คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #68 : ◣Fanfic◥ [LawxLuffy] Remembrance [Part 2]
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 2/5
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้...
จำคนอื่นไม่ได้เลยนี่ว่าแย่แล้ว นี่จำกระทั่งตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...
หลังจากที่บอกว่าจำตัวเองไม่ได้ หมอคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ประคองเขาจนกลับมานอนที่เตียงอีกครั้งจนได้ จากนั้นก็หยิบรายงานแล้วเดินออกไปจากห้องเฉยๆโดยไม่พูดอะไรซักคำให้สงสัยเล่น...
เป็นหมอที่แปลกตั้งแต่เจอกันครั้งแรก จนตอนนี้ก็ยังคิดว่าเขาแปลกอยู่ดี...
นั่นคือเรื่องราวของเมื่อวาน คนตัวเล็กได้แต่นั่งขมวดคิ้วยุ่ง สับสนกับตัวเองอยู่นานสองนาน เมื่อพักใหญ่ๆก่อนหน้านี้ มีคนรุ่นราวคราวเดียวกับเขาสี่คนที่ไม่คุ้นหน้าเอาซะเลยเข้ามาเยี่ยมและทักทาย ดูเหมือนจะสนิทกับเขาไม่น้อย ...แต่ก็น่าเสียดายที่ความทรงจำนั้นกลับไม่มีอยู่ในหัวเลย
ผู้หญิงตัวสูงผมยาวหยักศกสีส้ม ที่ทำหน้าประหลาดใจมากตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาเจอเขากำลังนั่งอยู่ เธอวิ่งเข้ามาหาเขาแทบจะทันที เกือบจะยกมือบางขึ้นมาตบหัวเขาแล้ว ถ้าไม่ติดว่าผู้ชายจมูกยาวที่วิ่งตามเข้ามายื้อไว้ทันแล้วเตือนว่าเขากำลังความจำเสื่อมอยู่
ผู้ชายหน้าตาโหดๆสองคน คนหนึ่งผมสีเขียวเหมือนต้นหญ้า กับอีกคนที่ผมสีทอง และคิ้วที่ขดม้วนจนแอบประหลาดใจ เอาแต่ยืนทะเลาะกันตลอดเวลาตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้อง แต่แวบหนึ่งก็พากันหันมามองที่เขาพร้อมสายตาเจ็บปวด
'ลูฟี่... ชื่อของนายคือลูฟี่นะ' ผู้หญิงผมสีส้มคนเดิมเอ่ยขึ้น เธอจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาก่อนจ้องนิ่ง คนตัวเล็กจึงได้แต่แสดงสีหน้างงๆกลับไปแค่นั้น
'ลูฟี่...?'
เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักชื่อตัวเองซักที... เพราะหมอคนนั้นก็ไม่ยอมพูดอะไรซักอย่างเลย
' ฉันชื่อนามิ ผู้ชายจมูกยาวๆคนนี้คืออุซป ส่วนเจ้าหัวเขียวตรงนั้นชื่อโซโล คนผมทองชื่อซันจิคุง' เขาทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปรัวๆ พยายามจดจำรายละเอียดของแต่ละคนเอาไว้ในสมองให้มากที่สุด
'พวกเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมเลยนะ นายรู้มั๊ยลูฟี่' เป็นเสียงของผู้ชายคิ้วม้วนหรือซันจิที่เอ่ยขึ้น แต่ก็ต้องส่ายหน้ากลับไปเป็นคำตอบ
เขาจำอะไรไม่ได้เลย...
เหล่าคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนอยู่เล่นกับเขาพักหนึ่ง ชวนคุยอะไรสัพเพเหระอยู่ซักพักก็กลับไป เขาได้ความมาแค่ว่าตัวเองชื่อลูฟี่ มีเพื่อนสนิทกลุ่มใหญ่ตั้งแต่ประถม เขาเป็นคนที่ซื้อบื้อมากๆ และกินล้างกินผลาญที่สุด จนกระทั่งพวกเขารู้ข่าวว่าตัวเองประสบอุบัติเหตุจึงมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆจนได้สติกลับมา และกินแอปเปิ้ลจำนวนสามสี่ลูก
กลับมาที่ปัจจุบัน สมองของเด็กหนุ่มก็ยังคงขาวโพลน ทำได้แค่มองผู้คนที่พากันทำสีหน้าเจ็บปวดให้เท่านั้น เขาทำอะไรไม่ได้เลยจนกว่าความทรงจำจะกลับมาทั้งหมด... แอบรู้สึกเบื่ออยู่นิดหน่อย ...
จริงๆแล้วเบื่อมากๆเลยต่างหากที่ต้องทนอุดอู้อยู่ในห้องผู้ป่วยแบบนี้ตลอดเวลา ด้วยเหตุผลที่ว่าอาการของเขายังไม่ดีพอที่จะลุกออกไปเดินได้
และนั่นก็เป็นคำสั่งจากคุณหมอที่เอาแต่เงียบและออกคำสั่งเขาอยู่สถานเดียว...
เลยได้พอรู้มาอีกอย่างว่าตัวเองคงเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบฟังคำสั่งของใครนัก เพราะแอบเดินเล่นอยู่ในห้องมาตั้งหลายรอบแล้ว พยายามเปิดทีวีดูหรือต่อให้กระโดดโลดเต้นยังไง (ถึงจะยังทำไม่ได้ขนาดนั้น) มันก็ยังน่าเบื่อเกินไปอยู่ดี
“ เฮ้อ... ” นั่งเท้าคางลงกับแขนข้างหนึ่งที่วางอยู่บนตักในท่าขัดสมาธิ พร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดพันกันยุ่ง ไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีอีกร่างเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“ อะ..! ”
ข้อมือเล็กถูกคว้าออกมาวางด้านข้างจนทำให้คางตกลงและลำตัวโงนเงนจนเกือบจะล้ม แต่ก็มีมือหนาช่วยพยุงเอาไว้อยู่ มืออีกข้างของคนมาใหม่คว้าเอาขาของเขาที่นั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิยืดตรงออกทีละข้างจนกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มกำลังนั่งอยู่ในท่าเหยียดขา ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนเจ้ากี้เจ้าการคนนี้ด้วยความสงสัยปนหงุดหงิดเล็กๆ แล้วก็ต้องแปลกใจกับใบหน้านิ่งๆนั่น
“ ถ้านั่งท่านั้นมันจะทำให้บาดแผลของนายฉีกขาดได้ง่าย ...ไม่รู้หรือไง ” เสียงทุ้มของหมอทราฟาลก้าเอ่ยขึ้นตอบข้อสงสัย มาทีไรก็ชอบทำให้เขาตกใจอยู่ตลอด ใจคอนี่กะจะไม่ให้ขยับเขยื้อนตัวเลยหรือไงกันนะ ...อีกอย่าง เขาไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นนี่นา
“ ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะน่า... แผลแค่นี้ฉันรู้ดี เมื่อกี๊ก็ยังลงไป...! ” ...ยังลงไปเดินเล่นอยู่เลย
ปากเล็กของคนเถียงหมอพลันหุบฉับลงทันที นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองดันทำสิ่งที่หมอคนนี้สั่งห้ามไปซะแล้ว จนเกือบจะหลุดปากพูดไป สรรพนามที่ใช้พูดคุยก็พลอยเปลี่ยนไปตามอารมณ์หงุดหงิดของคนตัวเล็กไปโดยไม่รู้ตัว
“ เมื่อกี๊นายจะพูดว่าอะไรนะ... ” สายตาเย็นๆจ้องมาที่ใบหน้าหวานนิ่งซะจนแอบคิดไปว่ามันดูน่ากลัว คนตัวเล็กพยายามคงสีหน้านิ่งเฉยเอาไว้ ดวงตากลมโตค่อยๆเลื่อนหลบสายตาคมของอีกฝ่ายมาด้านข้าง หวังว่ามันคงจะเนียนจนอีกฝ่ายเชื่อได้
“ เปล่า... ไม่มีอะไรทั้งนั้น ”
“ งั้นหรอ นายลงไปทำอะไรนะ... ” ยิ่งทำให้ใบหน้าคมคายนั้นยื่นเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เพิ่มเติมคือมือหนาที่เข้ามาล็อกคางเขาให้หันกลับไปมอง แต่ดวงตากลมโตนั้นก็เบนสายตาออกไปด้านข้างโดยอัตโนมัติ เหงื่อเม็ดเล็กพลันผุดขึ้นมา
ไหนว่าแผลจะฉีกยังไงเล่า... ล็อกคางเขาซะขนาดนี้
“ ม..ไม่มีอะไร ผมบอกว่าไม่มีอะไรไง ” ริมฝีปากบางยู่เข้าหากันตามประสาคนโกหกไม่เนียน ลูฟี่รู้สึกว่าเวลานี้คนแบบคุณหมอคนนี้ช่างมีแรงกดดันมหาศาล อีกซักพักเขาคงโดนซักจนเปื่อย จนกว่าจะเผยความจริงออกมาแหงๆ
จ๊อก...
“ อ๋า... ”
เสียงที่เหมือนจะมาช่วยขัดจังหวะการจับผิดดังขึ้นได้อย่างถูกเวลา ไม่ใช่เสียงจากที่ไหนไกลเลย... ท้องของคนร่างบางนี่แหละ
“ หิวจังเลย หมอว่ามั๊ย ! ” ริมฝีปากบางเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกลบเกลื่อนที่ยิ้มจนตาแทบจะปิด ยกมือเล็กขึ้นมาลูบท้องตัวเองประกอบ จนคนตัวสูงต้องตัดสินใจปล่อยมือออกจากคางมนของเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย
“ เฮ้อ... ”
ลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกมาพร้อมใบหน้าคมคายที่แสดงอาการเหนื่อยใจ คนตัวสูงคว้าเอารายงานที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาถือ ก่อนจะนำสายตาเหนื่อยๆนั้นมองไปยังใบหน้าของผู้ป่วยในการดูแลอีกครั้ง
“ รออยู่นี่เฉยๆ... เดี๋ยวฉันจะเอาอาหารเข้ามาให้ ” ว่าเพียงแค่นั้น ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะก้าวออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผู้ป่วยความจำเสื่อมได้แต่ทำหน้างุนงง
ผู้ชายคนนี้... แสดงสีหน้าอื่นนอกจากการขมวดคิ้วยุ่งๆก็ได้อย่างนั้นหรอ...?
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที... คนเป็นหมอก็กลับมาพร้อมกับถาดอาหารจำนวนหนึ่งถาดในมือ เดินตรงมายังเตียงผู้ป่วยของเด็กหนุ่มที่อุตส่าห์ยอมทนเป็นเด็กดี ไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหนเพราะมีอาหารเป็นตัวประกันอยู่ โต๊ะสำหรับทานอาหารบนเตียงถูกเลื่อนมาวางตรงหน้าร่างบาง และจานชามที่ถูกวางลงบนนั้นอีกทีตามลำดับ
ดวงตากลมโตพราวระยับขึ้นมาทันทีเมื่ออาหารอยู่ตรงหน้า มือบอบบางเตรียมตัวจะหยิบช้อนขึ้นมาจัดการภารกิจอย่างเต็มที พลันโดนมือหนาของใครอีกคนหยุดไว้ก่อน ก่อนที่ร่างนั้นจะคว้าเอาช้อนเข้ามาถือไว้เอง ยิ่งทำให้คิ้วเรียวขมวดหากันด้วยความไม่เข้าใจ
“ อะไรอีกอะ... ผมนั่งเฉยๆรอคุณหมอแล้วนะ สาบานเลย! ” ใบหน้าหวานแสดงความขึงขัง
“ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง แผลนายอาจจะฉีกอีกก็ได้ใครจะรู้ ” ยกเหตุผลขึ้นมาข่ม พลันสายตาของคนตัวเล็กก็จ้องกลับมาเหมือนจะโมโห
“ ผมกินเองก็ได้ ไม่เห็นต้องป้อนเลย ”
เขาแค่เป็นแผลที่แขน ไม่ได้แขนหักหรือพิการซักหน่อย...
แต่คนตัวสูงกว่าก็หาได้ฟังไม่ มือข้างที่ถือช้อนอยู่ตักเอาข้าวต้มที่อยู่ในชามขึ้นมาพอดีคำ ก่อนจะยื่นช้อนนั้นไปจ่อไว้ใกล้ๆริมฝีปากบางของอีกฝ่าย
“ อ้าปากซะ... จะกินมั๊ย ” เก๊กใบหน้าขรึม คนตัวเล็กแสดงสีหน้าเหมือนคนไม่พอใจ แต่ก็ยอมอ้าปากกลืนข้าวต้มคำนั้นเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ ทิฐิหรือจะสู้ความหิวของเขาได้
“ หึ... ”
ริมฝีปากหนาของคนเป็นแพทย์เผลอยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมาหลังจากแกล้งคนตัวเล็กตรงหน้าได้สำเร็จ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าของคนตัวสูงด้วยติดจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร จึงหันกลับไปสนใจอาหารที่คุณหมอกำลังป้อนให้เหมือนเดิม
คิดไปเองหรือเปล่านะ... ว่าเมื่อกี๊เหมือนเห็นหมอยิ้มด้วยล่ะ
คิดไปเองแน่ๆ...
“ มังกี้ ดี ลูฟี่ ”
“ ….? ” อยู่ๆเสียงนุ่มทุ้มนั้นก็เอ่ยชื่อที่เด็กหนุ่มรู้สึกคุ้นหูขึ้นมา แต่เจ้าตัวก็ทำได้เพียงแค่การทำสีหน้างุนงงอยู่เหมือนเดิม
ชื่อใคร... ทำไมคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยได้ยินที่ไหน...
“ นั่นคือชื่อของนาย ”
“ หือ...? จริงหรอ ! ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น จะว่าไปตอนที่อยู่กับกลุ่มเพื่อน พวกนั้นก็บอกเพียงแค่ชื่อลูฟี่สั้นๆของเขามาเพียงเท่านั้น...
“ มังกี้ ดี ลูฟี่...? ” เสียงเล็กว่าขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรภายในใจ มือหนาของคุณหมอเลื่อนไปตักอาหารคำใหม่ ยื่นเข้าไปใกล้ๆกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้น เจ้าตัวก็ยอมอ้าปากรับอาหารนั้นเข้าไปโดยไม่ขัดข้อง
“ นายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ตอนนี้ทางบ้านทำเรื่องดรอปเรียนเอาไว้ให้แล้ว... ”
คำพูดนั้นทำเอาคนตัวเล็กยิ่งแสดงสีหน้าแปลกใจมากกว่าเดิม แต่ก็พยักหน้าตอบรับเร็วๆเหมือนเข้าใจ
หมอคนนี้ยอมพูดอะไรกับเขามากขึ้นแล้ว... แถมยังเป็นเรื่องของเขาอีกต่างหาก
“ ฉันชื่อทราฟาลก้า ลอว์... เป็นหมอประจำตัวของนาย ”
“ โห... ในที่สุดก็ยอมบอกชื่อมาซักทีนะเนี่ย ” เสียงใสตอบกลับมาแทบจะทันทีอย่างที่ใจคิด แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจ เขาเงียบไปซักพัก แต่มือยังคงตักอาหารป้อนคนตัวเล็กต่อไป
ว่าแต่ชื่ออะไรนะ... โทรา... โทราฟา... เรียกยากจัง ลิ้นเหมือนจะพันกันยังไงชอบกล
“ …. ”
“ นี่... มีอะไรหรือเปล่า ” ลูฟี่ที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ๆก็เงียบไปจึงทักขึ้น หมอคนนี้มักจะมีช่วงเวลาที่อยู่ๆอยากเงียบก็เงียบไปทันทีซะแบบนั้นอยู่บ่อยๆ
...สายตาคมของคนผิวแทนเปลี่ยนเป็นความนิ่งสนิทอีกรอบ ก่อนจะจ้องมองตรงมายังดวงตาสีดำสนิทของเขา
“ วันที่นายประสบอุบัติเหตุ... คนขับรถของนายเสียชีวิตเกือบจะทันที... ”
“ …. ”
คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศของห้องเงียบไปโดยทันที คนเป็นหมอพูดขึ้นโดยที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ในขณะที่สีหน้าของผู้ฟังกลับค่อยๆหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
แย่จริงๆ... เขานี่มันแย่จริงๆเลย
การที่เขาความจำเสื่อมแบบนี้ มันทำให้เขาจำไม่ได้แม้แต่คนที่ตายอยู่ใกล้ๆตัว จำไม่ได้แม้แต่ชื่อ หรือตัวเองเป็นใคร ไม่รู้หน้าตาของพ่อแม่หรือคนรู้จักแม้แต่คนเดียว ...เวลาที่เป็นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว
“ ผมอยากกลับบ้าน... ”
ไม่อยากจะอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักใครแบบนี้...
“ …. ”
ไม่มีเสียงตอบรับมาจากคนร่างสูง ...อย่างน้อยก็บอกเขาหน่อยก็ได้ว่าบ้านของเขาเป็นยังไง พ่อแม่พี่น้องของเขาสบายดีไหม... และพวกเขาอยู่ที่ไหน
“ นายควรจะดื่มน้ำนะ... ” แก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีใสถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าของผู้ป่วย คนตัวเล็กทำได้เพียงการยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาประคองไม่ให้น้ำเปล่าในแก้วนั้นหกใส่ตัวเอง
“ อ..อือ ”
“ ฉัน...ขอโทษ ”
“ …. ? ” ประโยคนั้นทำให้ร่างเล็กต้องเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มที่อยู่ๆก็เอ่ยประโยคที่ไม่น่าเชื่อออกมา ...อยากจะขอโทษที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังหรือไงนะ ...แต่ไม่เป็นไรหรอก ซักวันเขาเองก็จะต้องรู้ความจริงข้อนี้อยู่ดี...
ลูฟี่จึงส่ายหน้าน้อยๆกลับไปเป็นคำตอบ แต่พลันความรู้สึกปวดจี๊ดก็แล่นเข้ามาเล่นงานบริเวณศีรษะของเขาอย่างรุนแรง...
แปล๊บ...
'สัญญาเลย ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก นายเข้าใจแล้วนะ'
'อื้ม ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ชิชิชิ'
'ไม่ว่ายังไงฉันก็จะดูแลนายให้ดีที่สุด'
มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นกำเส้นผมสีดำของตัวเองแน่น เสียงของใครบางคนที่ฟังแล้วคุ้นเคยดังก้องอยู่ในหัว แต่ถึงอย่างนั้นการกลับมาของความทรงจำในครั้งนี้ก็รุนแรงเกินไป
“ เป็นอะไรหรือเปล่า! ” คนตัวสูงรีบเข้ามาประคองร่างบางตรงหน้าที่เอาแต่กุมศีรษะตัวเอง คนตัวเล็กขมวดคิ้วพันกันยุ่ง ใบหน้าแสดงออกถึงความทรมาน
ปวดหัว... ปวดหัว... ปวดมากๆ
“ ไม่เป็นไร... นายไม่เป็นไรแล้ว ” แขนแกร่งคว้าเอาร่างตรงหน้าเข้ามากอดไว้หลวมๆ ยกมือหนาขึ้นลูบศีรษะทุยๆของคนตัวเล็กเบาๆเหมือนต้องการปลอบประโลม...
ไออุ่นแบบนี้มัน...
ทำไมรู้สึกคุ้นเคยจังเลย...
พลันความรู้สึกปวดหัวแบบเสียดแทงกลับค่อยๆหายไปทีละนิด ทุเลาลงเรื่อยๆจนแทบไม่หลงเหลือความเจ็บปวดเอาไว้ ทิ้งไว้เพียงเสียงหอบอ่อนๆของเจ้าของใบหน้าหวานเท่านั้น
อุ่นจัง... เหมือนเคยรู้จักกับคนๆนี้มาก่อน
กายบอบบางผละออกช้าๆ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าคมคายของร่างสูง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อแววตาคู่คมนั้นกลับแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ …. ”
ว่าแล้วว่ามันแปลกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน... แปลกมากๆจริงๆด้วย
“ นี่... ผมกับคุณ... เรารู้จักกันหรือเปล่า ”
ดวงหน้าหวานจ้องคนผิวแทนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น... เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกแบบนั้น ทำไมกับคนๆนี้ ความรู้สึกผิดที่เขาลืมคนๆ นี้ไปทำไมมันถึงได้ตีขึ้นมาจนเขารู้สึกหวั่นใจ แต่สีหน้าของคนตรงหน้าก็กลับมีแต่ความนิ่งสนิท ...เขาไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาอีกแล้ว
“ บางทีเราอาจจะเคยเจอกันในบางที่ หรือไม่นายก็คงจะจำผิด ”
เสียงนุ่มทุ้มที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆตอบกลับมาเพียงเท่านั้น ร่างสูงจัดการกับสภาพจานชามตรงหน้า ก่อนจะหยิบแก้วน้ำที่คว่ำอยู่ข้างๆตัวเขาขึ้นมาวางในถาดอาหาร น้ำในแก้วหกจนเปียกตัวเด็กหนุ่มเต็มไปหมด ไม่รู้ตัวเลยตั้งแต่ตอนที่ความรู้สึกปวดหัวแล่นเข้ามา
...แต่เขาไม่รู้จักคนๆนี้จริงๆอย่างนั้นหรือ
“ ฉันจะให้พยาบาลเข้ามาทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นายใหม่ ” คนเป็นหมอยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะมองตรงไปยังนาฬิกาข้อมือที่สวมใส่อยู่ใต้เสื้อคลุมแขนยาวตัวนั้น มือหนาอีกข้างคว้าเอาถาดอาหารขึ้นมา ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆก้าวห่างออกไปเรื่อยๆ จนออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงคำพูดสุดท้าย
“ ฉันมีเคสต้องจัดการต่อ... เอาไว้พรุ่งนี้จะมาตรวจอาการนายอีกที อย่าลุกเดินไปทั่วเหมือนวันนี้อีกแล้วกัน ”
ความคิดเห็น