Tense เป็นสิ่งที่หลายๆคนมักจะส่ายหน้
ลองคิดสมมุติเป็นตัวเลขง่ายๆนะค
ภาษาอังกฤษ มีทั้งหมด 12 tense
สมมุติว่าแต่ละ tense มีข้อบังคับในการใช้ tense ละ 2 ข้อ
มีกฎในการเปลี่ยนรูปกริยาอีก 2 ข้อ
และมีรูปแบบการเรียงดับประโยคอี
12x2x2x2 = 96
นี่เท่ากับว่า คนที่เรียนภาษาอังกฤษจะต้องจำให
โอ้ว มันช่างเยอะมาก!
ยังไม่หมดนะครับ ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ พอเราไปพูดกับฝรั่งแล้วพูดผิด tense เราคิดว่าเขาจะไม่เข้าใจเรา แต่ไม่เลย ฝรั่งเขาเข้าใจว่าเราหมายถึงอะไ
นี่คือเหตุผลที่หลายๆคนคิด
ซึ่งพี่ขอบอกเลยครับว่าเป็นเหตุ
จริงอยู่ครับที่ต่อให้เราพูดผิด
เราลองมาดูตัวอย่างนี้กันครับ
สมมติว่าเรากับเพื่อนชาวต่างชาต
เพื่อนฝรั่งคนนั้นถามเราว่า
What did you eat yesterday?
(คุณกินอะไรเมื่อวาน)
เราตอบเขากลับว่า
I eat fried rice yesterday.
(ฉันกินข้าวผัดเมื่อวาน)
ประโยคนี้หากตามสูตรหรือกฎของ Tense แล้ว คำว่า eat ต้องกลายเป็น ateเนื่องจากว่ากล่าวถึงเหตุการ
100% ครับว่าเข้าใจ
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่
1. เรามีคำว่า yesterday เป็นตัวบอกเวลาให้คนฟังรู้ว่าเก
2.ประโยคนี้เป็นประโยคง่ายๆที่ไ
ทีนี้ลองมาดูในอีกสถานการณ์หนึ่
แล้วเราบอกกับทางบริษัทว่า
“I buy two white shirts and a pair of jeans I do not get it yet”
(ฉันขอซื้อเสื้อเชิรต์สีขาวกับก
เห็นไหมครับว่าพอเป็นประโยคยาวข
ประโยคนี้จริงๆแล้วควรเขียนว่า
“I bought two white shirts and a pair of jeans, but I have not received them yet.”
(ฉันได้ทำการซื้อเสื้อเชิรต์สอง
หากเราพูดแบบประโยคแรก ถ้าเราโชคดี ทางบริษัทอาจจะเข้ใจเรา แล้วตามเรื่องให้ แต่หากโชคร้าย บริษัทเข้าใจว่าเราต้องการสั่งซ
เรื่องสั่งซื้อหรือทวงสินค้ายัง
จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า จริงๆแล้ว Tense เป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำคัญถึงขนาดว่า อาจารย์ชาวต่างชาติได้กล่าวไว้เ
ความคิดเห็น