ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #68 : ◣Fanfic◥ [LawxLuffy] Remembrance [Part 2]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 159
      6
      21 ก.ย. 66

    Title: Remembrance
    Pairing: Law x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 2/5
    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

















     


     ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้...

     

    จำคนอื่นไม่ได้เลยนี่ว่าแย่แล้ว นี่จำกระทั่งตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...

     

          หลังจากที่บอกว่าจำตัวเองไม่ได้ หมอคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ประคองเขาจนกลับมานอนที่เตียงอีกครั้งจนได้ จากนั้นก็หยิบรายงานแล้วเดินออกไปจากห้องเฉยๆโดยไม่พูดอะไรซักคำให้สงสัยเล่น...


    ป็นหมอที่แปลกตั้งแต่เจอกันครั้งแรก จนตอนนี้ก็ยังคิดว่าเขาแปลกอยู่ดี...

     

          นั่นคือเรื่องราวของเมื่อวาน คนตัวเล็กได้แต่นั่งขมวดคิ้วยุ่ง สับสนกับตัวเองอยู่นานสองนาน เมื่อพักใหญ่ๆก่อนหน้านี้ มีคนรุ่นราวคราวเดียวกับเขาสี่คนที่ไม่คุ้นหน้าเอาซะเลยเข้ามาเยี่ยมและทักทาย ดูเหมือนจะสนิทกับเขาไม่น้อย ...แต่ก็น่าเสียดายที่ความทรงจำนั้นกลับไม่มีอยู่ในหัวเลย

     

          ผู้หญิงตัวสูงผมยาวหยักศกสีส้ม ที่ทำหน้าประหลาดใจมากตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาเจอเขากำลังนั่งอยู่ เธอวิ่งเข้ามาหาเขาแทบจะทันที เกือบจะยกมือบางขึ้นมาตบหัวเขาแล้ว ถ้าไม่ติดว่าผู้ชายจมูกยาวที่วิ่งตามเข้ามายื้อไว้ทันแล้วเตือนว่าเขากำลังความจำเสื่อมอยู่

     

          ผู้ชายหน้าตาโหดๆสองคน คนหนึ่งผมสีเขียวเหมือนต้นหญ้า กับอีกคนที่ผมสีทอง และคิ้วที่ขดม้วนจนแอบประหลาดใจ เอาแต่ยืนทะเลาะกันตลอดเวลาตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้อง แต่แวบหนึ่งก็พากันหันมามองที่เขาพร้อมสายตาเจ็บปวด

     

    'ลูฟี่... ชื่อของนายคือลูฟี่นะ' ผู้หญิงผมสีส้มคนเดิมเอ่ยขึ้น เธอจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาก่อนจ้องนิ่ง คนตัวเล็กจึงได้แต่แสดงสีหน้างงๆกลับไปแค่นั้น

     

    'ลูฟี่...?'

     

    เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักชื่อตัวเองซักที... เพราะหมอคนนั้นก็ไม่ยอมพูดอะไรซักอย่างเลย

     

    ' ฉันชื่อนามิ ผู้ชายจมูกยาวๆคนนี้คืออุซป ส่วนเจ้าหัวเขียวตรงนั้นชื่อโซโล คนผมทองชื่อซันจิคุง' เขาทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปรัวๆ พยายามจดจำรายละเอียดของแต่ละคนเอาไว้ในสมองให้มากที่สุด

     

    'พวกเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมเลยนะ นายรู้มั๊ยลูฟี่' เป็นเสียงของผู้ชายคิ้วม้วนหรือซันจิที่เอ่ยขึ้น แต่ก็ต้องส่ายหน้ากลับไปเป็นคำตอบ

     

    เขาจำอะไรไม่ได้เลย...

     

          เหล่าคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนอยู่เล่นกับเขาพักหนึ่ง ชวนคุยอะไรสัพเพเหระอยู่ซักพักก็กลับไป เขาได้ความมาแค่ว่าตัวเองชื่อลูฟี่ มีเพื่อนสนิทกลุ่มใหญ่ตั้งแต่ประถม เขาเป็นคนที่ซื้อบื้อมากๆ และกินล้างกินผลาญที่สุด จนกระทั่งพวกเขารู้ข่าวว่าตัวเองประสบอุบัติเหตุจึงมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆจนได้สติกลับมา และกินแอปเปิ้ลจำนวนสามสี่ลูก

     

          กลับมาที่ปัจจุบัน สมองของเด็กหนุ่มก็ยังคงขาวโพลน ทำได้แค่มองผู้คนที่พากันทำสีหน้าเจ็บปวดให้เท่านั้น เขาทำอะไรไม่ได้เลยจนกว่าความทรงจำจะกลับมาทั้งหมด... แอบรู้สึกเบื่ออยู่นิดหน่อย ...

     

    จริงๆแล้วเบื่อมากๆเลยต่างหากที่ต้องทนอุดอู้อยู่ในห้องผู้ป่วยแบบนี้ตลอดเวลา ด้วยเหตุผลที่ว่าอาการของเขายังไม่ดีพอที่จะลุกออกไปเดินได้

     

    และนั่นก็เป็นคำสั่งจากคุณหมอที่เอาแต่เงียบและออกคำสั่งเขาอยู่สถานเดียว...

     

          เลยได้พอรู้มาอีกอย่างว่าตัวเองคงเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบฟังคำสั่งของใครนัก เพราะแอบเดินเล่นอยู่ในห้องมาตั้งหลายรอบแล้ว พยายามเปิดทีวีดูหรือต่อให้กระโดดโลดเต้นยังไง (ถึงจะยังทำไม่ได้ขนาดนั้น) มันก็ยังน่าเบื่อเกินไปอยู่ดี

     

    เฮ้อ... ” นั่งเท้าคางลงกับแขนข้างหนึ่งที่วางอยู่บนตักในท่าขัดสมาธิ พร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดพันกันยุ่ง ไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีอีกร่างเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

     

    อะ..! ”

     

          ข้อมือเล็กถูกคว้าออกมาวางด้านข้างจนทำให้คางตกลงและลำตัวโงนเงนจนเกือบจะล้ม แต่ก็มีมือหนาช่วยพยุงเอาไว้อยู่ มืออีกข้างของคนมาใหม่คว้าเอาขาของเขาที่นั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิยืดตรงออกทีละข้างจนกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มกำลังนั่งอยู่ในท่าเหยียดขา ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนเจ้ากี้เจ้าการคนนี้ด้วยความสงสัยปนหงุดหงิดเล็กๆ แล้วก็ต้องแปลกใจกับใบหน้านิ่งๆนั่น

     

    ถ้านั่งท่านั้นมันจะทำให้บาดแผลของนายฉีกขาดได้ง่าย ...ไม่รู้หรือไง เสียงทุ้มของหมอทราฟาลก้าเอ่ยขึ้นตอบข้อสงสัย มาทีไรก็ชอบทำให้เขาตกใจอยู่ตลอด ใจคอนี่กะจะไม่ให้ขยับเขยื้อนตัวเลยหรือไงกันนะ ...อีกอย่าง เขาไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นนี่นา

     

    ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะน่า... แผลแค่นี้ฉันรู้ดี เมื่อกี๊ก็ยังลงไป...! ” ...ยังลงไปเดินเล่นอยู่เลย

     

          ปากเล็กของคนเถียงหมอพลันหุบฉับลงทันที นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองดันทำสิ่งที่หมอคนนี้สั่งห้ามไปซะแล้ว จนเกือบจะหลุดปากพูดไป สรรพนามที่ใช้พูดคุยก็พลอยเปลี่ยนไปตามอารมณ์หงุดหงิดของคนตัวเล็กไปโดยไม่รู้ตัว

     

    เมื่อกี๊นายจะพูดว่าอะไรนะ... ” สายตาเย็นๆจ้องมาที่ใบหน้าหวานนิ่งซะจนแอบคิดไปว่ามันดูน่ากลัว คนตัวเล็กพยายามคงสีหน้านิ่งเฉยเอาไว้ ดวงตากลมโตค่อยๆเลื่อนหลบสายตาคมของอีกฝ่ายมาด้านข้าง หวังว่ามันคงจะเนียนจนอีกฝ่ายเชื่อได้

     

    เปล่า... ไม่มีอะไรทั้งนั้น

     

    งั้นหรอ นายลงไปทำอะไรนะ... ” ยิ่งทำให้ใบหน้าคมคายนั้นยื่นเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เพิ่มเติมคือมือหนาที่เข้ามาล็อกคางเขาให้หันกลับไปมอง แต่ดวงตากลมโตนั้นก็เบนสายตาออกไปด้านข้างโดยอัตโนมัติ เหงื่อเม็ดเล็กพลันผุดขึ้นมา

     

    ไหนว่าแผลจะฉีกยังไงเล่า... ล็อกคางเขาซะขนาดนี้

     

    ..ไม่มีอะไร ผมบอกว่าไม่มีอะไรไง ริมฝีปากบางยู่เข้าหากันตามประสาคนโกหกไม่เนียน ลูฟี่รู้สึกว่าเวลานี้คนแบบคุณหมอคนนี้ช่างมีแรงกดดันมหาศาล อีกซักพักเขาคงโดนซักจนเปื่อย จนกว่าจะเผยความจริงออกมาแหงๆ

     

    จ๊อก...

     

    อ๋า... ”

     

    เสียงที่เหมือนจะมาช่วยขัดจังหวะการจับผิดดังขึ้นได้อย่างถูกเวลา ไม่ใช่เสียงจากที่ไหนไกลเลย... ท้องของคนร่างบางนี่แหละ

     

    หิวจังเลย หมอว่ามั๊ย ! ” ริมฝีปากบางเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกลบเกลื่อนที่ยิ้มจนตาแทบจะปิด ยกมือเล็กขึ้นมาลูบท้องตัวเองประกอบ จนคนตัวสูงต้องตัดสินใจปล่อยมือออกจากคางมนของเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย

     

    เฮ้อ... ”

     

          ลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกมาพร้อมใบหน้าคมคายที่แสดงอาการเหนื่อยใจ คนตัวสูงคว้าเอารายงานที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาถือ ก่อนจะนำสายตาเหนื่อยๆนั้นมองไปยังใบหน้าของผู้ป่วยในการดูแลอีกครั้ง

     

    รออยู่นี่เฉยๆ... เดี๋ยวฉันจะเอาอาหารเข้ามาให้ ว่าเพียงแค่นั้น ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะก้าวออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผู้ป่วยความจำเสื่อมได้แต่ทำหน้างุนงง

     

    ผู้ชายคนนี้... แสดงสีหน้าอื่นนอกจากการขมวดคิ้วยุ่งๆก็ได้อย่างนั้นหรอ...?

     

          เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที... คนเป็นหมอก็กลับมาพร้อมกับถาดอาหารจำนวนหนึ่งถาดในมือ เดินตรงมายังเตียงผู้ป่วยของเด็กหนุ่มที่อุตส่าห์ยอมทนเป็นเด็กดี ไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหนเพราะมีอาหารเป็นตัวประกันอยู่ โต๊ะสำหรับทานอาหารบนเตียงถูกเลื่อนมาวางตรงหน้าร่างบาง และจานชามที่ถูกวางลงบนนั้นอีกทีตามลำดับ

     

          ดวงตากลมโตพราวระยับขึ้นมาทันทีเมื่ออาหารอยู่ตรงหน้า มือบอบบางเตรียมตัวจะหยิบช้อนขึ้นมาจัดการภารกิจอย่างเต็มที พลันโดนมือหนาของใครอีกคนหยุดไว้ก่อน ก่อนที่ร่างนั้นจะคว้าเอาช้อนเข้ามาถือไว้เอง ยิ่งทำให้คิ้วเรียวขมวดหากันด้วยความไม่เข้าใจ

     

    อะไรอีกอะ... ผมนั่งเฉยๆรอคุณหมอแล้วนะ สาบานเลย! ” ใบหน้าหวานแสดงความขึงขัง

     

    เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง แผลนายอาจจะฉีกอีกก็ได้ใครจะรู้ ยกเหตุผลขึ้นมาข่ม พลันสายตาของคนตัวเล็กก็จ้องกลับมาเหมือนจะโมโห

     

    ผมกินเองก็ได้ ไม่เห็นต้องป้อนเลย

     

    เขาแค่เป็นแผลที่แขน ไม่ได้แขนหักหรือพิการซักหน่อย...

     

          แต่คนตัวสูงกว่าก็หาได้ฟังไม่ มือข้างที่ถือช้อนอยู่ตักเอาข้าวต้มที่อยู่ในชามขึ้นมาพอดีคำ ก่อนจะยื่นช้อนนั้นไปจ่อไว้ใกล้ๆริมฝีปากบางของอีกฝ่าย

     

    อ้าปากซะ... จะกินมั๊ย เก๊กใบหน้าขรึม คนตัวเล็กแสดงสีหน้าเหมือนคนไม่พอใจ แต่ก็ยอมอ้าปากกลืนข้าวต้มคำนั้นเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ ทิฐิหรือจะสู้ความหิวของเขาได้

     

    หึ... ”

     

           ริมฝีปากหนาของคนเป็นแพทย์เผลอยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมาหลังจากแกล้งคนตัวเล็กตรงหน้าได้สำเร็จ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าของคนตัวสูงด้วยติดจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร จึงหันกลับไปสนใจอาหารที่คุณหมอกำลังป้อนให้เหมือนเดิม

     

    คิดไปเองหรือเปล่านะ... ว่าเมื่อกี๊เหมือนเห็นหมอยิ้มด้วยล่ะ

     

    คิดไปเองแน่ๆ...

     

    มังกี้ ดี ลูฟี่

     

    “ ….? ” อยู่ๆเสียงนุ่มทุ้มนั้นก็เอ่ยชื่อที่เด็กหนุ่มรู้สึกคุ้นหูขึ้นมา แต่เจ้าตัวก็ทำได้เพียงแค่การทำสีหน้างุนงงอยู่เหมือนเดิม

     

    ชื่อใคร... ทำไมคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยได้ยินที่ไหน...

     

    นั่นคือชื่อของนาย

     

    หือ...? จริงหรอ ! ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น จะว่าไปตอนที่อยู่กับกลุ่มเพื่อน พวกนั้นก็บอกเพียงแค่ชื่อลูฟี่สั้นๆของเขามาเพียงเท่านั้น...

     

    มังกี้ ดี ลูฟี่...? ” เสียงเล็กว่าขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรภายในใจ มือหนาของคุณหมอเลื่อนไปตักอาหารคำใหม่ ยื่นเข้าไปใกล้ๆกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้น เจ้าตัวก็ยอมอ้าปากรับอาหารนั้นเข้าไปโดยไม่ขัดข้อง

     

    นายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ตอนนี้ทางบ้านทำเรื่องดรอปเรียนเอาไว้ให้แล้ว... ”

     

    คำพูดนั้นทำเอาคนตัวเล็กยิ่งแสดงสีหน้าแปลกใจมากกว่าเดิม แต่ก็พยักหน้าตอบรับเร็วๆเหมือนเข้าใจ

     

    หมอคนนี้ยอมพูดอะไรกับเขามากขึ้นแล้ว... แถมยังเป็นเรื่องของเขาอีกต่างหาก

     

    ฉันชื่อทราฟาลก้า ลอว์... เป็นหมอประจำตัวของนาย

     

    โห... ในที่สุดก็ยอมบอกชื่อมาซักทีนะเนี่ยเสียงใสตอบกลับมาแทบจะทันทีอย่างที่ใจคิด แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจ เขาเงียบไปซักพัก แต่มือยังคงตักอาหารป้อนคนตัวเล็กต่อไป

     

    ว่าแต่ชื่ออะไรนะ... โทรา... โทราฟา... เรียกยากจัง ลิ้นเหมือนจะพันกันยังไงชอบกล

     

    “ …. ”

     

    นี่... มีอะไรหรือเปล่า ” ลูฟี่ที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ๆก็เงียบไปจึงทักขึ้น หมอคนนี้มักจะมีช่วงเวลาที่อยู่ๆอยากเงียบก็เงียบไปทันทีซะแบบนั้นอยู่บ่อยๆ

     

    ...สายตาคมของคนผิวแทนเปลี่ยนเป็นความนิ่งสนิทอีกรอบ ก่อนจะจ้องมองตรงมายังดวงตาสีดำสนิทของเขา

     

    วันที่นายประสบอุบัติเหตุ... คนขับรถของนายเสียชีวิตเกือบจะทันที... ”

     

    “ …. ”

     

          คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศของห้องเงียบไปโดยทันที คนเป็นหมอพูดขึ้นโดยที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ในขณะที่สีหน้าของผู้ฟังกลับค่อยๆหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด

     

    แย่จริงๆ... เขานี่มันแย่จริงๆเลย

     

          การที่เขาความจำเสื่อมแบบนี้ มันทำให้เขาจำไม่ได้แม้แต่คนที่ตายอยู่ใกล้ๆตัว จำไม่ได้แม้แต่ชื่อ หรือตัวเองเป็นใคร ไม่รู้หน้าตาของพ่อแม่หรือคนรู้จักแม้แต่คนเดียว ...เวลาที่เป็นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว

     

    ผมอยากกลับบ้าน... ”

     

    ไม่อยากจะอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักใครแบบนี้...

     

    “ …. ”

     

          ไม่มีเสียงตอบรับมาจากคนร่างสูง ...อย่างน้อยก็บอกเขาหน่อยก็ได้ว่าบ้านของเขาเป็นยังไง พ่อแม่พี่น้องของเขาสบายดีไหม... และพวกเขาอยู่ที่ไหน

     

    นายควรจะดื่มน้ำนะ... ” แก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีใสถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าของผู้ป่วย คนตัวเล็กทำได้เพียงการยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาประคองไม่ให้น้ำเปล่าในแก้วนั้นหกใส่ตัวเอง

     

    ..อือ

     

    ฉัน...ขอโทษ

     

    “ …. ? ” ประโยคนั้นทำให้ร่างเล็กต้องเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มที่อยู่ๆก็เอ่ยประโยคที่ไม่น่าเชื่อออกมา ...อยากจะขอโทษที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังหรือไงนะ ...แต่ไม่เป็นไรหรอก ซักวันเขาเองก็จะต้องรู้ความจริงข้อนี้อยู่ดี...

     

    ลูฟี่จึงส่ายหน้าน้อยๆกลับไปเป็นคำตอบ แต่พลันความรู้สึกปวดจี๊ดก็แล่นเข้ามาเล่นงานบริเวณศีรษะของเขาอย่างรุนแรง...

     

    แปล๊บ...

     

    'สัญญาเลย ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก นายเข้าใจแล้วนะ'

     

    'อื้ม ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ชิชิชิ'

     

    'ไม่ว่ายังไงฉันก็จะดูแลนายให้ดีที่สุด'

     

          มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นกำเส้นผมสีดำของตัวเองแน่น เสียงของใครบางคนที่ฟังแล้วคุ้นเคยดังก้องอยู่ในหัว แต่ถึงอย่างนั้นการกลับมาของความทรงจำในครั้งนี้ก็รุนแรงเกินไป

     

    เป็นอะไรหรือเปล่า! ” คนตัวสูงรีบเข้ามาประคองร่างบางตรงหน้าที่เอาแต่กุมศีรษะตัวเอง คนตัวเล็กขมวดคิ้วพันกันยุ่ง ใบหน้าแสดงออกถึงความทรมาน

     

    ปวดหัว... ปวดหัว... ปวดมากๆ

     

    ไม่เป็นไร... นายไม่เป็นไรแล้ว แขนแกร่งคว้าเอาร่างตรงหน้าเข้ามากอดไว้หลวมๆ ยกมือหนาขึ้นลูบศีรษะทุยๆของคนตัวเล็กเบาๆเหมือนต้องการปลอบประโลม...

     

    ไออุ่นแบบนี้มัน...

     

    ทำไมรู้สึกคุ้นเคยจังเลย...

     

          พลันความรู้สึกปวดหัวแบบเสียดแทงกลับค่อยๆหายไปทีละนิด ทุเลาลงเรื่อยๆจนแทบไม่หลงเหลือความเจ็บปวดเอาไว้ ทิ้งไว้เพียงเสียงหอบอ่อนๆของเจ้าของใบหน้าหวานเท่านั้น

     

    อุ่นจัง... เหมือนเคยรู้จักกับคนๆนี้มาก่อน

     

          กายบอบบางผละออกช้าๆ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าคมคายของร่างสูง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อแววตาคู่คมนั้นกลับแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

     

    “ …. ”

     

    ว่าแล้วว่ามันแปลกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน... แปลกมากๆจริงๆด้วย

     

    นี่... ผมกับคุณ... เรารู้จักกันหรือเปล่า ”

     

          ดวงหน้าหวานจ้องคนผิวแทนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น... เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกแบบนั้น ทำไมกับคนๆนี้ ความรู้สึกผิดที่เขาลืมคนๆ นี้ไปทำไมมันถึงได้ตีขึ้นมาจนเขารู้สึกหวั่นใจ แต่สีหน้าของคนตรงหน้าก็กลับมีแต่ความนิ่งสนิท ...เขาไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาอีกแล้ว

     

    บางทีเราอาจจะเคยเจอกันในบางที่ หรือไม่นายก็คงจะจำผิด

     

          เสียงนุ่มทุ้มที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆตอบกลับมาเพียงเท่านั้น ร่างสูงจัดการกับสภาพจานชามตรงหน้า ก่อนจะหยิบแก้วน้ำที่คว่ำอยู่ข้างๆตัวเขาขึ้นมาวางในถาดอาหาร น้ำในแก้วหกจนเปียกตัวเด็กหนุ่มเต็มไปหมด ไม่รู้ตัวเลยตั้งแต่ตอนที่ความรู้สึกปวดหัวแล่นเข้ามา

     

    ...แต่เขาไม่รู้จักคนๆนี้จริงๆอย่างนั้นหรือ

     

     

    ฉันจะให้พยาบาลเข้ามาทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นายใหม่ คนเป็นหมอยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะมองตรงไปยังนาฬิกาข้อมือที่สวมใส่อยู่ใต้เสื้อคลุมแขนยาวตัวนั้น มือหนาอีกข้างคว้าเอาถาดอาหารขึ้นมา ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆก้าวห่างออกไปเรื่อยๆ จนออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงคำพูดสุดท้าย

     

     

    ฉันมีเคสต้องจัดการต่อ... เอาไว้พรุ่งนี้จะมาตรวจอาการนายอีกที อย่าลุกเดินไปทั่วเหมือนวันนี้อีกแล้วกัน

     

      

     







    ระเบิดลูกเบ้อเร่อเลยค่ะ 

    ยังไงกันแน่นะ พิหมอรู้จักกับฟี่หรือเปล่า
    แล้วทำไมต้องทำตัวลับลมคมในขนาดนี้ด้วย
    สงสารน้องก็สงสาร แต่น้องก็น่ารักจังเลยค่ะ;-;

    รู้สึกว่าภาษาตัวเองประหลาดมากเพราะแต่งไว้นานแล้ว
    เว้นวรรคก็แปลก เครื่องหมายก็เยอะ เขินจังเลยค่ะ55555555


    แล้วพบกันพาร์ทหน้านะคะ^^

     



    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×