที่ที่อยากให้เจ้าได้เห็น”

     

    “เดี๋ยวก่อน ปล่อยนะ! ฉันเดินเองได้”

     

       ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ลูฟี่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวสูงโดยไม่อาจสู้แรงได้ น้ำหนักตัวเขาไม่ได้เบาหวิวแต่คนๆนี้กลับอุ้มทั้งร่างลอยขึ้นมาจากพื้น อยู่ในท่าประหลาดเหมือนกับท่าอุ้มเจ้าหญิงที่เคยเห็นในละคร

     

    กลัวตกก็กลัว อายก็อาย ทำไมเขาจะต้องมาดิ้นรนพยายามดันหน้าอกของผู้ชายคนนี้ออกไปด้วย

     

    แปลกเกินไปแล้ว ตามนิทานที่เคยได้ยินมาเจ้าหญิงจะต้องหนีไปได้แล้วสิ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เจ้าหญิงก็เถอะ

     

       ขายาวมุ่งหน้ากลับไปยังท้องพระโรงที่เคยเดินจากมา เกิดเสียงอื้ออึงของผู้คนเมื่อภาพเจ้าชายอุ้มเด็กหนุ่มอยู่ในอ้อมแขนปรากฏแก่สายตา คนตัวเล็กทั้งพยายามดิ้นและเอามือดันใบหน้าคมคายนั้นออกห่าง จนในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมแพ้วางร่างบางลงยืนที่พื้นอีกครั้ง

     

    “ในเมื่อตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว งานอภิเษกของข้าจะจัดขึ้นในอีกสามวัน”

     

       เสียงทุ้มประกาศกร้าว สดับทุกเสียงพูดคุยทั้งห้องโถงให้เงียบสนิท เขาย้ายสายตามาจับจ้องยังใบหน้าน่ารักของคนข้างตัว นานจนคนถูกมองรู้สึกประหม่า ก่อนที่รอยยิ้มพอใจจะถูกระบายออกมา

     

    คนผู้นี้จะเป็นเจ้าสาวของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น

     

    “—ว่าไงนะ”

     

       ตั้งแต่เดินเข้างานมาครั้งแรกแล้ว สิ่งที่คนทั้งงานให้ความเกรงใจไม่ใช่เพราะเขาสวมกระโปรงแปลกตา ลูฟี่เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นเพราะสถานะอันสูงส่งของอีกฝ่าย เป็นเหตุผลว่าทำไมคำพูดของชายคนนี้ถึงได้เป็นทางการขนาดนั้น

     

       ปลายเท้าทั้งคู่ถอยหลังออกห่างจากองค์รัชทายาทโดยไม่รู้ตัว อย่างน้อยเขาก็ยังไม่อยากมาพัวพันกับเจ้าชายที่มีทหารคอยปกป้องเป็นกองทัพ แต่ก็ไม่ทันจังหวะที่คนตัวสูงคว้าข้อมือไว้ จนไม่อาจขยับหนีไปไหนได้อีก

     

    “จะไปไหนกันล่ะเจ้าหญิง เจ้าไม่ควรเดินออกไปที่อื่นโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากข้านะ”

     

    จะมาอนุย่งอนุญาตอะไรอีก ใครจะอยากเป็นเจ้าสาวกันล่ะ

     

    “อย่ามาตลกนะ” ดวงตากลมโตฉายแววแข็งกร้าว

     

       ผู้ชายในโลกนี้มันจะไม่มีใครปกติซักคนเลยหรือไงนะ คนที่ทำท่าจะดีในตอนแรกก็ดันมีบุคลิกแปลกๆซ่อนอยู่ด้วย ลูฟี่สังหรณ์ใจว่ามันน่าจะไม่ใช่ความแปลกแบบคนทั่วไปเสียด้วยสิ

     

       นิ้วเรียวพยายามแงะเอาฝ่ามือที่ใหญ่กว่าออกแต่ก็ไม่เป็นผล กลับกำข้อมือของเด็กหนุ่มแน่นกว่าเดิมจนต้องนิ่วคิ้วเข้าหากัน เจ้าชายคนนี้ไม่ได้พูดเล่น เขากะจะให้แต่งงานจริงๆโดยไม่ทันได้ขออนุญาตก่อนด้วยซ้ำ มืออีกข้างของลอว์เลื่อนมาสัมผัสข้างแก้มนิ่มอย่างทะนุถนอม ดวงตาคู่คมทอดมองมาราวกับอยากจะกลืนลูฟี่ไปทั้งตัวถ้าทำได้ตอนนี้

     

    เจ้าเป็นของข้าผู้เดียวเท่านั้น” แต่เด็กหนุ่มรีบสลัดใบหน้ากลมมนออกจากการเกาะกุม

     

    “ฉันกับนายมีเรื่องต้องคุยกัน”

     

       ยิ่งเห็นดวงตากลมโตแสดงความดื้อดึง ยิ่งทำให้รอยยิ้มพอใจระบายบนใบหน้าหล่อเหลา คนตัวสูงไม่ได้มีท่าทีสนใจคำพูดของเขา กลับเปลี่ยนสายตาไปมองผู้คนในงานที่กำลังปรบมือแสดงความยินดีกับความฝันที่เป็นจริงได้เสียที

     

    “เอาไว้หลังงานนี้จบก็แล้วกันนะ”

     

     

     

     

     

     

       ไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าชายคนนั้นอยากให้เห็นคืออะไร บรรยากาศภายในงานหรือห้องที่เขาอยู่ในตอนนี้ ลูฟี่โดนจูงมือกึ่งบังคับให้เดินตามเข้ามาในห้องนอนห้องหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะถูกจัดเตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ การตกแต่งทุกอย่างดูระยิบระยับเสียจนไม่กล้าแตะต้อง ไม่เปิดโอกาสให้หนีไปไหน ลอว์ก็ใช้ร่างสูงของตัวเองยืนบังประตูจนมิด

     

    “มีอะไรอยากคุยกับข้างั้นหรือ” ชายหนุ่มเปิดประเด็นเมื่อเห็นสายตาของคนน้องมัวแต่จ้องไปที่ประตู ตากลมโตเลื่อนมามองที่ใบหน้าของเขา ดวงตาคู่นี้ที่ไม่ว่าเมื่อไรเขาก็ชอบมันเหลือเกิน

     

    “ฉันจะไม่แต่งงานกับนาย”

     

       น้ำเสียงแน่วแน่ทำให้คนฟังเงียบไป เขาจูงมือคนตัวเล็กมาหยุดหน้าเตียงกว้าง ก่อนฝ่ามือทั้งสองข้างจะกดลงที่บ่าให้นั่งลงตามความต้องการของตน

     

    “บอกเหตุผลได้หรือไม่ เหตุใดเจ้าจึงไม่อยากอภิเษกมากถึงขนาดนั้น”

     

    “ฉันไม่รู้จักนาย นายเองก็ไม่รู้จักฉัน นายยังไม่รู้ชื่อฉันด้วยซ้ำ”

     

    “แต่ข้ารักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น” ชายสูงศักดิ์ทิ้งตัวลงนั่งในท่าชันเข่าข้างหนึ่ง ดวงตาคู่คมจับจ้องไปยังใบหน้าน่ารัก เขาคว้ามือนิ่มมาไว้ตรงหน้า ก่อนประทับจุมพิตลงไปอย่างอ่อนโยน สัมผัสนุ่มหยุ่นและสายตาที่เจือไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งทำเอาลูฟี่ปั้นสีหน้ากลับไปไม่ถูก

     

    เกิดมาเพิ่งจะเคยโดนสารภาพรัก แต่ทำไมคู่กรณีถึงเป็นผู้ชายไปได้ล่ะเนี่ย

     

     

    “แต่ฉันไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น”

     

       อีกฝ่ายไม่ละความพยายามที่จะปรนนิบัติพัดวี เขาคว้าเอาข้อเท้าของคนน้องมาอยู่ในมือ บรรจงถอดรองเท้าหุ้มส้นออกทีละข้างให้อย่างทะนุถนอมจนคนตัวเล็กกล่าวปฏิเสธแทบไม่ทัน

     

    “ถ้าเจ้าเอาแต่ปฏิเสธ ข้าอาจจะขาดใจตายจริงๆก็ได้”

     

       เขาแทบสำลักอากาศตายตรงนี้ ทั้งที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ก็เหมือนจะทนฟังคำพูดคำจาของคนตรงหน้าได้อีกไม่นาน ยิ่งเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาอย่างเว้าวอน หัวใจมันก็พาลตุ้มๆต่อมๆไปตาม

     

       แต่บรรยากาศกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกก็พลันเป็นอันต้องจบลงตรงนั้น เมื่อเสียง กริ๊ก ดังเข้าสู่โสตประสาท พร้อมน้ำหนักที่ถ่วงให้ขาข้างหนึ่งลู่ตกตามแรงโน้มถ่วง ความรู้อึดอัดกอบกุมรอบข้อเท้า ก่อนที่ดวงตากลมโตจะสังเกตเห็นโซ่โลหะที่พาดยาวไปเชื่อมกับขาเตียง

     

    “นายทำอะไรเนี่ย! แกะออกเลยนะ”

     

       กว่าจะทันรู้ตัว เด็กหนุ่มที่โดนดึงความสนใจจากคำพูดและแววตาก็โดนพันธนาการไว้ด้วยโซ่เส้นหนึ่งเสียแล้ว เจ้าของผลงานเพียงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาบางๆ สายตาคู่เดิมดูจะพอใจกับใบหน้าถอดสีของคนน้องพอสมควร

     

    “เพราะฉะนั้นข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าหนีไปอีกแล้ว”

     

     

     

     

     

     

       พระเจ้าสร้างพวกเขาให้มีหน้าที่ มีบทบาทและความรู้สึกนึกคิด แต่สิ่งหนึ่งที่คนผู้นั้นพลาดไปคือการปล่อยให้พวกเขารับรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงตัวละครหนึ่งในนิทานเท่านั้น

     

    เมื่อรับรู้ความจริงข้อนั้น ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น เมื่อเริ่มมีใครคนหนึ่งต้องการจะฝืนเนื้อเรื่องที่ควรบรรจบลงเช่นในบทประพันธ์

     

       ลอว์รู้ดีว่าการแต่งงานไม่ใช่การประกันว่าเจ้าหญิงจะอยู่กับเขาตลอดไป แต่เวลาที่เคยหยุดนิ่งของโลกนี้กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เขาอยากจะเอาชนะใจเด็กคนนี้ให้ได้ และไม่ได้คิดจะทำอะไรเกินเลยหากอีกฝ่ายไม่อนุญาต

     

       ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ก็ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้ ความรักของเขามันมากพอจะกักขังและเก็บคนน้องไว้ใกล้ตัว เจ้าตัวทั้งน่ารักและน่าทะนุถนอมเสียขนาดนั้น มีแค่เขาที่จะดูแลน้องอย่างดีได้

     

    เมื่อฟันเฟืองหนึ่งเริ่มหมุน กลไกต่างๆจึงค่อยๆถูกกระตุ้นให้ทำงาน กระแสเวลาที่มีกำลังปั่นป่วน และเนื้อเรื่องทุกอย่างจะไหลมารวมกันเป็นเหตุการณ์เดียว

     

       องค์รัชทายาทวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมงานอภิเษก เมื่อคืนหลังจากส่งคนตัวเล็กสู่ห้องนอนได้ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เขาใช้เวลาว่างหลังจัดการภาระงานเพียงไม่นานกับการพาคนที่รอคอยมาเดินเล่น

     

       เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มคือสวนดอกไม้ของพระราชวังที่ประดับไปด้วยพันธุ์ไม้หลากหลาย ดอกกุหลาบหลากสีสันกำลังเบ่งบานประชันความงดงาม แม้จะไม่ได้กว้างขวางเหมือนที่ที่เคยจากมา แต่ก็ทำให้อดนึกถึงไม่ได้

     

    ที่นี่ไม่มีสินะ… กุหลาบสีน้ำเงินแบบนั้น

     

    “ทำไมนายถึงต้องการให้ฉันอยู่ด้วยขนาดนั้น มันจำเป็นต้องเป็นฉันเท่านั้นหรอ” เอ่ยขึ้นขณะที่เอื้อมไปสัมผัสดอกไม้ตรงหน้า มืออีกข้างของเขาถูกคว้าไปกุมเอาไว้โดยไม่ให้ทันตั้งตัว เจ้าชายคนนี้ทำราวกับว่ามันเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้เข้ามาจับตลอดเวลา ทั้งสายตาละห้อยราวกับโลกจะแตกให้ได้เสียวันนี้นั่นก็อีก

     

    “เพราะข้ารักเจ้าเหลือเกิน รักจนคิดว่าหากเสียเจ้าไปคงขาดใจ”

     

    ใครเป็นคนสอนให้ผู้ชายคนนี้ใช้แต่คำพูดแบบนี้กันนะ…

     

    ลูฟี่รีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป ใช้ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความจริงจัง

     

    “ต่อให้นายรัก ไม่ได้หมายความว่านายจะบังคับให้คนๆนั้นรักนายตอบได้ซักหน่อย”

     

    “ฉันไม่ใช่สิ่งของๆใคร ฉันมีชีวิตเป็นของตัวเองนะ”

     

       ท่าทีของคนตัวสูงชะงักไป เป็นความจริงเช่นกันว่าเขาเอาแต่นึกถึงความต้องการของตัวเองจนไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนตรงหน้า สีหน้าที่เคยสดใสดูหมองลงทันตา เพียงหยิบดอกไม้ช่อหนึ่งที่ตั้งใจเก็บรวบรวมมายื่นให้เจ้าของใบหน้าหวาน

     

    “ถึงข้าจะรู้อย่างนั้น แต่ก็ไม่อยากให้เจ้าหายไป” เขารู้ดีว่าวันหนึ่งเจ้าหญิงจะไม่ได้อยู่กับเขาอีกแล้ว เรื่องราวมันถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนั้น

     

    “อยู่กับข้าอีกซักนิดได้หรือไม่”

     

       ดวงตาสีดำทอดมองช่อกุหลาบที่รับมาไว้ในมือพร้อมความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปแอบเก็บมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ดูเหมือนจะถูกคัดเลือกมาแต่ดอกที่เบ่งบานเต็มที่และสีสันสวยงาม

     

       ความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แล่นเข้ามาทำให้เผลอชักมือออกอย่างรีบร้อน เมื่อหนามกุหลาบที่ซ่อนอยู่ในความงดงามนั้นดันบาดเข้ากับปลายนิ้วเรียวของผู้ถือจนปรากฏเป็นหยดเลือดสีแดงสด เมื่อเห็นดังนั้นคนพี่จึงไม่รอช้าที่จะคว้ามือเล็กๆนั้นไว้ หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาบรรจงซับให้อย่างทะนุถนอม

     

    ลูฟี่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ล้อเล่น จากการกระทำและแววตาห่วงใยของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา

     

    แต่เขายังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นให้ใครมาก่อนเลยนะ…

     

       เห็นคนแสดงสีหน้าไม่ถูกก็อดทำให้หลุดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ถึงจะเข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการจะสื่อ แต่ก็ถอยหลังแล้วไม่ได้เช่นกัน

     

    “พรุ่งนี้เจ้าต้องเข้าพิธีอภิเษกกับข้า เตรียมตัวให้พร้อมเถิด”

     

    แต่งงานอีกแล้ว

     

    การแต่งงานไม่ใช่ตอนจบที่สมบูรณ์แบบเสียหน่อย…

     

       ทันทีที่คิดแบบนั้น ความรู้สึกวิงเวียนก็แล่นเข้ามาจนเซถลาไปพิงร่างที่สูงใหญ่กว่าตนอย่างหมดทางเลือก คนเป็นเจ้าชายรีบประคองร่างบอบบางนั้นอย่างระมัดระวัง ใบหน้าคมคายก็ดูจะตกใจไม่น้อยเช่นกัน

     

       ราวกับพลังชีวิตกำลังถูกดูดไป… เขาไม่ใช่คนที่กลัวเลือดถึงขนาดเป็นลมล้มพับไปเสียหน่อย แต่อยู่ๆทั้งร่างมันก็อ่อนเพลียไปดื้อๆซะอย่างนั้น

     

       เด็กหนุ่มถูกพามาส่งถึงห้องนอนอย่างปลอดภัย ทันทีที่หัวถึงหมอนสติมันก็เหมือนจะเลือนลางไปทั้งอย่างนั้น อาหารก็ทานครบมื้อไม่มีขาด จะว่าเป็นลมเพราะหิวข้าวก็ไม่น่าใช่

     

    หนามกุหลาบอันเดียวทำไมทำให้เป็นได้ถึงขนาดนี้ล่ะเนี่ย

     

       ร้อนใจถึงคนเป็นเจ้าชายต้องรีบไปตามแพทย์ประจำพระราชวังให้เข้ามาดูอาการ เมื่อไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงทำได้เพียงปล่อยให้น้องได้พักผ่อนอย่างเพียงพอก็เท่านั้น

     

    สังหรณ์ใจถึงเหตุการณ์ต่อไปว่าคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนักแล้วสิ…

     

     

     

     

     

     

       เปลือกตาและร่างกายมันหนักอึ้งไปหมด เด็กหนุ่มสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเพราะแสงสว่างที่แยงเข้าตา ได้กลิ่นทะเล กลิ่นดินและความชื้นราวกับไม่ใช่สถานที่ที่เพิ่งเคลิ้มหลับไปล่าสุด ทันทีที่ดวงตากลมโตเปิดมาได้เต็มดวง ร่างบางก็ต้องดีดตัวขึ้นนั่งกับทัศนียภาพเบื้องหน้าด้วยความตกใจ

     

       ลานบูชายัญที่สลักจากหิน…คุ้นตาราวกับเป็นลานเดียวกันที่เคยส่งเขาไปในตะเกียงประหลาดๆนั่น อัญมณีสีเขียวอันเดิมยังเสียบคาเอาไว้ที่เสาหินอยู่เลย


    ทำไมถึงตื่นมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย…

      

       เขารู้สึกสับสนกับเหตุการณ์มากมายที่เคยเจอจนเผลอคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อช่อดอกกุหลาบที่เจ้าชายเที่ยงคืนเคยมอบให้ดันวางแหมะอยู่ข้างตัวเป็นการตอกย้ำว่านี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น

     

    วาร์ปมาอีกแล้ว… จนเด็กหนุ่มเริ่มชินแล้วว่านี่คงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดม่านเข้าสู่นิทานเรื่องใหม่

     

    “เป็นเพราะเจ้านี่ยังไงล่ะที่เรียกเธอมา”

     

       เสียงที่คุ้นหูเป็นตัวดึงความสนใจคนตัวเล็กให้หันไปมอง ร่างสูงใหญ่ในชุดหนังสีชมพูยืนชี้ไปยังกองดอกไม้ที่สภาพย่ำแย่จนไม่น่ามอง เขาบ่นพึมพำอยู่คนเดียวว่า ทำไมถึงกลับมาที่นี่ได้ ผมแอฟโฟรยังคงฟูฟ่องเน้นให้ศีรษะของเจ้าตัวดูใหญ่ผิดปกติ

     

    อิวาน คอฟคนดีคนเดิมยังไงล่ะ

     

    “เป็นโชคชะตาของเธอที่ต้องมาที่นี่น่ะสิ”

     

    “นายอีกแล้วหรอ!” ลูฟี่รีบดีดตัวขึ้นยืนพร้อมใบหน้ายุ่ง หนที่สองแล้ว ที่เจอคนๆนี้แล้วเจอแต่เรื่องประหลาดๆตามมา เขามักปรากฏตัวในช่วงเวลาที่กำลังสับสน และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใช่คนธรรมดาเสียด้วย

     

    “นายเป็นเป็นใครกันแน่ ฉันไม่เชื่อใจนายอีกแล้ว”

     

    คำก็โชคชะตา สองคำก็โชคชะตา ชีวิตของเขาเหมือนโดนดึงไปโน่นทีนี่ทีจนสับสนไปหมด

     

    “เจ้าชายนั่นพยายามฝืนกฎ เรื่องถึงได้จบแบบนี้ยังไงล่ะ” เห็นคนน้องพยายามตั้งการ์ด อิวาน คอฟก็รีบเอาตัวมายืนบังทางหนีเอาไว้ เขามองเด็กตรงหน้าด้วยความสงสารระคนเอ็นดู

     

       จะว่าสงสารก็สงสาร ยังดีที่เจ้าตัวไม่สติแตกไปเสียก่อนที่ต้องมาคอยปรับตัวกับเรื่องใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา วิ่งหนีคนนั้นทีคนนี้ที เป็นเจ้าหญิงที่ได้รับความรักอย่างล้นหลามมากเกินไปสินะ

     

    “รีบไปจากที่นี่กันเถอะ เธออยากให้โจรสลัดนั่นมาเจอหรือไง”

     

       คำว่า โจรสลัดดึงความสนใจให้เจ้าของใบหน้าหวานชะงัก ลูฟี่ยังจำเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทุกอย่างกับตัวเองได้ ทั้งขึ้นเรือและไปเตะต่อยกับโจรสลัดมา เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปแน่นอน

     

       พอนึกถึงผู้ชายเจ้าของมือตะขอ กับใครอีกคนที่สวมผ้าคลุมขนเฟลอร์สีหวานก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา คนตัวใหญ่ทั้งคู่เล่นลากเขามาลานบูชายัญแล้วทำอะไรที่ไม่เข้าใจ ขืนกลับไปเจออีกอาจจะโดนสังเวยกับพิธีกรรมอะไรอีกก็ได้

     

    ต่อให้บอกว่ารีบไปก็เถอะเขาจะหนีไปที่ไหนได้อีกล่ะ

     

    “ไม่มีเวลาแล้ว ฉันรู้ทางที่จะพาเธอออกไป”

     

       ราวกับกำลังตอบความสงสัยนั้น เจ้าของผมฟูฟ่องที่เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเด็กหนุ่มก็รีบคว้าข้อมือเล็กไว้ ก่อนดึงตัวให้เดินตามเข้าไปในป่าที่เริ่มมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เสียงคลื่นและลมทะเลตีเข้ากระทบฝั่ง ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไร เสียงคลื่นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

     

    “ต้องกระโดดลงไปแล้วนะ”

     

       ปลายเท้าทั้งคู่พามาหยุดตรงหน้าผาสูงชัน เบื้องล่างคือผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มันคือมหาสมุทรสีครามล้อมกรอบด้วยเส้นขอบฟ้าสีสดใสไร้เมฆบัง ความสูงนั้นมากมายขนาดที่ก้าวเท้าพลาดไปนิดเดียวก็อาจจะตายได้เลย

     

    “ไม่เอาหรอก! ฉันว่ายน้ำไม่เป็นซักหน่อย”

     

    ว่ายน้ำไม่เป็นน่ะเรื่องจริง แต่เรื่องที่ไม่อยากกระโดดลงไปก็เรื่องจริงเหมือนกัน

     

    ต่อให้ไม่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างยังไง เขาก็ยังไม่ได้อยากตายตอนนี้นะ

     

    แซกแซก

     

       เสียงพงหญ้าที่โดนแหวกตามแรงเสียดสีทำให้สีหน้าของเจ้าของผมฟู่ฟ่องเปลี่ยนเป็นความตกใจ ปลายเท้าของใครคนหนึ่งกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้และมีเป้าหมายเพื่อตามหาคนๆหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย เป็นการเตือนให้รู้ว่าไม่เหลือเวลาให้ตัดสินใจอะไรอีกแล้ว

     

    “ขอโทษนะลูฟี่คุง ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

     

    —เหวอ!

     

       ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว ลูฟี่เผลอร้องออกมาเสียงดังเมื่อทั้งร่างของเขาลอยหวือตกลงสู่ผิวน้ำตามแรงโน้มถ่วงของโลก แรงผลักที่ส่งมาจากฝ่ามือของอิวาน คอฟประทับลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างจังจนรู้สึกชาไปหมด

     

       แพขนตาหนาปิดลงแน่นจนกลายเป็นการหลับตาปี๋ เสียงเล็กโวยวายออกมาอย่างลืมตัว ก่อนที่ทั้งร่างจะปะทะเข้ากับผิวน้ำและจมเข้าสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรอย่างเชื่องช้า

     

       เด็กหนุ่มมองเห็นบรรยากาศใต้น้ำได้อย่างชัดเจน ผืนน้ำอันเงียบสงบที่มีแสงแดดสาดส่องลงมาเป็นสายอย่างอ่อนโยน ปะการังที่กำลังพัดโบกไปตามกระแสน้ำ และฝูงปลาที่แตกกระเจิงจากร่างของเขาที่กำลังร่วงหล่นลงสู่พื้นทรายทีละนิด

     

       ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกก็อยากจะหยุมหัวฟูๆนั่นซักที ทำไมชอบพาเขามาเจอเรื่องประหลาดอย่างไม่เว้นจังหวะให้หายใจนักนะ

     

    เรี่ยวแรงที่มีตอนนี้แค่จะทรงตัวขึ้นไปสู่ผิวน้ำเองก็ยังทำไม่ได้

     

    สติของลูฟี่ดับวูบลงไปอีกครั้งอย่างไม่อาจต้านทานได้

     

     

     

     

     

     

       ขณะเดียวกัน ณ ปราสาทของเจ้าชายทราฟาลก้าที่กำลังจัดเตรียมงานอภิเษกให้แก่เจ้าหญิงคนสำคัญ เหลือก็เพียงเวลาพักฟื้นอย่างเพียงพอของคนน้อง รอให้แน่ใจว่าเจ้าสาวของเขาน่าจะได้เวลาตื่นจากนิทราแล้ว ร่างสูงจึงเปิดประตูเข้าไปเยี่ยมเยือนด้วยความห่วงใย

     

       แต่แล้วความว่างเปล่าของห้องนอนและบรรยากาศอันเงียบเหงาก็ทำให้ทั้งร่างของชายหนุ่มมึนชาไปชั่วขณะ เมื่อเตียงนอนที่ควรจะพบร่างที่น่าทะนุถนอมกลับปรากฏเพียงกลีบกุหลาบที่ร่วงหล่นอยู่ประปราย โซ่เหล็กที่เคยพันธนาการข้อเท้าเล็กเอาไว้ไม่ได้ถูกปลดออก เพียงถูกวางไว้ที่พื้นเฉยๆก็เท่านั้น เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนของค่ำคืนนี้ดังระงมอยู่ในหู ราวกับต้องการตอกย้ำความจริงที่ไม่ว่าตัวละครใดในนิทานก็ไม่อาจฝืนกฎเหล็กข้อนี้ไปได้

     

    งานแต่งงานของซินเดอเรลล่าไม่ได้เกิดขึ้น

     


    เจ้าหญิงเพียงหายไปในความมืดมิดของยามเที่ยงคืนที่แม้แต่เจ้าชายก็ไม่อาจติดตามไปได้อีก

     

     

     

     

     

     

    เพียงแค่ผีเสื้อขยับปีกก็อาจสะเทือนไปถึงดวงจันทร์

    แม้เทพนิยายต่างๆจะถูกกำหนดตอนจบให้ไร้ความสมหวัง

    แม้ซินเดอเรลล่าจะไม่ได้เคียงคู่กับเจ้าชายดังตอนจบอันงดงาม

    แต่ความเปลี่ยนแปลงของเส้นเวลากำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

     

     

      

     





    อุแงงง สงสาร มันไม่มีใครจะสมหวังได้เลยสินะ;-;
     
    พระเจ้านี่โหดร้ายจริงๆเลยนะคะ55555//ตีมือตัวเอง
    จริงๆพระเอกของแต่ละตอนเขามีพฤติกรรมที่ไม่ควรลอกเลียนแบบอยู่นะคะ
    คนอย่างลอว์ในฟิคนี้คือคนที่น่ากลัวเลยนะถ้าได้เจอในชีวิตจริง;-;
    ไรเตอร์อยากให้พวกเขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าไม่ควรไปทำอย่างนี้กับใครผ่านฟี่ของเรา;-;
    แต่ยัง มันยังไม่จบหรอกค่ะทุกคน อิอิ

    นี่แหละ หายไปหลายปี ภาษาก็เปลี่ยน รู้สึกว่าเนื้อหาอัดแน่นมาก
    ยิ่งแต่งยิ่งยาวค่ะ มาลุ้นกันดีกว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
    ตอนนี้เส้นเรื่องของนิทานเริ่มจะรวนไปหมดแล้วค่ะ


    แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ:)

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×