tanabad
ดู Blog ทั้งหมด

รถไฟฟรี

เขียนโดย tanabad
     เสียงประกาศ!...ดังขึ้นราวกับเสียงสวรรค์พร้อม กับเสียงของผู้คนที่บอกให้คนข้างๆเตรียมตัวสำรวจของให้ครบ และเตรียมพร้อม !
    
     ช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ผมไม่ได้ปิดไปกับเพื่อนๆส่วนใหญ่ด้วย แต่ต้องไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างจังหวัดครับ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ครับ ผมหยุดเรียนพิเศษ 1 วัน เพื่อกลับมาเที่ยวที่้บ้านในจังหวัดพิจิตร (มาเช้ากลับเย็น) พอชื่นใจแล้วก้กลับไปเรียนที่พิษรุโลกต่อครับ  เอาล่ะ ผมจะเริ่มเล่าประสบการณ์อันน่าประทับใจในครั้งนี้แล้วนะครับ
   
      ทันทีที่รถไฟเทียบชานชาลา กลิ่นของน้ำมัน ควันจากปล่องรถไฟก็โชยมาเตะจมุกของผมเต็มๆ บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มวุ่นวายขวักไขว่ขึ้นมาทันตา  ใครขึ้นก่อนก็ได้นั่งก่อน ใครมาช้าก็ได้ยืน นั่นคือกฎของรถไฟฟรี(เพื่อประชาชน)ครับ ไม่นานนักผมกับเพื่อนก็ได้ที่นั่งแถมได้ข้างหน้าต่างซะด้วย ขอขอบคุณที่คนอื่นเดินช้านะครับ ^^ 
      ไม่นานนักผมก็ได้พบกับเหตุการณ์หนึ่งในโบกี้ของรถไฟเที่ยวขึ้น(ปลายทางจำไม่ได้)ซึ่งผมแปลกใจมาก ผมขอตัดสถานการณ์ โดยหยิบยกมนุษย์ 2 คน(ที่จริงหลายร้อยคน) เข้ามาอยู่ในบันทึกนี้ด้วยนะครับ 

       คนมาทีหลัง       :  ขอโทษค่ะ ตรงนี้มีใครนั่งรึเปล่า ?
       คนนั่งก่อนหน้า   :  อ๋อ...ไม่มีค่ะ นั่งได้เลย
 
       เอาล่ะครับจุดกำเนิดได้เริ่มต้นกันแล้ว หลังจากคนที่มาทีหลังเก็บกระเป๋าสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทิ้งเวลาไม่เกิน 5 นาที จะมีฝ่านหนึ่งที่รู้สึกว่าอดใจไม่ไหว อึดอัด จะเป็นฝ่ายยอมที่ตนเองจะเริ่มเปิดประเด็นสนทนา

       คนมาทีหลัง       :  ไปไหนค่ะเนี่ย ?
       คนนั่งก่อนหน้า   :  ไป........ เนี่ยค่ะ

       ผมมองเห็นว่า มันคือจุดเริ่มต้นจุดเล็กๆ ของมนุษย์ที่เป็นการเริ่มต้นของปฏิสัมพันธ์ที่ดี(ของชาวชนบท)  แล้วในช่วงเวลาต่อมา ประเภทและหัวข้อของบทสนทนาก็จะถูกยกออกมาอย่างเป็นธรรมชาติแบบไม่มีรอยต่อ และไม่มีการอั้น เหตุบ้านการเมือง ความเห็นส่วนตัวที่ตรงกันของทั้ง 2 ฝ่าย ชีวิตที่ผ่านมาของตนเอง(ครอบครัว ความรัก ความเชื่อ ศาสนา) หลายเรื่องหลายบท เบลอบลาๆ ที่แต่ละฝ่ายพยายามพูดมาตลอด เพื่อที่จะทำลายกำแพงแห่งความเงียบตลอดเส้นทางที่รถไฟวิ่ง และจนกว่าอีกฝ่ายจะถึงจุดหมายปลายทาง 
       เพื่อนๆ เห็นอะไรเหมือนผมรึเปล่าครับ ? ทั้งๆที่คนทั้ง 2 ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างไม่รู้ชื่อนามสกุลกัน  ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จุดหมายปลายทางของอีกฝ่าย
แต่กลับคุยกันได้อย่างถูกปากถูกคอราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานับร้อยปี เรียกได้ว่าตลอดเส้นทางนี้เสียงเจ๊าะแจะ จอแจ ...! ได้กลับเงาแห่งความเงียบ ไปเสียหมดแล้ว

.
.
.
.


       จากการบันทึกข้อความข้างต้น ทำให้ผมหวนไปถึงประสบการณ์อย่างหนึ่งที่เคบพบมา เพื่อนๆ ลองนึกภาพตามผมนะครับ
       ภายในรถไฟ(ฟ้า)ในเมืองหลวง ผมขอตัดสถานการณ์ โดยหยิบยกมนุษย์ หลายพันคน เข้ามาอยู่ในบันทึกนี้ด้วยนะครับ ต่างไม่รู้ชื่อนามสกุลกัน  ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จุดหมายปลายทางของอีกฝ่าย ต่างคนขึ้น ต่างคนนั่ง ต่างคนยืน ต่างคนเงียบ ต่างคนฟังเพลง บ้างก็หลับ บ้างก็คุยโทรศัพท์เพื่อฆ่าเงาแห่งความเงียบ ผมถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มิตรภาพไม่เกิดบนรถไฟขบวนนี้ (ถ้าเพื่อนๆรู้ก็สามารถโพสต์บอกได้นะครับ ^^) ตลอดเส้นทางจึงไม่ต่างอะไรไปกับป่าช้า ที่มีแต่ต้นไม้ยืนตายซาก

          ผมนำ 2 เหตุการณ์มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทุ่งนาเขียวขจีกับพื้นซีเมนต์ราบเรียบสีดำ , ภูเขาหญ้าหัวมนๆกับภูเขาคอนกรีตหัวเหลี่ยมๆ , นกน้อยกับนกเหล็ก ,ต้นไม้กับป้ายโฆษณา อาทิตย์ลับเหลี่ยมเขากับอาทิตย์ลับเหลี่ยมตึก , อากาศสดชื่นเต็มปอดกับควันไอเสียที่เต็มจมูก
เพื่อนๆชอบอะไรมากกว่ากันครับ(ส่วนผมก็แน่ๆอยู่แล้ว)

       ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงที่ผมได้นั่งบนรถไฟขบวนนี้มันมีความสุขมากๆ
ได้มองดูมิตรภาพระหว่างเพื่อนมนุษย์ที่หลายๆคนโหยหา ได้ทัศนาบรรยากาศตลอดเส้นทาง ทุ่งนาป่าเขาเขียวขจี พระอาทิตย์ที่ตกดิน
       บรรทัดสุดท้ายของการบันทึกครั้งนี้ผมคงจะได้บอกว่า "รถไฟฟรีนี้คุ้มค่าสุดๆครับ"

    

ความคิดเห็น

takoyahoya
takoyahoya 24 ต.ค. 53 / 23:48

จริงอย่างเธอว่านะ เอาง่ายๆเลย

บ้านเราจะมีรถที่เข้าตัวเมืองทั้งรถตู้และสองแถว

รถตู้จะมาจากกรุงเทพ ส่วนสองแถววิ่งในจังหวัด

เธอรู้ป่ะ เรานั่งมาแล้วสองอย่างคนละฟีลเลย

บนรถตู้ถามว่าน้ำใจมีมั้ย มีนะเราว่า มันไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

แต่ส่วนใหญ่ก็ต่างคนต่างนั่ง เงียบๆตามประสาคนเมือง

แต่ถ้านั่งสองแถว มีคนช่วยหิ้วของให้คนแก่ ยิ้มให้กัน คุยกัน ทั้งๆที่ไม่รู้จัก

มันแตกต่างกันมากจนเรารุ้สึกถึงความแตกต่างเลยล่ะ

ความคิดเห็นที่ 2
เราทุกคนต่างประสบปัญหาเดียวกันในวังวนซ้ำซาก
สังคมมนุษย์เมืองหลวงมีกำแพงกั้นขวาง
เสมือนคนเมืองอยู่ในโลกอย่างโดดเดี่ยว
ขืนอยู่เมืองหลวงนานกว่านี้ ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ
ก่อนที่อารยธรรมเมืองจะกร่อนกิน ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนไป
ก่อนที่... ก่อนที่... ฯลฯ
หรือฉันควรรีบออกไปจากที่นี่
ความคิดเห็นที่ 3
จริงอย่างที่พี่เฟริสทืว่า