คะแนน 5/5
นักวิจารณ์ Seesor
สวัสดีค่ะ ซอเป็นแฟนคลับคนหนึ่งที่ติดตามอ่านมานานพอสมควร เคยอ่านจนติดและทำให้ไม่ได้อ่านหนังสือสอบจนตกฟิสิกส์มาแล้ว - -;; #มีการโทษนิยายอย่างด้านๆ
ออกตัวก่อนว่าเป็นแค่เด็กไม่ประสีประสาที่อยากวิจารณ์เท่านั้นแหละค่ะ ประสบการณ์ขาดๆ เกินๆ ไปบ้างก็อย่าถือสานะคะ 555 ป.ล.สมองก็ขาดๆ เกินๆ ด้วยค่ะ
เรื่องย่อ เอาแบบย่อๆ เลยคือ นางเอกคือร้อยชีวาท้องตอนจบม.6 เพราะเลี้ยงส่งกับเพื่อนๆ เมาหนักก็เลยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูก ร้อยชีวาต้องการเก็บลูกเอาไว้เลยย้ายไปอยู่ประจวบ ที่นั่นได้พบกับคุณหมอศศิภัทรสุดหล่อ คุณหมอหลงรักหนูวาแต่หนูวาต้องการให้เป็นแค่เพื่อนกันเลยยุติความสัมพันธ์แค่นั้น
ร้อยชีวาได้ลูกแฝดคือร้อยแก้วกับร้อยกรองน่ารักทั้งคู่ ><
วันหนึ่งร้อยชีวี(น้องสาวร้อยชีวา)พบกันอาจารย์ชลธารที่มาสอนแทนอาจารย์คนเก่าโดยบังเอิญ เขาคนนี้คือคนที่ทำให้ร้อยชีวาท้องนั่นเอง เขาบอกว่าที่ทำไปก็เพราะรัก แต่ร้อยชีวาไม่เชื่อ ชลธารจึงต้องพิสูจน์ เหตุการณ์ตามล่าหาลูกและปฏิบัติการล่าหัวใจร้อยชีวามาให้ได้จึงเกิดขึ้น ทั้งขโมยลูกเขาไป ทั้งขอขมา ทั้งทำข้อเสนอ ทั้งย้ายมาอยู่ด้วย ทั้งร่ายมนตร์(โอเพ่น เซซามิ ประตูใจเธอจงเปิด?) สารพัดวิธี ก็ต้องลุ้นกันล่ะว่า หนูวาจะใจอ่อนหรือไม่?
#เขียนเรื่องย่อได้เห่ยมาก 5555
โครงเรื่อง เริ่มจากชื่อเรื่องก่อนเนอะ (ไม่รู้จะเอาส่วนชื่อเรื่องไปวางตรงไหน ใส่ไว้ตรงนี้แล้วกัน) เป็นชื่อเรื่องที่เหมาะกับนิยายมากๆ เลยล่ะค่ะ นิยายเรื่องอื่นอาจจะมีชื่อที่อลังการล้านแปด อ่านแล้วขนลุกซู่ซ่า แต่เรื่องนี้มีชื่อที่เรียบๆ นุ่มๆ หวานๆ น่ารัก อย่าง ‘ร้อยเรื่องรัก’
สำหรับซอนะคะ คนอื่นหรือแม้แต่พี่คนเขียนเองจะตีความยังไงไม่ทราบ แต่ซอตีคำว่า ‘ร้อย’ ได้สามความหมาย
หนึ่ง คำว่า ร้อย มาจากชื่อนางเอกคือร้อยชีวา (อาจจะชื่อน้องด้วยคือร้อยชีวี) มันเลยพ้องกันทั้งชื่อเรื่องและชื่อนางเอก มีเอกลักษณ์ดีค่ะ
สอง ร้อยมีความหมายเป็นเชิงว่า ทักถอ สายใย โยงใย ผูกพัน ร้อยเข้าด้วยกัน ทำนองนี้ค่ะ เหมือนเอาความรักมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว
สาม ร้อยก็คือตัวเลข 100 (ตีหวยๆ #ผิดส์) ก็คือเหมือนเป็นความรักที่มากมาย เหมือนจำนวนหนึ่งร้อย คือถ้าใช้ว่า หมื่นเรื่องรัก, ล้านเรื่องรัก มันก็จะดูมากเกินจนโอเวอร์ แต่ถ้าใช้ว่า ร้อยเรื่องรัก เราก็จะรู้กันว่าเป็นจำนวนที่มากแบบพอดีๆ
พอเอาคำทั้งสามคำมารวมกันคือ ร้อยเรื่องรัก นอกจากจะได้ความหมายที่ดีแล้ว การเล่นตัวอักษร ร.เรือ (คล้ายๆ สัมผัสในของคำประพันธ์) ก็ทำให้ได้ชื่อที่หวาน ไพเราะ สั้น กระชับ ติดหู และจำง่ายด้วยค่ะ
ส่วนเรื่องโครงเรื่อง กรี๊ด โครงเรื่องน่ารักมาก >< เป็นเรื่องที่มีการดำเนินเรื่องเรื่อยๆ สบายๆ และเป็นพล็อตที่ไม่ได้หวือหวาหรือเอะอะก็ขึ้นเตียงแบบนิยายทั่วไป ซึ่งเป็นแนวที่เด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านดี อ่านแล้วมีความสุขรวมถึงอิ่มใจด้วย
เปิดเรื่องมาคือนางเอกท้องเลย คนอ่านก็จะเกิดอารมณ์ เฮ้ย คุณพระ! ความสงสัย สงสาร มันประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน จนอยากอ่านต่อ ว่าใครนะมันกล้าทำหนูวา แล้วหนูวาจะอยู่ยังไง แบบไหน ทำงานอะไร เลี้ยงลูกยังไง และอีกมากมายก่ายกอง
เนื้อเรื่องเหมือนเป็นชีวิตประจำวันที่พบเจอได้ทั่วไป ตั้งแต่งานวัด กรีดยางพารา พาลูกไปโรงเรียน ทำอาหาร ทำงานบ้าน เป็นพนักงาน อะไรเหล่านี้ แต่คนเขียนก็สามารถเอามาผสมผสานได้อย่างลงตัว ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ในตัวเอง ทำให้เนื้อเรื่องสนุก น่าสนใจ ด้วยเฉพาะตัวเอกอย่างร้อยแก้วกับร้อยกรอง #ไม่ใช่ละ เอาเป็นว่าสองหนุ่มนี้คือสาเหตุที่ทำให้มีเรื่องนี้ ทำให้มีความน่ารัก เป็นเหมือนสายใยเล็กๆ เชื่อมพระเอกนางเอก และเชื่อมคนอ่านไว้กับเรื่องอย่างน่าสนใจ
และที่สำคัญจุดหนึ่งคือเรื่องนี้ทำให้คนอ่านรู้สึกอบอุ่นในความรักของครอบครัว ของพ่อแม่ลูก ของชายหญิง ของพี่น้อง ของลุงป้าต่อหลาน อ่านแล้วอมยิ้มเลยล่ะค่ะ
เนื้อเรื่องมีความกลมกล่อม เหตุการณ์ไม่ตึงหรือไม่อ่อนจนเกินไป บางครั้งเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดอิ่มก็จะมีอุปสรรคมาขัด หรือพอเกิดอุปสรรคก็จบลงด้วยเรื่องดีๆ ที่เข้ามาแทนที่
เหตุการณ์ในเรื่องจะสอดประสานและเชื่อมโยงกันได้หมด มีเหตุผล มีความรู้แทรก มีความเป็นมาชัดเจน บรรยายละเอียดในส่วนของตัวละครคนอ่านเลยไม่งง แต่การบรรยายบรรยากาศของสิ่งแวดล้อมและฉากยังน้อยไปนะคะ เลยจินตนาการไม่ถูกว่าสถานที่นี้เป็นยังไง บรรยากาศแบบไหน มีอะไรยังไงบ้าง อยากให้เพิ่มการบรรยายในส่วนนี้ขึ้นอีก
อ้อ จุดขัดอีกเรื่องที่อ่านแล้วแอบมึนไปเล็กน้อยคือฉากที่หลังจากลุงเลกับหมอภัทรไปช่วยหนูวาสำเร็จแล้ว ลุงเลถามหมอภัทรว่าไหวไหม หมอภัทรตอบว่า ‘สบายมาก’ จากนั้นพี่คนเขียนก็บรรยายว่า ในวินาทีที่แสนจะรีบร้อนศศิภัทรก็หวิดจะสิ้นชื่อ เมื่อจู่ๆ มีรถมอเตอร์ไซด์เสียหลัก... คือมันปรับอารมณ์ไม่ทันค่ะ เมื่อกี้ยังอยู่ที่เหตุการณ์ปัจจุบันอยู่เลยก็ตัดฉากเล่าย้อนอดีตไปเสียดื้อๆ ควรจะบรรยายประมาณว่าตัวละครคิดกลับไป นึกย้อนเหตุการณ์อะไรก็ว่าไปค่ะ
ตัวละคร เริ่มที่ลุงเล-ชลธารเลยละกัน โดยส่วนตัวคิดว่าลุงเลยังไม่มีนิสัยที่ชัดเจนเลยนะคะ เอาง่ายๆ คือยังอ่านไม่ออกนั่นเอง ขรึมรึก็ไม่ใช่ ร่าเริงก็ไม่ใช่อีก มันยังไม่ชัดอะค่ะ เหมือนจะง้อหนูว่าเนี่ยก็จะตามทำอะไรต่างๆ นานาให้ คนอ่านรับรู้แค่ว่าพยายามเอาใจ แต่ไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของพระเอกเลย
หนูวา-ร้อยชีวา คนนี้นิสัยเข้าใจง่ายคือเป็นสาวหวาน เรียบร้อย อ่อนโยน แต่แข็งแกร่งและใจแข็ง ฉลาด วางตัวดี ชอบบุคลิกนี้มากๆ เลยล่ะค่ะ ทั้งๆ ที่ท้องก็ยังจะเก็บลูกเอาไว้ นับเป็นผู้หญิงที่น่ายกย่อง แถมยังเลี้ยงลูกทั้งสองคนได้ดี จนเป็นเด็กที่กล้าหาญ มารยาทดี ฉลาด รู้จักคิด และน่ารักน่าเอ็นดู
หมอภัทรนี่ค่อนข้างขรึม ใจดี อบอุ่น ส่วนหนูวีนี่คือตัวสร้างสีสันของเรื่อง ร่าเริง สดใส อารมณ์ดี ทำให้คานนิสัยกับพี่สาวได้
ร้อยแก้วกับร้อยกรอง หนุ่มน้อยน่ารักขวัญใจแม่ยกทั้งเรื่อง อ่านแล้วมันเอ็นดูมากมาย
ป้าดี ลุงอ้วน รับรู้ได้เลยว่าเป็นบุคคลที่รักหนูวาหนูวีและเจ้าแฝดมากราวกับญาติของตัวเอง
เจ้ามืดหมาน้อยแสนซื่อสัตย์ ถ้าอยากให้มันเป็นพวกด้วยก็จะต้องมีของกินไปฝากเสมอ
ท่านนายพลนับเป็นตัวละครที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในเรื่อง มีความคิด มีเหตุผลสมกับเป็นคนใหญ่คนโต ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด
คุณหญิง ถือหางลูก รักลูกมากจนไม่สนใจถึงความเหมาะสม แถมพอมีหลานก็ยังรักหลานแต่ไม่ยอมรับหนูวาอีกแน่ะ แต่ก็ยังเป็นคนที่มีเหตุผลในเรื่องความถูกต้อง เช่นตอนที่สอนพ่อแม่ของเกรียงไกร
การใช้ภาษา ใช้ภาษาบรรยายเรียบง่าย อ่านสบาย
แต่! จุดขัดจุดหนึ่งคือบทสนทนาค่ะ บางทีคนเขียนก็บรรยายการกระทำในบทสนทนาน้อยเกินไป อ่านแล้วเหมือนความรู้สึกบางส่วนจะขาดๆ หายๆ ไป รู้ว่าตัวละครพูด แต่ไม่รู้ว่าพูดด้วยความรู้สึกยังไง อยากให้ช่วยเพิ่มการบรรยายอารมณ์ สีหน้าหรือแววตา และการบรรยายว่าใครพูดลงไปด้วยก็จะดีมากเลยค่ะ
เรื่องเครื่องหมายคำถาม จำได้ว่าเคยท้วงไปครั้งหนึ่งแล้วแต่สงสัยพี่คนเขียนไม่เห็น 5555 ตรงตอนที่ 47 ภัยร้าย(2) ที่ลุงเลสบถว่า “โธ่เว้ย! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอีกวะเนี่ย?” เครื่องหมายคำถามตรงนี้คิดว่าไม่ควรใส่ค่ะ เพราะลุงเลไม่ได้ถามใครและไม่ได้อยากรู้คำตอบ เขาแค่สบถออกมาด้วยอารมณ์ที่ถึงขีดสุด ควรจะใช้อัศเจรีย์ ( ! ) มากกว่าค่ะ
แก่นเรื่อง
1. ผู้ชายถ้ารักผู้หญิงจริงเขาไม่เอาเรื่องอย่างว่ามาอ้างหรอก เป็นคติที่ย้ำอยู่ในหัวมากมาย เห็นได้ชัดจากชลธารเลยทีเดียว ถ้าสมมติลุงเลไม่ใช่คนดีขึ้นมาล่ะ ถ้าหนูวาไม่ใช่ผู้หญิงที่จิตใจดีขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้น เหตุการณ์ก็เป็นเหมือนสังคมสมัยนี้ ท้องก่อนวัยหรือท้องในขณะที่ไม่พร้อม สุดท้ายก็ทำแท้ง
2. ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ ข้อคิดจากชลธารอีกเช่นกัน ถึงแรกๆ ลุงเลจะไม่ทันคิดและคิดไม่ถึงว่าการไปทำอะไรหนูวาน่ะมันผิดมหันต์ แต่เมื่อท่านนายพลเตือน ก็สำนึกเลยขอขมาหนูวา พร้อมยืดอกรับความผิด โอเค ให้อภัยได้
3. เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร จากหนูวา ทั้งเรื่องความผิดร้ายแรงของลุงเล หนูวาก็ยังให้อภัย ทั้งๆ ที่เขาทำลายอนาคตของเธอ ทำให้เธอไม่ได้เรียนต่อมหาลัย และสูญเสียโอกาสอื่นไปมาก แต่เธอก็ไม่จองเวรผิดกับหนูวี(?)
และอีกเรื่องคือตอนที่หนูวาเกือบโดนเกรียงไกรข่มขืน ด้วยจิตใจอันดีงามหนูวาก็ไม่อยากจะเอาเรื่องด้วยซ้ำ ยังดีที่หนูวีกับคุณหญิงจัดการให้ซะก่อน ไม่งั้นคนร้ายลอยนวลแน่ๆ เพราะฉะนั้น เวรระงับได้บางเรื่อง แต่บางเรื่องควรจองเวรนะจ๊ะ 555
4. ความรัก เรื่องนี้มีแก่นคือความรักจริงๆ ค่ะ ประกอบไปด้วย
- ความรักแบบชายหญิง ประเด็นลุงเล-หนูวา ลุงเลน่าสงสารมากที่ต้องพยายามสร้างมันและฟูมฟักมันขึ้นมาใหม่ คือต้องพยายามมาก เพื่อให้คนที่เคยเคียดแค้น ชิงชัง โกรธ รังเกียจ เพราะความผิดที่ตัวเองก่อไว้นั้นเปิดใจได้นี่ยากมาก แต่คนอ่านก็ลุ้นทุกขณะจิตนะว่าขอให้หนูวาเปิดใจเร็วๆ
เอ้อ ประเด็นนี้สอนได้อีกเรื่องคือ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 555
หรือหมอภัทร-หนูวี คู่หลังนี่สอนให้รู้ว่าความต่างของวัยไม่ใช่อุปสรรคในความรัก เป็นความรักที่เกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ถ้าพี่ของหมอภัทรไม่แกล้งก็คงไม่มีวันรู้ใจตัวเองกันหรอก
- พ่อแม่ลูก ทั้งความรักที่หนูวามีต่อเจ้าแฝด เฝ้าฟูมฟัก ทะนุถนอมมาจนโต หรือลุงเลต่อแฝด ที่แม้จะเพิ่งมาเจอ มาสัมผัส แต่ความรู้สึกของคนเป็นพ่อก็ทำให้อยากปกป้องดูแล คือพยายามทุกอย่างอะ เช่น ไปซื้อพวกของใช้แบบเด็กในเมืองมาให้(แต่ก็โดนหนูวาด่ายับ) เลยเปลี่ยนมาพยายามสอนการบ้านลูกและเล่นอะไรที่มันพื้นบ้านๆ แทน โถ น่าสงสาร หรือจะพยายามทำงานบ้านเพื่อพิสูจน์ตัวเอง สุดท้ายก็พังเละ โดนหนูวาด่าอีก ลุงเลน่าสงสารจริงๆ
- พี่น้อง หนูวา-หนูวีที่ผูกพันกันมาก รักกันมาก ซึ่งชีวิตจริงมันหายาก(?) พี่กับน้องแทบจะฆ่ากันตายกันไปข้างหนึ่ง (ประสบการณ์จริงค่ะ 555) อย่างเช่นตอนที่หนูวีรู้ว่าลุงเลคือคนที่ทำให้พี่สาวตัวเองท้องก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หรือตอนที่รู้ว่าหนูวาโดนข่มขืนก็ร้องไห้จนตาแดง น่าสงสารมาก
- ลุงป้าต่อหลาน ได้แก่ ลุงอ้วนป้าดีต่อหนูวีหนูวา รวมไปถึงแฝดทั้งสองด้วย มันแสดงให้เห็นว่า แม้ไม่ได้ร่วมสายเลือดกันก็สามารถรักและผูกพันกันได้
สรุป นิยายเรื่องนี้ อ่านแล้วให้ความรู้สึกนุ่มนวล อบอุ่น อ่อนโยน ละมุนละไมหัวใจมากๆ เลยค่ะ
ด้วยรักและเกรียน จาก นักอ่านคนหนึ่งที่เคยตกฟิสิกส์เพราะนิยายเรื่องนี้(?)
ความคิดเห็นที่ 3
ลุ้นแทบแย่แหนะคะว่าวาจะใจอ่อนไหมเพราะเธอเองก็ดูแลลูกทั้งสองคนมาเองตลอดเลย กับคนที่ทำให้ต้องเสียอนาคตแต่ได้สิ่งอันเป็นที่ัรักมาถึงสองคน สุดท้ายก็ยินดีด้วยที่จะได้ชีวิตที่ดีกลับมา ได้มีพ่อมีแม่ที่เป็นปู่และย่าของเจ้าแฝด มีสามีที่เฝ้ารักเราแม้จะรักแบบข้ามขั้นตอนไปเยอะมาก แต่ก็นะมองข้ามๆไปล่ะกัน ส่วนหนูวีชอบนางมาเลย ดีนะที่คู่กะคุณหมอไม่งั้นล่ะก็คงจไม่โตกว่าจะจบเรื่องแหละคุณหมอเบรคความซนของเธอได้มาก
สุดท้าย...ขอบคุณนะคะที่ีมาลงให้อ่าน ชอบคะน่าอ่านดีแม้ส่วนตัวจไม่ศรัทธารักที่หวังเอาตัวผูกมัดก็ตาม แต่ยกโทษให้นะเพราะพ่อเจ้าประคุณรักแม่ ดูเหมือนจะไม่รับผิดชอบแต่อย่างน้อยพี่แก(พระเอก)ก็พยายาม
By tumpang อัพเดท 2014-03-05 12:04
ความคิดเห็นที่ 2
ปล. ขอให้เทอมนี้สอบฟิสิกส์ผ่านนะคะ
By ละมุน อัพเดท 2014-02-26 23:16
ความคิดเห็นที่ 1
ช่วยแก้คะแนนได้ไหมคะ พอดีลืมกด -*-
ให้ 9/10 ค่ะ
By Seesor [K : Viceroy] อัพเดท 2014-02-24 21:30