# เดินทางไกล
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางไกล
คนเดียวครั้งแรกในชีวิต
- จะเรียกว่าบ้านนอกเข้ากรุง ก็ว่าได้ -
ก่อนอื่นก็ขอเท้าความกันก่อนเลยนะคะ
มดน้อยเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ
บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองราวๆ 30-40 กิโลเมตร
ทางบ้านไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แบบพอมีพอกิน
การเดินทางไกลที่สุด
เอ่อ.. แบบ ฉายเดี่ยวนะ
ก็จากบ้านไปโรงเรียนค่ะ
โรงเรียนอยู่ในตัวเมืองก็ราวๆ 40 กิโลเมตรเห็นจะได้
การเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิตเนี่ย
ก็คือ
เดินทางไปกรุงเทพคนเดียวโดยรถไฟค่ะ
รถธรรมดานะคะ แถวๆ บ้านเขาเรียกกันว่ารถหวานเย็นค่ะ
มีความหมายว่า
จอดมันทุกสถานี เสียเวลาเป็นเรื่องปกติ
จาก พิษณุโลก กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 7-9 ชั่วโมง
แล้วแต่ว่าจะเสียเวลามากน้อยเท่าไร
ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม
ความอยากไปเที่ยวบ้านเพื่อน
ไอ้เราก็บอกแม่ว่าอีกอาทิตย์นึงถึงจะปิด
ตอนนั้นอยู่หอค่ะ
เพราะเรียนภาคค่ำ เลยกลับบ้านเฉพาะช่วง เสาร์ อาทิตย์
ครั้นแล้วก็เก็บข้าวเก็บของใส่กระเป๋าเป้ เตรียมลุยเดี่ยว
เดินทางไป กทม.
เมื่อมดน้อยนัดเเนะกับเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า
ก่อนอื่นก็ขอเท้าความกันก่อนเลยนะคะ
มดน้อยเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ
บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองราวๆ 30-40 กิโลเมตร
ทางบ้านไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แบบพอมีพอกิน
การเดินทางไกลที่สุด
เอ่อ.. แบบ ฉายเดี่ยวนะ
ก็จากบ้านไปโรงเรียนค่ะ
โรงเรียนอยู่ในตัวเมืองก็ราวๆ 40 กิโลเมตรเห็นจะได้
การเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิตเนี่ย
ก็คือ
เดินทางไปกรุงเทพคนเดียวโดยรถไฟค่ะ
รถธรรมดานะคะ แถวๆ บ้านเขาเรียกกันว่ารถหวานเย็นค่ะ
มีความหมายว่า
จอดมันทุกสถานี เสียเวลาเป็นเรื่องปกติ
จาก พิษณุโลก กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 7-9 ชั่วโมง
แล้วแต่ว่าจะเสียเวลามากน้อยเท่าไร
ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม
ความอยากไปเที่ยวบ้านเพื่อน
ไอ้เราก็บอกแม่ว่าอีกอาทิตย์นึงถึงจะปิด
ตอนนั้นอยู่หอค่ะ
เพราะเรียนภาคค่ำ เลยกลับบ้านเฉพาะช่วง เสาร์ อาทิตย์
ครั้นแล้วก็เก็บข้าวเก็บของใส่กระเป๋าเป้ เตรียมลุยเดี่ยว
เดินทางไป กทม.
เมื่อมดน้อยนัดเเนะกับเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า
ให้มารับที่หัวลำโพงตอนบ่ายสามโมง
มดน้อยก็แบกเป้ขึ้นรถไปสถานีรถไฟทันที
รถไฟนั้นก็วิ่งหวานเย็นอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ
แถมมาก็ช้าไปครึ่งชั่วโมง
ไอ้เราก็คิดว่าไม่เป็นไร แค่ครึ่งชั่วโมงยังไงเพื่อนก็รอได้
( ความจริงไม่รู้ว่าจะบอกมันยังไงต่างหาก โทรศัพท์ก็ไม่มี )
ช่วงนั้นมือถือเริ่มเป็นที่นิยมกันมากแล้ว
แต่ราคายังแพงมากอยู่
ไม่มีตังค์ซื้อ เลยยังไม่มีกะเค้า
มดน้อยนั่งรถไปก็หลับๆ ตื่นๆ
อย่างว่าอ่ะนะ
ลมเย็นๆ พัดมา นั่งพิงหน้าต่าง ดูวิว แถมไม่มีอะไรทำ
ก็หลับสิคะ
ปรากฎว่า กว่าจะมาถึงหัวลำโพงก็ปาไปเกือบหกโมงเย็น
(แล้วใครมันจะรอคุณคะ สายตั้งสามชั่วโมง )
แต่ก็ยังอุตสาห์หวังว่ามันจะรอเพื่อนรักคนนี้
ลงรถได้
มดน้อยก็รีบไปที่นัดหมายทันที
มองซ้ายมองขวาอยู่หลายที
ก็ไม่เห็นว่าใครหน้าคุ้นๆ จะเป็นคนที่เรารู้จักได้สักคน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเพื่อนรักของมดน้อยไม่ได้รออย่างที่หวัง
คราวนี้สิ่งที่มองหาก็โทรศัพท์สาธารณะ แหละค่ะ
โทรหาเพื่อนที่บ้าน
( เพื่อนมดน้อยนี่ก็บ้านจนไม่มีมือถือเหมือนกัน ฮ่าๆๆ )
มดน้อยก็แบกเป้ขึ้นรถไปสถานีรถไฟทันที
รถไฟนั้นก็วิ่งหวานเย็นอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ
แถมมาก็ช้าไปครึ่งชั่วโมง
ไอ้เราก็คิดว่าไม่เป็นไร แค่ครึ่งชั่วโมงยังไงเพื่อนก็รอได้
( ความจริงไม่รู้ว่าจะบอกมันยังไงต่างหาก โทรศัพท์ก็ไม่มี )
ช่วงนั้นมือถือเริ่มเป็นที่นิยมกันมากแล้ว
แต่ราคายังแพงมากอยู่
ไม่มีตังค์ซื้อ เลยยังไม่มีกะเค้า
มดน้อยนั่งรถไปก็หลับๆ ตื่นๆ
อย่างว่าอ่ะนะ
ลมเย็นๆ พัดมา นั่งพิงหน้าต่าง ดูวิว แถมไม่มีอะไรทำ
ก็หลับสิคะ
ปรากฎว่า กว่าจะมาถึงหัวลำโพงก็ปาไปเกือบหกโมงเย็น
(แล้วใครมันจะรอคุณคะ สายตั้งสามชั่วโมง )
แต่ก็ยังอุตสาห์หวังว่ามันจะรอเพื่อนรักคนนี้
ลงรถได้
มดน้อยก็รีบไปที่นัดหมายทันที
มองซ้ายมองขวาอยู่หลายที
ก็ไม่เห็นว่าใครหน้าคุ้นๆ จะเป็นคนที่เรารู้จักได้สักคน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเพื่อนรักของมดน้อยไม่ได้รออย่างที่หวัง
คราวนี้สิ่งที่มองหาก็โทรศัพท์สาธารณะ แหละค่ะ
โทรหาเพื่อนที่บ้าน
( เพื่อนมดน้อยนี่ก็บ้านจนไม่มีมือถือเหมือนกัน ฮ่าๆๆ )
น้องสาวรับบอกว่าออกมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงเลย
โ อ้ แ ม่ เ จ้ า ! ! !
เพื่อนรักของมดน้อย นัดกันไว้บ่ายสาม มันเล่นออกจากตั้งแต่ยังไม่เที่ยง
เมื่อบอกกล่าว ( ผ่านน้องเพื่อน ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คราวนี้ก็กลับมาที่เดิมสิคะ
ถามว่าทำอะไรเหรอ บอกได้อย่างเดียวค่ะว่านั่งรอ
มีหนังสือการ์ตูนมาหนึ่งเล่ม มดน้อยอ่านจบไปสามรอบ
ที่อ่านเพราะไม่กล้ามองหน้า หรือสบตากับใคร
บอกตรงๆ เลยว่า กลัวค่ะ
กลัวเขาจะเข้ามาคุยด้วย ทั้งระแวง และระวังเลยล่ะค่ะตอนนั้น
นั่นแทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตได้
ที่รู้สึกว่าเวลามันช่างเดินช้าเสียเหลือเกิน
เหมือนกับเพลง หนึ่งนาทีที่ยาวนาน ของ แอน ธิติมา ที่ร้องว่า
" หนึ่งชีวิตที่ฉันมี หนึ่งนาทีไม่เคยนาน
มันผ่านไปเพียงแค่อึดใจ
ไม่เคยคิดว่าสักวัน แค่เพียงฉันขาดเธอไป
ทุกเวลานาทีของหัวใจ ช่างแสนนาน "
นี่ถ้าได้ฟังเพลงนี้ตอนนั้นนะ
มดน้อยคงซึ้งจนน้ำตาไหลแน่ๆ เลย
ฮา.....
สามทุ่มค่ะ ย้ำนะคะว่า สามทุ่ม
กว่าเพื่อนจะมารับ
เมื่อเห็นหน้าเพื่อนดีใจมากจนแทบจะกระโดดกอดเลย
แต่ก็จำเป็นต้องชะงักไว้
ไม่ใช่ว่าอายหรอกนะคะ
แต่ปรากฏว่า เพื่อนมันโกรธ เจ้าค่ะ ??
มาถึงมันก็บ่นว่า
มารอมดน้อยตั้งแต่บ่ายโมง จนถึงห้าโมงเย็นก็ยังไม่มา
แถมพอกลับถึงบ้านปุ๊บ
ยังต้องขึ้นรถมาอีกรอบ เพื่อมารับมดน้อย
ไอ้เรานี้น้อยใจจนแทบร้องไห้
แทนที่จะถามมดน้อยสักคำนะ
ว่ารอนานไหม เป็นไงบ้าง กินข้าวหรือยัง
อ ย า ก จ ะ ต ะ โ ก น ใ ส่ ห น้ า มั น ว่ า
ฉันนัดแก บ่ายสาม แกมารอตั้งแต่บ่ายโมงมันความผิดฉันเหรอ ? ?
รถไฟมั่นวิ่งหวานเย็นเสียเวลา มันความผิดฉันเหรอ ? ?
แต่ก็พูดไม่ออกค่ะ
จนกระทั่งมาขึ้นรถทัวร์เพื่อไปบ้านเพื่อนที่ชลบุรี
มันคงอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยมั้ง
หันมาถามเราว่า ' กินข้าวหรือยัง หิวไหม '
โธ่เอ๋ย !! ไอ้บ้า
แล้วแกมาถามฉันบนรถทัวร์นี่มันมีอะไรให้ฉันกินไหม ???
ส รุ ป ว่ า
ในที่สุดมดน้อยก็ต้องรออีกเกือบสองชั่วโมง
กว่าจะได้มีอะไรตกถึงท้องค่ะ
อย่าคิดนะว่า
เพื่อนรักของมดน้อยมันจะพาไปนั่งที่ร้านอาหารสุดหรู
เพื่อกินให้เต็มอิ่ม
มันพาแวะเซเว่นค่ะ
ก็ห้าทุ่มแล้วนี่นะ ร้านข้าวเขาพากันปิดหมดแล้ว
แต่ในที่สุดแล้วถึงเวลาจะผ่านมาหลายปี
การเดินทางครั้งนี้
ก็เป็นอะไรที่น่าจดจำมาก
ถึงมันจะเริ่มต้นอย่างทุลักทุเล แต่มันก็ให้ประสปการณ์ที่ดี
และจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ
การไปครั้งนั้นเป็นอะไรที่สนุกมาก
อยู่กับเพื่อนสามวัน
ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไปและทำอะไรที่ไม่เคยทำ
แต่จะเรื่องอะไร ยังไง
ขออุบไว้ก่อนนะ
คราวต่อๆ ไปจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
เอาเพลงมาฝากคร่า
โ อ้ แ ม่ เ จ้ า ! ! !
เพื่อนรักของมดน้อย นัดกันไว้บ่ายสาม มันเล่นออกจากตั้งแต่ยังไม่เที่ยง
เมื่อบอกกล่าว ( ผ่านน้องเพื่อน ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คราวนี้ก็กลับมาที่เดิมสิคะ
ถามว่าทำอะไรเหรอ บอกได้อย่างเดียวค่ะว่านั่งรอ
มีหนังสือการ์ตูนมาหนึ่งเล่ม มดน้อยอ่านจบไปสามรอบ
ที่อ่านเพราะไม่กล้ามองหน้า หรือสบตากับใคร
บอกตรงๆ เลยว่า กลัวค่ะ
กลัวเขาจะเข้ามาคุยด้วย ทั้งระแวง และระวังเลยล่ะค่ะตอนนั้น
นั่นแทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตได้
ที่รู้สึกว่าเวลามันช่างเดินช้าเสียเหลือเกิน
เหมือนกับเพลง หนึ่งนาทีที่ยาวนาน ของ แอน ธิติมา ที่ร้องว่า
" หนึ่งชีวิตที่ฉันมี หนึ่งนาทีไม่เคยนาน
มันผ่านไปเพียงแค่อึดใจ
ไม่เคยคิดว่าสักวัน แค่เพียงฉันขาดเธอไป
ทุกเวลานาทีของหัวใจ ช่างแสนนาน "
นี่ถ้าได้ฟังเพลงนี้ตอนนั้นนะ
มดน้อยคงซึ้งจนน้ำตาไหลแน่ๆ เลย
ฮา.....
สามทุ่มค่ะ ย้ำนะคะว่า สามทุ่ม
กว่าเพื่อนจะมารับ
เมื่อเห็นหน้าเพื่อนดีใจมากจนแทบจะกระโดดกอดเลย
แต่ก็จำเป็นต้องชะงักไว้
ไม่ใช่ว่าอายหรอกนะคะ
แต่ปรากฏว่า เพื่อนมันโกรธ เจ้าค่ะ ??
มาถึงมันก็บ่นว่า
มารอมดน้อยตั้งแต่บ่ายโมง จนถึงห้าโมงเย็นก็ยังไม่มา
แถมพอกลับถึงบ้านปุ๊บ
ยังต้องขึ้นรถมาอีกรอบ เพื่อมารับมดน้อย
ไอ้เรานี้น้อยใจจนแทบร้องไห้
แทนที่จะถามมดน้อยสักคำนะ
ว่ารอนานไหม เป็นไงบ้าง กินข้าวหรือยัง
อ ย า ก จ ะ ต ะ โ ก น ใ ส่ ห น้ า มั น ว่ า
ฉันนัดแก บ่ายสาม แกมารอตั้งแต่บ่ายโมงมันความผิดฉันเหรอ ? ?
รถไฟมั่นวิ่งหวานเย็นเสียเวลา มันความผิดฉันเหรอ ? ?
แต่ก็พูดไม่ออกค่ะ
จนกระทั่งมาขึ้นรถทัวร์เพื่อไปบ้านเพื่อนที่ชลบุรี
มันคงอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยมั้ง
หันมาถามเราว่า ' กินข้าวหรือยัง หิวไหม '
โธ่เอ๋ย !! ไอ้บ้า
แล้วแกมาถามฉันบนรถทัวร์นี่มันมีอะไรให้ฉันกินไหม ???
ส รุ ป ว่ า
ในที่สุดมดน้อยก็ต้องรออีกเกือบสองชั่วโมง
กว่าจะได้มีอะไรตกถึงท้องค่ะ
อย่าคิดนะว่า
เพื่อนรักของมดน้อยมันจะพาไปนั่งที่ร้านอาหารสุดหรู
เพื่อกินให้เต็มอิ่ม
มันพาแวะเซเว่นค่ะ
ก็ห้าทุ่มแล้วนี่นะ ร้านข้าวเขาพากันปิดหมดแล้ว
แต่ในที่สุดแล้วถึงเวลาจะผ่านมาหลายปี
การเดินทางครั้งนี้
ก็เป็นอะไรที่น่าจดจำมาก
ถึงมันจะเริ่มต้นอย่างทุลักทุเล แต่มันก็ให้ประสปการณ์ที่ดี
และจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ
การไปครั้งนั้นเป็นอะไรที่สนุกมาก
อยู่กับเพื่อนสามวัน
ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไปและทำอะไรที่ไม่เคยทำ
แต่จะเรื่องอะไร ยังไง
ขออุบไว้ก่อนนะ
คราวต่อๆ ไปจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
เอาเพลงมาฝากคร่า
ความคิดเห็น
หุหุ
นึกว่าจะอัพแล้วซะอีก
อุตส่าห์แจ้นมาแต่ไกล
แบกแห้วกลับบ้านแทบไม่ไหวแหนะ
รีบๆมาอัพน้าจ้า
รออยู่
เม้นท์ข้างบนก็ของพี่นุชนี่นา
อ่านจบไปแล้ว
แปะเม้นท์นะจ๊ะ มดน้อย
ชอบชื่อ มดน้อยจัง
น่ารัก ๆๆ
เห็นภาพอ่ะ
สำหรับพี่นุช ถ้าบึงกาฬยังไม่เป็นจังหวัดเหมือนตอนนี้
มิกลายเป็นซุเปอร์บ้านนอกเลยเหรอ
เพราะ เมือก่อนพี่นุชขึ้นกับ จังหวัดหนองคายไงจ๊ะ
ห่างจาก ตัวเมืองหนองคาย ประมาณ 136 กก
มากมายหลายกิโลกว่า มดน้อยมากๆๆ
ชนิดว่า ถ้าเปรียบเป็นน้ำหนักของคน มดน้อยเป็นราชินีแอนด์
แล้ว พี่นุชเป็นราชินีอิเลเฟ่น ช้างอ่ะจร้า
ฮ่าฮ่า
ต้องขอบคุณเพื่อนนะคะที่ยังถามว่า " หิวมั๊ยและแวะพาหาของกิน" นะจ๊ะ
เพื่อนน่ารักเหมือน
แม้ก่อนหน้านั้นจะทำตัวเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดก็เหอะ
เพื่อนเนอะ ตัดกันไม่ขาดเจงๆ
พี่นุชไม่เคยเดินทางโดยรถไฟเลยล่ะจ๊ะ
การเดินทางโดยรถไฟครั้งแรกของพี่นุช
คือ การเดินทางจาก เวนิส ไป โรม จ๊ะ
เป็นรถไฟหวานเย็นสีเขียวเหมือนกัน
แบบว่า ถ้าเรานั่งรถไฟด่วนจะแค่ 4 ชม ก็ถึงโรมแล้ว
แต่ค่าตั๋วประมาณ 150 ยูโรจ๊ะ
ถ้าเราเดินทางโดยรถไฟหยานเย็นเยือก จะใช้เวลา 7 ชม จ๊ะ
ค่าตั๋ว 75 ยูโร
ราคาตั๋วแตกต่างันลิบลับ
ถ้าเงินเดือนมากมาย เราก็คงเลือกเดินทางอย่างแรก
แต่ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดมหาศาล
เราเลยต้องเดินทางที่สอง
มันสุดแสนจะหนาวเชียวล่ะ เพราะเดินทางไปช่วงเดือน ธันวาคม ค่ะ
แถมเพือนๆที่ไปด้วยกันนอนน้ำลายยืดกันหมด
ไปกันสามคนค่ะ
แต่พี่นุชตื่นเต้นทุกทีเวลาเดินทางเลยคอยมองนาฬิกาตลอด
แบบว่ามันดึกมากๆค่ะ
เราไม่รู้หรอกว่ามันถึงไหนแล้ว
ก็ตั้งนาฬิกาปลุกนะ
แต่นาฬิกานุชรู้สึกตัวก่อน
อิอิ
อยากเดินทางโดยรถไฟอีกจัง
แต่กับรถไฟฟ้าใต้ดินและบนดินไม่เอานะ
มันไม่โรแมนติก
อยากนั่งรถไฟไปหาดใหญ่
เหมือนในเพลงอ่ะจ๊ะ
หรือไปเชียงใหม่ก็แจ่ม
พี่ชายอยู่เชียงรายจ้า
แต่แวะเชียงใหม่ก่อนไง
อุ้ยคำอยู่เชียงใหม่
เพลงเพราะดี
ชอบแอนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ขนาดหิวข้าว ยังไม่ยอมบอกเขา โถ...นึกเห็นสภาพตอนคุณนั่งหิวข้าวแล้วบอกได้คำเดียวว่า
สงสารจัง ถ้าพูดถึงช่วง โทรศัพท์ยังไม่เกิดเต็มที่นั้น
ก็คงประมาณ ราวๆ ยี่สิบกว่าปีที่แล้วม๊างงงง อะจ้าก ! เดาผิดครับ เอาใหม่
เดี๋ยวเจ้าของบล็อกต๊กกะใจ ประมาณสิบกว่าๆปีเองครับ สมัยนั้นเครื่องละสองหมื่น แต่ถ้าสมัยนี้
999 เหมือนเสื้อผ้าครับ เลหลังยังไม่มีคนซื้อ
นั่งรถไฟมาคนเดียว แถม รถยังวิ่งแบบ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างแบบนี้ ช่างเก่งนะครับ
แสดงว่า เป็นขาลุย ไม่กลัวใคร
อ่านสนุกครับกับบทผจญภัยของ "มดน้อย"
ยังไงก็เขียนต่อนะครับ หวังว่าคงมีเรื่องดีๆแบบนี้ให้คนอ่านอีก เป็นกำลังใจครับ ไฟท์ !!!