รู้ได้ไงว่าตัวเองควรเรียนคอม?

ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

แนะนำตัวนิดนึง

ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ พี่ชื่อ ภพ นะครับ พี่เรียนจบจากคณะวิศวะคอมเกษตร วิทยาเขตบางเขน จบมาได้... 3 ปีแล้ว เคยทำงานเป็น Web Developer แปปนึง แล้วก็ เป็น Freelance ทำเกม Flash ควบกับการเป็นอาจารย์ พิเศษ ม.ศรีประทุม ตอนนี้ พี่เป็นวิทยากร สอนเกี่ยวกับ คอมนี่แหละครับ(ตั้งแต่แต่เด็ก เล็กๆ ยันคนวัยทำงาน)

ทำไมมาพี่ต้องมาเขียนบทความนี้?

คือเนื่องจากวันนี้พี่เปิดมาดู Dek D เล่นๆ(อารมณ์อยากรู้ว่าเด็กเดี๋ยวนี้มันทำไรกัน) แล้วพี่ก็เห็นคำถาม pattern เดียวกับสมัยพี่ยังเป็นเด็กเท่าน้องๆ อยู่เลยกับคำถามที่ว่า “อยากเรียนวิศวะคอมแนะนำหน่อยครับ?” “วิศวะคอมกับวิทยาคอมมันต่างกันยังไงครับ?” “อยากสร้างเกมเรียนอะไรดีครับ?” และคำถามแนวๆนี้อีกมากมาย ซึ่งพี่รู้สึกว่าจริงๆน่ะ คำถามพวกนี้มันอาจจะไม่ยากเลยถ้าเราเข้าใจอะไรกับงานสายคอมนี้เพิ่มอีกนิดนึง

 

เนื้อเรื่อง

ก่อนอื่นมานิยามคอมๆกันก่อน
 

เพื่อไม่ให้สับสนว่า ไอเรียนคอมที่ว่าเนี่ยมันคืออะไร เราจะมาทำการนิยาม(define) กันก่อนว่าไอเรียนคอมเนี่ยคืออะไรพี่จะขอนิยามการเรียนคอม ง่ายๆ (และ เกรียนๆ ) ว่า
 

เรียนคอมคือการเรียนอะไรก็ตามจบมาแล้วต้องใช้ทักษะคอมเหนือชาวบ้านทั่วไป เป็น Specialist อย่างนึง โดยคนที่จบมา จะใช้ทักษะนั้นทำมาหากิน

เนื่องจากพี่เป็นคนบ้าเกมมาก พี่ขอจำแนกการเรียนคอมแบบว่าถ้าพี่เป็นเด็กม.6 พี่จะแยกแบบนี้

สาย Art สายที่ต้องใช้ศิลปะในการเรียน และประกอบอาชีพ ยกตัวอย่างเช่นคณะ Animation Digital Media มัณฑนศิลป์( บางคนจบมาก็ต้องวาดใน  illust ใช่มั้ยล่ะ) ฯลฯ

สาย ไม่ Art แทบไม่ต้องใช้ศิลปะใดๆในการเรียนเลย เน้นการประมวลผล กับเทคโนโลยีอย่างเดียว เช่น วิศวะคอมพิวเตอร์ วิทยาคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสาระสนเทศ ฯลฯ

สายผสม

• สายที่เรียนบางวิชาเป็น Art และไม่ Art ผสมกัน

• Multimedia (ตัดต่อ, เขียนโปรแกรม, วาดเวิด)

• Interactive and Game Design

• ฯลฯ

Top 5 สิ่งที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเรียนด้านคอม
 

ที่นี้ใครจะไปอยู่สายไหนเรามาลองดูสิ่งที่คนชอบเข้าใจผิดกันก่อนครับ

1. ชอบเล่นเกม ชอบเล่นเว็บ ชอบใช้ Photoshop =  ชั้นชอบคอมมมมม
    

คือน้องชอบเล่นอะไรพวกนี้แล้วคิดว่ามันคือการเรียนคอมนะครับ น้องโคตรเข้าใจผิดเลยครับ น้องคิดง่ายๆครับ ถ้าน้องเห็นคนเรียนนิเทศแต่บ้าเกมคอมนี่ น้องจะคิดว่าเค้าเรียนผิดคณะมั้ยครับ? หรือเค้าแค่ชอบเล่นเกมเฉยๆ
 

2. จะเรียนคอมจริง ต้องเก่งเลข หรือ เก่งวิทย์
    

พี่ว่าข้อนี้นี่หนักมากเลยนะครับ หลายๆคนไม่เลือกคอม(ไม่ art, ผสม) เลยเพราะตัวเองอ่อนวิชาคณิต วิทย์ บลาๆ พี่จะบอกข้อเท็จจริงอย่างนึงให้นะครับ
 

• เรียนคอม art นีไม่ต้องเก่งเลขวิทย์ก็ได้ครับ อันนี้น้องๆน่าจะรู้อยู่แล้ว

• เรียนคอม ไม่ art กับ ผสม นี่ ก็ไม่ต้องเก่งเลขเก่งวิทย์ครับ น้องเลข ม ปลาย เกรดอ่อนๆมาเรียนคอมวิทย์ก็พอได้ครับ แต่สิ่งที่น้องต้องมีก็คือ ตรรกะ(Logic)  ครับ เพราะ เลขในคอมที่เราจะเรียนเนี่ยหัวใจหลักจริงๆมันคือ Discrete Math( http://en.wikipedia.org/wiki/Discrete_mathematics  ) ซึ่งไอ Math พวกนี้ถ้าน้อง + - * / สมการได้เผลอๆน้องอาจจะเริ่มเรียนเลยก็ได้ครับ  

• แต่ก็ไม่ได้แปลว่า คนจะ”รุ่ง”ในคอมไม่ art, ผสม ไม่ต้องใช้เลขนะครับ อย่าลืมนะครับว่าเราต้องใช้ Discrete Math

3. อยากใช้โปรแกรมนู้นโปรแกรมนี้เป็น เรียนคอมดีกว่า
    

พี่เคยอยากทำเกม แล้วเรียนวิศวะคอมครับ เพราะหวังว่าเค้าจะสอนใช้โปรแกรมทำเกม สอนใช้โปรแกรมต่างๆ แต่พอไปเรียนแล้วเปล่าเลยครับ พี่เรียนรู้การใช้โปรแกรมน้อยมาก ซึ่งพอเรียนๆไปก็พอทราบว่าสาเหตุก็คือ

• ส่วนใหญ่หลักสูตรต่างๆจะเน้น Basic หรือ Concept ตามเนื้อหาของหลักสูตรครับ ให้เราสามารถเรียนรู้แล้วไปต่อยอดได้ในการทำงานครับ เพราะว่าถ้าน้องมีพื้นฐานแน่น น้องสามารถเรียนรู้ต่อได้ง่ายครับ

• ยกเว้นแต่ว่า หลักสูตรนั้นบอกเฉพาะเจาะจงเลยครับ ว่า เฮ้ย เรียนเกมนะ เราก็จะเรียนทำเกมตั้งแต่เกม Flash, ทำเกมด้วย Unity ทำเกมด้วย XNA อะไรแบบนี้ครับ

4. จบคอมซ่อมคอมได้
    

• อันนี้เป็นโคตรความเศร้าของคนเรียนคอมเลยครับ ญาติๆเพื่อนๆพี่น้องชอบมาให้แก้โปรแกรมแก้ปัญหาให้เวลาคอมพัง เอ่อ... คือทักษะแก้ปัญหาพวกนั้นเนี่ย พี่รู้สึกว่าเราต้องขยันหาข้อมูล(search google )บ่อยๆ หรือไม่ก็ไปเรียนเสริมเป็น ช่างตามร้านซ่อมมากกว่านะครับ เพราะอย่างพี่ตั้งแต่เรียนมายันทำงานเนี่ย คอมเสีย ถ้าพี่ search แก้ไม่ได้พี่ก็ส่งร้านครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

5. งานชิวๆ เงินสบายๆ

• อันนี้จะว่าใช่ก็ใช่จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่นะครับ คืองี้ครับ

  • ส่วนใหญ่คณะคอมที่เราเรียนจะเรียน Basic ครับ น้องจบมาปุป ก็ยังทำงานไม่ได้เลยนะครับ ต้องมาเรียนรู้กันจริงๆอีกทีตอนทำงานอีก นอกเสียจากว่าน้องหาเวลาว่างมาฝึกทักษะที่ใช้ทำงานได้ครับ

  • สำหรับน้องที่สนใจว่าเฮ้ยเราเรียนคณะทำเกม คณะ Animation จบมาก็ทำงานได้เลยสินะ ไม่ใช่ครับ ถ้าน้องสังเกต หลังๆเรามีคณะอะไรเกี่ยวกับคอมดูน่าสนใจมากมายครับ แต่ปัจจัยที่น้องจะได้งานหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถน้องครับ ว่าน้องทำอะไรได้มากแค่ไหน ว่าคนจะจ้างจ้องเค้าเห็นว่าน้องน่าจะมีประโยชน์ต่อ บ. เค้าแค่ไหน

  • งานมันไม่ออกแรงเยอะ แต่คิดหัวแตก หรือ ทำยันเช้าก็มีนะครับ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่งานชิวๆสบายๆ แต่ก็ไม่ใช่งานหนักสุดๆ ขึ้นอยู่กับที่ทำงานของน้องครับ

ข้อดีข้อเสียในการเรียนคอม?
 

ถ้าน้องอ่าน Top 5 แล้วรู้สึกว่าเฮ้ยงานคอมมันเป็นยังไงนะ น่าสนใจแค่ไหน พี่ว่าเรามาดูข้อดีข้อเสียของคนเรียนพวกด้านนี้กันดีกว่า

ข้อดี
 

• เป็นงานเฉพาะทาง

ไม่แน่ใจว่าน้องๆรู้กันหรือป่าวว่าส่วนใหญ่คนที่ตกงานในประเทศนั้นจบ ปริญญาตรี แล้วยิ่งคนที่จบมาไม่มีทักษะเฉพาะทางเลยก็ต้องมีการแข่งขันที่สูงมาก แต่ถ้าน้องสามารถจบมาแล้ว ทำโปรแกรมแก้.... ได้ ออกแบบ....ได้ พี่บอกได้เลยครับว่าถ้าน้องไม่เลือกงาน( จะเริ่มต้นเงินเดือนสูงโคตรๆ) ยังไงน้องก็มีงานครับ ไม่เชื่อน้องลองไปดูพวกเว็บ Community ต่างๆสิครับ มีงานมาให้ทำเรื่อยๆเลย (เช่น  http://blognone.com มีรับ designer, programmer มาเนืองๆ)

• เป็น Freelance ก็ได้

สำหรับน้องที่รักอิสระ อยากกำหนดเวลาทำงานของชีวิตตัวเอง อยากทำงานที่บ้าน ที่ร้านกาแฟ การเรียนคอมก็เป็นตัวเลือกนึงที่น่าสนใจครับ เพราะงานพวกนี้ก็จะมีโปรเจคปล่อยมาเรื่อยๆเหมือนกันครับ น้องล้อง search เกี่ยวกับ งานใน google ก็จะเห็นเหมือนกัน

• ถ้ามีไอเดียดีๆ(และทำได้ด้วยนะ) มีสิทธิ์ ชีวิต ได้เลย

เนื่่องจากน้องๆถ้าเรียนคอมก็เป็นเสมือนพ่อมดในโลกไซเบอร์ จะเสกอะไรขึ้นมาก็เสกได้(ถ้าทำได้นะ ฮ่าๆๆๆ) ถ้าน้องมีไอเดียดีๆ ทำProduct ที่คนชอบคนซื้อ น้องอาจจะกลาย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เมืองไทยเลยก็ได้ใครจะรู้ :D

ข้อเสีย

• ถ้าไม่ใช่เรา เรียนไป = เศร้าเจี้ยๆ

อย่างที่พี่บอกครับเนื่องจากที่น้องเรียนเนี่ยมันค่อนข้างเฉพาะทาง การที่น้องมาเรียนหรือฝืนเรียนจนจบ แล้วไม่ใช่ตัวน้องเนี่ยมันจะน่าเศร้าโคตรๆเลยครับ เพราะนอกจากน้องจะไม่มีความสุขในการเรียน เรียนไปก็อาจจะเกรดไม่ดี กลับบ้านไปไม่อยากหาไรทำเพิ่ม จบมาหางานยาก ได้งานทำไปก็นรกสุดๆ ถ้าน้องไม่อยากเจอชีวิตแบบนี้ น้องต้องคิดดีๆนะครับว่า น้อง “ใช่” กับ งานแบบนี้หรือป่าว

• ไม่ update = เตรียมตัวตาย

เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยนี้มันไปเร็ว ถ้าน้องอยู่สายนี้ (โดยเฉพาะคอมไม่  Art ) น้องควรจะตามข่าวสาร หรือ update ความรู้ กับ skill ของน้องอยู่เสมอครับ ไม่งั้นแล้วถ้าเทคโนโลยีตัวที่น้องเป็นนั้นดับไปแต่น้องไม่สามารถปรับตัวได้ น้องก็อาจจะลำบากได้ครับ (โดยเฉพาะ  Freelance ไม่มีงานประจำ นี่ยิ่งต้องระวังครับ )

• ตอนทำงานมีโอกาสเจอเรื่องความกดดันในการเร่งทำงาน 50 - 90%

สำหรับน้องที่ชอบ Life Style ทำงานถึง 5 โมงกลับบ้านชิวๆทุกวัน น้องอาจจะต้องคิดนิดนึงครับ เพราะถ้าน้องไม่มีระบบทำงานที่ดี่ หรืองานน้องเกิด Error ขึ้นมา หรือแม้กระทั่งลูกค้าโทรมาเร่งเอางาน น้องก็จะได้เจอ Event ทำงาน ยันตี 2 ตี 3 ตี 4 หรือบางคนอาจทำลายสถิติ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ

นี่ก็เป็นภาพรวมคร่าวของงานด้านคอมจากมุมมองของพี่นะครับ คราวหน้าเราจะมาดูกันว่า ตัวน้องเหมาะกับการเรียนคอมมั้ย? เราควรเตรียมตัวอย่างไร? ทำอย่างไรจะรู้ว่าเรามันใช่คอมจริงๆ?

ขอให้น้องๆโชคดีครับ

พี่ภพ