ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Touch of Love 2

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 แม่มดสามพี่น้องและสมาชิกใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.22K
      0
      1 เม.ย. 50

    Chapter 1

    คณะเดินทางของเจ้าชายซาสึเกะทุกคนแต่งกายกันอย่างรัดกุมด้วยเสื้อผ้าเนื้อหนาอบอุ่นที่จิไรยะจัดมาให้ มีเสื้อคลุมตัวสั้นสวมทับพร้อมด้วยเสื้อคลุมยาวบุขนสัตว์ เสบียงอาหาร เสื้อผ้าสำรองรวมทั้งสิ่งจำเป็นอื่นๆ พร้อมด้วยม้าอีกจำนวนหนึ่ง พวกเค้านำอาวุธติดตัวกันไปไม่มากนัก เพราะไม่ต้องการความล่าช้าจากการเดินทาง ซาสึเกะมีดาบเพียงเล่มเดียวพร้อมด้วยมีดสั้นเหมือนกับคนอื่นๆ ในคณะ ยกเว้นแต่กาอาระที่สะพายธนูกับกระบอกใส่ลูกธนูพร้อมพกดาบไว้ข้างลำตัว

    เมื่อทั้งหมดกระโดดขึ้นม้าแล้วควบออกไป ก็พบกับฝูงชนแห่งแคว้นโคโนฮะเฝ้ามองกับการเดินทางของพวกเค้าพร้อมกับกล่าวอำลาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่มีเสียงหัวเราะ เสียงโห่ร้อง หรือเสียงดนตรี ในที่สุดทั้งคณะก็เลี้ยวหายเข้าไปในความขมุกขมัวของหมอกอย่างเงียบๆ

    บัดนี้คณะของเจ้าชายได้ข้ามสะพานที่เชื่อมระหว่างภายในเมืองโคโนฮะกับภายนอกกำแพงสูง ออกไปสู่ทุ่งโล่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังหุบเขา "ชินุยามะ" หรือเรียกว่า "หุบเขาแห่งความตาย" เหตุที่ได้รับการขนานนามนี้เพราะเนื่องจากว่า ณ หุบเข้าแห่งนี้มี จอมเวทย์หญิงหรือเรียกว่า "แม่มดสามพี่น้อง" อาศัยอยู่ พวกนางไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใด แต่พวกนางมีญาณที่สามารถรู้ทุกสิ่ง ผู้ที่เข้าพบกับแม่มดสามพี่น้องนี้ไม่เคยมีผู้ใดสามารถรอดชีวิตกลับมาได้สักราย เพราะพวกนางมีนิสัยที่ดุร้ายและชอบกินเนื้มนุษย์ แต่ก็ยังมีผู้กล้าที่อยากรู้เรื่องราวต่างๆ เสี่ยงชีวิตเข้าพบกับพวกนางเนื่องจากความอยากรู้เป็นเหตุและก็ต้องพบจุดจบกันทั้งสิ้น

    ในระหว่างการเดินทาง

    "ปล่อยข้านะ !!! จะจับข้าไว้ทำไม ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยที!!!"

    เสียงร้องเสียงเล็กๆ เหมือนเสียงของเด็กผู้ชายกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้ทั้งหมดหยุดม้าและเงี่ยหูฟัง

    "เสียงมันมาจากทางไหนน่ะ"

    คิบะพูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ จู่ๆ ซาสึเกะก็กระโดดลงจากม้าพร้อมกับแหวกพุ่มไม้ออกเพื่อเดินตรงไปยังต้นเสียง เค้าก็พบกับชายฉกรรจ์สามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่โดยที่ในมือถือกรงขนาดเล็กที่ขังเด็กผู้ชายตัวเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือ มีเส้นผมสีเขียวมรกต ตัวขาวซีด และมีปีกใสเล็กๆ ติดอยู่ทางด้านหลัง รวมทั้งนัยน์ตาสีทองอร่ามที่ทอดมองไปยังเจ้าชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน พร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือขึ้นอีก

    "ท่านได้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ แล้วข้าจะไม่ลืมพระคุณท่านเลย"

    เมื่อสิ้นเสียงของภูตน้อยตัวนั้น ชายทั้งสามก็หันหน้าไปทางที่ซาสึเกะยืนอยู่ ซึ่งองครักษ์ทั้งห้าก็ตามเข้าสมทบ

    "พวกเจ้าต้องการอะไร"

    ชายทั้งสามถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ซาสึเกะไม่ตอบอะไรเพียงแต่โยนถุงทองถุงหนึ่งไปตรงหน้าของคนทั้งสามก่อนที่พูดขึ้นว่า

    "ข้าจะซื้อเจ้าตัวเล็กนี่ต่อจากพวกเจ้า ทองแค่นั้นคงจะพอนะ"

    เมื่อทั้งสามจึงเปิดถุงทองออกดูก็รีบตอบตกลงทันที เมื่อซาสึเกะได้ภูตน้อยตัวนั้นมาแล้วเค้าก็เปิดกรงออก ภูตตัวนั้นจึงรีบบินออกมาจากกรงแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าชายหนุ่ม ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม

    "ข้าต้องขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้ หากมีโอกาสข้าจะตอบแทนบุญคุณท่านแน่นอน"

    "เจ้าได้ทำแน่...ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรเหรอ"

    ซาสึเกะถามพร้อมกับจ้องไปที่ภูตน้อยตัวนั้น

    "เรียกข้าว่า รัน ละกัน"

    ภูตน้อยที่มีนามว่ารันตอบพร้อมกับบินไปนั่งอยู่บนบ่าของซาสึเกะ

    "ว่าแต่พวกท่านจะไปไหนกันเหรอ"

    ภูตรันถามขึ้น

    "อ๋อ พวกเราจะไปที่หุบเขาชินุยามะน่ะ"

    เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าภูตน้อยก็ตกใจจนหงายหลังตกจากบ่าของซาสึเกะ แต่ก็ยังบินขึ้นมานั่งต่อ

    "นี่พวกเจ้าจะไปหุบเขาของนังแม่มดพวกนั้นเหรอ!!! มันอันตรายมากนะ"

    "เอาน่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะข้าได้เตรียมแผนไว้แล้ว"

    ซาสึเกะพูดพร้อมกับมองไปยังภูตน้อยด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์

    จากนั้นทั้งหมดก็เดินทางต่อจนมาถึงยังหุบเขาชินุยามะ ทางขึ้นไปสู่เบื้องบนนั้นเป็นบันไดหินที่ทอดยาว สองข้างทางนั้นเป็นป่าที่รกทึบ บรรยากาศรอบด้านปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ ดูวังเวงยิ่งนัก ซาสึเกะหยุดมองอยู่พักนึงก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

    "เดี๋ยวพวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่น่ะแหละ"

    "แต่ฝ่าบาทขึ้นไปคนเดียวมันอันตรายมากนะพ่ะย่ะค่ะ"

    ชิโนะค้านขึ้นมา

    "ใครบอกว่าข้าจะขึ้นไปคนเดียว ข้าจะเอาเจ้านี่ไปด้วย"

    ซาสึเกะพูดพร้อมกับพยักเพยิดไปยังภูตน้อยที่ยังทำหน้างงๆ อยู่บนบ่าของตน

    "แต่ฝ่าบาท เจ้าตัวเล็กนี่ปกป้องท่านไม่ได้หรอก อย่างน้อยข้าขอตามท่านขึ้นไปด้วย"

    กาอาระพูดพร้อมกับกระโดดลงจากม้าแล้วมายืนอยู่ข้างๆ เจ้าชายหนุ่ม

    "ข้าก็จะไปด้วยอีกคน"

    ชิโนะเองก็เสนอตัวด้วยเช่นกัน

    "เอาล่ะๆ เข้าใจแล้ว ไปกันแค่นี้ก็พอ ส่วนที่เหลือรออยู่ข้างล่างนี่แหละ"

    จากนั้นทั้งสี่ก็มุ่งหน้าขึ้นไปยังเบื้องบนของหุบเขาชินุยามะ ในระหว่างเดินขึ้นบันไดกันอยู่นั้น พวกเค้ารู้สึกได้ถึงสายตานับร้อยจ้องมองพวกเค้าอยู่ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะอันโหยหวนที่ลอยมาตามลมชวนให้ขนหัวลุกยิ่งนัก

    "อึ๋ย!!.. ที่นี่น่ากลัวชะมัดเลยมีแต่วิญญาณอยู่เต็มไปหมด"

    ภูตน้อยพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ

    "เจ้าเห็นด้วยเหรอ ข้าเพียงแค่รู้สึกเฉยๆ นะเนี่ย"

    ซาสึเกะพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

    "ภูตทุกตัวสามารถมองเห็นสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็นทั้งนั้นแหละ"

    รันพูดพร้อมกับยืนกอดอกด้วยท่าทางที่ภูมิใจอยู่บนไหล่ของเจ้าชายหนุ่ม ท่าทางของภูตน้อยทำให้ซาสึเกะอดยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นซาสึเกะก็หยุดเดินพร้อมกับเรียกชิโนะและกาอาระให้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อบอกแผนการของเค้า

    .............................................................................................................

    เมื่อทั้งสี่เดินขึ้นบันไดมาจนถึงขั้นบนสุด พวกเค้าก็พบกระท่อมซอมซ่ออยู่หลังหนึ่ง แสงไฟจากเตาผิงที่ลอดออกมาจากรอยรั่วของกระท่อมบ่งบอกว่ามีผู้อาศัยอยู่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ พวกเค้าก็ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วมาจากในบ้าน เป็นเสียงของหญิงชรา เมื่อซาสึเกะเปิดประตูเข้าไป เค้าก็พบกับหญิงชราสามนางหน้าตาอัปลักษณ์ คางยาว จมูกแหลม ที่สำคัญพวกนางตาบอด แล้วตอนนี้พวกนางกำลังร้องเพลงพลางหยิบเครื่องปรุงหลากหลายขนิดจากตู้ใส่ลงไปในหม้อซุปขนาดใหญ่ ที่ใต้ปล่องไฟมีเนื้อเสียบเหล็กย่างอยู่ชิ้นหนึ่ง เมื่อมองดีๆ จะเห็นว่าเนื้อที่ย่างอยู่นั้นไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่เป็นเนื้อของมนุษย์ ตามพื้นกระท่อมก็มีโครงกระดูกอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด พวกนางยังคงกำลังร้องเพลงกันอยู่โดยที่ไม่ได้สังเกตุว่าพวกซาสึเกะนั้นได้เข้ามาในกระท่อมของพวกนางแล้ว

    "พวกเราแม่มดทั้งสาม

    สามารถรู้กาลทั้งหลาย

    แต่ความรู้ต้องแลกมาซึ่งความตาย

    ใครเสียดายชีวิตจงหลีกไป..."

    หญิงชราที่มีรูปร่างสูงและร่างกายผ่ายผอมจนกระทั่งเห็นซี่โครงได้ร้องขึ้นมาคนเดียว

    "ตัวข้าคะโกะคือพี่ใหญ่

    รู้อดีตที่ผ่านพ้นไป.."

    จากนั้นหญิงชราที่มีรูปร่างอ้วนท้วนและเตี้ยที่สุดในกลุ่มก็ร้องต่อขึ้น

    "ส่วนข้านั้นไซร้คือคนรอง

    คิโยวคือนามของข้า

    รู้กาลปัจจุบันทั้งหลาย..."

    แล้วหญิงชราคนสุดท้ายที่มีรูปร่างสมส่วนก็ร้องตามมาติดๆ ว่า

    "ใครอยากรู้อนาคตเป็นเช่นไร

    ตัวข้าคือมิไรจะบอกเอง..."

    เมื่อสิ้นเสียงเพลงหญิงชราทั้งสามก็พากันหัวเราะจนเสียงหลง แต่แล้วจู่ๆ พวกนางก็หยุดหัวเราะก่อนที่หญิงชราที่มีนามว่าคะโกะได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ว่า

    "ข้าได้กลิ่นของพวกมนุษย์อยู่ในบ้านของพวกเรา ไหนคิโยวเจ้าส่งลูกแก้วมาหน่อยสิ ข้าจะขอดูหน้าผู้มาบุกรุกเสียหน่อย"

    เมื่อหญิงชราได้ลูกแก้วมาไว้ในมือ นางก็ยกขึ้นมาไว้ตรงหน้าพร้อมกับมองผ่านลูกแก้วนั้นไปทางซาสึเกะ

    "โอ้ มนุษย์ผู้นี้ช่างมีใบหน้าที่งดงามยิ่งนัก แต่กลับมีอดีตอันขมขื่น"

    เมื่อได้ยินแม่มดคนพี่พูด นางแม่มดอีกสองตนที่เหลือก็แสดงอาการตื่นเต้นขึ้น

    "ไหนๆ ท่านพี่ขอข้าดูบ้าง"

    นางแม่มดที่ชื่อคิโยวแย่งลูกแก้วมาส่องดูพร้อมกับมิไรแม่มดคนสุดท้อง แล้วนางคิโยวก็พูดขึ้นว่า

    "กษัตริย์หนุ่มผู้นี้มีพลังแห่งด้านมืดปกคลุมอยู่ภายในจิตใจอันเนื่องมาจากสายเลือด..."

    ยังไม่ทันที่นางแม่มดคิโยวจะพูดจบ ก็ถูกแย่งลูกแก้วไปจากมือโดยนางแม่มดมิไร

    "เจ้ากำลังตามหาสิ่งสำคัญที่สูญหาย แต่หนทางนั้นอัปจนยิ่ง...เดี๋ยวก่อนสิท่านพี่ข้ายังพูดไม่จบเลย..อย่าแย่งข้าสิ"

    นางแม่มดมิไรตวาดไปยังพี่คนรองของตนที่พยายามแย่งลูกแก้วนั้นกลับคืนมา

    "ตอนนี้แหละรัน!!!"

    เมื่อสิ้นเสียงของซาสึเกะภูตน้อยก็พุ่งตัวโฉบเข้าไปเอาลูกแก้วจากมือของนางแม่มด ก่อนที่จะส่งให้กับเจ้าชายหนุ่ม เมื่อซาสึเกะรับลูกแก้วนั้นมาได้แล้วเค้าก็เหยียดยิ้มก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

    "ข้าสามารถทำลายลูกแก้วที่เปรียบเหมือนกับดวงตาของพวกเจ้าให้สลายไปได้ในพริบตา แต่ข้ายังมีข้อแลกเปลี่ยนหากเจ้ายังอยากได้ลูกแก้วนี้คืน"

    "อะไรจงรีบบอกมา!! ข้าจะตอบให้โดยพลัน"

    แม่มดทั้งสามแทบจะพูดขึ้นมาพร้อมกันในทันที

    "งั้นจงบอกข้ามาว่า ดินแดนมรณะนั้นอยู่ที่ไหน"

    เมื่อได้ยินดังนั้นพวกนางก็แสดงท่าทีตกใจก่อนที่นางแม่มดคิโยวจะพูดออกมาว่า

    "จงมุ่งหน้าไปตามทักษิณทิศ ให้สังเกตุป่าที่เต็มไปด้วยต้นซากุระ ที่นั่นจะมีธารากว้างใหญ่ขวางอยู่พวกเจ้าต้องข้ามธารานั้นไป...ข้าบอกเจ้าได้เพียงเท่านี้เพราะดวงตาแห่งเวทย์ของข้าไม่สามารถที่จะมองผ่านไปยังดินแดนมรณะได้..."

    "นอกจากสิ่งสำคัญ ท่านจะได้พบกับบุคคลที่พลัดพรากจากกันมานานแสนนาน...เอาล่ะทีนี้ก็ส่งลูกแก้วคืนให้พวกเรามาได้แล้ว"

    นางแม่มดมิไรพูดอย่างร้อนรน

    "ได้.. ข้าจะคืนให้ตามสัญญา"

    พูดเสร็จซาสึเกะก็ค่อยๆ โยนลูกแก้วนั้นลงไปบนกองฟางที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องก่อนที่จะรีบเดินออกมาจากกระท่อมหลังนั้น ปล่อยให้พวกแม่มดหาลูกแก้วนั้นกันให้วุ่น

    ...........................................................................

    "เป็นอย่างไรบ้างฝ่าบาท"

    คาคาชิถามขึ้นเมื่อเห็นพวกซาสึเกะลงมาจากเขาแล้ว

    "ก็ได้อะไรไม่มากนัก แค่รู้ว่าต้องไปทางใต้ ผ่านป่าซากุระและข้ามแม่น้ำไป"

    "อ้าวแล้วต่อจากนี้พวกเราจะไปทางไหนกันต่อล่ะครับ"

    คิบะถามขึ้นด้วยความสงสัย

    "ไม่เป็นไรหรอก ข้าเคยให้ของชิ้นหนึ่งไว้กับนารูโตะ และข้าได้ลงเวทย์เอาไว้ หากว่าเราเข้าใกล้ยังดินแดนมรณะแล้ว ข้าคงจะสัมผัสถึงมันได้"

    "งั้นเราก็ไปกันเลยสิ"

    ภูตน้อยพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น

    "รัน เจ้ากลับไปหาพวกพ้องของเจ้าซะเถอะ ไม่ต้องตามข้าไปอีกแล้วก็ได้"

    เมื่อภูตรันได้ยินซาสึเกะพูดดังนั้น เค้าก็รีบบินไปนั่งบนบ่าของเจ้าชายหนุ่มพร้อมกับกอดอกและพูดด้วยท่าทางที่เอาแต่ใจว่า

    "ไม่!! ข้าไม่ไป ข้าอยากติดตามท่านไปมากกว่าอ่ะ ข้ามีประโยชน์นะจะบอกให้"

    เมื่อเห็นท่าทางของรันซาสึเกะจึงถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

    "งั้นก็ตามใจเจ้าละกัน...เอาล่ะงั้นพวกเราก็ออกเดินทางกันต่อเถอะ"

    ในระหว่างที่ขี่ม้าอยู่นั้นซาสึเกะก็นึกไปถึงคำพูดของแม่มดสามพี่น้อง

    .

    .

    .

    "กษัตริย์หนุ่มผู้นี้มีพลังแห่งด้านมืดปกคลุมอยู่ภายในจิตใจอันเนื่องมาจากสายเลือด..."

    .

    .

    .

    "นอกจากสิ่งสำคัญ ท่านจะได้พบกับบุคคลที่พลัดพรากจากกันมานานแสนนาน...เอาล่ะทีนี้ก็ส่งลูกแก้วคืนให้พวกเรามาได้แล้ว"

     

    เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เค้าก็ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจว่า

    ("มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะที่นางแม่มดพวกนั้นพูด สายเลือดของข้ามันมีอะไรงั้นหรือ แล้วใครกันที่นอกจากนารูโตะแล้วข้ายังต้องพบอีก...")

    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×