คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #78 : ◣Fanfic◥ [DoflamingoxLuffy] Akaito (Part7)
Title: Akaito
Pairing: Doflamingo x Luffy
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 7/??
แนะนำเปิดเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ:)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ระยะหลังมานี้โจ๊กเกอร์ปรากฏตัวที่โคลอสเซียมน้อยลงจนผิดสังเกต และจะเข้ามาก็ต่อเมื่อมีธุระสำคัญจริงๆ เท่านั้น แม้สถานะของเขาจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่ไคโดกลับใช้โอกาสนี้กวาดซื้อหุ้นเล็กๆ มาเป็นของตน จนอัตราส่วนของชายหนุ่มกลายเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
อาจเพราะเจ้าตัวอยากเป็นเจ้าของธุรกิจสีหม่นนี้แต่เพียงผู้เดียว
แต่เดิมความคิดก่อสร้างลานประลองแห่งนี้ถูกเสนอโดยทายาทคนสุดท้ายของดองกิโฮเต้ เขาเคยเป็นชายที่ถือเค้กชิ้นใหญ่ที่เรียกว่าส่วนแบ่งมากกว่าไคโด แต่เขาเลือกกระจายความเสี่ยงโดยการขายหุ้นของตนให้คนในวงการเดียวกัน จนเค้กก้อนนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายชิ้น
ระยะเวลาหลายปีที่โดฟลามิงโก้ต้องดูแลธุรกิจหลายอย่างพร้อมกัน ไคโดกำลังค่อยๆ กลืนกินขนมหวานก้อนนี้ทีละนิด
แม้ชายหนุ่มจะรู้ความจริงทุกอย่างแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะไคโดมีแต้มต่อเหนือกว่าที่เรียกว่าบุญคุณคอยค้ำศีรษะอยู่
ในไม่ช้าโคลอสเซียมจะกลายเป็นของชายอายุมากกว่าอย่างเต็มตัว…
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโดฟลามิงโก้เป็นคนเฉลียวฉลาด เจ้าตัวใช้ความสามารถนั้นสร้างธุรกิจหลายอย่าง ทำให้รายได้ไหลเวียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้โปรเจ็คสไมล์ถูกเสนอขึ้นมาเป็นตัวเลือกใหม่ ที่ไคโดตั้งใจว่าจะครอบครองมาเป็นของตนในอนาคต
มีเพียงธุรกิจค้าอาวุธกับโรงงานขนมของตระกูลเท่านั้นที่ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้ก้าวก่าย
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าตระกูลคนนั้นไม่อาจขาดสารตั้งต้นเพียงหนึ่งเดียวของสไมล์ไปได้ เพราะแหล่งที่มาของยาเสพติดมาจากธุรกิจของไคโดเท่านั้น
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มเข้ามาเตือนผู้มีอิทธิพลคนนี้เรื่องการมีอยู่ของตำรวจชื่อโปรโตกัสกับผู้มีสถานะเป็นปู่ แต่เดิมไคโดใช้เส้นสายของตนติดสินบนผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาโดยตลอด การแกล้งทำเป็นตาบอดของตำรวจกลับสิ้นสุดลงตั้งแต่ชายหนุ่มผู้นี้ปรากฏตัว
ตำรวจหนุ่มคนนั้นส่งกำลังมาวุ่นวายกับโรงงานดองกิโฮเต้อยู่หลายครั้ง ไม่เว้นแม้แต่โคลอสเซียมที่กำลังจะตกเป็นเป้าหมายในไม่ช้า
การขยับตัวทำสิ่งต่างๆ ของคนทั้งคู่จึงทำได้ลำบากยิ่งขึ้น สร้างความขุ่นเคืองให้กับคนผมทองไม่น้อย
แม้ผู้มีอำนาจแห่งโคลอสเซียมจะรับฟังคำพูดเหล่านั้น แต่กลับทำเพียงหรี่ตามองคนอายุน้อยกว่าอย่างพิจารณา การกำจัดขั้วอำนาจฝั่งตระกูลมังกี้ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ค่อยๆ เจาะทำลายจุดอ่อนเข้าไปทีละน้อย แต่โดฟลามิงโก้กลับเชื่องช้าอย่างผิดสังเกต
อาจเพราะมีเบื้องหลังบางอย่าง และความสัมพันธ์นั้นคือสิ่งหนึ่งที่เขาต้องการยืนยันให้แน่ชัด
“ฉันจะส่งคนไปกำจัดหลานการ์ป เพราะแกมัวแต่ชักช้าไม่ได้เรื่อง” เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างเย็นเยียบ ดวงตาแข็งกร้าวราวกับอสูรจ้องมองคนอายุน้อยกว่าตรงหน้าอย่างพิจารณา
แต่การตอบสนองจากโดฟลามิงโก้กลับเกินความคาดหมาย ใบหน้าคมของหัวหน้าตระกูลคนนั้นเปลี่ยนเป็นความเคร่งเครียด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันราวกับกำลังโมโหแม้ท่าทียังนิ่งสนิท บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกราวกับจะริบอากาศหายใจคนรอบตัวให้หมดสิ้น
“ฉันเคยบอกลูกน้องแกแล้วว่าอย่ามาก้าวก่ายเรื่องนี้อีก”
แต่เดิมแล้วดองกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้คือเครื่องมือที่ยอมทำตามทุกความต้องการของเขาเพราะบุญคุณที่มีสูงค้ำหัว แต่กับเรื่องนี้เท่านั้นที่ชายหนุ่มแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน
ชายสูงอายุไม่อาจทราบได้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรระหว่างคนทั้งคู่ แต่ในเวลานี้ร่างสูงใหญ่ราวกับปีศาจกลับกระหยิ่มยิ้มด้วยความพอใจ ระคนกับความโมโห ดวงตาคู่เดิมวาวโรจน์
เขาค่อนข้างแน่ใจแล้วว่านอกจากหลานคนเล็กจะเป็นจุดอ่อนของตระกูลมังกี้
เด็กคนนั้นยังเป็นจุดบอดขนาดใหญ่ในใจของชายตรงหน้าเสียด้วย…
ดองกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้เป็นชายเจ้าเล่ห์และเฉลียวฉลาด…
เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าตัวจะไม่รู้ว่าไคโดช่วยเหลือตระกูลของตนตั้งแต่รุ่นพ่อไว้ด้วยเหตุผลใด… สิ่งที่ชายผู้นั้นต้องการมีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น
เพราะความโลภที่ไม่เคยพอ ปีศาจตนนั้นต้องการยึดทุกสิ่งมาเป็นของตน หลงระเริงในอำนาจอย่างไม่สิ้นสุด
เรื่องราวทุกอย่างกระจ่างชัดตั้งแต่สิบสองปีที่แล้ว วันเดียวกันกับจุดจบของโกลด์โรเจอร์
ระยะเวลาหลายปีที่ดองกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้ใช้ชีวิตภายใต้อำนาจของไคโดด้วยความภักดี ชายผู้นั้นเข้ามาช่วยเหลือเขาหลายครั้ง ตั้งแต่ตอนที่ครอบครัวระเห็จระเหินมาที่ประเทศแห่งนี้ หรือแม้แต่การล่มสลายครั้งที่สองในเหตุการณ์ไฟไหม้คืนนั้น
จังหวะทุกอย่างมันพอดีกันเกินไปจนไม่อาจปักใจเชื่อได้ ชายหนุ่มใช้ชีวิตภายใต้คำครหาว่าสังหารครอบครัวตัวเองมาเกือบสิบปี ได้แต่หาเบาะแสการลอบสังหารครอบครัวของตนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้จุดหมาย
ใครบางคนต้องการให้ตระกูลดองกิโฮเต้สูญสิ้น หลายครั้งที่ชายหนุ่มต้องเอาชีวิตรอดจากการลอบสังหารจากกลุ่มคนไม่ทราบฝ่าย
หลายครั้งที่โรเจอร์และการ์ปพยายามจะเตือนเรื่องโศกนาฏกรรมครั้งนั้น แต่โดฟลามิงโก้ในวัยยี่สิบสี่ปีไม่อาจเชื่อใจใครได้ เหตุใดผู้คนเหล่านี้จึงช่วยเหลือเขาหากไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
‘แค่ลองสืบด้วยตัวเองซักหน่อย เธอก็จะรู้แล้วว่าใครส่งเจ้าพวกนั้นมา’
‘เป็นเพราะว่าไม่อยากสงสัยคนๆ นั้นใช่ไหมล่ะ’
ประโยคจากปากของสารวัตรคนนั้นกวนใจเขาเสมอมา เจ้าตัวอาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มอยู่ตัวคนเดียวเข้ามาสนทนาด้วยสั้นๆ ใครๆ ก็รู้ว่าโรเจอร์เป็นตำรวจที่ได้จับคดีใดขึ้นมาแล้ว เขาจะกัดไม่ปล่อยจนกว่าจะปิดลง และชายคนนั้นอยู่ในรายชื่อผู้รับผิดชอบคดีของดองกิโฮเต้
ก่อนที่อายุความของคดีเพลิงไหม้จะหมด เขาจะต้องเล่นงานเส้นสายของคนร้ายจนกว่าจะหมดสิ้น
บางสิ่งกวนใจให้ชายหนุ่มยอมทำตามคำพูดของชายคนนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การลอบสังหารเกิดขึ้นหลายครั้งจนกลายเป็นกิจวัตรที่พบได้ปกติ และไม่ว่าจะสืบสาวต้นทางที่ส่งคนเหล่านี้มากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
มีเพียงผู้ว่าจ้างรายเดียวเท่านั้น และมันเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด
ความภักดีที่เคยมีต่อไคโดเริ่มสั่นคลอน โดฟลามิงโก้เริ่มเข้าใจความจริงเด่นชัดมากขึ้นว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเขาโดยไม่หวังผลประโยชน์ ชายหนุ่มตัดสินใจได้ ณ ขณะนั้น ว่าจะให้ความร่วมมือกับสารวัตรและเพื่อนของเขา
เหตุการณ์เพลิงไหม้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะความตั้งใจของใครคนหนึ่ง
การ์ปค่อนข้างแน่ใจและมีหลักฐานชัดเจน ว่าผู้ว่าจ้างคนนั้นคือไคโด
เป็นชายผู้นั้นมาตลอด… เขาให้ความช่วยเหลือดองกิโฮเต้เพื่อหวังฮุบกิจการและทรัพย์สินของตระกูลที่มีมากมายไปในตัว
เจ้าของตระกูลคนสุดท้ายแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและยอมอยู่ใต้อำนาจชายมีอายุคนนั้นมาโดยตลอด ไคโดไม่ทราบว่าเขาแอบติดต่อกับตำรวจอย่างลับๆ อาจเพราะความสามารถของเจ้าตัวที่ก่อตั้งธุรกิจต่างๆ ขึ้นมาเป็นกับดัก การต่อชีวิตโดฟลามิงโก้ที่เป็นดั่งแหล่งทำเงินจึงถูกยืดออกไป
เพราะความเถรตรงที่มากเกินไปของโกลด์โรเจอร์ ในวันที่สารวัตรได้หลักฐานทุกอย่างมาอยู่ในมือ ยังไม่ทันจะไปถึงโดฟลามิงโก้ ชายคนนั้นก็ถูกลอบทำร้ายและจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์เท่านั้น
หลังจากแยกตัวเป็นเอกเทศจากทั้งการ์ปและไคโด ความสนใจด้านอาวุธของโดฟลามิงโก้ถูกพัฒนาให้เป็นโรงงานผลิตอาวุธ เขาใช้เวลาหลายปีกับเหล่าผู้รับใช้แห่งตระกูลดองกิโฮเต้ขยับขยายกิจการจนกลายเป็นที่รู้จัก และโรงงานขนมหวานของพ่อก็ยังคงอยู่แบบนั้นตามความตั้งใจเดิมของผู้นำตระกูลคนก่อน
สอดคล้องกับธุรกิจรักษาความปลอดภัยของตระกูลมังกี้ เมื่อมีการอารักขาก็ย่อมควบคู่มากับอาวุธป้องกันตัว อาจเป็นโชคชะตาหรือความตั้งใจของโดฟลามิงโก้ตั้งแต่แรก ทำให้เขาและชายสูงอายุคนนั้นได้กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง
เบื้องหน้าพวกเขาคือคู่ค้าด้านอาวุธที่ปัจจุบันแตกคอกัน แต่เบื้องหลังความสัมพันธ์ก็เพื่อรวบรวมหลักฐานมาเอาผิดคนที่ทำให้ชีวิตของเพื่อนและครอบครัวต้องสูญสิ้นลง ความบาดหมางที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความตั้งใจให้ไคโดเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้ร่วมมือกันเท่านั้น
ทุกอย่างถูกวางแผนไว้อย่างดี เพราะตาแก่คนนั้นเจ้าเล่ห์ไม่ได้ต่างไปจากเขานัก
สำหรับชายหนุ่มแล้วมันคือการแก้แค้น สิ่งที่เขาและการ์ปมีร่วมกันคือหลักฐานที่ยังมีชีวิตในคดีไฟไหม้ในวันนั้น
แม้จะมีสิ่งนั้นอยู่กับตัว แต่โดฟลามิงโก้กลับไม่ได้พุ่งตรงเข้าไปยังเป้าหมายในทันที เขากำลังใช้เวลาค่อยๆ สร้างความเชื่อใจและบ่อนทำลายไคโดจากความโลภของเจ้าตัวเอง
เพราะชายหนุ่มไม่ใช่คนที่ดีสักเท่าไรนัก...
ธุรกิจและเม็ดเงินเป็นเหยื่อล่อชั้นดี ระยะเวลาหลายสิบปีนานเพียงพอที่จะทำให้ชายคนนั้นล้มลงเหมือนโดมิโน
แต่แล้วตัวแปรที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว...
การปรากฏตัวขึ้นมาของมังกี้ ดี ลูฟี่ทำให้ชายหนุ่มที่หลงลืมการมีความรักไปหลายสิบปีกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ในระหว่างที่การแก้แค้นกำลังดำเนินต่อไปจนเกือบจะถึงเป้าหมาย โชคชะตากลับเล่นตลกพาคนๆ นั้นกลับมาเสียก่อน
เพราะลูฟี่ไม่อยู่ในข้อตกลงที่เคยคุยกับการ์ปไว้ตั้งแต่แรก
ชายสูงอายุผู้นั้นไม่ทราบถึงการมีอยู่ของเทพผู้ถูกทอดทิ้งที่เป็นบ่อเกิดความรู้สึกที่ชายหนุ่มไม่เคยมีให้ใคร เวลาผ่านไปหลายสิบปี กลับมีเด็กคนนี้ที่เหมือนกับคนๆ นั้นทุกอย่างมาอยู่ตรงหน้า รู้สึกตัวอีกครั้งหัวใจที่เคยถูกแช่แข็งเอาไว้กลับค่อยๆ โดนความอบอุ่นนั้นละลายทีละนิด
กว่าจะได้ทันตั้งตัว ลูฟี่ก็กลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวทุกอย่างเสียแล้ว...
เขากลายเป็นจุดอ่อนขนาดใหญ่สำหรับโดฟลามิงโก้ที่ไคโดจะใช้เล่นงานเมื่อใดก็ได้
และมันกลายเป็นชนวนครั้งใหญ่ที่เร่งเร้าให้การแก้แค้นเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม…
เบื้องหน้าคือโกดังขนาดใหญ่ในนามของไคโด กินพื้นที่กว้างขวางหลายไร่ อาชีพเบื้องหน้าของชายผู้นั้นคือนักธุรกิจรายใหญ่ที่ครอบครองอสังหาริมทรัพย์มากมาย บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มเคยมาเยือนที่นี่เพราะโปรเจ็คที่จะทำร่วมกันในอนาคต
สไมล์เป็นเพียงโปรเจ็คขายฝันที่จะนำพาโดฟลามิงโก้ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ
เขาตั้งใจใช้แบบร่างขนาดใหญ่เพื่อหวังให้ไคโดลงทุนในปริมาณมากตาม และวัตถุดิบเหล่านั้นก็ถูกกักเก็บในพื้นที่แห่งนี้ ตราบเท่าที่เส้นสายของชายคนนั้นยังไม่หมดไป ตำรวจก็จะปิดหูปิดตาไม่เห็นสารเสพติดเหล่านี้ต่อไป
นอกเสียจากจะมีคนทำให้เรื่องนี้แดงไปถึงหูประชาชนและตำรวจที่อยู่คนละขั้วกับชายมากอำนาจรายนั้น
ชายหนุ่มมาเยือนในฐานะหุ้นส่วนคนหนึ่ง เยี่ยมชมและเดินจากไปเมื่อธุระของตนเสร็จสิ้น เขาทำเช่นนี้จนกลายเป็นกิจวัตรที่คนของไคโดเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ หากแต่กับดักบางอย่างได้ถูกวางลงไปแล้ว
พวกเขาตกลงกันแล้วว่าแพะรับบาปในคราวนี้จะเป็นชื่อของโปรโตกัส ดี เอส ที่รับทราบสถานการณ์ทุกอย่างดี
อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเผาขยะของโรงงานวัตถุดิบแห่งนี้ เชือกชุ่มน้ำมันไม่ยาวมากถูกพาดไว้ด้านหลังเตาเผาเชื่อมไปจนถึงแหล่งเก็บของที่อยู่ติดกันหลายหลัง ส่วนประกอบหลักที่มีแป้งจะเป็นสารตั้งต้นที่ติดไฟได้อย่างดี
ดองกิโฮเต้ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายทิ้งทั้งหมด เพราะอย่างน้อยต้องเหลือไว้สักหนึ่งโกดังให้คนภายนอกได้รับรู้ว่าสิ่งที่เก็บอยู่ภายในคืออะไร จนกว่าจะถึงเวลานั้น ไคโดจะรู้ตัวและเข้ามาดับไฟได้ทันท่วงที
ไม่มีช่วงเวลาใดจะเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว…
สิ่งที่ผู้นำตระกูลดองกิโฮเต้ทำมีเพียงเฝ้ารออัคคีภัยที่จะเกิดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ไม่กี่วันถัดมาในกลางดึกของคืนที่เงียบสงัด ท้องฟ้าของลานกว้างนั้นกลับส่องสว่างไปด้วยควันทั่วพื้นที่ เพลิงที่ร้อนระอุกำลังลุกไหม้ทำลายสิ่งที่ไคโดสั่งสมมาตลอดจนหมดสิ้น
เขายกเครื่องดื่มรสชาติขมปร่าขึ้นมาแตะริมฝีปาก ปล่อยให้ของเหลวนั้นไหลลงคอไปอย่างใจเย็น ดวงตาภายใต้กรอบแว่นทอดมองเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงผ่านหน้าต่างตึกสูงด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป
วันนั้นไคโดจะมองเปลวเพลิงที่ลุกไหม้บ้านของเขาและครอบครัวเช่นไรกันนะ
รสชาติของการแก้แค้นมันเป็นเช่นนี้นี่เอง... และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เพราะเมื่อไรก็ตามที่ฟันเฟืองชิ้นหนึ่งลงล็อค ฟันเฟืองอันอื่นๆ ก็จะหมุนตามกันไป ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
ไคโดเดือดร้อนอย่างหนักกับการสูญเสียโกดังยาเสพติดขนาดใหญ่ของตนไป กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วพื้นที่ว่าตำรวจรับสินบนจากผู้มีอิทธิพลปกปิดการกระทำอุกอาจเช่นนี้ เดือดร้อนไปถึงสำนักงานตำรวจที่ต้องตั้งหน่วยสอบสวนการทำงานของบุคลากรใหม่ตั้งแต่ระดับชั้นผู้น้อยไปจนถึงระดับสูง
คดีในคราวนี้ดึงผู้พิทักษ์สันติราษฏร์จากส่วนกลางของประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง และโปรโตกัส ดี เอสเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนี้
ไคโดตกเป็นผู้ต้องหากักตุนและค้าสารเสพติดรายใหญ่ แม้อำนาจของเจ้าตัวจะมีมากมายล้นฟ้า แต่กำลังเงินที่มีคงจะซื้อเวลาไปได้อีกไม่นานนัก
หากไม่เกิดอัคคีภัย ผู้คนก็จะไม่มีวันได้รับรู้ว่าพื้นที่แห่งนั้นกักเก็บสิ่งใดไว้...
ในช่วงชีวิตที่เจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองถึงจุดรุ่งเรืองอย่างสูงสุด โดฟลามิงโก้กลับฉุดชายผู้นั้นลงสู่ปากเหวอย่างไร้ปรานี
เขาเพียงแสดงท่าทีเดือดร้อนและโมโหไปตามน้ำ ในระหว่างที่การสอบสวนดำเนินต่อไป โคลอสเซียมที่มีหุ้นส่วนของข้าราชการชั้นสูงหลายคนรวมอยู่ถูกตั้งเป็นเป้าหมายต่อไป สมบัติชิ้นสุดท้ายของไคโดที่ยังหลงเหลืออยู่
บุตรชายของโกลด์ โรเจอร์กลายเป็นเป้าหมายในการกำจัดทิ้งรายต่อไป โดฟลามิงโก้แสร้งทำเป็นจนตรอกและเสนอแผนการอันหอมหวานเพื่อหลอกล่อให้ไคโดติดกับดักอีกครั้ง
“ล่อเจ้าเด็กนั่นเข้ามาที่โคลอสเซียมสิ อาศัยช่วงเวลานั้นกำจัดมันทิ้งเลยเป็นยังไง” ใบหน้าคมระบายยิ้มเหี้ยม สบสายตากับคนร่างใหญ่ที่แววตาแข็งกร้าวราวกับสัตว์ดุร้าย เจ้าตัวอยู่ในสถานะที่มีสิ่งที่จะเสียไปได้อีกไม่มากนัก
“......”
“แกก็รู้ว่าแผนของฉันไม่เคยพลาด”
ไคโดไม่ได้ตอบรับคำพูดเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเงื่อนไขของชายตรงหน้า
เอสทราบความเสี่ยงที่จะมาถึงตัวเขาดี แต่ก็ยอมร่วมมือกับโดฟลามิงโก้เพื่อทำให้แผนโดมิโนครั้งนี้ล้มลงจนถึงตัวสุดท้าย
เรื่องราวเกิดขึ้นกับพ่อของเขาตั้งแต่ตอนที่โตพอจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว ปู่คือผู้อุปการะคนเดียวที่ดูแลเขาให้เติบโตขึ้นมาเป็นตำรวจเหมือนกับพ่อ และได้รู้จักกับโดฟลามิงโก้มายาวนานจนถึงปัจจุบัน
เพราะแผนของชายคนนั้นไม่เคยพลาด…
เป็นดังที่เจ้าตัวได้กล่าวเอาไว้ ทั้งปู่และเจ้าของโรงงานขนมหวานเป็นคนเจ้าเล่ห์และวางแผนหลายชั้น
ไคโดเข้าใจว่าเขาจะแอบปลอมตัวเข้าไปในโคลอสเซียมคนเดียวโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง หากแต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น กำลังเสริมมากมายได้แฝงตัวเข้าไปในฝูงชนและพร้อมจะเริ่มปฏิบัติการเมื่อใดก็ได้
ชายหนุ่มขยับหมวกปีกกว้างลงมาบดบังใบหน้าของตน เขาแต่งกายด้วยชุดชาวบ้านธรรมดา กลมกลืนไปกับฝูงชนที่ต่างก็มารอชมการประลองของวันนี้ สบจังหวะกับชายคนหนึ่งที่สวนกันไปโดยแกล้งทำเป็นไม่ได้สังเกต ร่างสูงแต่งกายด้วยผ้าคลุมขนนกสีฉูดฉาดและกางเกงเฉดสีเดียวกัน เป็นเครื่องแต่งกายในนาม ‘โจ๊กเกอร์’ ที่โลกอีกฝั่งรู้จักดี
ประโยคสั้นๆ ถูกเอ่ยขึ้นเพื่อกล่าวเตือนให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ามือสังหารแต่งกายเช่นไร
ในขณะที่เรื่องราวทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่รัดกุมของหัวหน้าตระกูลดองกิโฮเต้
ตัวแปรที่คาดไม่ถึงยังคงเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากเหนือความคาดหมาย
ในช่วงเวลาที่โดฟลามิงโก้ใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่โคลอสเซียมในนามของโลกอีกฝั่ง อาจเพราะขาดการติดต่อกันพักใหญ่จนอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร
ปลายเท้าเล็กๆ คู่นั้นกลับพาตัวเองไปหยุดยังสวนดอกไม้ที่ในเวลานี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่มทั่วทั้งพื้นที่ กายบอบบางทิ้งตัวลงนั่งด้านหน้าศาลเจ้าเก่าๆ และเฝ้ามองเข้าไปด้านในราวกับมันไร้ก้นบึ้งเช่นเคย
เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่เป็นสิ่งที่สะกิดให้ร่างเล็กรู้สึกตัว เจ้าของดวงตากลมโตหันกลับไปมองและทักทายผู้มาใหม่ตามความเคยชิน คราวนี้คงเป็นครั้งแรกที่เขามาถึงที่นี่ก่อนอีกฝ่ายที่มีสถานะเป็นเจ้าของสวน
เพียงแต่เจ้าของปลายเท้าที่ปรากฏให้เห็นกลับไม่ใช่ชายคนเดิมที่เด็กหนุ่มรู้จัก…
ความคิดเห็น