ไม่ได้เข้ามาอัพบลอคนานมาก
วันนี้เลยได้ฤกษ์มาอัพเดทข่าวกันซะที ^^"
ตะลอนทัวร์แจ่มใส-อัมรินทร์ ภาคใต้ ถูกยกเลิกแบบเหนือความคาดหมาย
สาเหตุเพราะพายุเข้า+น้ำท่วมในตัวเมืองภาคใต้หลายจังหวัดนั่นเองจ้า
อันที่จริงตอนแรกทุกคนก็พอจะรู้ก่อนออกเดินทางแล้ว ว่าวันที่ 1-3 พ.ย. จะมีพายุเข้าที่ภาคใต้
แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะรุนแรงถึงขั้นน้ำท่วมสูงขึ้นมาเป็นเมตรแบบนี้
ก็เลยคิดว่าไปได้ไม่น่ามีปัญหา
...
...
ตอนรถออกจากทม. ยังไม่มีวี่แววอะไรเลยแม้แต่น้อย
พอเย็นๆ หน่อยเข้าเขตสุราษฎร์ฝนก็เริ่มลงนิดหน่อย
จนกระทั่งไปถึงพัทลุงตอนค่ำๆ ฝนก็เริ่มลงหนักขึ้นมาจากเดิมเล็กน้อย
ตอนนั้นทุกคนก็ยังคงลั้ลลา ไปแวะกินข้าวที่ที่พัก
ระหว่างกินข้าวฝนก็เริ่มตกหนัก + ลมพัดแรงมาก
เรียกได้ว่ากินข้าวท่ามกลางละอองฝนกันเลยทีเดียว 55+
ประมาณสามทุ่มหลังกินข้าวเสร็จก็เริ่มขนกระเป๋าเข้าที่พัก...
ตอนนี้แหละที่มันเริ่มส่อเค้าลางร้าย T^T
เพราะฝนเริ่มเทลงมาหนักมาก แล้วก็ไม่มีใครเตรียมร่มมาเลยสักคน(เพราะไม่คิดไงว่าฝนมันจะตกแรงขนาดนี้
ประมาณว่าคิดเข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์ ว่าฝนมันคงไม่ตกหนักตรงที่ที่เรามาพักแน่ 55+)
และด้วยความที่เราต้องการบรรรยาสุนทรีในการนอนหลับพักผ่อน
บ้านที่เราไปพักกันก็เลยมีน้ำรายล้อมซะด้วย
ในรูปที่ตรงที่มืดๆ ทึบๆ ด้านขวามือนั่นคือน้ำทั้งหมดเลย แล้วบ้านพักก็อยู่ริมน้ำ ยกสูงขึ้นมาจากพื้น
ส่วนด้านซ้ายมือนั่นเป็นราวกั้นสะพานกันตก
แต่...
ใครจะไปรู้ว่าไอ้น้ำที่รายล้อมเราเพื่อสร้างบรรยากาศสนุทรีเนี่ยมันจะมาสร้างความหลอกหลอนให้ในตอนกลางคืน =[]=;
...
...
...
เที่ยงคืนหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมจะนอนกันแล้ว
ก็เริ่มมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง (แอบกลัวผี 55+)
มือดันสั่นอีกรูปเลยเบลอชวนจิ้นหลอน
แต่พี่กก(ปราณธร) พี่นักเขียนแนวครสด.ที่ไปด้วยกันไม่กลัว
พอพี่เค้าไม่กลัวก็เลยรู้สึกเข้มแข็งตามไปด้วย ฮ่าๆ (ถูกโน้มน้าวง่ายมาก)
ก่อนจะปิดทีวีนอน ก็เห็นข่าวในทีวีบอกว่าน้ำท่วมสงขลาแล้ว
แ่ต่ก็ยังคงเฉยๆ กันอยู่ เพราะคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าน้ำมันคงลง =[]=
และคิดแต่ว่าเดี๋ยววันรุ่งขึ้นจัดกิจกรรมที่พัทลุงเสร็จ
ก็นอนอีกคืนแล้วเดี๋ยวเตรียมแพคของไปหาดใหญ่ต่อ
แต่ละคนวางแผนกันเรียบร้อยว่าไปถึงหาดใหญ่จะซื้ออะไรกลับไปกันบ้าง
นอนคิดไปถึงตลาดกิมหยง มองเห็นภาพตัวเองซื้อชอคโกเลตและของฝากสารพัดอย่าง (ในสมองคิดแต่เรื่องกิน 55+)
ระหว่างที่กำลังนอนคิด (ตอนนั้นปิดไฟปิดทีวี เหลือแต่ไฟที่หัวเตียงพอให้ห้องไม่มืดมากเกินไป และเตรียมจะนอนกันแล้ว) ฝนก็เริ่มลงหนักขึ้นเรื่อยๆ
และเริ่มแอดวานซ์ถึงขั้นมีเอฟเฟคต์ประกอบเหมือนในหนังที่เค้าวิ่งหนีพายุกัน =[]=;
เสียงฝนสาดกระทบหลังคาดังมากจนเริ่้มกลัวว่าหลังมันจะถล่มลงมาใส่หัว
คราวนี้ก็เลยลุกขึ้นมานั่ง แบบว่าไม่กล้านอนแล้ว กลัวหลังคามันถล่มใส่หัว
ลืมคิดไปว่าอันที่จริงถ้าหลังถ้ามันถล่ม จะนั่งหรือนอนมันก็ถ่ลมลงมาโดนหัวอยู่ดีนั่นแหละะ 55+
สักพักเสียงบนหลังคาดังมากจนรู้สึกเหมือนหลังคามันจะพังลงมาจริงๆ
คราวนี้แหละ! ไม่มีใครกล้านอนกันแล้ว ลุกขึ้นมาทั้งคู่ (ฝ้ายกับพี่กก)
แล้วก็เริ่มคุยกันว่านี่เรากำลังนอนอยู่ท่ามกลางพายุกันใช่มั้ยเนี่ย 55+
จริงๆ ก็กลัวนะตอนนั้น แต่ใจก็คิดว่าเราคงไม่ดวงกุดขนาดจะต้องมาเจออะไรร้ายแรงที่นี่อย่างแน่นอน
คือพยายามคิดบวกตลอดเพื่อไม่ให้เสียกำลังใจ
จากนั้นไม่นานไฟก็ดับ คราวนี้ดับแบบดับยาวเลย
ห้องมืดสนิททั้งห้อง มืดแบบมองไม่เห็นอะไร ต้องอาศัยไฟจากหน้าจอมือถืออย่างเดียว
แต่ด้วยความที่กลัวว่ามือถือแบตจะหมดแล้วเดี๋ยวติดต่อกับพี่ๆ ทีมงานไม่ได้ เลยไม่ค่อยกล้าเปิดไฟหน้าจอค้างไว้นานๆ
ก็เลยตัดสินใจนั่งฟังเสียงลมพายุด้านนอกไปเงียบๆ (แต่ในใจนี่คิดไปสารพัดแล้ว 55+)
ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลย ตกเป็นชั่วโมงๆ ตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีหนึ่งกว่าๆ
เสียงฝนสาดกระทบกบแพงด้านนอกดังมาก และลมก็แรง (รู้เพราะกำแพงด้านนอกจะมีเสียงของปลิวมากระแทกกำแพงบ้านตลอดเวลา T^T)
และสักพักบ้านก็เริ่มสั่นสะเทือน
แบบรู้สึกได้เลยฐานรากของบ้านมันเริ่มทนรับแรงลมไม่ไหว
เห็นพี่ทีมงานบางคนบอกว่าเค้าได้ยินเสียงน้ำมันตีอยู่ข้างใต้พื้นบ้านด้วย เพราะบ้านมันสร้างยกระดับจากผิวน้ำขึ้นมานิดเดียวเอง)
และด้วยความที่ห้องมันมืดสนิท แล้วต้องมาฟังเสียงลมตีอยู่ด้านนอกมันก็เลยยิ่งหลอน
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกจำเลยรักที่ถูกเอามากักตัวที่กระท่อมริมทะเลที่กำลังมีคลื่นพายุหนัก 55+
สักพักใหญ่ๆ พี่ทีมงานที่ไปด้วยกันก็โทรมาบอกว่าเดี๋ยวรอให้ฝนซาลงกว่านี้ และตีห้าจะตีรถกลับกทม.เลยเพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้เดียวถนนจะขาดแล้วกลับกทม.ไม่ได้
หลังวางสายเท่านั้นแหละฝ้ายกับพี่กกก็ลุกขึ้นมาเก็บกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อ(เป็นชุดเตรียมวิ่งหนีน้ำ 55+)
แล้วก็นอนทั้งชุดนั้นเลย คือคิดล่วงหน้ากันประมาณว่าถ้าน้ำมันมาจริงๆ ล่ะก็เราก็จะได้ลุกจากเตียงแล้ววิ่งออกไปเลย (ฮา)
...
...
...
ฝนหยุดตกไปตอนตีสาม
แต่ก็ยังออกไปไม่ได้ทันที เพราะที่รีสอร์ทเขาบอกว่าที่พายุเข้าต้นไม้ใหญ่มันหักล้มลงมาขวางทางออก
ก็เลยต้องนอนรอท่ามกลางความมืดไปก่อน
ตอนเกือบจะตีสี่ก็เคลิ้มหลับไปเพราะก่อนหน้ายังไม่ได้นอนเลยสักตื่นเดียว
(คิดดูว่าสถานการณ์แบบนี้ยังหลับลงไปได้ เพราะคิดบวกแบบนาตาลีว่าเราจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน 55+)
...
...
...
ตีห้าตรงเป๊ะ ปรากฏว่า
ยังออกไปไม่ได้ืัทันที เพราะว่ายังเคลียร์ต้นไม้ออกจากถนนในรีสอร์ทไม่เสร็จ
พอออกจากที่พักจะเดินไปที่ลานจอดรถก็ปรากฏว่ามีต้นไม้ใหญ่หักล้มลงมาขวางทางบนสะพาน (ตามที่เห็นในรูปเลยค่ะ) ทำให้ต้องหาทาง Survival ปีนข้ามต้นไม้ออกไปพร้อมกับหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางอย่างทุลักทุเลกันพอสมควรเลยทีเดียว
พอตีห้าครึ่งก็ได้ฤกษ์เดินทางกลับกทม.
ระหว่างทางกลับจากพัทลุงเนี่ยแหละถึงได้เห็นว่าถนนขาออกต้นไม้มันล้มลงมาขวางทางเต็มไปหมด
ทำให้ต้องไปวิ่งสวนเลนกับรถขาเข้าแทน ด้วยการใช้วิธีเปิดไฟกระพริบแล้วก็วิ่งสวนกับรถสิบล้อที่วิ่งมาด้วยความเร็วไม่ปรานีกันเลย T^T
ตอนนั้นในรถทุกคนไม่มีใครพูด แบบว่ายังอึ้งๆ กันอยู่ 55+
ระหว่างทางยังเห็นรถเก๋งบางคันโดนน้ำท่วมขึ้นมาเกือบถึงป้ายทะเบียน แต่พอดีว่าของเราเป็นรถตู้เลยฝ่าออกไปได้ (ยังคงมีความโชคดีเหลืออยู่ ^O^v)
ขับไปได้สักพักพี่ๆ ทีมงานไปด้วยกันก็เริ่มบอกพี่คนขับรถว่าให้เร่งความเร็วหน่อย
เพราะทีมงานที่กทม.โทรมาบอกว่า มีข่าวเตือนออกมาว่าเดี๋ยวจะมีพายุอีกลูกเข้าชุมพร
เพราะถ้าพายุเข้าหนักๆ คาดว่ารถก็คงจะไปต่อไม่ได้อาจจะต้องจอดพักข้างทาง
แต่สุดท้ายก็ดวงดีอีกตามเคย หนีพายุทัน YOY
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องยกเลิกงานตะลอนทัวร์ภาคใต้
เพราะเวลาพายุเข้าจะอันตรายมาก เพราะฉะนั้นจึงต้องรักษาชีวิตของทีมงานเอาไว้ก่้อนนั่นเอง T^T
คราวนี้ถือเป็นประสบการณ์หนีพายุ+น้ำท่วมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต
ทำให้เข้าใจความรู้สึุกของคนที่ต้องไปติดอยู่ในรัศมีของพายุมากๆ เลย T^T
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยู่ทางภาคใต้ และทุกๆ ภาคที่ต้องประสบกับภาวะน้ำท่วมกันด้วยนะคะ
และก็อยากจะบอกเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ให้เข้าใจกันด้วยค่ะ
ว่าถึงพื้นที่ที่จัดกิจกรรมน้ำอาจจะไม่ท่วม
แต่ว่าเส้นทางที่ใช้้เดินทางไปยังที่จัดกิจกรรม
บางทีมันก็ท่วมแล้วก็เดินทางไปไม่สะดวกและค่อนข้างอันตรายด้วยค่ะ
และพวกเราก็ไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าระหว่างการเดินทาง
และที่จุดที่เราไปพักกันจะมีพายุเข้าแรงๆ แบบนี้อีกหรือเปล่า
ก็เลยต้องตัดสินใจเดินทางกลับกทม.เพื่อความปลอดภัยของทีมงานทุกๆ คนค่ะ
เสียดายมากจริงๆ ที่กิจกรรมต้องถูกยกเลิกไปคราวนี้
แต่ยังไงความปลอดภัยก็ต้องมาก่อนค่ะ
คิดว่าหลังน้ำลดลงแล้ว อาจจะมีโอกาสได้ไปจัดกิจกรรมกันนะคะ
แต่ก็ยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มออกมาอย่างเป็นทางการ
ก็ได้แต่คาดการณ์กันไปก่อนเท่านั้นค่ะ
หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปเจอกันสักครั้งนะคะ
เป็นกำลังใจใ้ห้ทุกๆ คนค่า ^^
วันนี้เลยได้ฤกษ์มาอัพเดทข่าวกันซะที ^^"
ตะลอนทัวร์แจ่มใส-อัมรินทร์ ภาคใต้ ถูกยกเลิกแบบเหนือความคาดหมาย
สาเหตุเพราะพายุเข้า+น้ำท่วมในตัวเมืองภาคใต้หลายจังหวัดนั่นเองจ้า
อันที่จริงตอนแรกทุกคนก็พอจะรู้ก่อนออกเดินทางแล้ว ว่าวันที่ 1-3 พ.ย. จะมีพายุเข้าที่ภาคใต้
แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะรุนแรงถึงขั้นน้ำท่วมสูงขึ้นมาเป็นเมตรแบบนี้
ก็เลยคิดว่าไปได้ไม่น่ามีปัญหา
...
...
ตอนรถออกจากทม. ยังไม่มีวี่แววอะไรเลยแม้แต่น้อย
พอเย็นๆ หน่อยเข้าเขตสุราษฎร์ฝนก็เริ่มลงนิดหน่อย
จนกระทั่งไปถึงพัทลุงตอนค่ำๆ ฝนก็เริ่มลงหนักขึ้นมาจากเดิมเล็กน้อย
ตอนนั้นทุกคนก็ยังคงลั้ลลา ไปแวะกินข้าวที่ที่พัก
ระหว่างกินข้าวฝนก็เริ่มตกหนัก + ลมพัดแรงมาก
เรียกได้ว่ากินข้าวท่ามกลางละอองฝนกันเลยทีเดียว 55+
ประมาณสามทุ่มหลังกินข้าวเสร็จก็เริ่มขนกระเป๋าเข้าที่พัก...
ตอนนี้แหละที่มันเริ่มส่อเค้าลางร้าย T^T
เพราะฝนเริ่มเทลงมาหนักมาก แล้วก็ไม่มีใครเตรียมร่มมาเลยสักคน(เพราะไม่คิดไงว่าฝนมันจะตกแรงขนาดนี้
ประมาณว่าคิดเข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์ ว่าฝนมันคงไม่ตกหนักตรงที่ที่เรามาพักแน่ 55+)
และด้วยความที่เราต้องการบรรรยาสุนทรีในการนอนหลับพักผ่อน
บ้านที่เราไปพักกันก็เลยมีน้ำรายล้อมซะด้วย
ในรูปที่ตรงที่มืดๆ ทึบๆ ด้านขวามือนั่นคือน้ำทั้งหมดเลย แล้วบ้านพักก็อยู่ริมน้ำ ยกสูงขึ้นมาจากพื้น
ส่วนด้านซ้ายมือนั่นเป็นราวกั้นสะพานกันตก
แต่...
ใครจะไปรู้ว่าไอ้น้ำที่รายล้อมเราเพื่อสร้างบรรยากาศสนุทรีเนี่ยมันจะมาสร้างความหลอกหลอนให้ในตอนกลางคืน =[]=;
...
...
...
เที่ยงคืนหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมจะนอนกันแล้ว
ก็เริ่มมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง (แอบกลัวผี 55+)
มือดันสั่นอีกรูปเลยเบลอชวนจิ้นหลอน
แต่พี่กก(ปราณธร) พี่นักเขียนแนวครสด.ที่ไปด้วยกันไม่กลัว
พอพี่เค้าไม่กลัวก็เลยรู้สึกเข้มแข็งตามไปด้วย ฮ่าๆ (ถูกโน้มน้าวง่ายมาก)
ก่อนจะปิดทีวีนอน ก็เห็นข่าวในทีวีบอกว่าน้ำท่วมสงขลาแล้ว
แ่ต่ก็ยังคงเฉยๆ กันอยู่ เพราะคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าน้ำมันคงลง =[]=
และคิดแต่ว่าเดี๋ยววันรุ่งขึ้นจัดกิจกรรมที่พัทลุงเสร็จ
ก็นอนอีกคืนแล้วเดี๋ยวเตรียมแพคของไปหาดใหญ่ต่อ
แต่ละคนวางแผนกันเรียบร้อยว่าไปถึงหาดใหญ่จะซื้ออะไรกลับไปกันบ้าง
นอนคิดไปถึงตลาดกิมหยง มองเห็นภาพตัวเองซื้อชอคโกเลตและของฝากสารพัดอย่าง (ในสมองคิดแต่เรื่องกิน 55+)
ระหว่างที่กำลังนอนคิด (ตอนนั้นปิดไฟปิดทีวี เหลือแต่ไฟที่หัวเตียงพอให้ห้องไม่มืดมากเกินไป และเตรียมจะนอนกันแล้ว) ฝนก็เริ่มลงหนักขึ้นเรื่อยๆ
และเริ่มแอดวานซ์ถึงขั้นมีเอฟเฟคต์ประกอบเหมือนในหนังที่เค้าวิ่งหนีพายุกัน =[]=;
เสียงฝนสาดกระทบหลังคาดังมากจนเริ่้มกลัวว่าหลังมันจะถล่มลงมาใส่หัว
คราวนี้ก็เลยลุกขึ้นมานั่ง แบบว่าไม่กล้านอนแล้ว กลัวหลังคามันถล่มใส่หัว
ลืมคิดไปว่าอันที่จริงถ้าหลังถ้ามันถล่ม จะนั่งหรือนอนมันก็ถ่ลมลงมาโดนหัวอยู่ดีนั่นแหละะ 55+
สักพักเสียงบนหลังคาดังมากจนรู้สึกเหมือนหลังคามันจะพังลงมาจริงๆ
คราวนี้แหละ! ไม่มีใครกล้านอนกันแล้ว ลุกขึ้นมาทั้งคู่ (ฝ้ายกับพี่กก)
แล้วก็เริ่มคุยกันว่านี่เรากำลังนอนอยู่ท่ามกลางพายุกันใช่มั้ยเนี่ย 55+
จริงๆ ก็กลัวนะตอนนั้น แต่ใจก็คิดว่าเราคงไม่ดวงกุดขนาดจะต้องมาเจออะไรร้ายแรงที่นี่อย่างแน่นอน
คือพยายามคิดบวกตลอดเพื่อไม่ให้เสียกำลังใจ
จากนั้นไม่นานไฟก็ดับ คราวนี้ดับแบบดับยาวเลย
ห้องมืดสนิททั้งห้อง มืดแบบมองไม่เห็นอะไร ต้องอาศัยไฟจากหน้าจอมือถืออย่างเดียว
แต่ด้วยความที่กลัวว่ามือถือแบตจะหมดแล้วเดี๋ยวติดต่อกับพี่ๆ ทีมงานไม่ได้ เลยไม่ค่อยกล้าเปิดไฟหน้าจอค้างไว้นานๆ
ก็เลยตัดสินใจนั่งฟังเสียงลมพายุด้านนอกไปเงียบๆ (แต่ในใจนี่คิดไปสารพัดแล้ว 55+)
ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลย ตกเป็นชั่วโมงๆ ตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีหนึ่งกว่าๆ
เสียงฝนสาดกระทบกบแพงด้านนอกดังมาก และลมก็แรง (รู้เพราะกำแพงด้านนอกจะมีเสียงของปลิวมากระแทกกำแพงบ้านตลอดเวลา T^T)
และสักพักบ้านก็เริ่มสั่นสะเทือน
แบบรู้สึกได้เลยฐานรากของบ้านมันเริ่มทนรับแรงลมไม่ไหว
เห็นพี่ทีมงานบางคนบอกว่าเค้าได้ยินเสียงน้ำมันตีอยู่ข้างใต้พื้นบ้านด้วย เพราะบ้านมันสร้างยกระดับจากผิวน้ำขึ้นมานิดเดียวเอง)
และด้วยความที่ห้องมันมืดสนิท แล้วต้องมาฟังเสียงลมตีอยู่ด้านนอกมันก็เลยยิ่งหลอน
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกจำเลยรักที่ถูกเอามากักตัวที่กระท่อมริมทะเลที่กำลังมีคลื่นพายุหนัก 55+
สักพักใหญ่ๆ พี่ทีมงานที่ไปด้วยกันก็โทรมาบอกว่าเดี๋ยวรอให้ฝนซาลงกว่านี้ และตีห้าจะตีรถกลับกทม.เลยเพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้เดียวถนนจะขาดแล้วกลับกทม.ไม่ได้
หลังวางสายเท่านั้นแหละฝ้ายกับพี่กกก็ลุกขึ้นมาเก็บกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อ(เป็นชุดเตรียมวิ่งหนีน้ำ 55+)
แล้วก็นอนทั้งชุดนั้นเลย คือคิดล่วงหน้ากันประมาณว่าถ้าน้ำมันมาจริงๆ ล่ะก็เราก็จะได้ลุกจากเตียงแล้ววิ่งออกไปเลย (ฮา)
...
...
...
ฝนหยุดตกไปตอนตีสาม
แต่ก็ยังออกไปไม่ได้ทันที เพราะที่รีสอร์ทเขาบอกว่าที่พายุเข้าต้นไม้ใหญ่มันหักล้มลงมาขวางทางออก
ก็เลยต้องนอนรอท่ามกลางความมืดไปก่อน
ตอนเกือบจะตีสี่ก็เคลิ้มหลับไปเพราะก่อนหน้ายังไม่ได้นอนเลยสักตื่นเดียว
(คิดดูว่าสถานการณ์แบบนี้ยังหลับลงไปได้ เพราะคิดบวกแบบนาตาลีว่าเราจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน 55+)
...
...
...
ตีห้าตรงเป๊ะ ปรากฏว่า
ยังออกไปไม่ได้ืัทันที เพราะว่ายังเคลียร์ต้นไม้ออกจากถนนในรีสอร์ทไม่เสร็จ
พอออกจากที่พักจะเดินไปที่ลานจอดรถก็ปรากฏว่ามีต้นไม้ใหญ่หักล้มลงมาขวางทางบนสะพาน (ตามที่เห็นในรูปเลยค่ะ) ทำให้ต้องหาทาง Survival ปีนข้ามต้นไม้ออกไปพร้อมกับหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางอย่างทุลักทุเลกันพอสมควรเลยทีเดียว
พอตีห้าครึ่งก็ได้ฤกษ์เดินทางกลับกทม.
ระหว่างทางกลับจากพัทลุงเนี่ยแหละถึงได้เห็นว่าถนนขาออกต้นไม้มันล้มลงมาขวางทางเต็มไปหมด
ทำให้ต้องไปวิ่งสวนเลนกับรถขาเข้าแทน ด้วยการใช้วิธีเปิดไฟกระพริบแล้วก็วิ่งสวนกับรถสิบล้อที่วิ่งมาด้วยความเร็วไม่ปรานีกันเลย T^T
ตอนนั้นในรถทุกคนไม่มีใครพูด แบบว่ายังอึ้งๆ กันอยู่ 55+
ระหว่างทางยังเห็นรถเก๋งบางคันโดนน้ำท่วมขึ้นมาเกือบถึงป้ายทะเบียน แต่พอดีว่าของเราเป็นรถตู้เลยฝ่าออกไปได้ (ยังคงมีความโชคดีเหลืออยู่ ^O^v)
ขับไปได้สักพักพี่ๆ ทีมงานไปด้วยกันก็เริ่มบอกพี่คนขับรถว่าให้เร่งความเร็วหน่อย
เพราะทีมงานที่กทม.โทรมาบอกว่า มีข่าวเตือนออกมาว่าเดี๋ยวจะมีพายุอีกลูกเข้าชุมพร
เพราะถ้าพายุเข้าหนักๆ คาดว่ารถก็คงจะไปต่อไม่ได้อาจจะต้องจอดพักข้างทาง
แต่สุดท้ายก็ดวงดีอีกตามเคย หนีพายุทัน YOY
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องยกเลิกงานตะลอนทัวร์ภาคใต้
เพราะเวลาพายุเข้าจะอันตรายมาก เพราะฉะนั้นจึงต้องรักษาชีวิตของทีมงานเอาไว้ก่้อนนั่นเอง T^T
คราวนี้ถือเป็นประสบการณ์หนีพายุ+น้ำท่วมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต
ทำให้เข้าใจความรู้สึุกของคนที่ต้องไปติดอยู่ในรัศมีของพายุมากๆ เลย T^T
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยู่ทางภาคใต้ และทุกๆ ภาคที่ต้องประสบกับภาวะน้ำท่วมกันด้วยนะคะ
และก็อยากจะบอกเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ให้เข้าใจกันด้วยค่ะ
ว่าถึงพื้นที่ที่จัดกิจกรรมน้ำอาจจะไม่ท่วม
แต่ว่าเส้นทางที่ใช้้เดินทางไปยังที่จัดกิจกรรม
บางทีมันก็ท่วมแล้วก็เดินทางไปไม่สะดวกและค่อนข้างอันตรายด้วยค่ะ
และพวกเราก็ไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าระหว่างการเดินทาง
และที่จุดที่เราไปพักกันจะมีพายุเข้าแรงๆ แบบนี้อีกหรือเปล่า
ก็เลยต้องตัดสินใจเดินทางกลับกทม.เพื่อความปลอดภัยของทีมงานทุกๆ คนค่ะ
เสียดายมากจริงๆ ที่กิจกรรมต้องถูกยกเลิกไปคราวนี้
แต่ยังไงความปลอดภัยก็ต้องมาก่อนค่ะ
คิดว่าหลังน้ำลดลงแล้ว อาจจะมีโอกาสได้ไปจัดกิจกรรมกันนะคะ
แต่ก็ยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มออกมาอย่างเป็นทางการ
ก็ได้แต่คาดการณ์กันไปก่อนเท่านั้นค่ะ
หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปเจอกันสักครั้งนะคะ
เป็นกำลังใจใ้ห้ทุกๆ คนค่า ^^
ความคิดเห็น
แต่ดีแล้วที่พี่ๆทุกคนปลอดภัย
ก็ขอให้ภาคไหนที่น้ำท่วมก็ขอลดระดับน้ำลงจนกลับมาปกติสุขโดยเร็ว
เอาใจช่วยค่ะ ^^
หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้ทั่วไทยเนอะ